แกร๊ก
“เข้ามา” ฉันยื่นหน้าออกไปมองซ้ายมองขวา เพื่อเช็กให้ชัวร์ว่าไม่มีใครเห็นแล้วแอบถ่ายพวกเราอีก พอแน่ใจว่าปลอดภัย ก็รีบคว้าแขนกระชากคนตัวสูงเข้ามาข้างใน จัดการดึงประตูปิดเสียงดังปึงปัง พร้อมลงกลอนประตูอีกชั้นเสร็จสรรพ
“ตัวจริงเธอดูติดดินกว่าที่คิดนะ” เขาเหมือนคนละเมอเลย จู่ ๆ ก็พูดประโยคน่าระคายหูด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ขึ้นมา ไม่พอยังกวาดสายตาสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าอีก
เสียมารยาทมาก!
ฉันดูออก ในใจเขาคงกำลังแอบหัวเราะเยาะกับสภาพฉันตอนนี้แน่ หน้ามึน ๆ นั่นหลอกฉันไม่ได้หรอก รู้ทันแล้วย่ะ
“จะคุยเรื่องอะไรก็รีบพูดม-”
Rrrr~
ทว่ายังไม่ทันจะพูดจบประโยค เสียงโทรศัพท์ของฉันดันขัดขึ้นมาอีกครั้ง ให้มันได้อย่างนี้สิ! ดังมันทั้งวัน ปิดเครื่องซะเลยดีไหมนะ
แต่ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ ทำให้ฉันหยุดบ่นในใจ แล้วเปลี่ยนเป็นอมยิ้มก่อนรีบกดรับ
ฉันเหลือบมองแขกไม่ได้รับเชิญ ตานั่นนั่งเปิดทีวีดูเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจฉันที่เดินเลี่ยงออกมาแม้แต่น้อย
สบายจริง ๆ พ่อคุณ! ทำอย่างกับเป็นห้องตัวเองเลยนะ
ฉันเลิกสนใจเขา หันมาใส่ใจกับคนปลายสายแทน
“ค่ะ พี่แทน”
“ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่....” ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดแบบเดียวกับที่เล่าให้เพื่อนฟัง แต่ไม่ได้บอกเรื่องที่แพ้กุ้งออกไป
อย่างที่บอก ฉันไม่อยากให้เขารู้สึกแย่ เพราะจริง ๆ ฉันเคยบอกพี่เขาไปแล้วว่าแพ้กุ้งทะเล กินได้แค่กุ้งน้ำจืด แต่เขาคงจำสลับกันหรือไม่ก็คงลืม...
“กำลังอาบน้ำค่ะ” ฉันตอบกลับเมื่อพี่แทนถามว่าทำอะไรอยู่ เราคุยอะไรเรื่อยเปื่อยอีกนิดหน่อย ก่อนพี่เขาจะขอตัววางสายไป เพราะต้องเข้าประชุมกับหุ้นส่วน
ฉันเดินกลับมาที่เดิม พลางขยับตัวมายืนจ้องหน้าแขกไม่ได้รับเชิญ ที่เงยหน้าขึ้นมองฉันเหมือนกำลังมีคำถาม
“มีอะไรก็พูดมา”
“มีข่าวกับผู้ชายคนอื่น แฟนเธอมันไม่โกรธ?”
“ไม่โกรธ เขารู้จักฉันดี” ฉันตอบอย่างมั่นใจ และแกล้งไม่สนใจสรรพนามว่า ‘มัน’ ที่ยูนิกซ์ใช้เรียกพี่แทน
ส่วนเรื่องที่บอกว่าเขารู้จักฉันดีน่ะ มันก็จริง ตั้งแต่คบกันมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันมีข่าวทำนองนี้ ถึงจะไม่เยอะเท่าช่วงก่อนคบกันก็เถอะ แต่ก็มีมาเรื่อย ๆ เราใช้ความเข้าใจกันทำให้ไม่เคยทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้สักครั้งเดียว
“เหรอ เป็นคนดีนี่? แฟนมีข่าวขึ้นห้องกับผู้ชายอื่น แต่กลับไม่โผล่หัวมาถาม”
“แน่นอน พี่แทนเขาเป็นผู้ชายแสนดีและเป็นสุภาพบุรุษ ไม่เหมือนคนแถวนี้ อีกอย่างที่เขาไม่มา เพราะเขาติดงานย่ะ เขาไม่ได้ว่างเหมือนใครบางคน!”
