Share

5 สะสางเรื่องราว

last update Last Updated: 2025-03-26 14:20:34

5

สะสางเรื่องราว

         ‘ทำอะไรอยู่ยัยหนู ทำไมไม่รับโทรศัพท์’

         “ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยแหละแม่ ไม่ได้ดูโทรศัพท์เลย”

         ปวิชญาตอบกลับผู้เป็นแม่ ขณะที่มือก็ถอดเครื่องประดับออก เตรียมตัวอาบน้ำนอน หลังจากเจอแต่เรื่องน่าเหนื่อยใจมาทั้งวัน

         หวังว่าการที่เธอพูดออกไปชัดเจนแบบนั้น ธเนศจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับเธออีก

         เธอว่าเธอแสดงจุดยืนของตัวเองไว้ชัดเจนมากแล้ว หากเขายังดื้อด้านไม่เข้าใจอีก ก็ไม่รู้จะต้องทำยังไงเหมือนกัน หรือเธอควรบอกเขาไปเลยดีว่าเธอรักเขา หากเขายังมาหาเธออีก เธอจะจีบเขา ตามตื้อเขาออกสื่อ ระรานคู่ควงทุกคนของเขาให้หมด ทำให้เขาปวดหัวไปเลย

         เพราะเขาคงไม่ชอบผู้หญิงท็อกซิกแบบนั้นหรอก

         ‘ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แต่แม่น่ะสิ ท่าทางจะไปไม่รอดแล้ว โดนไล่ที่ บังคับให้ขนของออกไปให้หมด ไม่ยอมให้เปิดร้านต่อ พอบากหน้าจะไปขอเช่าพื้นที่จากร้านพวกน้าเอ็งนะ ไอ้พวกนั้นก็ดั๊นอ้างโน่นอ้างนี่สารพัด หาว่ามีคนเช่าไปแล้วบ้างละ หาว่าเก็บไว้ให้ญาติที่จะมาหาเดือนหน้าบ้างล่ะ’

         “อ้าว ทำไมแม่ไม่เคยเล่าให้ตองฟังเลยล่ะ เผื่อจะช่วยๆ กันได้”

         ‘มันวุ่นวายอีรุงตุงนังไปหมดนี่สิ แม่เอ็งก็เพิ่งจะมีเวลามาพักหายใจเนี่ยแหละ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ แม่จัดการด่าพวกญาติเอ็งจนเตลิดเปิดเปิงไปหมดแล้ว หึ... ทีต้องการความช่วยเหลือจากเรา เราก็ช่วยเต็มที่เท่าที่จะช่วยได้ แต่พอเราต้องการความช่วยเหลือบ้าง กลับปฏิเสธทันทีแบบไม่หยุดคิดเลยสักนิด’

         “จัดการได้ ก็ดีแล้วค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้กับความสู้คนของแม่ตน

         ‘แต่เรื่องร้านนี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเลย พอเปิดร้านไม่ได้ก็ขาดรายได้ ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาหมุน มาใช้หนี้’

         ร้านที่แม่ของเธอพูดถึงเป็นร้านทำเล็บแบบบ้านๆ เน้นตัดเล็บขบหรือดูแลเล็บให้กับเหล่าลูกค้าคนเฒ่าคนแก่บริเวณชุมชน และทำสีนิดๆ หน่อยๆ ไม่ใช่การทำสีเล็บเจลแบบสมัยนี้

         แต่ด้วยความที่เป็นร้านแบบบ้านๆ นี่แหละ จึงเป็นศูนย์รวมให้เหล่าคนว่างงานได้ใช้เป็นสถานที่พบปะพูดคุย (นินทา) เรื่องชาวบ้านกัน

         “เอาอย่างงี้ เดี๋ยวตองลางาน แล้วไปหาแม่ดีกว่า จะได้ช่วยกันคิดหาหนทาง”

         ไหนๆ พรุ่งนี้ก็เป็นวันศุกร์แล้ว หญิงสาวเลยเสนอออกไป

         ‘เอาสิ แม่ไม่ได้เจอตองมาตั้งนานแล้ว จะมาวันไหนล่ะ เดี๋ยวแม่ทำของโปรดไว้ให้’

         “พรุ่งนี้ค่ะ”

