Mafia Part
. ‘ตามใจนายสิ’ นั่นคือประโยคสั้น ๆ ที่ผมได้รับหลังจากนั้นเกือบห้าชั่วโมง และเพราะประโยคนั้นตอนนี้ผมถึงได้มาอยู่ที่ผับของพี่ชายเนตั้น ข้างกายที่ไม่ได้มีใครจับจองมาหลายเดือนมีใครบางคนนั่งอยู่ หล่อนพยายามเอาอกเอาใจผมสารพัด ซึ่งผมก็หันไปคุยด้วยบางครั้งที่โดนตื้อมาก ๆ แต่เพราะกลิ่นน้ำหอมของเธอฉุนจนขึ้นสมองเหมือนแช่ด้วยน้ำหอมมาหลายปี ทำให้ผมไม่ค่อยถูกใจในตัวเธอมากนัก แม้รูปร่างหน้าตาจะตรงตามที่ชอบแค่ไหนก็ตาม “มาเฟียศีลแตกแล้วหรอวะ” ผมหันไปมองคนที่เพิ่งมาถึงด้วยสายตาเย็นชา ทำเป็นไม่รู้สึกอะไรเมื่อโดนแซว แหงล่ะ ผมไม่ได้ควงสาวมาหลายเดือนจนเพื่อน ๆ พากันเข้าใจว่าผมกำลังหันหน้าเข้าสู่ทางธรรม พวกมันเลยรวมหัวกันวางแผนชวนผมออกมาเที่ยวไม่เว้นอาทิตย์ โดยเฉพาะไอ้คริสที่พยายามหาสาวมาบริการผมตลอด ๆ ทั้ง ๆ ที่ผมบอกว่าไม่ต้องการ นี่ถ้าผมจะหันหน้าเข้าสู่ทางธรรมจริง ๆ ไม่ต้องเดาเลยว่าใครจะบาปหนาที่สุด พอมาวันนี้พวกมันเห็นผมนั่งอยู่ข้างผู้หญิงก็พากันล้อเลียน เล่นเอาสาวเจ้าเขินม้วนเพราะคิดว่าตัวเองมีเสน่ห์จนทำให้ผมหันกลับมาสนใจผู้หญิงได้ ซึ่งผมก็ไม่ใช่คนที่จะมานั่งปฏิเสธอะไรแบบนี้อยู่แล้วจึงปล่อยเลยตามเลย อยากคิดอะไรก็ช่าง เพราะความจริงมีเพียงแค่ผมเท่านั้นที่รู้ “แล้วนี่เนตั้นไปไหนวะ” “เห็นบอกจะเข้าไปคุยงานกับพี่ชายมัน ไปนานแล้วนะ ยังไม่ออกมาเลย” เควิลตอบพลางส่งสายตาไปที่ห้องทำงานชั้นบน เป็นการบอกว่าคนที่คริสถามหาอยู่บนนั้น ห้องทำงานของพี่ชายเนตั้นเป็นส่วนที่สามารถมองเห็นบรรยากาศทั้งร้านได้ แต่คนภายนอกมองขึ้นไปก็จะเห็นแค่กระจกดำ ๆ เท่านั้น “เออ เมื่อกี้กูเข้าผับมาพร้อมคู่อริมึงว่ะเฟีย” “ใคร” “คนไม่สนโลกแบบมึงมีอริกี่คนเชียว” คริสพูดพร้อมมองหน้าผมไปด้วยราวกับอยากจับผิด แต่คนแบบผมไม่มีทางหลุดอะไรออกไปง่าย ๆ สุดท้ายมันก็เลิกสนใจผมและหันไปมองหาเหยื่อสำหรับคืนนี้แทน ผมนั่งดื่มเงียบ ๆ น้อยครั้งที่จะหันไปคุยกับเพื่อนบ้าง คุยกับสาวที่อยู่ข้างกายบ้าง แต่เมื่อไหร่ที่คนอื่นเผลอผมมักจะมองไปรอบ ๆ ผับตลอด ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้น แต่ผมไม่สามารถบังคับร่างกายตัวเองได้ แต่มองเท่าไหร่ก็ไม่เจอคนที่ผมอยากเห็นแม้แต่ปลายผม ‘ไปอยู่ตรงไหน อย่าให้ฉันหาเธอเจอนะนับดาว’ ผมคาดโทษอีกฝ่ายไว้ในใจ ถ้าได้เจอเมื่อไหร่คงมีเรื่องต้องคุยกันยาว “เนตั้นมาละ” เสียงของเควิลทำให้ผมหันกลับมาสนใจเพื่อนอีกคนที่หายไปข้างบนเกือบชั่วโมง หน้าตาที่บอกบุญไม่รับนั้นทำให้ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไปเพราะรู้ว่ายังไงเนตั้นก็ต้องเล่าอยู่ดี “หน้ามุ่ยเชียวมึง” คริสเอ่ยทักคนแรก เนตั้นทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แรง ๆ ก่อนจะยกแก้วเหล้าที่สาว ๆ ชงให้เข้าปาก ไม่กี่อึดใจน้ำสีอำพันเต็มแก้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว “แม่ง!” “เป็นไรวะ” “พี่กูจะแต่งเมีย” “อ้าว ก็เรื่องดีนี่หว่า ทำหน้ามุ่ยทำไม” “แต่งไม่ว่า แต่ดันต้องตามเมียไปอยู่ต่างจังหวัด และจะยกที่นี่ให้กูดูแทน” ว่าจบก็ยกเหล้าแก้วใหม่กรอกปากอีกครั้ง “กูไม่ได้อยากดูแลที่นี่ กูแค่ชอบมาเที่ยวมากินฟรี แต่ถ้าให้มานั่งบริหารแม่งไม่ใช่ทางกูป่าววะ พวกมึงก็รู้ดีว่ากูอารมณ์ร้อนแค่ไหน ขืนให้มาทำงานในที่แบบนี้ที่มีแต่คนเมาไม่พูดไม่รู้เรื่อง กูคงได้เอาขวดฟาดหัวแขกแตกรายวัน” เพื่อน ๆ ทุกคนได้แต่เออออและรับฟัง เพราะถึงแม้จะสนิทกันแค่ไหนแต่เรื่องของครอบครัวอีกฝ่ายยังไงก็ไม่ควรก้าวก่าย ผมนั่งมองคนที่นั่งกระดกเหล้าเข้าปากอยู่สักพัก เมื่อเห็นว่ามันเริ่มอารมณ์ดี และหันไปสนใจสาวข้างกายแล้วจึงเบนสายตาไปทั่วร้านอีกครั้งเพื่อหาคน ๆ เดิม และครั้งนี้ผมหาเธอเจอ ภาพคนคุ้นเคยที่ยักย้ายสะโพกไปมาเบา ๆ เรียกสายตาจากคนทั้งร้านได้เป็นอย่างดี หญิงสาวหน้าตาสวยเฉี่ยวราวกับดารา ทรวดทรงองค์เอวสวยงามราวกับพระเจ้าตั้งใจปั้น ถูกรัดจนเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งด้วยชุดสีน้ำเงินน่าค้นหา แถมสีน้ำเงินนั่นยังขับผิวขาวราวกับน้ำนมให้ผ่องขึ้นจนสะดุดตา มือขวาเธอถือแก้วค็อกเทลรสชาติเบา ๆ สำหรับผู้หญิง ส่วนมือซ้ายเธอยกขึ้นเสยผมที่ดัดลอนจนสยายเต็มแผ่นหลัง มันฮอตจนผู้ชายหลายคนพาซี๊ดปากอยากได้ผู้หญิงคนนี้กลับไปนอนกกจนตัวสั่น หึ! ผมหันกลับมาสนใจเหล้าบนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ นี่หรอที่บอกว่าไม่ว่างของเธอ นับดาว “เฮ้ย นั่นนับดาวป่าววะ” เนตั้นเป็นอีกคนที่สังเกตเห็นผู้หญิงคนนั้น เสียงของมันทำให้ทั้งเพื่อนผมและสาว ๆ ในโต๊ะหันไปมอง “โอ้โห สุดยอด! ไม่เคยรู้เลยว่ายัยนั่นจะฮอตขนาดนี้” คริสผิวปากอย่างถูกใจ ทำให้ผมอดคิ้วกระตุกไม่ได้ “นับดาว เฮ้ ทางนี้” ผมรีบเงยหน้าทันทีเมื่อได้ยินเสียงไอ้คริสเรียกนับดาว เธอมองหาต้นเสียงสักพักก่อนจะส่งยิ้มบาง ๆ ให้ ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเดินเข้ามาหาเสือผู้หญิงอย่างเพื่อนผมตามคำชวน แต่พอดวงตาของเธอสบเข้ากับดวงตาของผม ขาเรียวก็ยอมก้าวเดินช้า ๆ จนมาหยุดตรงหน้าโต๊ะของพวกเรา “มาเที่ยวหรอคริส” นับดาวทักทายไอ้ชั่วคริส(สรรพนามเริ่มเปลี่ยน)อย่างคุ้นเคย ทั้งสองไม่ได้สนิทกันหรอก แต่เพราะได้เจอกันบ้าง พูดคุยกันบ้างเวลาที่ผมไปทำกิจกรรมเดือนดาวและพวกเพื่อนชั่วตามไปส่องสาวสวย ๆ จึงทำให้คุ้นเคยกันพอสมควร ในพวกเราสี่คน นอกจากผม นับดาวน่าจะคุ้นเคยกับเนตั้นพอสมควร เพราะทั้งคู่เรียนคณะเดียวกัน แค่คนละเอก แต่ก็คงมีเดินสวนกันบ้างให้พอคุ้นหน้าคุ้นตา “เรามาทุกอาทิตย์อยู่แล้ว เพิ่งเคยเจอดาวนี่แหละ” “เรามาที่นี่ครั้งแรก เพื่อนอวยว่าดีเลยอยากมาลอง” “แล้วดีจริงไหมล่ะ” เนตันถามด้วยดวงตาระยิบระยับ ความหงุดหงิดที่มีหายไปทันทีเมื่อมีสาวสวยเดินเข้ามาหาถึงที่ เล่นเอาผู้ชายที่จ้องแมวสาวคนนี้เสียดายไปตาม ๆ กัน เพราะทุกคนรู้ดีว่าถ้าผู้ชายโต๊ะนี้สนใจผู้หญิงคนไหน...