Mafia Part
. ผมยืนกอดอกรออีกฝ่ายอย่างใจเย็น ห้องน้ำที่นี่แบ่งแยกชายหญิงชัดเจนไม่ได้ห่างกันมากนักแต่ปลอดภัยกว่าที่อื่นหลายเท่า ช่วงเวลานี้มีคนเดินมาเข้าห้องน้ำประปราย แต่ถึงอย่างนั้นมีผู้หญิงหลายคนพยายามเข้ามาชวนคุยด้วย ผมไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ตอบรับ เมื่อพวกเธอรู้สึกว่าสิ่งที่ทำมันไร้ประโยชน์ก็ยอมเดินจากไปเอง นี่คือวิธีรับมือผู้หญิงในแบบของผม ผู้ชายเย็นชาที่หลายคนคิดว่าน่าค้นหา แต่แท้จริงแล้วก็คือผู้ชายไร้ความรู้สึกและน่ารำคาญคนหนึ่งเท่านั้น ผู้หญิงที่ต้องการจะเข้ามาในโลกของผมส่วนมากมักจะทนไม่ไหวและเป็นฝ่ายถอยออกไปเอง เพราะฉะนั้นผมจึงเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงเท่าไหร่นัก ตึก ตึก ตึก รองเท้าส้นสูงสีน้ำเงินเข้มมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม กลิ่นหอมจาง ๆ ที่แสนคุ้นเคยทำให้ผมรู้ทันทีว่าคนที่ยืนอยู่คือใครโดยไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมอง “นายกำลังใช้วิธีสกปรกบังคับฉัน” “ฉันเปล่า” “แต่นายกำลังทำ!” ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่เริ่มอารมณ์เสีย นับดาวมีนิสัยคล้ายผมหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องเก็บอารมณ์ทุกอย่างไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งเรียบหรือบางครั้งก็เชิดรั้นถือดีนั้น ไม่บ่อยนักหรอกที่เธอจะแสดงความรู้สึกออกมาให้ใครเห็น อ้อ ยกเว้นเวลาอยู่บนเตียงน่ะนะ “ไปคุยกันที่รถ” สิ้นคำของผมนับดาวก็สะบัดหน้าและเดินนำไปทันที ไม่จำเป็นต้องบอกเธอก็รู้ว่ารถคันไหนคือคันของผม ก็เธอได้เป็นตุ๊กตาหน้ารถมาแล้วทุกคัน ถ้าไม่รู้คงเสียชื่อหัวกระทิแห่งการตลาดแย่ “นายทำแบบนี้ทำไม” ทันทีที่ประตูรถปิดลงยัยตัวแสบก็หันมาจวกผมต่อทันที ใบหน้าที่ตกแต่งสวยงามฉายแววไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ฉันทำอะไร” “ทำอะไรงั้นหรอ” เธอส่งเสียงเฮอะในลำคอ “นายกำลังขู่ฉันด้วยวิธีสกปรก” “เธอจงใจหลบหน้าฉันก่อน” “ฉันไม่ได้ทำ” “เธอทำ” ผมยังตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “เป็นอาทิตย์แล้วนะที่เธอเลี่ยงที่จะมาหาฉัน “ฉันมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ เรามันไม่มีข้อผูกมัดอยู่แล้ว ในเมื่อฉันไม่อยากแล้วฉันจะไปหานายทำไม” ถ้อยคำที่ทำเหมือนว่าผมเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์ทางเพศทำให้ผมไม่พอใจ และยิ่งโกรธขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเปิดประตูรถเพื่อหนีหน้าผมอีกครั้ง แต่โทษที เธอหมดโอกาสหนีตั้งแต่วินาทีที่เธอก้าวขึ้นมาบนรถของผมแล้ว