"เออไอคีย์ทำไมมึงเงียบไปวะ" เฮียพร้อมพูดขึ้นแล้วหันไปทางเขา ทุกสายตากำลังจับจ้องเขาหมด เว้นแต่ฉันที่เบือนหน้าหนี ไม่อยากมองและไม่อยากสนทนาด้วย
"เปล่า…" เขาตอบเสียงนิ่ง ฉันสัมผัสได้ว่าเขากำลังมองมาทางฉัน แต่เรื่องของเขายังไงฉันไม่สนใจเขาอยู่ดี
"เห็นแต่ก่อนมึงกับพายสนิทกันจะตาย ทำไมไม่เห็นคุยกันเลย" พี่ไลอ้อนพูดขึ้นกับเขา
"แล้วพี่จะไปยุ่งเรื่องเขาทำไมเล่า มาๆ กินกันดีกว่าค่ะ" เกรซพูดเพื่อเปลี่ยนประเด็นเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของฉัน ทำดีมากเพื่อนรัก…ช่วยต่อชีวิตฉันได้เยอะเลย
"พาย…น้ำฟ้าไม่ดื่มเหรอ?" พี่ธาวินพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันยกดื่มแต่แก้วน้ำเปล่ามาชนแก้ว เช่นเดียวกับน้ำฟ้าที่ดื่มน้ำเปล่าตามกันโดยไม่แตะแอลกอฮอล์เลย
"ไม่ล่ะค่ะ พรุ่งนี้พายต้องไปทำงาน" พรุ่งนี้ฉันต้องเข้าบริษัท ขืนฉันดื่มไปนะ ไม่เป็นอันทำงานแน่นอน
"ฟ้าก็เหมือนกันค่ะ เดี๋ยวบอสจะดุเอา" น้ำฟ้าพูดแล้วหันไปทำตาขวางใส่เฮียพร้อม
"พายขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ" ว่าจบฉันก็รีบลุกจากที่นั่งอยู่ รู้สึกถึงความอึดอัดของสายตาที่กำลังมองอยู่ตลอดเวลา
ไม่รู้จะมองอะไรนักหนา!
"ครับ ตรงไปทางนั้นแล้วเลี้ยวขวานะครับ" พี่ธาวินชี้ทางให้ฉันเข้าไปในคฤหาสน์ใหญ่โตของเขา ฉันก็พยักหน้าเข้าใจแล้วรีบเดินหนีไปเลย
ฉันยืนทำใจหน้ากระจกนานสองนาน ไม่อยากเดินกลับเข้าไปในงานเลย ฉันไม่อยากอยู่มองหน้าเขา ความรู้สึกเดิมๆ กำลังไล่เข้ามาในหัวเป็นฉากๆ
ใช่…ฉันไม่มีวันลืมเขาเลย
ใช้เวลาหนีไปเรียนต่อเกือบห้าปี สุดท้ายความรู้สึกก็ยังเหมือนเดิม ไม่ได้ช่วยให้ใจฉันดีขึ้นเลยสักนิด
จนเวลาผ่านไปสักพักฉันจึงตัดสินใจจะตามน้ำฟ้าแล้วรีบกลับบ้านเลย อ้างอะไรก็ได้ที่พี่ธาวินยอมปล่อยให้ฉันกลับ จนคิดออกแล้วเท้าของฉันก็รีบก้าวออกจากห้องน้ำ
แต่แล้ว…
"ไม่คิดจะทักกันหน่อยเหรอ?" เสียงทุ้มดังขึ้นในขณะที่ยืนพิงผนังล้วงกระเป๋ากางเกงหันมามองฉัน
"พี่คีริน…" ฉันพึมพำเรียกชื่อเขาเบาๆ เม้มปากแน่นแล้วหันไปทางอื่นทันที
"สวัสดีค่ะ" อยากให้ทักฉันก็ทัก ทันทีที่พูดจบฉันก็รีบหมุนตัวจะเดินออกไป ทว่า…
พรึ่บ!
มือบางฉันกลับถูกรั้งไว้ จนฉันชะงักนิ่งปรายตามามอง
"พะพายทำไมถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้" เขาพูดขึ้นแล้วปล่อยแขนฉันให้เป็นอิสระ ในขณะที่ฉันกระตุกยิ้มมองเขาอย่างตลกในคำถามของเขา
"เปลี่ยนไปยังไงเหรอคะ?"