         อากาศของที่นี่ให้ความรู้สึกต่างจากกรุงเทพลิบลับ

         เพราะไม่มีฝุ่น PM2.5 และเพราะอยู่ใกล้ทะเล ทำให้อากาศค่อนข้างจะสดชื่นกว่าที่คิด

         หากเป็นไปได้ ปวิชญาก็อยากกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดเหมือนกัน แต่งานที่ทำได้คงมีแต่ค้าขายเท่านั้น ซึ่งมันไม่มั่นคงเอาซะเลย

         ขนาดอาชีพที่ใช้ฝีมือและประสบการณ์อย่างของแม่เธอ ก็ยังมาถูกเจ้าของตึกแถวไล่ที่เอาซะได้

         ก่อนจะเดินเข้าบ้าน ต้องผ่านที่ที่เคยเป็นร้านทำเล็บของแม่มาก่อน เธอก็เลยแวะเข้าไปดูสักหน่อย

         ภาพของคนงานที่กำลังขนย้ายของไปมา พร้อมกับยืนชี้นิ้วกำกับของคนที่ท่าทางจะเป็นผู้เช่ารายใหม่ ทำให้หญิงสาวหยุดมองสถานการณ์อยู่สักพัก

         ดูจากทรงแล้ว ท่าทางจะเปิดเป็นร้านกาแฟ

         ไม่รู้ว่าเธอมีหัวการค้าน้อยไปหรือยังไง ถึงได้คิดว่ากิจการของอีกฝ่ายไม่น่าจะไปรอด

         ตึกแถวที่แม่ของเธอเคยเช่าชั้นล่างสุดไว้เป็นร้านทำเล็บนั้น อยู่ในหลืบของหลืบสุดๆ ที่จอดรถก็ไม่มี รถผ่านเข้ามาในซอยยังแทบไม่ได้ แถมยังไม่ได้อยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวหรือชายทะเลเลยสักนิด

         ผู้ที่ผ่านไปมา ก็เป็นเพียงคนที่อาศัยอยู่พื้นที่ใกล้เคียง ในชุมชนแออัดแห่งนี้

         เครื่องทำกาแฟสดแพงๆ แบบนี้ จากป้ายที่เห็น ราคาขายก็เริ่มซะสูง ไม่รู้จะเอาไว้ขายใครกันแน่

         “พี่จะเปิดร้านกาแฟเหรอคะ” ปวิชญาเดินเข้าไปถาม

         “ใช่แล้ว ว่าแต่น้องเป็นอะไรกับเจ้าของร้านทำเล็บ ทำไมหน้าตาคล้ายๆ กันเลยล่ะ” หญิงสาวคนนั้นหรี่ตา

         “เป็นลูกสาวค่ะ”

         “คงไม่โกรธกันนะที่พี่มาเช่าต่อน่ะ พี่ก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าแม่ของน้องก็อยากจะต่อสัญญา แต่ทำไงได้ เจ้าของตึกเขาไม่ได้บอกพี่เรื่องนี้ แถมพี่ก็เซ็นสัญญาไว้ตั้งนานแล้ว”

         ปวิชญาก็คงจะเชื่ออยู่หรอก หากไม่เห็นภาษากายที่สื่อออกมาของอีกฝ่าย ทั้งท่าทางจีบปากจีบคอพูด และแววตาล่อกแล่กเหมือนคนโกหก ไม่ได้มีความจริงใจเลยสักนิด

         “เหรอคะ งั้นก็ขอให้ร้านพี่ เจริญเจริญ ก็แล้วกันนะคะ”

         หญิงสาวเน้นย้ำคำเหมือนกับแช่ง ก่อนจะเดินจากไป โดยไม่คิดจะหันกลับไปมองอีก

         “ตอง เปตองใช่เปล่าาา”

         หญิงสาวที่กำลังเดินตลาดสดอยู่หันไปมองคนที่ตะโกนเรียกตน

         “กลับมาทำไมไม่เห็นแชทมาบอกกันบ้างเลย โอ๊ยยย ดูสิ ไม่ได้เจอเธอตั้งนาน ตัวผอมลงเปล่าเนี่ย กินข้าวให้มันเยอะๆ หน่อย ตัวจะเหลือแต่กระดูกอยู่แล้ว เอ๊ะ หรือว่ากินแล้วแต่มันไปเพิ่มแต่ตรงหน้าอก ฉันคิดไปเองหรือเปล่าว่ามันใหญ่ขึ้น อายุขนาดนี้แล้ว หน้าอกยังโตขึ้นได้อยู่เหรอ”

