“นี่มันบ้าอะไรกัน” คนที่แอบฟังอยู่อุทานออกมา เพราะบทสนทนาที่ได้ยินก็ทำให้อชิตาสว่างขึ้นมาได้มาก เขาเปลี่ยนใจไม่พูดคุยเพื่อตกลงอะไรกับเพลงขวัญทั้งนั้น เพราะพูดไปก็คงไม่มีประโยชน์ สู้ทำตามแผนแรกที่เขาวางไว้ในหัวน่าจะดีที่สุด ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับออกไปจากห้องของเพลงขวัญอย่างเงียบเชียบ “โอเค ตามนี้ล่ะ” ประโยคนี้อชิไม่มีโอกาสได้ยิน นั่นทำให้เขายังคงเข้าใจเพลงขวัญผิด “แกให้ฉันพูดอะไรเนี่ย ฉันก็บ้าพูดตามซะงั้น”“บทโฆษณาตัวใหม่ พอดีลูกค้าเขาขอมา”“มาของานตอนนี้เนี่ยเหรอ จะบ้าหรือไง”“งานด่วน” เพลงขวัญพยักหน้าให้ ส่วนนรากรได้แต่มองบนให้งานของเพื่อน งานเซลล์ก็ทำงานออแกไนซ์ก็รับ งานทุกอย่างทำหมด แต่บางทีก็ชวนสงสัยว่าเพลงขวัญทำงานอะไรกันแน่ ทำไมบางครั้งถึงดูมีลับลมคมในงานฉลองมงคลสมรสของอชิและเพลงขวัญเริ่มขึ้นเวลาหนึ่งทุ่มตรงของวันเดียวกัน ทว่าแขกเหรื่อนั้นต่างทยอยเดินทางมาร่วมงานตั้งแต่หกโมงเย็นแล้ว หลังจากเปลี่ยนชุดมาเป็นชุดแต่งงานสวยหล่อกันทั้งคู่บ่าวสาวของงานก็ออกมาต้อนรับแขกที่บริเวณหน้างานทันที ภายในงานซึ่งถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ยิ่งเปิดไฟเพิ่มแสงระยิบระยับยามค่ำคืนแบบนี้ด้วยแล้วก็ยิ่ง
ในขณะที่อีกคนที่อยู่ในห้องน้ำก็เตรียมตัวที่จะหนีเช่นเดียวกัน ขืนชักช้าไปกว่านี้ก็จะไม่ทันการณ์เอาได้ นั่นทำให้เจ้าสาวคนสวยรีบคว้ากระเป๋าเป้ที่ซ่อนไว้ใต้เคาน์เตอร์ห้องน้ำออกมา สิ่งแรกที่เธอทำคือเปลี่ยนชุด ด้วยการหยิบเสื้อคลุมสีดำกับกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงินออกมาจากกระเป๋าเป้ จากนั้นก็จัดการถอดกระโปรงชุดแต่งงานฟูฟ่องแสนสวยออกแล้วยัดมันใส่กระเป๋าเป้แทนที่เสื้อคลุมสีดำกับกางเกงเพราะถ้าทิ้งมันไว้ก็กลัวจะมีคนสงสัย เพลงขวัญรีบสวมกางเกงตามด้วยเสื้อคลุมสีดำทับเสื้อเกาะอกลูกไม้สีขาว ที่คงไม่ค่อยสะดวกนักหากจะใส่เกาะอกแค่ตัวเดียวแบบนี้ จากนั้นก็คว้ารองเท้าผ้าใบพร้อมลุยอย่างดี ที่หาซื้อมากับนรากรซึ่งเธอซ่อนไว้หลังชักโครกออกมาใส่เช่นกัน เวลานี้เพลงขวัญต้องทำตัวเองให้คล่องตัวเข้าไว้ ตรวจเช็กของในกระเป๋าซ้ำอีกครั้ง เพราะในนั้นมีเงินสดและเอกสารส่วนตัวแม้อยากจะเอาของติดตัวไปมากกว่าของในกระเป๋าเป้ใบเล็กตรงหน้า แต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่คิดเมื่อทุกอย่างพร้อมเธอก็คว้าสายเป้ขึ้นคล้องกับลำตัวไว้ เปิดหน้าต่างห้องน้ำออกให้กว้างที่สุด แล้วสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ มองลงไปข้างล่างด้วยสายตาอันมุ่งมั่น “สูงเอาเรื่องอยู่เ