“ติดงาน? เป็นคนดี? หึ! ไปดีไม่ห่าง...อยู่ที่ไหนหรือเปล่า เธอเช็กดีหรือยัง”
“ปากเสีย!” ไม่ต้องมาเว้นช่องว่างให้อยากรู้ ฉันโตขนาดนี้ คำผวนบ้าบอนี่ทำไมจะไม่รู้ว่าคำที่หายไปคืออะไร หยาบคายมาก นี่กล้าว่าแฟนฉันไปดีไม่ห่างเหินเลยเหรอ!? อยากบีบคอคนพูดให้ตายคามือเลย แต่ความจริงคือทำได้แค่ยืนชี้หน้าเขาเท่านั้น
ยูนิกซ์จับมือฉันที่กำลังชี้หน้าเขาลง ดวงตาสีดำมองฉันนิ่ง เราสบตากันหลายวินาที ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเปิดปากพูดขึ้นมา
“คนรักกำลังเดือดร้อน ถ้าเป็นฉันนะ ขอแค่บอก ฉันพร้อมทิ้งทุกอย่างมาอยู่กับเธอแล้ว”
“พูดอะ-”
“เธอบอกว่ามันรู้จักเธอดี แล้วเธอล่ะ? รู้จักมันดีแค่ไหนพริกแกง”
คำถามของเขาทำเอาฉันเงียบ
นั่นสิ ฉันรู้จักพี่แทนดีแค่ไหนกันนะ ถึงจะคบกันมาเป็นปี แต่เราก็ไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกันเหมือนคู่รักคู่อื่น ต่างคนต่างมีหน้าที่ เขาทำงาน ส่วนฉันก็เรียน
ก่อนหน้านี้ที่ไม่เคยมองถึงจุดนี้ เพราะเราไม่เคยทะเลาะกัน ฉันเลยมองว่าเราเข้ากันได้ดีมาตลอด แต่หากมองย้อนกลับไปจริง ๆ ก็เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าเราคือคู่รักที่เชื่อใจกันและกันเกินไป...จนผิดปกติหรือเปล่า
“ไม่ใช่เรื่องของนาย มีอะไรก็พูดมา” สุดท้ายฉันก็เลือกเบี่ยงประเด็นไม่ตอบคำถามนั้น ปัดมือเขาทิ้ง แม้ในหัวจะเริ่มผุดคำถามขึ้นมามากมายก็ตาม
“หิวน้ำ”
“อีกแล้ว? ไหนว่ามาเรื่องข่าวไง”
“โกหก”
“ไอ้! เลิกเล่นลิ้นสักที มีอะไรก็พูดสิ”
ฟังกันที่ไหน เขาลุกเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำขึ้นมาเปิดดื่มอย่างสบายใจเฉิบ ทำเหมือนเป็นบ้านตัวเองขึ้นทุกวัน
“อีกเรื่องที่ฉันจะบอก” เขาวางขวดเปล่าลง สาวเท้าเดินมาใกล้ๆ "ฉันชื่อยูนิกซ์"
“แล้ว?” รู้ตั้งแต่วันที่เขาขับรถมาให้แล้วไหม ผู้หญิงคนนั้นเรียกชื่อเขาเสียงดังขนาดนั้น ถ้าหูไม่ได้หนวก ใครก็ได้ยิน
“ก็ไม่แล้วไง ตามมารยาท...เธอควรเรียกชื่อฉัน?”
“…ได้สิ ยูนิกซ์ พอใจยัง”
“พี่...” กดเสียงต่ำเชิงบังคับ
“พี่อะไร” ฉันขยับตัวออกจากหน้าหล่อที่ก้มลงมาพูดใกล้จนปากเกือบชิดแก้มกัน
“พี่ยู เรียกฉันพี่ยู ฉันอายุมากกว่าเธอหลายปีนะ”
“อย่ามาซี้ซั้ว มาหลอกให้เรียกพี่หรือเปล่าก็ไม่รู้” อีกอย่างนะ ดูการกระทำของตัวเองด้วย สมควรเรียกพี่ตรงไหน? ไม่เรียกไอ้ก็ถือว่าให้เกียรติแล้วนะ (แม้จะหลุดปากพูดไปหลายรอบแล้วก็ตาม)
“ต้องเรียกสิ”
“ไม่เรียกโว้ยยยยย” สาบานว่าฉันไม่เคยโวยวายใส่ใครแบบนี้มาก่อน แต่ตานี่มันกวนประสาท ฉันอดไม่ได้จริง ๆ ไม่รู้โดนอาถรรพ์อะไรถึงต้องมาเจอเขาอีกแบบนี้!