         ปวิชญามองเพื่อนสมัยมัธยมที่พล่ามน้ำไหลไฟดับอย่างขำๆ

         ยัยเอยก็ยังคงเหมือนเดิม เสียงดังโหวกเหวกโวยวาย คุยเก่ง หยิบทุกเรื่องมาคุยได้หมดตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ท่าทางก็โผงผางก๋ากั่นสุดๆ แต่ก็เป็นคนที่จริงใจและรักเพื่อนมาก

         “กลับมาเพราะเรื่องป้าชมใช่มั้ย” เอยยังคงพูดต่อ “ฉันก็เพิ่งรู้ข่าวเหมือนกัน นี่ก็ว่าจะแวะไปหาคุณป้าอยู่”

         “มันกะทันหันน่ะ ฉันออกมาตอนเช้ามืด เพิ่งมาถึงเมื่อตอนสาย ยังไม่มีเวลาว่างได้บอกใครเลย นี่แวะมาซื้อของนิดหน่อย เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้ว จะไปหาแม่ด้วยกันมั้ยล่ะ”

         “เอาสิ ต้องซื้ออะไรอีกบ้างล่ะ โอ๊ยยย ไม่ใช่สิ ต้องรีบบอกยัยแนนด้วย เย็นนี้เราไปนั่งริมทะเลกันดีมั้ย ต้องดื่มกันสักหน่อย แล้วก็นะ...”

         จากนั้นปวิชญาก็ปล่อยให้เพื่อนสาวได้ระบายสิ่งที่เธออยากพูดออกมา ขณะที่เดินเลือกซื้อของไปด้วย

         “นั่น ญาติของเธอนี่”

         เสียงทักของเอย ทำให้หญิงสาวมองตาม ก่อนจะพบว่าน้าของเธอกำลังเลือกซื้อผักสดอยู่ที่แผงข้างๆ

         “อืม ปล่อยเขาไปเถอะ”

         หญิงสาวไม่คิดที่จะเข้าไปทักทาย แต่อีกฝั่งก็ดูเหมือนจะเห็นเธอแล้วเหมือนกัน เพราะรีบวางผักในมือ และเดินเข้ามาหาทันที

         “เปตอง กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะลูก ปกติถ้าไม่ใช่วันหยุดยาวก็ไม่เห็นกลับมาเลยนี่นา หรือว่าจะตกงาน?”

         เปิดปากพูดปุ๊ป ก็เริ่มด้วยคำที่ไม่เป็นศิริมงคลเอาเสียเลย

         “อ้าววว ทำไมแช่งหลานอย่างนั้นเล่า” เอยแทบจะถกแขนเสื้อขึ้นวางมวยแล้ว คนที่กำลังอารมณ์ขึ้นอย่างปวิชญาเลยหลุดขำออกมาแทน

         “ต๊ายยย ไม่ได้แช่ง น้าก็แค่กังวลว่าหนูเปตองจะไม่มีงานทำ เหมือนกับแม่ของหนูก็เท่านั้นเอง” หญิงวัยห้าสิบ ไว้ผมยาวประบ่า มีผมขาวแซม หน้าตาดูแก่กว่าวัย หันมามองปวิชญา ส่งสายตาปริบๆ ให้เหมือนคนใสซื่อ

         “น้าใช้คำผิดไปหรือเปล่าคะ แม่ตองมีงานมีการทำค่ะ แต่ต้องหยุดงานเพราะรอบตัวมีแต่คนหน้าไหว้หลังหลอก ไม่มีใครจริงใจ ยอมให้ความช่วยเหลือสักคน” ปวิชญายกมือห้ามเพื่อน ก่อนจะเป็นคนพูดออกไปเอง

         “เรื่องนี้ก็เหมือนกัน น้าไม่รู้ว่าแม่หนูเข้าใจผิดไปถึงไหนต่อไหน หรือใส่ความน้าว่ายังไงบ้าง น้าก็พยายามหาทางช่วยแม่ของหนูอยู่ แต่มันจนใจจริงๆ ห้องเช่าของน้าก็มีอยู่แค่นี้ คนเช่าก็เช่ากันเต็มหมดแล้ว เฮ้อ...”