"ก็แต่ก่อนพายไม่ได้เป็นแบบนี้" หึ…เพราะแต่ก่อนฉันมันคนโง่น่ะสิ แต่ฉันจะไม่ยอมโง่ไปตลอดหรอก
"หยุดพูดเรื่องอดีตเถอะค่ะ พายไม่อยากฟัง" ฉันพูดจบแล้วเดินออกมาเลย ทิ้งให้คนอย่างเขายืนทวนคำถามของตัวเองที่กำลังใจข้องใจในตัวฉัน
ห้าปีที่แล้ว
ฉันกับพี่คีรินเราสนิทกันมาก เพราะพ่อกับแม่เราเป็นเพื่อนสนิทกัน แล้วตอนเด็กพี่คีรินก็ชอบตามพ่อกับแม่เขามาที่บ้านจนสนิทกับฉันและเฮียพร้อม พอหลังๆ มาเขามักจะมาหาฉันบ่อยๆ พาฉันไปนู้นไปนี่ตามใจฉันทุกอย่างมากกว่าที่เฮียพร้อมตามใจฉันอีก ฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ฉันมีให้เขามันมากกว่าพี่ชายไปตอนไหน
ตอนนั้นฉันอยู่ปีหนึ่ง ฉันตัดสินใจว่าจะบอกชอบเขา เพราะฉันทนเก็บความรู้สึกต่อไปไม่ไหว ฉันนัดเขามาเจอแล้วตัดสินใจพูดทุกอย่างที่ฉันคิดกับเขา แต่สุดท้ายยัยพะพายก็โดนปฏิเสธ เขาบอกว่าเห็นฉันเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรเกินเลย
แต่ความพยายามของพะพายก็ตื้อเขาไม่เลิก ฉันขอร้องอ้อนวอนขอให้เขาลองเปิดใจให้ฉันบ้าง ลองเปิดใจมองฉันมากกว่าน้องสาว ซึ่งคำตอบที่ได้มาคือเขาโอเคยอมฉัน บอกว่าจะลองดู ให้ความหวังจนฉันดีใจมีความสุขมาก
ตอนนั้นฉันยังแต่งตัวไม่เก่ง แต่งหน้าไม่เป็น เป็นเด็กกะโปโลปีหนึ่งใสๆ เราคบกันแบบไม่มีใครรู้แม้กระทั่งเฮียพร้อม ยกเว้นเพื่อนสนิทของฉันที่ฉันเล่าทุกอย่าง
เราคบกันได้หลายเดือนก็ถึงวันเกิดเขา ฉันตัดสินใจว่าจะไปเซอร์ไพรส์เขาที่ห้อง แต่ฉันกลับโดนเขาเซอร์ไพรส์กลับโดยการที่เห็นเขากำลังมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น
ฉันอึ้งจนของที่อยู่ในมือฉันร่วงไปอยู่ที่พื้น น้ำตาใสๆ เริ่มไหลจากดวงตา สะอึกสะอื้นตัวโยนหลังจากที่เห็นเขามีอะไรกับคนอื่นต่อหน้าต่อตา จนเขาหันมาเห็นฉันแล้วตกใจรีบคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วบอกให้ฉันไปรอนอกห้อง ตอนนั้นฉันคิดอย่างเดียวคือฉันต้องได้รับคำอธิบาย ฉันจึงอยู่รอจนเขาเปิดประตูออกมาพร้อมผู้หญิงคนนั้น
"พี่ไม่เคยรักพายมากกว่าน้องสาว พายกลับไปเถอะ" ฉันจำประโยคนี้ของเขาได้ดี ฉันคงผิดเองที่ตื้อให้เขาลองเปิดใจให้ ฉันไม่เคยคิดว่าเขาจะทำกับฉันได้ขนาดนี้