หมับ! “นี่ ปล่อยนะ” “ไม่อยากใช่ไหม” ผมดึงเธอเข้ามาใกล้จนอกอวบที่ผมชอบเสียดสีกับแผ่นอกกว้างของผมไปมา “ฉันจะทำให้เธออยากเอง อยากจนต้องร้องขอมันจากฉันทั้งคืนเชียวล่ะ นับดาว” “ไม่นะ อื้อ!” ผมเบื่อที่จะฟังถ้อยคำปฏิเสธจากเธออีกแล้ว ผมใช้ปากของตัวเองประกบลงบนริมฝีปากสีแดงของเธอทันที รสชาติลิปสติกทำให้ผมรู้สึกไม่ชอบใจนัก แต่เมื่อมีความนุ่มหวานของเธอมาหักล้างก็ถือว่าพอรับได้ ร่างในอ้อมกอดดิ้นไปมาอย่างไม่ยินยอมเพียงไม่กี่วินาทีก็อ่อนลง ผมอาศัยจังหวะนั้นส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอออย่างรวดเร็ว เรียกเสียงครางเบา ๆ จากในลำคอของเธอได้เป็นอย่างดี รสชาติค็อกเทลหวาน ๆ ทำให้ภายในของนับดาวหวานกว่าที่เคย ผมรีบใช้ลิ้นร้อน ๆ สำรวจรสชาติแปลกใหม่ไปทั่วและเก็บเกี่ยวความหวานนั้นมาเป็นของตัวเองอย่างเห็นแก่ตัว รอเพียงไม่นานลิ้นเล็ก ๆ ที่แสนซนก็เริ่มส่งเข้ามาในโพรงปากของผมบ้าง นับดาวยกแขนขึ้นคล้องคอผมพร้อมจูบตอบอย่างคุ้นเคย ผมใช้จังหวะที่ไม่ต้องยึดตัวของเธอเลื่อนมือไปสัมผัสผิวเนื้อด้านหลังที่แสนนุ่มลื่นไปมาเบา ๆ และในตอนนั้นเองที่ผมได้รู้ว่าชุดเดรสรัดรูปของเธอเปลือยหลังไปเกินครึ่ง ตอนที่เห็นนับดาวในผับ ด้วยแสงที่มีน้อยและผมยาว ๆ ของเธอที่ปิดไว้ทำให้ผมไม่สามารถเห็นชุดที่เธอใส่ได้ชัดเจนมากนัก พอมาได้รู้ทีหลังแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดยิ่งขึ้นไปอีก เธอไม่เคยระวังตัวเลยเวลาไปไหนมาไหนกับกลุ่มสายรหัส ทั้ง ๆ ที่ไอ้เมฆจ้องจะกลืนกินร่างเพรียวบางนี้ทั้งตัวขนาดนั้น ผมระบายความหงุดหงิดทั้งหมดด้วยจูบที่เร้าร้อนกว่าเดิม มือหนาใหญ่ลงแรงบีบเนื้อตัวของนับดาวด้วยน้ำหนักที่มากกว่าปกติ ถือเป็นการลงโทษคนที่แต่งตัวโป๊ออกมาในสถานที่ที่มีแต่เสื้อและจระเข้แบบนี้ นับดาวทุบอกผมเมื่อเริ่มตอบสนองจูบและหายใจไม่ทัน ผมยอมผละริมฝีปากออกเพื่อให้อีกคนได้พักหายใจ ก่อนจะอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นสภาพของคนตรงหน้า “จะฆ่ากันหรือไง” เธอเอ่ยถามเสียงสั่น ริมฝีปากที่เคยแดงเพราะลิปสติกตอนนี้กลับแดงเพราะแรงดูดดึงจากผม ผมที่ดัดมาสวยงามฟูนิด ๆ ดวงตาที่เคยเฉี่ยวสวยตอนนี้ฉ่ำไปด้วยน้ำตาของความต้องการ “ลงโทษ” “ลงโทษ?” “ใครบอกให้แต่งตัวแบบนี้” “ไม่เห็นจำเป็นต้องมีใครบอก ฉันโตแล้ว จะแต่งแบบไหนก็ได้” “เถียงคำไม่ตกฟาก อยากโดนจูบจนหายใจไม่ทันอีกใช่ไหม” คำขู่ไม่จริงจัง(แต่ถ้าได้ก็เอา)นั้นทำให้นับดาวยกมือขึ้นปิดปากเหมือนเด็ก ๆ “แล้วนี่โนบราด้วยใช่ไหม” ผมถามพร้อมมองทรวงอกที่ดันเนื้อผ้าออกมา เมื่อกี้ที่ลูบหลังเธอทำให้รู้ว่ามันไม่ได้มีสายของบราเซียอย่างที่เคย “เธอนี่มัน...” “ชุดแบบนี้ใครเขาใส่บรากันล่ะ อ๊ะ” ปากที่เถียงฉอด ๆ หุบลงทันทีที่ผมดึงตัวเธอขึ้นมาบนตัก รถที่กว้างขวางทำให้ผมสามารถทำอะไร ๆ ได้สะดวก รวมถึงสามารถรังแกคนที่อยู่บนตักได้อีกด้วย “ทำอะไรของนาย ปล่อยฉันลงนะ” “ไม่ปล่อย” “ฉันต้องกลับเข้าไปข้างในนะ อ๊ะ อย่าจับ” ผมทำเป็นหูทวนลมกับคำห้ามปรามพร้อมเสียงครางของเธอ มือที่ไม่ได้สัมผัสความนุ่มเด้งมานานตะปบเข้าที่ทรวงอกของอีกฝ่ายด้วยแรงที่ไม่เบานัก และสัมผัสที่ได้รับทำให้ผมหอบหายใจแรง เธอโนบราจริง ๆ ไม่ได้ใส่แม้กระทั่งบราปีกนกเหมือนที่ผู้หญิงทั่วไปใส่เวลาใส่ชุดที่ไม่สามารถใส่บราได้ นับดาวเป็นคนหน้าอกสวย ต่อให้ไม่ใส่บราดันทรงหน้าอกก็ไม่หย่อนคล้อยทั้ง ๆ ที่มีขนาดเกินตัว เธอจึงกล้าที่จะโนบราเพราะมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง เรื่องนั้นผมรู้ดี... “เธอนี่ ทำให้ฉันโมโหได้ง่าย ๆ เลยจริง ๆ” ผมลงน้ำหนักบนอกอวยสองข้างแรงขึ้น ชุดที่เปิดเผยเนื้อตัวของนับดาวทำให้ผมสามารถลวนลามร่างกายนี้ได้อย่างง่ายดาย เพียงไม่นานมือทั้งสองข้างของผมก็ได้สัมผัสเนื้อที่ไร้ผ้ากั้นของเธอ “นี่อะไร” ผมเอยถามพลางสะกิดอะไรบางอย่างนิ่ม ๆ ที่แปะอยู่กลางความอวบอิ่มด้วยความสงสัย “ที่แปะหัวนมไง ฉันไม่ได้ใจกล้าพอจะไม่ปิดอะไรเลยอย่างที่นายคิดหรอกนะ อ๊ะ อย่าดึงออกนะเฟีย” คำห้ามนั้นไม่ได้เข้าหูผมซักนิด ผมดึงสิ่งกีดขวางนั้นออกกอย่างไม่ใยดี ก่อนจะใช้ปลายนิ้วสะกิดลูกเชอรี่แสนหวานที่นุ่มนิ่มไปมาเร็ว ๆ ใช้เวลาเพียงไม่นานลูกเชอรี่ก็ตั้งชันสุกก่ำพร้อมกิน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ผมไม่คิดจะมีอะไรกับนับดาวในรถ นับดาวไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต ผมซุกหน้าลงบนคอขาวผ่องของนับดาว กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอทำให้รู้สึกผ่อนคลาย “ชอบไหม” “อื้อ เฟีย ไม่ทำในนี้” “สบายใจได้” ผมลงแรงที่ปลายนิ้วให้หนักขึ้น “ฉันไม่ทำในนี้หรอก เธอต้องสุขสมบนเตียงของฉันเท่านั้น”Napdao Part . วันนี้เป็นอีกวันที่ฉันมาเยี่ยมคุณย่าของมาเฟีย ท่านร่างกายแข็งแรงขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังต้องฝึกเดินให้มาก ๆ เพื่อจะกลับมาเดินได้แข็งแรงตามปกติ ซึ่งการกายภาพต่าง ๆ จะมีนักกายภาพโดยเฉพาะมาดูแล แต่ถ้าวันไหนฉันมาเยี่ยมตอนที่ท่านกำลังทำกายภาพพอดี ฉันก็จะแย่งหน้าที่นั้นมาเป็นของตัวเอง แล้วก็จะโดนคุณย่าของมาเฟียบ่นจนหูชา วันนี้ก็เช่นกัน... “จุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง” “หนูแค่อยากดูแลคุณย่านี่คะ หนูทำเป็น ถามคุณนักกายภาพก็ได้ค่ะว่าหนูทำถูกหรือเปล่า” ฉันหันไปหานักกายภาพที่ยืนอยู่ไม่ไกลก่อนจะเอ่ยถาม “ฉันทำถูกใช่ไหมคะคุณหมิว” “ถูกแล้วค่ะคุณนับดาว” “เห็นไหมล่ะคะ” “ต่อปากต่อคำเก่งนักนะ” ท่านดุไม่จริงจังนัก แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามที่ฉันบอกแต่โดยดี ช่วงเวลาของกายภาพจบลงไปท่ามกลางเสียงเถียงกันของฉันกับคุณย่า ซึ่งบางครั้งก็ทำให้คนในบ้านยิ้มออกมา ฉันจะถือว่ามันเป็นเรื่องราวดี ๆ ก็แล้วกัน... “โทรมาไม่รับ” เสียงทุ้มที่คุ้นหูทำให้ฉันหันกลับไปมอง มาเฟียที่อยู่ในชุดนักศึกษาไม่ได้สุภาพมากนักยืนอยู่ไม่ไกล ก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้ามาหา และเอ่ยทักคุณย่าที่นั่งพักอยู่ “สวัสดีครับคุณย่า วันนี้เป็นอย่างไ
Napdao Part . สวนของโรงพยาบาลคือที่ ๆ หญิงสาวคนนั้นเดินนำลงมา ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นว่ามันคือที่สาธารณะ ฉันอาจจะดูหนังมากไปหน่อย แต่มันก็อดกังวลไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะมาดีหรือมาร้าย เพราะตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงนิสัยไม่ดีที่กำลังแย่งคู่หมั้นของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ถ้าเธออยากเอาคืนก็ไม่แปลก “คุณนับดาว” “คะ" “คุณคบกับพี่มาเฟียมานานหรือยังคะ” ใบหน้าสวยหวานจ้องมองมาที่ฉันอย่างนิ่งเรียบ สายตาคู่นั้นมันราบเรียบจนฉันเดาไม่ถูกว่าเธอมาดีหรือมาร้าย หรือกำลังต้องการอะไรกันแน่ “ถามทำไมคะ” ฉันเองก็มองหน้าอีกฝ่ายไม่ละสายตาเช่นกัน พยายามเก็บซ่อนความกังวลไว้ข้างในเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ “ฉันถามไม่ได้หรือคะ” เธอเอียงหน้าเล็กน้อยเหมือนกำลังสงสัย “ในฐานะ...คู่หมั้นของแฟนคุณ” คำว่าคู่หมั้นที่เธอใช้ตอกหน้าทำให้ฉันหน้าชา ใช่สิ ฉันลืมไปได้ยังไงว่าอีกฝ่ายคือคู่หมั้น คือคนที่มาก่อนหน้าฉันตั้งหลายปี “รู้จักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง คบกันได้เดือนเดียวค่ะ” ฉันตั้งใจเล่าข้ามเรื่อง Friend With Benefit ไป มันไม่จำเป็นต้องพูดถึงให้ตัวเองเสียหายนี่ “ฉันถูกวางตัวให้เป็นคู่หมั้นพี่มาเฟียตั้งแต่อา
Napdao Part . เราใช้เวลาหลังจากเซอร์ไพรส์วันเกิดด้วยกันโดยที่ไม่มีเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้อง เรานอนกอดกัน และพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องที่ต่างคนต่างพบเจอระหว่างที่แยกห่าง และนั่นทำให้ฉันรู้ว่าคุณย่าของมาเฟียเข้าโรงพยาบาลในวันเดียวกับที่เราทะเลาะกัน “ท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่า” “เส้นเลือดในสมองแตก