(อืม)“สะดวกเจอกันไหมคะ เพ้นท์มีเรื่องคุยด้วย”(เรื่องอะไร)“ก็...”(เฮียเซ้นต์รอนานไหมคะ)(เอาไว้เดี๋ยวโทรกลับนะ)“อื้ม” ยังไม่ทันที่ฉันจะขานรับ เขาก็กดตัดสายไปก่อนแล้วคงกลัวว่าแฟนคนใหม่จะจับได้สินะกว่าจะรวบรวมความกล้ากดโทรหารู้ไหมว่ามันยากแค่ไหน ไม่น่าโทรหาเขาเลย โทรแล้วก็เจออะไรก็ไม่รู้ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขามีแฟนแล้ว ทำไมถึงได้ยังทำเรื่องน่ารังเกียจแบบนั้นนะจะมาเดินซ้ำรอยเรื่องของออยล์อีกเหรอ เดินเป็นวงกลมไม่ไปไหนอยู่อย่างนั้น ไม่สิ ไม่เอาอย่างนั้นฉันควรจะเลิกทำตัวแบบนั้นได้แล้ว เลิกทำได้แล้วจริง ๆ ฉันไม่ควรเข้าไปแทรกกลางรักของคนอื่นตัดสินใจได้แล้วจึงกดโทรหาป๊า(ครับลูกสาว)“ป๊าว่างไหมคะ”(ว่างสิ เกิดอะไรขึ้น ให้ป๊าไปหาไหม)(เพนท์เป็นอะไรคะ) เสียงแม่แทรกเข้ามาจากนั้นแม่ก็เป็นคนพูด (เป็นอะไร ใครรังแก)“ตื่นเต้นเกินไปแล้ว ลูกสาวคุณนายพัดชาใครจะกล้ารังแก”(อยู่ไหนเนี่ย มาหาแม่กับพ่อไหม หรือจะให้แม่ไปหา)“ไม่ได้เป็นอะไร ทำเสียงตกใจทำไมคะ”(แล้วเธอร้องไห้ทำไม)“อกหักอะ ลืมแฟนเก่าไม่ได้”(คนไหน หรือเธอใจอ่อนให้เด็กข้างบ้านอีกแล้ว)“ไม่ใช่ออยล์”(นี่เธอมีแฟนไม่บอกแม่เหรอ)“มีนานแล
ตุบ!“มึงตบโต๊ะทำไมอีเพ้นท์ ไม่เจ็บมือเหรอ” หว่าหวาตกใจการกระทำของฉัน“พวกมึงปล่อยให้กูไปกับคนอื่นได้ยังไง”“อีเพ้นท์คะ มึงบอกเองค่ะว่าเขาไม่ใช่คนอื่น”“กูบอกเหรอ ไม่เห็นจำได้เลย โกหกกูหรือเปล่า”“มึงคิดดูค่ะ คิดดูให้ดี พวกกูยื้อแล้วแต่มึงเสนอตัวอยากไปกับเขามาก ๆ พอพวกกูพูดเยอะเข้าหน่อยก็บอกว่าพวกกูขัดความสุขของมึงค่ะ”“ว่ากูชั่วด้วย อีคนดี กอดเขาร้องห่มร้องไห้”“...” เมื่อคืนนี้ฉันน่าจะเมามาก ถึงได้จำอะไรไม่ได้แล้วก็ไปโผล่ที่...บ้านพี่เซ้นต์และยังมีอะไรกับเขาด้วย รู้สึกตัวตื่นไม่เห็นเขาฉันก็เลยรีบวิ่งออกจากบ้าน เรียกแท็กซี่มาส่งที่คอนโด โชคดีที่อาธารณ์มีเคสผ่าตัดก็เลยยังไม่กลับ ไม่งั้นฉันคงจะโดนบ่นจนหูชากลับถึงห้องหาโทรศัพท์ที่ลืมไว้มากดโทรหาเพื่อน วันนี้ไม่มีเรียน เพื่อนสาวสองคนที่กล้าทิ้งฉันให้ไปกับพี่เซ้นต์ต้องเจอดีนัดกันที่ร้านส้มตำหน้าคอนโดฟินฟินตั้งใจวีนเพื่อนเต็มที่ แต่เมื่อมาถึงเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น เป็นฉันเองที่เสนอตัวไปพูดอะไรไปนักก็ไม่รู้ แล้วยังไปมีอะไรกับเขาอีกไอ้ความคิดถึงนี่มันอันตรายจริง ๆ พอขาดสติก็ควบคุมไม่ได้“ว่าแต่มึงตกลงกับเขายังไงวะ” ฟินฟินที่กำลังเอาข้