“โอ๊ย…นี่มันวันมหาวิปโยคอะไรของฉัน ถึงต้องมาเจอคนแบบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขนาดหนีมาก็ยังต้องมาเจอกันอีก ซวยจริงไม่อิงนิยาย” เพลงขวัญชิงโวยวายพร้อมกับมองบนใส่ชายหนุ่ม แถมยังเป่าลมออกปากหนักๆ อีกหลายครั้ง อชิเองก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ เหมือนกัน นั่นเพราะไม่คิดไม่ฝันว่าหนีออกมาจากห้องหอแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังได้มาเจอคนที่ไม่อยากเจอตรงนี้อีก จังหวะนั้นเขาก็กวาดสายตามองสำรวจเพลงขวัญไปด้วย เวลานี้เหมือนเธอสวมชุดแต่งงานครึ่งท่อน เพราะท่อนบนคือเสื้อเกาะอกสีขาวที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงามให้สมกับเจ้าสาวคนสวยของงานแต่งงานที่เพิ่งจบลงไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนแม้จะสวมเสื้อเชิ้ตทับแต่เขาก็มองออกว่าข้างในคืออะไรในขณะที่ท่อนล่างของเธอนั้นไม่ได้เป็นกระโปรงแต่งงานฟูฟ่องแต่หากมันคือกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ารูป มิหนำซ้ำเธอยังใส่รองเท้าผ้าใบพร้อมวิ่งอีกต่างหาก แบบนี้เธอเองก็คงเตรียมการหนีมาล่วงหน้าแล้วสินะ หึหึ…รู้แบบนี้เขาน่าจะอยู่เฉยๆ แล้วให้เธอหนีไปคนเดียวดีกว่า“ผมต่างหากที่ซวย” อชิที่เวลานี้อายุสามสิบสองปีหันกลับไปมองเจ้าสาวป้ายแดงของตัวเองด้วยแววตาระอาเช่นเดียวกัน นั่นเพราะเขาเองก็ไม่ได้ต้องการจะแต่งงานกับเธอเลยแ
“กูจะไปรู้เหรอ” เมื่อหันมาตะคอกตอบลูกน้องเสร็จ ชายคนที่ถูกเรียกว่าพี่ก็หันมาถามแขกไม่ได้รับเชิญอีกครั้ง “แล้วทำไมต้องขึ้นมานั่งบนหลังรถกูด้วย”“คือเราสองคนแค่อยากจะติดรถไปด้วยจ้ะ แต่ถ้าพวกพี่ๆ ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร เรา...” ยังไม่ทันที่อชิจะได้เอ่ยจบประโยค เสียงของโตชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มก็แทรกขึ้น“แล้วมึงสองคนเห็นอะไรบ้างมั้ย”“ไม่เห็นอะไรเลยจ้ะพี่” คนที่เอ่ยตอบก็ยังคงเป็นอชิอยู่ ส่วน เพลงขวัญนั้นยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากตอบ แต่ถูกอชิชิงตอบเสียก่อนต่างหาก แต่จะทำตัวก๋ากั่นไม่กลัวอะไรก็อาจผิดวิสัย เวลานี้เธอควรสวมบทบาทเป็นหญิงสาวผู้อ่อนแอเข้าไว้สิ จะได้ดูน่าสงสาร“เห็นหรือไม่เห็น เราก็ฆ่ามันเลยดีกว่ามั้ยพี่ เกิดมันเอาเรื่องของเราไปบอกตำรวจ เราก็จบเห่กันพอดี” ชายอีกคนเสนอ นั่นทำให้เพลงขวัญอดสงสัยไม่ได้ว่าคนกลุ่มนี้ไปทำอะไรมา ถึงได้กลัวเธอเอาเรื่องไปแจ้งกับตำรวจ แต่ดูจากอาวุธที่อยู่ในมือกันครบตอนนี้ก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าคงไม่ใช่เรื่องดีนักอชิเองก็เกิดความสงสัยเช่นเดียวกับเพลงขวัญ รวมไปถึงสงสัยในตัวผู้หญิงข้างๆ นี้ด้วยว่าเธอเป็นคนยังไงกันแน่ หนีออกจากห้องหอเหมือนเขาไม่มีผิด แถม
“พอๆ หุบปากแล้วอยู่เงียบๆ ไหนมึงสองคนบอกชอบความตื่นเต้นก็นี่ไงกูกำลังจะพาไป รับรองสนุกตื่นเต้น ไม่เหมือนใครไอ้จ้อยไอ้ชัยเอ้ย! ไอ้เจษฎาพร มึงสองคนขึ้นไปเอาโทรศัพท์มือถือกับของใช้ส่วนตัวพวกมันสองคนมา”“จ้ะพี่” จ้อยกับเจษฎาพรขานรับอย่างหนักแน่นก่อนจะก้าวขึ้นท้ายรถมาคว้าโทรศัพท์ของเพลงขวัญไป ซึ่งของอชินั้นไม่มีเนื่องจากชายหนุ่มจงใจทิ้งไว้ในห้องหอ เมื่อคว้าเอากระเป๋าสะพายของทั้งคู่มาแล้วก็รีบเอามายื่นให้โต“นี่จ้ะพี่” เจษฎาพรยื่นทุกอย่างให้โตไป “เสร็จแล้วเอาผ้าใบออกมาคลุมท้ายรถไว้ด้วย คลุมเสร็จมึงสองคนก็ขึ้นไปนั่งคุมตัวพวกมันไว้ให้ดีๆ ถ้าพลาด กูเอามึงสองคนตายคาตีน” รับของมาเสร็จโตก็เอ่ยย้ำขึ้น“ได้พี่” จ้อยกับเจษฎาพรขานรับอย่างหนักแน่น ก่อนจะรีบเอาผ้าใบออกมาคลุมท้ายรถ เสร็จก็ขึ้นไปนั่งเฝ้าอชิและเพลงขวัญด้วยอาวุธครบมืออีกครั้ง รับรองงานนี้ไม่มีคำว่าพลาดแน่นอน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วชนิดที่ว่าเพลงขวัญและอชิยังไม่ได้คิดหาทางหนีทีไล่ทางอื่น พวกเขาจำต้องเลยตามเลยไปก่อน ไว้ค่อยหาจังหวะหนีทีหลัง “เฮ้ย…ออกรถกลับบ้านกูคิดถึงเมียเต็มแก่แล้ว” เมื่อขึ้นไปนั่งหน้ารถเรียบร้อยแล้ว โตก็เอ่ยสั่งลูก
“ใช่ๆ ขอสักสี่ห้าคนกำลังดี เราจะได้ไม่เหงา” สองเพื่อนรักคุยกันถูกคอและเออออในเรื่องเดียวกัน จิตราส่ายหน้าให้คนทั้งคู่ ก่อนจะหันมายิ้มให้สายปอ ที่วันนี้เป็นแม่งานใหญ่คอยดูแลความเรียบร้อยจนทุกอย่างลุล่วงไปได้ด้วยดี “วันนี้เหนื่อยมั้ยคะคุณสายปอ”“เหนื่อยแต่มีความสุขค่ะ คุณอชิเองก็เหมือนลูกแท้ๆ ของดิฉัน พอเห็นเป็นฝั่งเป็นฝากับหนูไหมแล้วแบบนี้ดิฉันก็ยินดีและสบายใจมาก เพราะมองมุมไหนหนูไหมก็ช่างเหมาะสมกับคุณอชิ”“ขอบคุณมากนะคะที่เอ็นดูลูกไหม”“ค่ะ” สายปอเอ่ยรับ แต่ในใจนั้นกลับคิดตรงกันข้าม เธอแค่รอจังหวะและเวลาที่จะเขี่ยเพลงขวัญออกไปจากเส้นทางชีวิตของอชิเท่านั้นเอง เพราะยังไงสมบัติทุกอย่างของสามารถก็ต้องเป็นของเธอกับลูกเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์เมื่อยืนให้กำลังลูกๆ ในห้องหอจนพอใจแล้ว ทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน แต่ทันทีที่กลับมาถึงห้องพักแล้วเห็นสายป่านยืนถือมีดจ่อคอหอยตัวเองอยู่ สายปอก็ถึงกับรีบเดินไปปัดมีดออก“แกจะทำอะไร”“หนูไม่ได้จะฆ่าตัวตายหรอกแม่ แค่ซ้อมไว้ฆ่าใครบางคนก็เท่านั้นเอง” สายตาของสายป่านนั้นแสดงออกถึงความเกลียดชังที่มีให้ภรรยาของอชิอย่างไม่ปิดบัง “อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม เ
เพลงขวัญส่ายหน้าให้อชิ แม้เวลานี้เธอจะง่วงแสนง่วง เหนื่อยแสนเหนื่อยมากแค่ไหน แต่ก็ยังคงฝืนอาการเอาไว้ เพราะหากหลับไปอีกคนก็เกรงจะไม่ปลอดภัย กระทั่งจู่ๆ รถหกล้อก็จอด เพลงขวัญส่ายหน้าแรงๆ เพื่อไล่อาการอ่อนเพลีย “ถึงแล้วหรือจ๊ะพี่ๆ”“ยัง” เจษฎาพรหันมาตอบเสียงห้วน นั่นพลอยทำให้คนที่เผลอหลับสะดุ้งตื่น“ถึงแล้วเหรอคุณ”“ยัง” เพลงขวัญเอ่ยตอบคนงัวเงีย ส่วนอชินั้นพอได้พักสายตาก็รู้สึกดีขึ้นมาก แต่ดูเหมือนคนข้างๆ เขาจะยังไม่ได้นอน“ได้นอนบ้างหรือยังคุณน่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ซึ่งอชิมั่นใจว่าเขาถามแค่ตามมารยาทเท่านั้น ไม่ได้คิดเป็นห่วงเป็นใยอะไรเพลงขวัญเป็นกรณีพิเศษทั้งนั้น “นอนไม่หลับ”“หาเวลางีบสักหน่อยก็ดี เพราะเรายังไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหนและต้องเจอกับอะไรบ้าง” อชิเอ่ยเตือน นั่นเพราะต่อให้เขาไม่อยากเข้าใกล้เพลงขวัญมากแค่ไหน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้มันคงเลี่ยงอะไรไม่ได้ “อืม” เพลงขวัญเอ่ยรับแค่นั้น อันที่จริงเธอก็ง่วงแสนง่วง แต่ทำไมถึงนอนไม่หลับก็ไม่รู้ “พาพวกมันสองคนไปเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย เพราะหลังจากนี้ข้าจะยิงยาว ไม่หยุดรถอีก” เสียงของโตดังมาจากข้างๆ รถ “จ้ะพี่” จ้อยขานรับค
“เงียบๆ สิ” เพลงขวัญหันมาถลึงตาใส่อชิ ก่อนจะค่อยๆ สะบัดมือออกแล้วเดินให้หลังชิดขอบด้านข้างของตัวรถเพื่อไปยังจุดที่มีรอยขาดของผ้าใบ เพราะจุดนั้นแสงจากด้านนอกเล็ดลอดเข้ามาได้ ซึ่งอชิก็มองตามเธอตาไม่กะพริบเช่นเดียวกับที่คิดไม่ถึงว่าเพลงขวัญจะมีไหวพริบแบบนี้ เพลงขวัญเพ่งสายตาอ่านข้อความบนขวดน้ำทีละคำๆแต่จังหวะที่เธออ่านจนรู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหนของประเทศไทย จู่ๆ รถมันก็พุ่งลงเขาราวกับรถไฟเหาะ นั่นทำให้เพลงขวัญเสียการทรงตัว ร่างบอบบาง เซถลาทรงตัวไม่ได้และบนรถตอนนี้ก็ไม่มีที่ให้ยึดเกาะด้วย อชิเห็นท่าไม่ดีจึงหมายจะปรี่เข้าไปคว้าเธอไว้ เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นก็กลัวเพลงขวัญจะเซถลามากระแทกกับอะไรเข้า หัวแตกหรือเจ็บตัวไปมันจะไม่คุ้ม แต่เหมือนคนขับรถจะกลั่นแกล้งเพราะเพียงเสี้ยววินาทีที่อชิจะถึงตัวเพลงขวัญ รถกลับหักเลี้ยวอย่างเร็ว นั่นทำให้จ้อยและเจษฎาพรพลอยสะดุ้งตื่นตามไปด้วย เวลานี้ทั้งสี่คนที่อยู่ท้ายรถดูจะชุลมุน หาที่ยึดเกาะกันจ้าละหวั่น สองคนท้ายรถยึดฝาท้ายไว้ได้ทัน แต่แขกไม่ได้รับเชิญสองคนเวลานี้กลับเสียการทรงตัวต่างไถลไปนอนชิดกับขอบรถอชินอนราบอยู่กับพื้นรถหกล้อส่วนเพลงขวัญนั้นนอนทับเขา
“กะ...ก็ไม่รู้สึกอะไร นอกจากหนักๆ หัว”“นั่นเพราะผมไม่ได้ทำอะไรคุณ”“ละ...แล้วเสื้อผ้าพวกนี้ใครเป็นคนเปลี่ยนให้ฉัน”“ผม”“คุณเหรอ!” คนฟังอุทานออกมาหน้าตาตื่น“ครับ...ก็คุณอ้วกจนเลอะเทอะไปหมด ผมเลยหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้”“งั้นแสดงว่าคุณก็เห็น...เห็น...”“เห็นหมดแล้วครับ อย่าห่วงไปเลย เพราะทรวดทรงองค์เอวคุณเหมือนเด็กยังไม่โตจะตายไป ยั่วอะไรผมไม่ได้หรอก” อชิไหวไหล่ทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องเล็กเข้าไว้“แล้วคุณขึ้นมานอนบนเตียงฉันได้ยังไง” น้ำเสียงตึงๆ ห้วนๆ ของเพลงขวัญเอ่ยถาม นั่นเพราะชักจะไม่พอใจประโยคที่ได้ยินจากอชิเมื่อครู่เข้าเสียแล้ว เขาว่ารูปร่างเธอมันเหมือนเด็กยังไม่โตอย่างนั้นเหรอ...หน็อยยยยยย“ก็เพราะคุณนั่นแหละที่คว้าตัวผมให้ลงไปนอนด้วย”“ฉันเหรอ” เพลงขวัญชี้นิ้วมาที่ตัวเอง เ
“พออารายยย อาวววมา ฉานนยังไม่มาววววสักหน่อย” เพลงขวัญพยายามยื้อแก้วเหล้าคืนมาจากอชิ แต่ทำไมมือเขาถึงอยู่ไกลอย่างกับมือแม่นาคแบบนี้นะ“ไม่เมาสักหน่อยเลยครับ นั่นเพราะตอนนี้คุณเมาหนักมากแล้วต่างหาก” อชิส่ายหน้าให้คนเมาที่บอกว่าตัวเองไม่เมา“เมียเอ็งเมาขนาดนี้ ข้าว่ารีบพาไปนอนก่อนเถอะ”“จ้ะพี่” อชิเอ่ยรับคำของโต จากนั้นก็พยุงเพลงขวัญกลับมาที่บ้านเพื่อให้เธอนอนพัก โดยคนเมาโวยวายมาตลอดทางว่าไม่เมากระทั่งใกล้ถึงบ้านเพลงขวัญก็อ้วกเอาทุกอย่างที่กินไปออกมาจากท้องจนหมดอชิเห็นแล้วก็สงสารและคงปล่อยให้เพลงขวัญนอนทั้งๆ ที่เสื้อผ้าเลอะเทอะแบบนี้ไม่ได้ จึงไปเอาผ้ามาชุบน้ำแล้วนำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เธอ แต่ที่หนักใจคือจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เพลงขวัญยังไงนี่สิ“คุณไหม...ไหมตั้งสติหน่อย”“ตั้งสาติแล้ว” คนเมาพูดชัดบ้างไม่ชัดบ้าง“ผมจะถอดเสื้อผ้าตัวที่คุณใส่อยู่ตอนนี้ออกแล้วเอาตัวใหม่มาใส่ให้แทน โอเคนะ”“ม่ายยยโอเค”“แล้วจะให้ผมทำยังไง ไหนคุณบอกม