ต้องผ่าตัด” “...” ฉันได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความกังวล ฉันไม่รู้อะไรเลย ไม่ได้อยู่เคียงข้างในช่วงเวลาที่เขาทุกข์ที่สุด แถมยังเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มาเฟียเครียดด้วยซ้ำ “ทำหน้าแบบนั้นทำไม มันผ่านมาแล้ว ตอนนี้ย่าฉันดีขึ้นมากแล้ว" มาเฟียกดนิ้วโป้งลงบนหัวคิ้วของฉันเพื่อให้มันคลายออก "วันนี้ท่านฟื้นขึ้นมา และหมอก็บอกว่าท่านจะกลับมาเป็นปกติ แต่อาจจะต้องใช้เวลาซักระยะในการฟื้นตัว” “ฉันเสียใจ...ที่ฉันไม่รู้อะไรเลย” “ไม่เป็นหรอก มันผ่านมาแล้ว” มาเฟียรั้งคอฉันเข้าไปหา ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากของฉันหลายครั้ง “พรุ่งนี้ไปเยี่ยมท่านไหม ฉันอยากแนะนำเธอให้ท่านรู้จัก” “จะดีเหรอ ท่านอาจจะไม่ชอบฉัน ไหนจะคู่หมั้นนายอีก” “ถ้าเราอยากคบกัน เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้” มาเฟียมองฉันด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะจับมือฉันไว้ “
Mafia Part . “นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว” ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่เท้าก้าวที่เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างมั่นคงน่าจะเป็นคำตอบที่ดังและชัดเจนที่สุดแล้ว นับดาวยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาสวยมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอจนใจผมปวดไปหมด ไม่อยากเห็นน้ำตานั้น ไม่อยากเห็นเธอร้องไห้อีกต่อไปแล้ว “ฮึก” นับดาวปล่อยเสียงสะอื้นออกมาเมื่อผมแตะลงบนแก้มนวล น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงมาทันที ก่อนที่หยดสอง สาม สี่ ห้า จะไหลตามกันลงมาเหมือนถูกเก็บไว้เนิ่นนาน และถูกระบายออกมาในวันนี้ “ไม่ร้อง” “ฮึก”เมื่อได้ยินแบบนั้นนับดาวก็เม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น แต่น้ำตาสีใสก็ยังไหลออกมาไม่ขาดสาย ผมดึงร่างบางเข้ามากอดเพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นน้ำตาของเธออีกต่อไป นับดาวรีบกอดผมกลับจนแน่นเหมือนกลัวว่าผมจะหายไป เราทั้งสองคนยืนกอดกันอยู่แบบนั้นท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน และเหมือนว่าสายลมนั้นกำลังหอบเอาทิฐิในใจผมไปด้วย เพราะตอนนี้หัวใจของผมมันเต้นแรงและพร้อมจะกลับไปหาเจ้าของตัวจริงเต็มทน “ไหน” ผมดันร่างบางออก ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างกุมแก้มเธอไว้ และส่งยิ้มให้เธอบาง ๆ “แต่งหน้ามาซะสวย แต่ดันร้องไห้เป็นเด็ก ๆ” “ฉันคิดถึงนาย” “ฉันก็คิดถึงเธอ” ไม่ม