         คนเป็นน้าทำท่าทางเห็นอกเห็นใจเสียเต็มประดา แต่ไม่มีความจริงใจอยู่ในดวงตาตี่ๆ นั่นเลยสักนิด

         ไม่รู้เป็นเวรเป็นกรรมอะไรของปวิชญากัน ที่วันนี้เจอคนตอแหลถึงสองคน

         ขนาดคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอย่างเอย ฟังแล้วยังขมวดคิ้ว รู้สึกรำคาญหูรำคาญตาแปลกๆ จนต้องหันมามองเพื่อนตนเป็นเชิงว่า ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกนะ เธอพร้อมสู้รบตบมือเต็มที่

         “ใครทำอะไรไว้ ก็รู้อยู่แก่ใจดีนั่นแหละค่ะ ถ้าทำตามที่บอกก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ตรงตามที่พูด ก็ขอให้ตกนรกหมกไหม้ เวรกรรมตามสนองแบบติดจรวดก็แล้วกัน”

         พูดจบ สาวผมสั้นประบ่าก็สะบัดหน้าเดินควงเพื่อนสาวหนีจากไปทันที ทิ้งเสียงร้องแสบแก้วหูไว้เบื้องหลัง

         “เปตอง! กลับมาขอโทษน้าเดี๋ยวนี้นะ!!!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • FWB อย่าเผลอรักมาเฟีย   บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย กริ๊งกร่อง~ เสียงออดบ้านที่ดังขึ้น ทำให้เจ้าของบ้านที่นั่งอยู่ใกล้ประตู ลุกขึ้นเดินไปเปิด ก่อนจะพบกับคนแปลกหน้าที่ยืนอยู่นอกประตูรั้ว แปลกหน้าไม่เท่าไหร่ แต่ทั้งหล่อ แต่งตัวดูดี มีออร่าจับนี่สิ เขามั่นใจมากว่าไม่มีใครในบ้านเขารู้จักคนอย่างนี้ “ผมมาหาเปตอง ปวิชญาครับ” ผู้มาเยือนพูดภาษาอังกฤษใส่ ทำให้เจ้าของบ้านรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนแถวนี้ เพราะคนแถวนี้พูดแต่ภาษาจีน ไม่ก็มาลายูกันทั้งนั้น “คุณเป็นอะไรกับเธอ” “เป็นแฟนครับ ผมมารับเธอกลับ” หลังจากเจรจากันอยู่สักพัก เจ้าของบ้านก็ยอมอนุญาตให้ธเนศเข้าไป ชายหนุ่มเดินไปยังบริเวณข้างหลังบ้าน ซึ่งมีซุ้มไม้เลื้อยและโต๊ะหินอ่อนตั้งอยู่ คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะหินอ่อนนั่นคือหญิงสาวคนที่เขาเฝ้าตามหาอยู่เกินครึ่งปี ข้างๆ กันคือเด็กหญิงวัยห้าขวบ กำลังคุยจ้อไม่หยุด ท่าทางน่ารักน่าชัง แก้มยุ้ยผิวขาว ดูคล้ายกับหญิงสาวเป็นอย่างมาก ถ้าเขาไม่ได้เจอเธอหลายปี เขาก็คงนึกว่าเด็กนั่นเป็นลูกของเธอเหมือนกัน “พี่ปูน...” ปวิชญามองมาทางเขาอย่างตกใจ ก่อนจะขยี้ตา และมอ

  • FWB อย่าเผลอรักมาเฟีย   21 อับจนหนทาง

    21อับจนหนทาง ต่อให้มีอิทธิพลมากมายแค่ไหน แต่การตามหาคนคนหนึ่งที่หลบซ่อนตัวอยู่ ก็ใช่ว่าจะหาง่ายๆ ธเนศมั่นใจว่าปวิชญากำลังพยายามหลบซ่อนตัวจากเขาอยู่แน่ๆ เพราะการที่คนคนหนึ่งจะหายไป ไร้ซึ่งร่องรอยการกิน เที่ยว ใช้ชีวิต มันเป็นไปไม่ได้ “ไม่ได้เรื่อง!” ชายหนุ่มตะคอกใส่บรรดาหัวหน้าสาขาบ่อนคาสิโนตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศไทย เพราะอิทธิพลในด้านสว่างใช้ไม่ได้ผล เขาจึงต้องพึ่งพาเครือข่ายอันกว้างไกลที่มีอยู่ตามสาขาต่างๆ ของบ่อนการพนันทั่วประเทศ “เอ่อ... ไม่แน่ว่าคุณปวิชญาอาจจะไม่ได้อยู่ในประเทศแล้วก็ได้นะครับ” หนึ่งในชายที่นั่งคุกเข่าอยู่ในท่ารับผิดเหมือนกับลูกน้องแก๊งยากูซ่าเอ่ยเสนอด้วยน้ำเสียงเจื่อนๆ เป็นเหตุให้เพื่อนรอบข้างหันมามองและแทบจะยกนิ้วให้กับความใจกล้านี้ “คิดว่าฉันโง่หรือไง!” ธเนศตวาดเสียงเย็นยะเยียบ ก่อนจะโบกมือให้มือขวาจัดการพาทุกคนออกไป เพราะเขาไม่อยากเห็นหน้าเจ้าพวกนี้อีก ไม่ใช่ว่าเขาไม่นึกถึงการตามหาเธอที่ประเทศอื่น แต่เพราะโลกนี้มันกว้างมาก ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มค้นหาจากประเทศไหน การเริ่ม