"คีย์เขาไม่ชอบเด็กจืดชืดแบบเธอหรอก" ผู้หญิงคนนั้นพูดตอกหน้าใส่ ฉันจำได้ดี ฉันกลับมาบ้านฉันตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศในทันที ความจริงป๊าให้ฉันไปตั้งแต่ฉันจะขึ้นมหาลัยปีหนึ่ง แต่ฉันก็ปฏิเสธป๊าทุกครั้งเพราะฉันอยากอยู่ใกล้ๆ เขา แต่เหตุการณ์นั้นทำให้ฉันเปลี่ยนใจบินไปเรียนต่อ โดยให้เหตุผลว่าฉันอยากเรียนต่อแบบเฉพาะทาง เลยไม่มีใครสงสัยในตัวฉัน ไม่มีใครรู้ว่าตอนนั้นหัวใจฉันมันพังแหลกเหลวมากแค่ไหน
ฉันเปลี่ยนเป็นคนละคนหลังจากที่ได้เปิดโลกที่ต่างประเทศ การแต่งตัวการแต่งหน้าของฉันดีมากเพราะเพื่อนที่นู้นพากันแนะนำ ฉันเปลี่ยนเป็นพะพายคนใหม่ ในเวอร์ชั่นที่พ่อแม่ฉันยังตกใจ
แต่แล้วยังไง…สุดท้ายฉันก็เปลี่ยนได้แค่ภายนอก สุดท้ายหัวใจฉันก็ไม่รักดี ไม่เคยลืมแม้แต่ใบหน้าของเขาเลย
"กูเห็นพี่คีรินเดินตามมึงไป มึงได้คุยกับเขาหรือเปล่า" เกรซกระซิบกับฉันเบาๆ หลังจากที่ฉันเดินมานั่ง ฉันพยักหน้าให้เพื่อนแล้วนั่งนิ่งโดยที่ไม่คุยกับใครอีก
"แล้วมึงโอเคไหม?" เกรซถามฉันต่อ ฉันก็ให้พยักหน้าให้มันต่อ
แล้วพี่คีรินก็เดินกลับมานั่งที่ของเขา มองหน้าฉันนิ่งๆ จนฉันอึดอัดไม่อยากนั่งรวมโต๊ะด้วย
"น้ำฟ้าเรากลับกันเถอะ" สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจลุกจากที่นั่ง น้ำฟ้าเงยหน้ามามองฉัน เมื่อเห็นสีหน้าฉันไม่โอเคเธอก็รีบลุกขึ้นทันที
"ดีเหมือนกัน ฟ้าง่วงแล้ว"
"พี่ๆ คะ พายกับน้ำฟ้ากลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้พายต้องเข้าบริษัทแต่เช้า สวัสดีค่ะ พวกมึงกูกลับละ" ฉันรวบทุกคำพูดระรัวโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้พูดแทรก ก่อนที่จะจับมือน้ำฟ้าแล้วเดินออกมาจากวงนั้นสับเท้าเดินไปขึ้นรถทันที
"พายโอเคไหม?" ฉันส่ายหน้า
ฉันตอบไปความจริง ยิ่งฉันคิดถึงอดีตที่แสนจะเจ็บปวด ยิ่งตอกย้ำให้ฉันต้องลืมเขาให้ได้
แต่ตอนนี้หัวใจฉันมันไม่ไหวเหลือเกิน ทำไมฉันยังทำใจลืมเรื่องบ้าๆ นั้นไม่ได้สักที
"มีอะไรบอกฟ้าได้นะ" น้ำฟ้าจับมือฉันแล้วยิ้มให้ ฉันก็ยิ้มกลับให้เพื่อนแล้วขับรถไปส่งเธอไปถึงบ้านด้วยการฝืนร่างกายตัวเองตลอดทาง จนใช้เวลาไม่นานก็พาตัวเองกลับมาคอนโดจนได้
ตอนเช้า
"วันนี้คุณพายไม่มีนัดสำคัญอะไรนะคะ" พี่นุ่นเข้ามารายงานตารางงานฉันเหมือนกับทุกวัน ฉันพยักหน้าเข้าใจแล้วเคลียร์เอกสารบนโต๊ะตัวเองทำงานตามปกติ
จนกระทั่ง…
ก็อก ๆ
"คุณพายคะมีผู้ถือหุ้นมาขอพบค่ะ" ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกพี่นุ่นก็รีบสาวเท้าเดินมาบอก จนฉันวางปากกาแล้วมองหน้าเลขาตัวเองด้วยความงงเล็กน้อย
"วันนี้ไม่มีนัดไม่ใช่เหรอคะ?"