Mafia Part . สองอาทิตย์หลังจากวันที่ผ่าตัด ผมได้รับข่าวดีจากคุณหมอในเช้าวันหนึ่งว่าคุณย่ารู้สึกตัวแล้ว และได้รับข่าวดีที่สองเมื่อหมอตรวจจนละเอียดแล้วพบว่าสภาพร่างกายของคุณย่าฟื้นตัวดี ไม่เสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตอย่างที่กลัว แต่เพราะท่านนอนไปนานจึงทำให้ร่างกายอ่อนแรง และต้องทำกายภาพจนกว่าจะหายดีและกลับมาเดินได้ปกติ อาจจะใช้เวลายาวนานหรือสั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย ซึ่งแค่นั้นมันก็เป็นข่าวดีมากสำหรับผมแล้ว เราทั้งสองคนยังไม่ได้คุยอะไรกันมากกว่าถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ผมไม่รู้จะเริ่มคุยกับท่านอย่างไร บรรยากาศระหว่างเราอึดอัดจนแม้แต่พยาบาลที่เข้ามาเช็กอาการยังสัมผัสได้ ผมได้แต่นั่งมองท่านที่เหม่อมองไปนอกระเบียงเหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ก๊อก ก๊อก “สวัสดีครับคุณย่า” เสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมหันกลับไปมอง ไอ้คริสยืนยิ้มกว้างและถือของเยี่ยมเต็มไม้เต็มมือ “ไหว้พระเถอะ” ย่าเอ่ยด้วยเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อย “ไปไงมาไงล่ะเรา” “ผมมาเยี่ยมคุณย่าบ่อย ๆ ครับ วันนี้ก็มาปกติ แต่ไม่คิดว่าจะโชคดีได้เห็นว่าคุณย่าฟื้นแล้ว” คริสเดินเข้ามาใกล้เตียงก่อนจะพูดกับท่านด้วยรอยยิ้ม ย่
Napdao Part . “คิดอะไรอยู่” “แม่...มาไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเลยค่ะ หนูตกใจ” “หนูตกใจเพราะมัวแต่เหม่อมากกว่าม้าง เพราะว่าแม่เดินมาเสียงออกดังนะ” หญิงวัยกลางคนว่าพร้อมรอยยิ้มใจดี ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนชิงช้าตัวเดียวกับฉัน มือที่อบอุ่นเสมอลูบผมฉันเบา ๆ “เป็นอะไร กลับมาบ้านหลายวันแล้ว แม่เห็นเราออกมานั่งดูดาวอยู่แบบนี้ทุกวันเลย” “แค่อยากลองมานั่งตรงที่ ๆ อยู่ในฝันของแม่ก่อนตั้งท้องหนูค่ะ” ฉันตอบแม่ แต่ยังไม่ยอมละสายตาจากดวงดาวบนท้องฟ้า ชิงช้าตัวนี้เป็นตัวที่แม่เล่าให้ฟังว่าท่านฝันเห็นเด็กผู้หญิงผิวกายขาวกระจ่างคนหนึ่งมานั่งนับดาวกับท่านตรงนี้ หลังจากฝันนั้นไม่นานแม่ก็ตั้งท้อง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อนับดาวที่แม่ตั้งให้ฉัน อันที่จริงชิงช้าตัวนี้ไม่ได้มีมาก่อนหน้าที่แม่ฝัน แต่พอแม่ตั้งท้องพ่อก็จัดการทำชิงช้านี้ขึ้นมา เพื่อเป็นของขวัญให้เด็กในฝันที่แม่มั่นใจว่าต้องมาเกิดเป็นลูกตัวเอง พ่อกับแม่แต่งงานกันหลายปีแต่ไม่มีลูกและรอคอยมาตลอด เพราะฉะนั้นท่านจึงดีใจมากที่รู้ว่าตั้งท้อง “เมื่อก่อนหนูตกชิงช้าตัวนี้ด้วยนะ” “จริงหรือคะ ไม่เห็นจำได้เลย” “จริงสิ แต่ก่อนนับดาวของแม่ซนมาก อยู่นิ่งไม่ได้เลย ต