“มากับใครวะ” ผมมองไปที่แฟนเก่า เธอดูเมามาก“มาคนเดียว” ไอ้โจตอบ มันเป็นคนส่งรูปเพ้นท์มาให้ผม ตอนแรกก็ว่าจะไม่มา แต่เพื่อนมันก็พิมพ์ต่อท้ายรูปมาว่า ‘สนใจทำบุญกับเจ้าของเก่าไหม’“ทำไมเมาขนาดนั้น”“ดีใจที่เพื่อนมีแฟนก็เลยฉลอง”“แล้วมีใครโทรตามแฟนเขามารับหรือยัง”“ไม่พกโทรศัพท์มา ไม่มีใครรู้ด้วยว่าใครเป็นแฟน”“เพื่อนกันก็ไม่รู้อะนะ”“อืม”“เป็นเพื่อนกันจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเพื่อนเป็นแฟนกับใคร หรือมันเยอะจนเลือกพูดไม่ถูก”“งั้นมั้ง ชั่วโมงก่อนเพิ่งอวดไปว่าผู้ชายเยอะมาก”“...” ผมหันมองเพ้นท์ที่นั่งชนแก้วแล้วแก้วเล่าคนนั้นทีคนนี้ทีเธอปรายตามามองผม ส่งยิ้มหวานเยิ้มและเอ่ย “อ้าว มาด้วยเหรอคะ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”“...”“มาคนเดียวเหรอคะ หรือพกแฟนมาด้วย” เอนซ้ายเอนขวามองหาคนที่ยืนข้างผม“มาคนเดียว”“เหรอ เพ้นท์ก็มาคนเดียว” เธอกำลังจะสื่ออะไร“...” พูดจบก็หันไปชนแก้วกับคนอื่นอีก“อย่าถือสาคนเมาเลยค่ะ นั่งค่ะพี่เซ้นต์” ฟินฟินแฟนคนล่าสุดของไอ้เบย์ยิ้ม วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ เธอกับไอ้เบย์คุยกันมาสักระยะแล้ว เชิงหมาหยอกไก่ ไป ๆ มา ๆ ก็คบกันจริงจังหลังจากที่ไอ้เบย์อกหักและหักอกคนอื่นมาหลายคนผมมาที่นี่
“คนนี้แน่ ๆ ชนวนที่ทำให้เกิดเรื่องตอนไปค่าย” ประตูห้องปิดสนิทหนุ่มรูปหล่อก็หันหน้ามาจ้องฉันเหมือนจะกินกัน กินที่ไม่ใช่กินแบบแฟนอะ“รุ่นพี่ค่ะ”“สายตาที่ไอ้หนุ่มนั่นมันหลอกกันไม่ได้”“สายตาอะไรคะ”“รัก ห่วง หวง”“อาธาร์ณจะเก่งเกินไปแล้ว แบบนี้ต้องไปเป็นหมอดูแล้วค่ะ”“ใช่ไหม อาก็คิดว่างั้น แต่ติดที่ย่าเธอไม่ให้อาเป็นหมอดูน่ะสิ อาถึงต้องเรียนหมอเพื่อมารักษาคน”“เรารู้ใจกันแบบนี้เรื่องนี้อย่าให้คนที่บ้านรู้นะคะอาธารณ์”“คนที่บ้านให้อามาคุมเธอ ไม่ใช่ให้อามาสมรู้ร่วมคิด”“แต่เพ้นท์เป็นหลานสาวของอาธารณ์ไม่ใช่เหรอ เพ้นท์ก็ร่วมมือกับอาธารณ์เหมือนกันนะคะ เราเป็นอาหลานกันต้องช่วยเหลือกันไม่ใช่เหรอ”“สรุปอาไม่มีทางเลือกถูกไหม”“ก็ถ้าอาธารณ์ไม่ช่วยเพ้นท์ เพ้นท์ก็คงต้องไปสารภาพกับผู้หญิงที่กำลังตามตื๊ออาว่าเราสองคนเป็นอาหลานกัน ไม่ใช่แฟนกัน”“โธ่ หลานรักของอา หลานจะใจร้อนอะไรขนาดนั้น อาก็แค่หยอกหลานเฉย ๆ ไม่ได้จะไม่ช่วยสักหน่อย”“งั้นก็แปลว่าอาธารณ์จะไม่ให้เรื่องนี้ไปถึงหูผู้ใหญ่ใช่ไหมคะ”“ครับ”“น้ำเสียงไม่ค่อยยินดีเท่าไหร่เลยนะคะ”“หึ”เขาคนนี้ชื่อ ธารณ์ ค่ะ เป็นอาอีกคนของฉัน อาธารณ์อายุ 30 ปี เข