"เขาเพิ่งแจ้งพี่มาเมื่อกี้เองค่ะ"
"ให้เข้ามาเลยค่ะ" ด้วยความไม่ได้คิดอะไรฉันก็จัดการเก็บเอกสาร พร้อมกับรอผู้ถือหุ้นที่ขอพบฉันแบบเร่งด่วน
ครืดดดด ~
ประตูถูกออกพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่สวมใส่สูทสีดำเดินเข้ามาในห้องฉัน ตามด้วยเลขาฉันที่เดินตาม ฉันนิ่งไปกับคนที่เห็น เขาคือพี่คีรินอดีตที่ไม่ดีของฉันที่กำลังยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองฉันนิ่ง
"ผมขอคุยธุระกับเจ้านายของคุณ" ในขณะที่ฉันนิ่ง เขาก็หันไปบอกกับพี่นุ่น จนเลขาสาวฉันรีบก้มหัวรับแล้วเดินออกไปทันที
"มีธุระอะไรคะ?" ฉันรีบดึงสติให้กลับมาปกติ ก่อนที่จะเปิดประเด็นถามโดยไม่มีการทักทายและเชิญให้นั่งใดๆ
"พี่แค่แวะมาหาพาย" พี่คีรินลงมานั่งเก้าอี้ตรงข้าม จดจ้องใบหน้าฉันนิ่งไม่ต่างกัน
"ขอบคุณที่มาหาค่ะ แต่ถ้าไม่มีธุระอะไรขอเชิญให้ออกจากห้องนะคะ ฉันต้องทำงาน" ฉันพูดแล้วผายมือไปยังประตูห้องเพื่อกดดันให้เขาออกไป จากนั้นฉันก็ก้มหน้าดูเอกสารตรงหน้าต่อ โดยที่ไม่ได้สนใจเขาอีกเลย
"พะพาย..." พี่คีรินยังนั่งอยู่ที่เดิม เอ่ยเรียกจนฉันเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
"เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ไม่มีเวลามาคุยไร้สาระ" ฉันกดเสียงต่ำไล่เขาอีกรอบ ใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มทำเอาอีกคนถอนหายใจ
"เลิกคุยกับมัน" เขาเอ่ยสั้นๆ มองหน้าฉัน
"หมายถึงอะไร?"
"คนที่กำลังคุย เลิกติดต่อมัน" พี่คีรินพูดจบแค่นั้นก็เดินออกไป ทิ้งให้ฉันนั่งงงมองตามแผ่นหลังกว้าง แต่ฉันก็ไม่คิดจะถามอะไร เขาจะพูดอะไรก็ช่าง ฉันไม่อยากสนใจ
เจ็ดปีผ่านไปเวลาผ่านไปประมาณเจ็ดปีแล้วลูกคนเล็กของฉันเป็นลูกสาวค่ะ สมใจคุณพ่อเขาแล้วมีทั้งผู้หญิงแล้วก็ผู้ชาย ฉันเลยปิดอู่เลยค่ะ มีแค่สามคนก็พอแล้ว ตอนนี้เจ้าแฝดก็สิบขวบแล้ว ส่วนลูกสาวฉันก็เกือบจะหกขวบแล้วค่ะ"หม่ามี๊ขา หนูอยากไปดูเฮียฝึกค่ะ" พรีมลูกสาวคนสุดท้องวัยหกขวบหน้าตาจิ้มลิ้มถอดแบบฉันเดินมาหาแล้วพูดขึ้น ตอนนี้บรรดาเฮียเขากำลังฝึกพร้อมกับลูกของพี่ไลอ้อน กับพี่วินอยู่หลังบ้าน พากันยกโขยงไปหมดทำเอาลูกสาวฉันนั่งหงอยอยู่คนเดียวเลย"ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวเฮียก็เสร็จกันแล้ว" ฉันเอ่ยบอกลูกสาวเพราะไม่อยากให้เขายุ่งกับเรื่องของผู้ชาย