ทิศทางที่หมูป่าวิ่งหนีไปนั้นคือเหว เจษฎาพรเห็นท่าไม่ดีจึงตั้งใจจะรีบวิ่งไปดักหน้ามันไว้ โดยมีอชิตามมาสมทบ แต่ทั้งสองคนกลับวิ่งเร็วจนแซงเพลงขวัญและกระแตไปเสียแล้วแม้จะงงว่าอชิกับเจษฎาพรมาอยู่กันที่นี่ได้ยังไง แต่ก็ไม่มีเวลาให้ได้ซักถาม เจษฎาพรกระโดดข้ามกิ่งไม้ ต้นไม้อย่างไม่กลัวเจ็บ ส่วนคนไม่ชินทางอย่างอชิและสองสาวก็หาจุดอื่นข้ามแทน และคนที่ถึงตัวหมูป่าได้ก่อนก็ไม่ใช่ใครอื่นทันทีที่จับตัวหมูป่าได้ เจษฎาพรก็ล็อกตัวมันไว้แล้วใช้มีดที่พกมาปักลงไปบนคอของมันเพื่อให้สิ้นใจตายในทันที แม้จะโหดร้ายแต่หมูป่าก็ไม่ต้องทรมานอีกต่อไป“จับหมูป่าได้มั้ยพี่ชัย” กระแตที่ตามมาสมทบรีบถาม เจษฎาพรที่เวลานี้นั่งหันหลังให้อยู่จึงค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมกับหลีกทางให้ทั้งสามเห็นว่าตรงหน้าเขามีอะไร“กรี๊ดดด เราจับหมู่ป่าได้จริงๆ ด้วยพี่ไหม” เอ่ยจบกระแตก็กระโดดโลดเต้นไปมา ส่วนเพลงขวัญนั้นดีใจจนเธอยืนค้างเพราะทำอะไรไม่ถูกแล้วนั่นเอง จากที่เหนื่อยๆ เพราะวิ่งไล่หมูป่ามาจู่ๆ ความเหนื่อยนั้นก็หายไปเสียดื้อๆ“ตัวนั้นคือตัวที่ถูกฉันยิงเหรอพี่ชัย” เพล
“หมู่บ้านเรามีข่าวดีเรื่องลูกชายพี่โตแล้ว น่าจะมีงานฉลองสักหน่อยนะ” ดามที่กำลังนั่งกินข้าวเช้าอยู่เอ่ยขึ้น นั่นเพราะทุกครั้งที่มีสมาชิกใหม่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน พวกเขามักจะมีงานเลี้ยงเสมอ“งั้นพวกเราออกไปล่าหมูป่าสักตัวสองตัวดีมั้ย” ชายอีกคนเอ่ยเห็นด้วยกับดาม จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็เออออตามกัน ทำให้เช้านี้พวกเขามีเป้าหมายจะออกไปล่าหมูป่าให้ได้สักหนึ่งหรือสองตัว“ฉันขอไปด้วยนะจ้ะพี่ๆ” เสียงของเพลงขวัญที่นั่งฟังอยู่ดังขึ้นเช่นกัน เธอหูผึ่งตั้งแต่แรกที่ได้ยินว่าจะมีการออกไปล่าหมูป่าแล้ว“ไม่ได้” และคนแรกที่ค้านคืออชิ ซึ่งนั่งกินข้าวอยู่ข้างๆ เธอ ชายหนุ่มส่งสายตาเขียวปัดมาปราม“ผัวเอ็งพูดถูก งานล่าสัตว์มันของพวกผู้ชาย ผู้หญิงอยู่ที่นี่เตรียมของไว้รอแล้วกัน” ดามเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจว่าวันนี้ต้องได้หมูป่าติดมือกลับมาแน่นอน“พี่ดามพูดถูก” อชิเข้าข้างดามทันที“แต่ฉันอยากแก้มือ ไถ่โทษที่ครั้งก่อนทำหมูป่าหลุด