  • FWB อย่าเผลอรักมาเฟีย   20 จุดเปลี่ยนของคนบ้า

    20จุดเปลี่ยนของคนบ้า ทุกคนรู้ว่าธเนศแปลกไป แต่ดูเหมือนจะมีเพียงเจ้าตัวเพียงคนเดียวที่ยังไม่รู้ ทั้งออกงานสังคมน้อยลง ไม่ได้มีสาวคนไหนมาเป็นคู่ควงอยู่เคียงข้างกาย และบ้างานหนักขึ้น สั่งให้ลูกน้องทำโอที จนทุกคนแทบจะกราบขอร้องอ้อนวอนให้ปล่อยพวกเขาไปสักที บรรยากาศรอบตัวก็อึมครึมเข้าขั้นทะมึน ใครหน้าไหนก็เข้าหน้าไม่ติด รอยยิ้มจากเขาสักแอะก็ไม่มีโผล่มาให้เห็น แรกๆ ทุกคนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเดี๋ยวมันก็คงจะดีขึ้น แต่ปรากฏว่าทุกอย่างกลับยิ่งเลวร้ายลง พอไม่มีงานที่บริษัทและที่บ่อนให้ทำ ธเนศก็จัดการหางานเพิ่มโดยการขยายธุรกิจ บินไปโน่นมานี่หาคู่ค้า สั่งเปิดสาขาเพิ่มที่ประเทศใกล้เคียง หางานให้เหล่าลูกน้องไม่เว้นแต่ละวันจนต้องจ้างพนักงานเพิ่ม แม้แต่วันเสาร์อาทิตย์ก็ยังทำงาน ไม่คิดจะหยุดพักผ่อนเลยสักนิด “พอเลย ไอ้ปูน ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ใช่แกนะที่จะตายก่อน คนอื่นจะได้โดนแกลากไปตายด้วยกันหมด แหกตาดูบ้างสิว่าพนักงานบริษัทเราตาโหลเป็นหมีแพนด้ากันขนาดไหนแล้ว ต่อไปคงได้มีข่าวพนักงานตายในหน้าที่ ยืนถ่ายเอกสารอยู่ก็ไหลตายได้กันพอดี”

  • FWB อย่าเผลอรักมาเฟีย   19 ห้องที่ไร้ไออุ่น

    19ห้องที่ไร้ไออุ่น “หันหลังกลับไม่ได้แล้วนะ” เสียงย้ำเตือนดังมาจากภูผา เพื่อนสนิทที่เรียนจบปริญญาโทจากต่างประเทศมา และคอยเป็นที่ปรึกษาเรื่องความรักให้กับเธอ ขณะนี้ภูผาและคะนิ้งกำลังมาส่งเพื่อนสาวที่สนามบินดอนเมือง ทั้งที่อาการกระดูกหักของหญิงสาวยังไม่หายสนิท และครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเดินทางไปต่างจังหวัดเท่านั้น แต่ยังเป็นการเดินทางไปไกลขึ้น...ถึงต่างประเทศ “เดี๋ยวก่อนนะ แกต้องถามฉันสิ ว่า แน่ใจแล้วเหรอว่าจะไป” “พูดอย่างกับว่าภูถามตอนนี้แล้วตองจะเปลี่ยนใจทัน” ภูผาว่า “ใช่ ก็แกทั้งซื้อตั๋วเครื่องบิน ทั้งเซ็นสัญญา จ่ายเงินค่านายหน้าไปหมดแล้ว คงไม่ใจเสาะ ยอมยกเลิกเอาตอนนี้หรอกมั้ง” คะนิ้งรีบเอ่ยสนับสนุน “เกลียดจริงพวกรู้ทัน” ปวิชญายิ้มมุมปาก “ฉันไปก่อนนะ” “เออ โชคดี ว่างๆ ก็บินกลับมาบ้าง กรุงเทพ-ปีนังก็แค่ปากซอย” คะนิ้งว่า หญิงสาวผมประบ่าเพียงพยักหน้ารับ ก่อนที่จะกอดลาเพื่อนที่กรุงเทพทั้งสองคน และเดินจากไป ตอนที่ออกจากคอนโด เธอได้ส่งข้าวของทั้งหมดกลับไปยังบ้านเกิดที่ต่างจังหวัด และกลับไปพัก