ยังไงเฮียๆ เขาก็ดูแลน้องได้อยู่แล้ว"ก็ได้ค่ะ" พรีมลุกมานั่งข้างฉันพร้อมกับหยิบของเล่นมานั่งเล่นด้วย จนเวลาผ่านไปไม่นานเด็กหนุ่มสี่ห้าคนก็เดินเสียงดังเข้ามาในบ้านพร้อมกัน"เสร็จกันแล้วเหรอเด็กๆ หิวไหมแม่ทำกับข้าวรอไว้แล้ว" ฉันถามบรรดาลูกและหลานเมื่อเดินมานั่งสมทบฉันกับพรีมที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว"รอทานพร้อมป๊าก็ได้ครับ" มีเหตุผลเช่นนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคีรัน ตอนเด็กน้อยเป็นผู้ใหญ่ยังไงตอนโตก็ไม่ต่างกันเลย สุขุม และเป็นเด็กน่าเชื่อถือมาตลอด"เฮียริวขา พรีมอยากนั
@ทะเล~"หม่ามี๊ค้าบ ริวอยากไปเล่นน้ำ" คีริวพูดขึ้นทันทีที่เดินลงมาจากรถ พวกเราเลือกที่จะพักเป็นบ้านตากอากาศของพี่คีรินที่อยู่ติดกับทะเลสองหลังติดกัน แยกระหว่างผู้ใหญ่กับพวกเพื่อนๆ ฉันและเพื่อนพี่คีรินพอดีเลย"ค่อยเล่นก็ได้ครับ ตอนนี้อากาศร้อนมากเลย เย็นๆ ค่อยเล่นเนอะ" ฉันเอ่ยกับคีริวเพราะตอนนี้พึ่งจะบ่ายโมงเอง ลูกชายฉันตื่นเต้นยังกะไม่เคยมาทะเลจริงๆ"ป๊าครับรันครับ ริวอยากเล่นน้ำ" ในเมื่อขอฉันไม่สำเร็จเลยหันไปขอคนที่ชอบตามใจเขาอีกสองคน จนฉันหันไปมองคนที่ต้องให้คำตอบด้วยสายตาเรียบนิ่ง พี่คีรินและคีรันก็รีบพูดทันที"ริวมันร้อนค่อยไปเล่นตอนเย็นก็ได้" คีริวที่ทำหน้ามุ่ยเพราะโดนขัดใจ"ป๊าก็เห็นด้วย ไว้ตอนเย็นค่อยไปเล่นนะ" และยิ่งแล้วใหญ่เมื่อพี่คีรินตอบสมทบไปอีกคน"ก็ได้ครับ" จึงต้องยอมขึ้นห้องไปโดยดีเพราะเถียงยังไงก็ไม่ชนะ สามเสียงขาดลอยขนาดนี้เด็กเอาแต่ใจก็คอตกต้องเข้าไปในบ้านแต่โดยดีเราสี่คนมายังห้องนอนใหญ่ของบ้าน นอนสี่คนพร้อมกันหมดเลย นานๆ ทีที่จะนอนด้วยกัน คุณพ่อเขาเลยจัดการให้นอนด้วยกันทั้งหมด"พายนอนพักก่อนก็ได้พี่ดูลูกเอง""ไหวเหรอคะ?""สบายมากครับ" ดีเหมือนกันเพราะตอนนี้มาเจอกับ
ตอนนี้ฉันคลอดลูกแฝดแล้ว อายุได้สามขวบเป็นผู้ชายทั้งคู่ ฉันเลี้ยงลูกโดยที่มีพี่เลี้ยงช่วยอีกหนึ่งคนเพราะถ้าให้ฉันเลี้ยงเด็กผู้ชายเองทั้งสองคน มีหวังฉันได้หัวฟูไม่ต้องทำอะไรแน่ๆ"หม่ามี๊ค้าบ" เสียงลูกชายคนเล็กของฉันดังลั่นขึ้นโดยที่ยังไม่เห็นเจ้าตัว พี่นธีพึ่งไปรับกลับมาจากโรงเรียน มาถึงก็วิ่งเข้ามาหาฉันเลย นิสัยขี้อ้อนเหมือนกับป๊าของเขานั้นแหละ วิ่งหน้าตื่นมาแบบนี้ต้องมาขออะไรฉันแน่ๆ"ว่าไงครับ?" ฉันย่อตัวเสมอกับลูกชายแล้วถามต่อ แล้วตามด้วยลูกชายคนโตคลอดก่อนคนแรกไม่ถึงห้านาทีที่เดินตามน้องมาอย่างใจเย็นตอนนี้ฉันทำกับข้าวในครัวพร้อมกับแม่บ้านรอคุณสามีกลับมาจากทำงาน ฉันทำเก่งขึ้นเยอะเลยแหละเพราะได้สูตรจากป้าแพรมาเยอะ"ริวอยากไปทะเลค้าบ หม่ามี๊พาริวไปทะเลหน่อยนะค้าบ" นั้นไงผิดอย่างที่ฉันบอกที่ไหน คนเล็กชื่อคีริวนิสัยได้ปาป๊าเขามาหมด ลูกชายคนนี้ถ้าอยากได้อะไรขึ้นมาก็เสียงอ่อนเสียงหวาน"ได้สิครับ แล้วพี่รันล่ะอยากไปไหม?" ในขณะที่ลูกชายคนโตของฉันอีกคนที่ยืนกอดอกมองเราสองคนนิ่งๆ ชื่อคีรันนิสัยต่างกับคนเล็กสุดขั้ว นิ่งๆ ไม่ค่อยพูดมาก และมีเหตุผลมากกว่าเด็กคนอื่นทั่วไป"ผมแล้วแต่น้องครับ" คีรัน
สามเดือนผ่านไปฉันท้องเข้าสัปดาห์ที่ยี่สิบแล้ว อาการแพ้ท้องหายไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เล่นเอาฉันเพลียไปนานเลยแหละ ขนาดยังไม่ออกมายังรู้เลยว่าคงจะแสบขนาดไหน ถ้าคลอดออกมาคงแสบน่าดูเลยเจ้าก้อน พรุ่งนี้ถึงเวลาอัลตราซาวด์รู้เพศลูกแล้ว คนที่เป็นว่าที่คุณพ่อมือใหม่ตื่นเต้นจนรีบกลับบ้านเร็วกว่าปกติเลย"ทำไมกลับเร็วจังคะ?" ฉันถอดเสื้อสูทของพี่คีรินนำมาถือไว้ หลังจากที่เขาลงมานั่งที่โซฟาห้องรับแขกข้างๆ ฉัน ตามด้วยแม่บ้านที่เอาน้ำมาเสิร์ฟให้คนที่พึ่งกลับจากการทำงาน"พี่ตื่นเต้นจังพาย" พี่คีรินจับมือฉันแน่น ถึงแม้ฉันจะท้องผ่านไปแล้วราวๆ ห้าเดือน แต่คุณพ่อก็ยังคงตื่นเต้นไม่เคยเปลี่ยน ไปโรงพยาบาลกับฉันทุกครั้ง ตั้งใจฟังผลตรวจจำแม่นมากกว่าฉันที่เป็นคนท้องเสียเองอีก"ที่รีบกลับเพราะตื่นเต้นเหรอคะ?" ฉันเอียงคอถาม"วันนี้ไม่มีงานด่วนอะไรพี่เลยรีบกลับไงครับ""งัั้นไปอาบน้ำนะคะ จะได้หายเหนื่อย" ฉันถือสูธของพี่คีริน พลางขึ้นไปยังห้องนอนพร้อมกันโดยที่มีร่างสูงเดินประกบไม่ห่างอาบน้ำอะไรเสร็จก็พากันเข้านอนเพื่อไปโรงพยาบาลในพรุ่งนี้เช้าตัดภาพมาที่อีกวันคุณพ่อคุณแม่มือใหม่อย่างเราก็มานั่งอยู่ตรงหน้าหมอฮาน่าแล้