อชิกำลังมอบจูบแรกให้เธอ จูบที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของชายหนุ่มเพื่อปิดคำกล่าวหาเรื่องที่เธอคิดว่าเขานั้นเป็นเกย์ แต่จูบนี้ก็แฝงไว้ซึ่งความรู้สึกบางอย่างที่มันค่อยๆ เกิดขึ้นกับอชิ ก่อนหน้านี้เขาพยายามปฏิเสธมันมาตลอด แต่สุดท้ายแล้วเขากลับพ่ายแพ้ จะเป็นอะไรไหมหากว่าเขานั้นได้หลงรักภรรยาตามกฎหมายคนนี้เข้าให้เสียแล้ว และต่อให้เธอจะรักจะชอบใครมาก่อนเขาก็ไม่สน เขาจะทำให้เธอเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวจูบท่ามกลางแสงดาวเกิดขึ้นเนิ่นนาน นานเสียจนเพลงขวัญเกือบหมดลมหายใจ มีบางจังหวะที่อชิเผยอริมฝีปากออกเพื่อให้เธอได้สูดอากาศเข้าปอด แต่เพียงไม่นานชายหนุ่มก็วกกลับมามอบจูบให้เธอใหม่อีกครั้ง ประสบการณ์จูบครั้งแรกของเพลงขวัญช่างน่าตื่นเต้น เธอเพิ่งรู้ว่าการจูบกันจะให้ความรู้สึกวาบหวามไปทั้งตัวได้อย่างมากมายขนาดนี้ ริมฝีปากและปลายลิ้นของอชิเองก็ร้ายกาจ“เชื่อได้หรือยังว่าผมไม่ได้เป็นเกย์” เมื่อถอนจูบออกเสียงทุ้มก็เอ่ยถามขึ้น ใจจริงอชิไม่อยากหยุดจูบออกด้วยซ้ำ เพราะริมฝีปากนุ่มๆ หวานๆ ของเพลงขวัญมันทำให้เขาหลง“เกย์จูบเก่งก็มี” เพ
คืนแรกของการมีสมาชิกใหม่พลอยทำให้โตนอนไม่หลับตามไปด้วย จนย่าใหญ่ต้องมานอนเป็นเพื่อน เพื่อสอนเรื่องการดูแลเจ้าตัวเล็ก นั่นเพราะตอนนี้แสงจันทร์ต้องพักผ่อนให้มากๆ สองสามวันก็จะได้อยู่ไฟส่วนอีกคู่ที่นอนไม่หลับคือเพลงขวัญและอชิ ที่ต่างนอนกลิ้งไปกลิ้งมากันอยู่บนที่นอนของตัวเอง เพราะภาพเหตุการณ์วันนี้ต่างติดตาพวกเขาอยู่“นอนไม่หลับหรือคุณ”“อื้อ...นึกถึงเรื่องวันนี้แล้วก็กลัวไม่หาย กลัวจนไม่อยากมีลูก”“ไม่ได้” จู่ๆ อชิก็เอ่ยขึ้น แต่เพราะมัวคิดเรื่องอื่นอยู่ เพลงขวัญจึงได้ยินไม่ค่อยชัด“อะไรนะ ตะกี้คุณพูดว่าอะไร”“เปล่า ผมไม่ได้พูดอะไร” คนเผลอพูดรีบแก้ต่างทันที ซึ่งก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรีบแย้งเสียขนาดนั้น“ถ้าผู้ชายท้องได้ก็คงดี”“ผู้ชายเราถ้าหากท้องแทนได้ก็คงทำไปแล้ว”“เฮ้อ! ยาก”“ไหนๆ ก็นอนไม่หลับแบบ
“น้ำเดิน” เพลงขวัญโพล่งออกมา แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์คลอดลูก แต่เรื่องนี้ก็เคยเรียน เคยได้ยินมาบ้าง ถ้าน้ำเดินแล้วยังไม่คลอด คราวนี้ยิ่งอันตราย“น้ำเดินคืออะไร” โตตะโกนถามขึ้น“แสงจันทร์มันใกล้จะคลอดเต็มแก่แล้วน่ะสิโต รีบๆ เข้าไปดูเมียเอ็งก่อน” หญิงคนหนึ่งที่อายุอานามน่าจะพอๆ กับโตหรือมากกว่าเอ่ยบอก นั่นเพราะเธอก็เพิ่งคลอดลูกมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เอง จึงพอจะเข้าใจว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาบ้าง“โอ๊ย...