“โอเค ถ้าไม่เรียกก็อยู่แบบนี้แหละ”
“นี่!! ลุกออกไปนะ” ไม่ว่าเปล่า คนหน้ามึนยังเดินมาทิ้งตัวลงนั่งห่างจากฉันเพียงคืบ ไม่สนใจฉันที่มองตาเขียวปั๊ดแม้แต่น้อย ไม่พอนะ เขายังกวนประสาทกันด้วยการนั่งกดรีโมตทีวี เปลี่ยนช่องไปมาหน้าตาเฉย
ปวดหัวเลยให้ตายสิ!
เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่ระหว่างเราไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก มีเพียงเสียงรายการข่าวที่เขาเปิด ช่วยให้ห้องไม่เงียบจนเกินไป แต่ก็ยังอึดอัดใจอยู่ดี
ฉันแอบมองเขาเป็นระยะ เขาดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร มิหนำซ้ำยังดูพร้อมปักหลักอยู่ในห้องนี้ทั้งวันทั้งคืนอีกด้วย
เฮ้อ...เอาเถอะ แค่เรียกคนที่หน้าดูเหมือนจะเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน แถมนิสัยยังไม่น่าคบหาว่า ‘พี่’ คงไม่เป็นอะไรหรอก
ไม่สิ คงไม่มีอะไรน่าปวดหัวไปมากกว่านี้แล้วต่างหาก
“โอเค ๆ ยอมแล้ว เรียกก็เรียก!”
“...” ไม่พูด แต่แวบหนึ่ง เหมือนเห็นเขากระตุกยิ้มมุมปาก ไม่แน่ใจว่าฉันอคติจนตาฝาด หรือเป็นเพราะเขากวนประสาทสำเร็จถึงได้ยิ้มกวนโอ๊ยแบบนั้น
“พี่ยูกลับไปก่อน ฉันจะพักผ่อน”
“พริก...แทนตัวเองว่าพริก” ฉันเบะปากกลอกตามองบนกับความเยอะของคนข้าง ๆ พยายามระงับอารมณ์ที่เดือดปุด ๆ ไม่ให้ปะทุจนเรื่องไปกันใหญ่ จึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามฝืนยิ้ม ทำหน้าอ้อนเล็กน้อยแล้วพูดใหม่
“พี่ยูกลับไปก่อนนะ พริกอยากพักผ่อน”
อะไรอะ? เขาหันมามองหน้าฉันแต่ไม่พูดอะไร แบบนี้มันหมายความว่ายังไงฮะ
“ก็เรียกแล้วไง จะมองอะไรอีก” หรือหน้าฉันตอนฝืนพูดคำนั้นจะดูตลกเกิน?
“แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย”
เฮอะ! ฉันน่ารักตลอดแหละย่ะ ยกเว้นกับนาย
“ไม่มีอะไรแล้ว แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่”
“ฮะ?”
“ไปก่อนนะ บายครับน้องพริก”
ปึง
ช็อก! อึ้ง! อ้าปากค้าง
ชมฉันไม่ทันขาดคำ เขาก็ดันตัวลุกขึ้นเดินตรงไปที่ประตู โดยไม่ต้องรอใครอัญเชิญซ้ำ คำบอกลาแสนจะกวนประสาทนั้นจบลง พร้อมกับประตูห้องที่ปิดสนิทลง
สองครั้งแล้วนะที่เขาทำแบบนี้ เป็นไบโพลาร์หรือเปล่าเปลี่ยนอารมณ์ไวเกิ๊น! หรือจะเป็นวัยทองก็ไม่น่าใช่
อ้อ เรียกคนบ้าน่าจะถูกต้องกว่ามั้ง (?)