“มึงวอนแล้วไงอีเด็กบ้า” เสียงหว่าหวาเพื่อนของเพ้นท์ดังขึ้น ผมมองตามเห็นเพ้นท์กำลังเดินจ้ำอ้าว ในมือของเธอถือขวดเหล้า จากนั้นเธอก็กระชากผมผู้หญิงคนหนึ่งให้หันกลับมา ขวดเหล้าในมือขวาของเพ้นท์ยกขึ้นและฟาดลงที่หัวของผู้หญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว“ถ้ามึงยังอยากแก่ก็อย่าเสือกมามีเรื่องกับกู” เพ้นท์ผลักผู้หญิงคนนั้นลงกับพื้น ผมถึงได้เห็นว่าเธอคือเกลท่ามกลางเสียงแตกตื่นของแขกในร้าน หว่าหวารีบวิ่งเข้าไปหาเพื่อน“อีเหี้ยตายปะวะมึง”“...” เพ้นท์เงียบ จ้องหน้าเกลเหมือนยังไม่หายแค้นผมรีบเดินเข้ามาหาเธอ สายตาเครียดแค้นจึงส่งมาที่ผมแทนเธอจ้องผมไม่ถึงนาทีก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าผมแรง ๆ หนึ่งที ผมเห็นที่ใบหน้าเธอมีรอยมือ เพ้นท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นัยน์ตามีน้ำสีใสเอ่อ“จะเลี้ยงหมาทั้งทีก็ล่ามโซ่ให้ดีหน่อย ไม่ใช่ปล่อยออกมากัดคนอื่นไปทั่ว” ผมคว้ามือเธอไว้ “ทำไม อยากเอาคืนให้แฟนพี่เหรอ”“ตั้งสติ” ผมถอดเสื้อออกมาพันแผลที่ข้อมือของเพ้นท์ไว้ ดูแล้วน่าจะเกิดจากเศษแก้วที่แตกตอนที่ฟาดหัวเกล “ทำคนอื่นก็ทำไป แต่ทำให้ตัวเองเจ็บตัวได้ไง”“...”“ไปหาหมอ”“ไปเองได้ ไปดูแฟนพี่เถอะ” มืออีกข้างที่ยังมีแรงเหลือล้นเธอใช้ผ
“มึงยังอะไรกับพี่เซ้นต์อยู่ไหมเพ้นท์” ระหว่างที่แต่งหน้าหลังจากอาบน้ำเสร็จหว่าหวาก็ตั้งคำถาม เพื่อนรู้ว่าฉันกับพี่เซ้นต์เลิกกัน แต่ไม่รู้สาเหตุหลัก รู้แค่ว่าจบกันไม่ดี คนที่รู้ว่าเลิกกันเพราะอะไรก็มีเฟย์ ซึ่งเฟย์ไม่ใช่คนชอบพูด“อะไรคืออะไร”“ก็แบบติดใจอยู่ไหม สามารถเจอกันได้หรือเปล่า”“เรื่องมันจบไปแล้วมีอะไรต้องติดใจ อีกอย่างนะกูกับเขาใช่ว่าจะมีโอกาสได้เจอกัน”“มึง”“อือ”“คือกูกับพี่โจคุย ๆ กันอยู่”“...”“แบบมึงก็รู้ใช่ปะว่ากูไปมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ทดลองมาเยอะแล้ว แม่งไม่มีใครเท่าพี่โจอะมึง”“อะไรที่ไม่เท่า จู๋หรืออะไร”“อีฟินฟินกูหมายถึงลีลา มึงนี่นะ”“อีดอกลีลาเด็ดมีส่วน แต่กูว่าค..