  • FWB อย่าเผลอรักมาเฟีย   18 ความห่างเหิน

    18ความห่างเหิน ทั้งคู่ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยหลังจากเกิดเรื่องในวันนั้น การเงียบหายไปของธเนศ มันทำให้เธอตระหนักรู้ว่า เธอหมดประโยชน์ หมดความสำคัญกับเขาแล้ว จากที่ตอนแรกเขายื้อเธอไว้ ไม่ยอมให้เธอยุติความสัมพันธ์แบบมากกว่าเพื่อน ถึงขั้นพาเธอออกงาน พาเธอไปรู้จักโลกของเขา มันทำให้เธอคิดเกินเลยไปไกลกว่าเดิม...มาก ยิ่งได้อยู่ใกล้กันมากขึ้น ก็ยิ่งไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกออกไป จากคราแรกที่กลัวว่าเขาจะเล่นกับหัวใจเธอ กลายเป็นหวาดกลัวว่าเขาจะทิ้งเธอไป และมันก็มาถึงวันนี้จนได้... วันที่เขาตัดขาดจากเธอ เพราะว่าเธอโกรธเขา ที่เขาเล่นกับจิตใจของเธอ...คนที่รักเขา...มากเกินไป แต่ก็ดีแล้ว เพราะสิ่งนี้มันเป็นเรื่องที่เธอร้องขอเขามาตั้งแต่แรก แล้วทำไมวันนี้... วันที่เขายอมปล่อยเธอไป เธอกลับอยากให้เขายื้อเธอไว้อีก เฮ้อ... เจ็บไม่จำจริงๆ เลย ยัยเปตอง ปี๊นๆๆ โครม!!! “โอ๊ยยย” “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” “ขยับได้มั้ย” ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ขณะกำลังนั่งซ้อนท้ายวินมอเตอร์ไซค์ และ

  • FWB อย่าเผลอรักมาเฟีย   17 ชัดเจนแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับเธอ

    17ชัดเจนแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับเธอ “ตองเป็นอะไร โกรธอะไรใครมา” ธเนศยังคงเซ้าซี้ไม่หยุด หลังจากที่หญิงสาวเดินหนี ไม่ยอมกลับเข้างาน จนเขาต้องเป็นคนขับรถไปส่งเธอ เพราะไม่อยากปล่อยให้หญิงสาวต้องเดินทางตอนกลางคืนคนเดียว “โกรธหมดทุกคนนั่นแหละค่ะ โดยเฉพาะพี่ปูน” ในที่สุดหญิงสาวก็ยอมเปิดปากพูด เมื่อรถหรูเคลื่อนเข้ามาถึงหน้าคอนโด “โกรธที่พี่ทิ้งตองไว้คนเดียว? หรือโกรธที่ไม่ยอมบอกเรื่องงานเลี้ยงล่วงหน้า? แต่ไม่น่าจะใช่ งานอื่น พี่ก็ไม่เห็นต้องบอกตองล่วงหน้าเลยนี่” “ใช่สิ ตองเป็นแค่คู่ควง พี่ปูนสั่งให้ไปงานไหนก็ต้องไป ไม่มีสิทธิได้รู้ล่วงหน้าหรอก” “อ้าว พาลโกรธเรื่องนั้นเฉยเลย ไม่เอาสิ สรุปว่าตองโกรธอะไรกันแน่” “จริงๆ งานแบบนี้ พี่ปูนควรจะควงคุณดาด้าไปมากกว่า” “พี่ไม่อยากรบกวนเขา ตองก็รู้ว่าเขากำลังขาขึ้น งานยุ่งมาก” “ก็เลยมาใช้งานคนว่างๆ แบบยัยเปตองคนนี้สินะคะ” น้ำเสียงติดจะประชดประชัน “ตอง ไม่เอาน่า” ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อน “พี่ปูนก็รู้ว่าตองชอบพี่ ยังจะพามาเจอพ่อแม่พี่อีก” ในที่สุดหญิงสาวก็ระเบิดอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status