ภาวนาอย่าให้เขาคิดอะไรกับฉัน แบบที่แผ่นดินมันบอกเลยนะ ฉันไม่นึกพิศวาสคนพิลึกพิลั่นแบบหมอนั่นแน่
นอกจากจะไม่ใช่สเปกแล้ว นิสัยแปลก ๆ นั่น ยังน่าติ๊กถูกทุกข้อว่าเป็น “นิสัยคนที่เกลียดขี้หน้า” อีกต่างหาก
ฉันไม่ชอบเขาเลย!
~ End Phikkaeng Part ~
- 10 ปีต่อมา -“เฮียขา ~”“ว่าไงครับคนสวย” ร่างสูงย่อตัวนั่งยองบนส้นเท้า กางแขนรอรับร่างลูกสาวคนสวยที่วิ่งยิ้มแป้นผมปลิวมาแต่ไกล ด้านหลังเด็กสาวผมเปียมีหนุ่มน้อยผิวขาวจัดตัดผมสีน้ำตาลธรรมชาติ ดวงตาคม รับกับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อที่ทำเพียงยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้พูดอะไรหลังจากลูกสาวคนแรกคลอดได้ไม่ทันครบปี พริกแกงก็ตั้งท้องลูกชายอีกคน คราแรกยูนิกซ์ค้านหัวชนฝา เพราะไม่อยากเห็นแม่ของลูกต้องทรมานอีก แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเมียรักอยู่ดีทว่ารอบนี้มีการปรึกษาหมออย่างละเอียด และโชคดีที่เจ้าลูกชายเป็นเด็กดีตั้งแต่อยู่ในท้อง ไม่มีใครแพ้ท้องอาเจียนจนเป็นลมล้มพับเหมือนตอนท้องลูกสาว มีเพียงภรรยาที่ติดกลิ่นสามี ต้องตามติดแจไปไหนไปกัน ซึ่งเขาชอบมากที่เป็นอย่างนั้น ส่วนตอนคลอดเจ้าหนูก็คลอดง่ายดายต่างจากยัยแสบลิบลับฮันนี่ พรรณิกา เรเลอร์ตัน เด็กสาวแก้มป่องกับผิวขาวอมชมพูที่ใครเห็นก็อยากฟัด สีผมและนัยน์ตาดำสนิทเหมือนผู้เป็นพ่อ ตากลมโตฉายแววความดื้อรั้นมาตั้งแต่ยังไม่ทันครบขวบดี ปากนิดจมูกหน่อยดูจิ้มลิ้ม เป็นเด็กสดใสร่าเริง ไม่กลัวคน ไม่ยอมใคร แสบเหมือนแม่ แต่ติดความกวนนิด ๆ เหมือนพ่อ เป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญ
“ฮะ...เฮีย ฮึก”“คนดีเป็นอะไรครับ?” เสียงร้องเบา ๆ ทว่าเจ็บปวดจากคนตัวเล็ก ปลุกคนที่กำลังหลับใหล ให้ดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจสุดขีดหมอคินกำชับนักกำชับหนา ช่วงนี้ให้ดูแลพริกแกงอย่างใกล้ชิด แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคืนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่มีสัญญาณเตือนอะไรอย่างที่ไอ้หมอบอกไว้ ดีที่เขาพยายามตื่นตัวและเตรียมความพร้อมตลอดเวลา“นะ...หนูเจ็บ”“อดทนหน่อยนะครับ” เสียงสั่นเทาเอ่ยปลอบทั้งภรรยาตัวเล็กและตัวเอง เขาพยายามตั้งสติห้ามมือไม้ไม่ให้สั่น แม้จะเตรียมตัวตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่เอาเข้าจริง เขากลับตื่นเต้นจนแทบทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นชุดนอนเมียรักเปียกชุ่มไปด้วยน้ำคร่ำ อกด้านซ้ายยิ่งสั่นระรัวเหมือนจะหลุดออกจากอกยูนิกซ์จำคำเตือนของไอ้หมอได้ขึ้นใจ เมื่อไหร่ที่พริกแกงมีอาการน้ำเดิน นั่นหมายความว่า มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เจ้าตัวน้อยจะออกมาลืมตาดูโลกภายในสิบสองชั่วโมง ถ้าเป็นแบบนั้นก็แสดงว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เขาจะได้เจอหน้าคนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่ยังไม่เคยเจอกันสักครั้งว่าที่คุณพ่อทั้งตื่นเต้น ดีใจ และตกใจแต่ก็ไม่ลืมช้อนอุ้มภรรยาขึ้น กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากห้องด้วยความระมัดระวัง โดยมี
“ค่อย ๆ ลุกนะคะคุณยู มาค่ะดิฉันช่วย”“ปล่อยครับ ผมลุกเองได้ ทำไมกูมาอยู่ที่นี่ได้วะ แล้วเมียกูไปไหน ไอ้เจฟ!” เอ่ยปฏิเสธคนที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยพยุง เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นมาถูกเนื้อต้องตัว แม้จะเป็นพยาบาลก็ตาม ก่อนประโยคหลังจะหันมาถามคนสนิท แต่คนที่ยืนอมยิ้มในความหวงตัวของเจ้านายกลับไม่ทันตอบ เสียงระคายหูของคนมาใหม่ ก็ทำให้คนที่เพิ่งพยุงตัวเองลุกพิงหัวเตียงได้ตวัดตามองไม่พอใจ“ตื่นมาก็ร้องหาเมียเลยนะมึง”ทำไมนอกจากหน้าไอ้เจฟ ตื่นมาคนที่เจอต้องเป็นมัน! คนที่เขาไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุดตอนนี้ด้วย! โชคดีที่โผล่มาแค่ตัวเดียว ถ้าอีกคนมาด้วย มันคงหัวเราะเยาะเขาจนเสียงแหบหรือไม่ก็คอแตกตายไปแล้วมั้ง“มึงมาทำไมไอ้เจย์”“มาดูคนกระจอก” ตอบเสียงนิ่ง พลางปัดหน้าจอดูงานทำเป็นไม่ใส่ใจ แตกต่างจากความเป็นจริงพอเขารู้ข่าวว่าน้องชายถูกหามส่งโรงพยาบาลก็รีบมาดู แต่สภาพน่าอดสูของมัน กลับทำเขาอดยิ้มเยาะในความน่าสมเพชไม่ได้เกิดมาตากแดดตากลม อดหลับอดนอนลากยาวติดต่อกันแค่ไหนไอ้ยูก็ไม่เคยป่วย แต่วันนี้มันกลับโดนเสียบสายน้ำเกลือเพราะแพ้ท้องแทนเมีย ผู้ชายห่าอะไรแพ้ท้องหนักไม่พอ ยังเหม็นกลิ่นตัวเองหนักถึงขนาดเป็น
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่าตัวเล็ก” เสียงทุ้มเอ่ยถามภรรยาด้วยความห่วงใยเขายืนหวีผมให้เมียรักเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำก่อนนอนทุกวัน ทว่าวันนี้กลับสังเกตเห็นใบหน้าหวานที่สะท้อนผ่านกระจกมีสีหน้าเศร้าหมองเหมือนคนคิดไม่ตก ทำให้อย่างยูนิกซ์อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้เขาชอบเห็นใบหน้าสวย ๆ ของภรรยาประดับไปด้วยรอยยิ้มมากกว่า ไม่ชอบใบหน้าอมทุกข์อย่างเช่นตอนนี้เลยสักนิดพริกแกงจับมือใหญ่ของสามีที่วางอยู่บนบ่า พลางบีบเบา ๆ สบสายตาคมผ่านกระจกบานใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะระบายลมหายใจหนัก หันมาเอ่ยกับคู่ชีวิตด้วยเสียงแผ่วเบาไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเก็บมาคิดหรือใส่ใจ“จู่ ๆ ช่วงนี้หนูก็คิดถึงข้าวฟ่างขึ้นมา ผ่านมาเป็นปีแล้ว ไม่รู้เธอจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างนะคะ”“หนูเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นเหรอ”“ก็มีบ้างค่ะ” หากไม่นับเรื่องแทนไท ข้าวฟ่างก็นับเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง เธอกับข้าวฟ่างคอยช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันมาตลอด แต่เพราะอีกคนพลาดที่มอบหัวใจให้คนผิด ไปรักผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เรื่องมันถึงต้องจบลงแบบนั้น แต่ถึงจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ เธอก็ไ