ใหญ่น่ะ 70% หรือมึงจะเถียงว่าไม่ใช่”“เออ กูยอมรับ กูชอบค..เขาค่ะเพื่อน”“คุยกันนานหรือยังอะ” ฉันเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้เพื่อนสองคนหยุดเถียงกัน“สองเดือน”“มึงจริงจังเหรอ”“เอามันส์ดี”“มันตรงคำถามเหรอวะ หรืออีเพ้นท์ถามไม่ตรงคำตอบของมึง”“กูก็ไม่รู้ว่าจริงจังไหม ก็แค่คบกันไปเรื่อย ๆ อะ”“จะบอกว่ายังอยากเอากับเขาต่อว่างั้น”“ค่า แบบนั้นเลยค่า” หว่าหวาส่งเสียงประชด“ก็แค่นี้ ยอมรับซะก็สิ้นเรื่อง”“ก็ให้กู
ฉันมาค่ายอาสาเพราะอยากหาอะไรทำแก้เบื่อ เมื่อถึงที่กลายเป็นว่าหนักกว่าเดิม ฉันไม่ควรมา แต่ก็กลับไม่ได้แล้วไง ก็เลยต้องอยู่ที่นี่ ซึ่งผ่านมาแล้วสองคืน(ลำบากหรือเปล่า ต้องการอะไรไหมป๊าให้คนเอาไปส่ง)“สบายมากค่ะป๊า ไม่ต้องห่วงนะคะ”(ย่าเป็นห่วงหนูมาก ไปไม่บอก)“ไม่น้อยใจนะคะ เดี๋ยวหนูกลับไปกอด”(เรื่องนี้ง้อกันเองเลยนะ ป๊าช่วยไม่ได้)“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวกลับไปจะง้ออย่างดีเลย แค่นี้ก่อนนะคะหนูไปช่วยเขาก่อน”(ดูแลตัวเองนะลูก ถ้าไม่ไหวบอกป๊า เดี๋ยวป๊าไปรับ หนูมีพ่อนะอย่าลืม ทุกเรื่องหนูสามารถพึ่งพาป๊าได้)“ค่า หนูทราบค่ะ ดูแลตัวเองเช่นกันนะคะคุณธันวา” เพราะอยากให้ลูกสาวอย่างฉันสนิทด้วย ป๊าก็เลยอนุญาตให้ฉันเรียกป๊าเหมือนที่เรียกแม่ จะบอกว่าอนุญาตก็ไม่ถูก เรียกว่าขอร้องให้ฉันเรียกมากกว่าปัง! เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกกระแทกกับผนังกำแพงอย่างดัง ฉันหันไปมองจึงเห็นเขาที่ฉันไม่อยากเจอเดินออกมาจากห้องน้ำ ตามมาด้วยผู้หญิงที่น่าจะเป็นแฟนใหม่ของเขาเพราะเห็นอยู่ใกล้กันบ่อย ซึ่งการเดินออกมาจากห้องน้ำห้องเดียวกันในเวลาเดียวกันก็เป็นคำตอบที่ตรงตัวเขาปรายตามองฉันเพียงนิดแล้วก็หันไปจับมือผู้หญิงคนนั้นที่ยิ้ม
“มึงนี่สร้างเรื่องเซอร์ไพรส์ได้เก่งมาก ไม่กี่วันก่อนเพิ่งโอนเงินมาให้พวกกูเอง ไม่คิดว่าวันนี้จะเลิกกับน้องเขาแล้ว”“ไหนว่าโค้ชลงสนามเองไม่มีทางแพ้”“มันแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มลงเลย”“คิดว่าหลอกเขาได้ ที่ไหนได้ที่ผ่านมาโดนเขาหลอกมาตลอด”“แบบนี้สองแสนที่มันโอนมาเราก็เอามาเลี้ยงเหล้าให้มันหายเศร้าแล้วกัน”“คงงั้น