"ป๊าหม่าม้าสวัสดีครับ/ค่ะ" ฉันและพี่คีรินเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ของป๊าและหม่าม้าพี่คีรินพร้อมกัน หย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาโดยที่มีผู้ใหญ่สองคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว"ไงลูกชาย ได้แผลกลับมาด้วยนี่" ลุงคิณเอ่ยถาม"นิดหน่อยป๊า ช่วงนี้คาสิโนกำลังรุ่ง คู่แข่งเยอะนิดหน่อย""เฮ้อ…ม้าว่าเพลาๆ ความเสี่ยงบ้างก็ได้นะคีริน แฟนก็มีแล้ว บ้านก็ไม่ได้จนอยากจะรวยล้นฟ้าไปถึงไหน?" ป้าแพรบ่นต่อ ซึ่งฉันเห็นด้วยมากๆ งานคาสิโนของเขาถึงจะถูกกฏหมายของต่างประเทศ แต่มันเสี่ยงมากๆ เลย"คุณอย่าไปห้าม ปกติของคนที่อยู่ในช่วงกำลังสร้างตัวสร้างฐานะ ถ้ามีลูกก็ยิ่งทำงานหาความมั่นคงหนักกว่านี้อีก" ลุงคิณรีบพูดขัดความคิดตรงข้ามกัน ตอนนี้คงไม่ใช่แค่ถ้ามีลูกแล้ว…มีแล้วต่างหากละ ว่าที่คุณพ่อถึงได้ขยันขันแข็งขนาดนี้"หม่าม้าเลิกบ่นก่อน วันนี้ผมตั้งใจจะมาบอกข่าวดีครับ" พี่คีรินเปิดประเด็นคำพูดกับป้าแพรและลุงคิณ ส่วนฉันได้แต่จับมือพี่คีรินแน่น ลุ้นไปกับเขาที่กำลังจะเอ่ยบอกถึงหลานคนแรกของตระกูล"ว่าไงคีรินหม่าม้ารอฟังอยู่" ป้าแพรพูดขึ้นต่อแล้ว รอลุ้นกับคำพูดของพี่คีรินที่มีชั้นเชิงไม่ยอมพูดออกมาเสียที"พะพายท้องแล้ว หม่าม้ากับป๊าจะมีหลา
"ป๊าหม่าม้าสวัสดีครับ/ค่ะ" ฉันและพี่คีรินเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ของป๊าและหม่าม้าพี่คีรินพร้อมกัน หย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาโดยที่มีผู้ใหญ่สองคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว"ไงลูกชาย ได้แผลกลับมาด้วยนี่" ลุงคิณเอ่ยถาม"นิดหน่อยป๊า ช่วงนี้คาสิโนกำลังรุ่ง คู่แข่งเยอะนิดหน่อย""เฮ้อ…ม้าว่าเพลาๆ ความเสี่ยงบ้างก็ได้นะคีริน แฟนก็มีแล้ว บ้านก็ไม่ได้จนอยากจะรวยล้นฟ้าไปถึงไหน?" ป้าแพรบ่นต่อ ซึ่งฉันเห็นด้วยมากๆ งานคาสิโนของเขาถึงจะถูกกฏหมายของต่างประเทศ แต่มันเสี่ยงมากๆ เลย"คุณอย่าไปห้าม ปกติของคนที่อยู่ในช่วงกำลังสร้างตัวสร้างฐานะ ถ้ามีลูกก็ยิ่งทำงานหาความมั่นคงหนักกว่านี้อีก" ลุงคิณรีบพูดขัดความคิดตรงข้ามกัน ตอนนี้คงไม่ใช่แค่ถ้ามีลูกแล้ว…มีแล้วต่างหากละ ว่าที่คุณพ่อถึงได้ขยันขันแข็งขนาดนี้"หม่าม้าเลิกบ่นก่อน วันนี้ผมตั้งใจจะมาบอกข่าวดีครับ" พี่คีรินเปิดประเด็นคำพูดกับป้าแพรและลุงคิณ ส่วนฉันได้แต่จับมือพี่คีรินแน่น ลุ้นไปกับเขาที่กำลังจะเอ่ยบอกถึงหลานคนแรกของตระกูล"ว่าไงคีรินหม่าม้ารอฟังอยู่" ป้าแพรพูดขึ้นต่อแล้ว รอลุ้นกับคำพูดของพี่คีรินที่มีชั้นเชิงไม่ยอมพูดออกมาเสียที"พะพายท้องแล้ว หม่าม้ากับป๊าจะมีหลา