พี่โต ฉันเจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว” ได้ยินแบบนั้นโตก็รีบจ้ำกลับเข้าไปในบ้านทันที ตามด้วยเพลงขวัญและอชิ ส่วนกระแตเวลานี้ยืนช็อกไปแล้ว“เจ็บมากมั้ยแสงจันทร์”“เจ็บมากพี่ ฉันเจ็บ” แสงจันทร์กัดฟันพูดออกไป เส้นเลือดบนหน้าปูดโปนจนน่ากลัว“พี่แสงจันทร์อดทนอีกหน่อยนะจ้ะ ย่าใหญ่กำลังมา” เพลงขวัญเอ่ยบอก เห็นแสงจันทร์เจ็บท้องคลอดมากขนาดนี้แล้วก็ยิ่งสงสาร“พี่ทนไม่ไหวแล้วไหม พี่จะ&helli
“หายใจลึกๆ นะพี่แสงจันทร์ แล้วผ่อนลมหายใจออกช้าๆ” เพลงขวัญพยายามทำให้แสงจันทร์นั้นผ่อนคลาย แม้จะไม่เคยทำคลอด ไม่รู้วิธี แต่เวลานี้ก็งัดเอาความทรงจำตอนดูฉากคลอดลูกในละครหรือซีรีส์มาใช้ก่อน“ไม่ได้ พี่เจ็บท้องเกินไป ทำไม่ได้” คนเจ็บท้องคลอดแย้งขึ้นมาทันที“ค่อยๆ ทำพี่ ค่อยๆ ทำ” และเพลงขวัญก็เริ่มทำเป็นตัวอย่างให้แสงจันทร์ได้ดู เพราะถ้าเธอไม่ผ่อนคลายหรือเจ็บจนกลัวไปหมด การคลอดลูกก็อาจจะยิ่งยากในขณะที่เพลงขวัญกำลังอยู่ดูแลแสงจันทร์อยู่นั้น กระแตก็วิ่งลัดเลาะไปตามทางเท้าอย่างเร็ว แต่ที่ระวังหน่อยคือทางเดินในป่าเขาวงกตที่มีกับดักอยู่หลายจุดและทันทีที่เดินทะลุผ่านมาได้ก็ตะโกนหาโตไปทั่วไร่ฝิ่น“พี่โต! พี่โต!”“อะไรของเอ็งกระแต ตะโกนโหวกเหวกโวยวาย เดี๋ยวช้างป่าตกใจกันพอดี” โตเอ็ดน้องสาวขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาหา โดยมีอชิกับเจษฎาพรที่มาพร้อมกับโตเดินเข้ามารอฟังด้วย“กลับบ้านด่วนพี่” กระแตพูดไปก็หอบไป
“พวกเอ็งเริ่มลงมือได้แล้ว” ประโยคคำสั่งดังขึ้นจากชายผู้เป็นเจ้าของบ่อนลอยฟ้า“ครับพี่” บรรดาลูกน้องขานรับคำสั่งผู้เป็นนายอย่างพร้อมเพรียง นั่นทำให้เวลาความสุขรวมไปถึงความสนุก ที่เรียกว่าของจริงกำลังเริ่มต้นขึ้น โดยเป้าหมายก็ไม่ใช่ใครอื่น ทัตเทพและสายป่านนั่นเองเพราะยังไม่รู้ว่าถูกหมายหัว สองพี่น้องจึงยังคงใช้ชีวิตด้วยเงินที่หามาได้จากในบ่อนอย่างสนุกมือ ระยะหลังๆ มานี้สายป่านเดินเข้าร้านเพชรเป็นว่าเล่น ของใช้บนตัวก็แบรนด์เนมตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าวันนี้สายป่านตั้งใจจะซื้อของขวัญชิ้นโตให้ตัวเอง นั่นคือรถใหม่ป้ายแดงที่เธอหาเงินมาด้วยน้ำพักน้ำแรง แม้จะเป็นเงินที่ได้จากในบ่อนก็ตามที“ไปเอาเงินจากไหนมาซื้อ” นี่คือประโยคแรกที่สายปอเอ่ยถาม เมื่อเห็นลูกชายกับลูกสาวขับรถใหม่เข้ามาจอดในบ้าน“ธุรกิจที่หนูทำกับพี่เทพน่ะแม่”“ธุรกิจอะไร““ธุรกิจวัดดวงไงล่ะแม่” ทัตเทพเฉลยให้ ซึ่งสายปอก็ไม่ได้แปลกใจสักเท่าไ