มันยอมรับแล้วนี่ว่ามันรักน้องเขา”“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่งั้นตอนนี้มันจะนั่งร้องไห้เหรอวะ”อย่างที่ผมเคยบอกเพื่อนที่ดีมักพูดให้เราถูกเสมอ แต่บางครั้งเพื่อนก็พร้อมซ้ำเติมเราบ่อย ๆ พวกมันกำลังซ้ำเติมที่ผมอกหัก ทั้งยังโดนต้มจนเปื่อยตั้งแต่เลิกกับเพ้นท์นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้ว ผมเพิ่งจะโผล่หัวมาเรียนเพราะเพื่อนโทรตาม วิชาวันนี้ขาดไม่ได้ไม่งั้นจะไม่จบภายในสามปีครึ่งตามที่ตั้งใจไว้ หลังจากที่เพื่อนผมเห็นสภาพผมก็พากันถามว่าเป็นอะไร จึงเป็นที่มาของการซ้ำเติมไอ้โจมันก็เลยลากผมมาดื่มที่บ้านมัน ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียว ทั้งยังต้องวางแผนเรื่องโพรเจกต์ไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด“พวกมึงเลิกพูดสักที กูอยากอยู่เงียบ ๆ”“ถ้ามึงรักเขาจะเลิกกับเขาทำไมวะ”“กูเผลอทำรุนแรงกับเพ้น
เสียงดังตุบ! เกิดขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องพี่เซ้นต์ผลักฉันชนกับผนังกำแพง ตลอดทางจนถึงห้องเหมือนว่าเขากดอารมณ์ไว้อย่างดี เมื่อเข้ามาในห้องก็เริ่มเลย“ทำแบบนี้ได้ยังไงวะ”“ขอโทษ”“ขอโทษ เหอะ ขอโทษเรื่องอะไร”“ใจเย็นหน่อยได้ไหมพี่เซ้นต์”“ใจเย็น เออ ใจเย็น นี่ใจเย็นที่สุดแล้วเพ้นท์ กู... พี่พยายามใจเย็นที่สุดแล้ว ถ้าเพ้นท์เจอแบบพี่จะใจเย็นได้เหรอ ถามจริง”“...” เขากำลังจะเป็นแบบวันนั้นอีกแล้ว และดูเหมือนจะรุนแรงกว่าวันนั้นเขาเดินไปมาอยู่หลายรอบ เหมือนว่าพยายามสะกดอารมณ์โกรธไม่ให้มันระเบิด “เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้ามีเรื่องอะไรให้บอก อย่าให้กูรู้จากปากคนอื่น แล้วทำไมเป็นแบบนี้วะ”“...”“นี่ถ้ากูไม่บังเอิญมาเจอ มึงคิดจะบอกกูเมื่อไหร่ว่าที่ผ่านมามึงอยู่ใกล้กันมาตลอด เรียนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน” เขาเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน มือยื่นมาจับปลายคางฉันให้เชยขึ้นสบตากับเขา “มึงเงยหน้าขึ้นมามองหน้ากูเพ้นท์ เงยหน้าขึ้นมา มองหน้ากู”“...” แววตาของพี่เซ้นต์น่ากลัว เขากำลังโมโห“ทุกครั้งที่มึงมองหน้ากูมึงเห็นเขาบนหัวกูไหมเพ้นท์ มึงเห็นไหมว่ากูโง่ ลับหลังกูมึงแอบทำอะไรบ้างวะ มึงกับมันจบกันจริงเหรอ”