“ทำอะไรอยู่ครับ หืม?” คุณสามีที่เพิ่งกลับมาจากทำงาน เดินเข้าไปสวมกอดภรรยา พร้อมกดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มนิ่มฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงนับวันเขายิ่งรู้สึกทั้งรักทั้งหลงยัยตัวเล็กมากขึ้นทุกวัน กลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ พอได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงคนในอ้อมแขน ได้สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนผมนุ่ม ก็ทำให้ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันหายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง“อ่านบันทึกค่ะ”“ไม่เบื่อเหรอ เฮียเห็นหนูอ่านแทบทุกวัน”“ไม่เบื่อค่ะ ก็มันเป็นจุดเริ่มต้นของเรานี่คะ” เสียงหวานเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน พริกแกงไม่เคยลืมเลือน เธอสามารถอ่านมันได้ซ้ำ ๆ ทุกวันไปตลอดชีวิต ทุกตัวอักษรคือเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์ก่อนที่เราสองคนจะสมหวัง แล้วเธอจะเบื่อได้อย่างไรไม่มีทาง“แต่ตอนนี้หนูหยุดอ่าน แล้วมาช่วยเฮียก่อนได้มั้ยครับ?”“หือ ช่วยอะไรคะ”“อาบน้ำให้เฮียหน่อยค่ะคนดี”“...แต่หนูเพิ่งอาบไปเองนะ”“อาบแล้วก็อาบอีกได้ มาครับเมีย เฮียจะทำความสะอาดให้ทุกซอกทุกมุมเลย” แม้จะทำสีหน้าเหมือนไม่ยินยอมกับคำพูดสองแง่สองง่ามของสามี แต่เธอก็อ้าแขนออกกว้างให้เขาเข้ามาอุ้ม เรียกรอยยิ้มเอ็นดูได้ไ
“มันกวนตีนแบบนี้มานานแล้วน้องรัก เธอแค่ยังไม่เห็น!”“ถ้ามึงไม่หยุด ผมจะโทร. บอกเมียคุณนะ”“โอ๊ย ถ้าขึ้นมึงแล้ว ก็ไม่ต้องผม ๆ คุณ ๆ หรอกเพื่อนรัก” พี่เขยเอ่ยเย้า แต่พอเห็นน้องเขยในคราบเพื่อนสนิททำท่าขอโทรศัพท์จากการ์ดด้านล่าง ชานนท์ก็รีบรูดซิปปาก แล้วกลับไปนั่งเงียบ ๆ ข้างเจนิกซ์แต่โดยดี“น้องมึงแม่งชอบขู่”“กูก็โดน” พอได้ฟังเจนิกซ์ตอบก็ยิ่งต้องเงียบเสียงกว่าเดิมพี่มันยังไม่เว้น แล้วเพื่อนจะเหลืออะไรล่ะคร้าบ“กลับมาต่อนะครับ เหตุผลแค่นี้เองเหรอเนี่ยที่ทำให้เธอจำพี่ใจดีไม่ได้? งั้นพี่ช่วยตอบเพื่อนผมหน่อยสิว่าทำไม”“ที่ผิวคล้ำ เพราะช่วงนั้นบ้าเล่นเซิร์ฟครับ ครั้งแรกที่เราเจอกัน พี่ก็เพิ่งกลับจากแข่งเซิร์ฟ ส่วนทำไมผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นถึงเป็นสีน้ำเงิน มันเป็นของแจกน่ะ พี่ได้มาตอนไปลงทะเบียนแข่งครับ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก แล้วปล่อยให้เข้าใจผิดตั้งนาน ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงชอบกวน...” ยูนิกซ์ลดไมค์ลงครู่หนึ่ง ก้มลงไปใกล้ใบหูสีแดงของว่าที่ภรรยา เขาพูดเสียงกระซิบทว่ายกไมค์ขึ้นจ่อปากไว้“พี่กวนเฉพาะคนสนิท แต่กับหนู...พี่อยากกวนทั้งตัวทั้งใจเลยครับที่รัก”หลังส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอเสร็จ แขกเหรื่อแล