ไม่รอดซักราย “เราชอบนะ” “ผับเราเอง” “ไม่ค่อยเลยนะเนตั้น” เควิลเอ่ยแซวเพื่อนที่เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่อยากดูแลที่นี่ แต่พอมีลูกค้าสวย ๆ ชมก็เปลี่ยนสีเร็วยิ่งกว่ากิ้งก่า “เจ๋งอะ อายุแค่นี้เอง มีกิจการใหญ่โตแล้ว” “จริง ๆ พี่เราดูแลหลัก ๆ แหละ แล้วนี่มากับใคร มานั่งกับพวกเราไหม รับรองว่าปลอดภัย” “มากับสายรหัสเราที่จบไปแล้วน่ะ” ปัง! ผมวางแก้วเหล้าลงแรง ๆ เมื่อได้ยินคำตอบนั้น นับดาวมากับสายรหัสที่จบไปแล้วก็เท่ากับว่าเธอมากับไอ้เมฆ พี่รหัสที่จ้องจะเอาน้องรหัสตัวเองทำเมีย! “เป็นอะไรของมึงวะ นับดาวตกใจหมด” “หึ” ผมหัวเราะในลำคอกับท่าทีเอาอกเอาใจนับดาวของไอ้คริส ก่อนจะหันไปสนใจสาวที่อยู่ข้างกาย กลั้นใจดึงเธอมาซุกไซร้ที่คอโดยไม่อายคนที่มองอยู่ “เฟียเขาคงไม่พอใจที่เรามาอยู่ตรงนี้ งั้นเราขอตัวก่อนนะ” “อย่าถือสามันเลย มันก็หมาบ้าแบบนี้แหละ” “เราชินแล้วล่ะ ไปนะ” ผมผละตัวออกจากดงน้ำหอมทันทีที่นับดาวเดินจากไป กลิ่นน้ำหอมที่ติดอยู่ปลายจมูกทำให้อยากจะอาเจียนให้ได้ ผมมองหน้าไอ้คริสอย่างคาดโทษที่เมื่อกี้หลอกด่าผมกับนับดาว ก่อนจะหยิบมือถือเครื่องหรูออกจากกระเป๋าและพิมพ์ข้อความส่งให้ใครบางคน คำว่า Read ที่แสดงให้เห็นว่าปลายทางได้อ่านแล้วทำให้ผมกระตุกยิ้ม ‘มาหาฉันที่หน้าห้องน้ำ ไม่อย่างนั้นทุกคนได้รู้แน่ว่าเราเป็นอะไรกัน’Napdao Part . วันนี้เป็นอีกวันที่ฉันมาเยี่ยมคุณย่าของมาเฟีย ท่านร่างกายแข็งแรงขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังต้องฝึกเดินให้มาก ๆ เพื่อจะกลับมาเดินได้แข็งแรงตามปกติ ซึ่งการกายภาพต่าง ๆ จะมีนักกายภาพโดยเฉพาะมาดูแล แต่ถ้าวันไหนฉันมาเยี่ยมตอนที่ท่านกำลังทำกายภาพพอดี ฉันก็จะแย่งหน้าที่นั้นมาเป็นของตัวเอง แล้วก็จะโดนคุณย่าของมาเฟียบ่นจนหูชา วันนี้ก็เช่นกัน... “จุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง” “หนูแค่อยากดูแลคุณย่านี่คะ หนูทำเป็น ถามคุณนักกายภาพก็ได้ค่ะว่าหนูทำถูกหรือเปล่า” ฉันหันไปหานักกายภาพที่ยืนอยู่ไม่ไกลก่อนจะเอ่ยถาม “ฉันทำถูกใช่ไหมคะคุณหมิว” “ถูกแล้วค่ะคุณนับดาว” “เห็นไหมล่ะคะ” “ต่อปากต่อคำเก่งนักนะ” ท่านดุไม่จริงจังนัก แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามที่ฉันบอกแต่โดยดี ช่วงเวลาของกายภาพจบลงไปท่ามกลางเสียงเถียงกันของฉันกับคุณย่า ซึ่งบางครั้งก็ทำให้คนในบ้านยิ้มออกมา ฉันจะถือว่ามันเป็นเรื่องราวดี ๆ ก็แล้วกัน... “โทรมาไม่รับ” เสียงทุ้มที่คุ้นหูทำให้ฉันหันกลับไปมอง มาเฟียที่อยู่ในชุดนักศึกษาไม่ได้สุภาพมากนักยืนอยู่ไม่ไกล ก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้ามาหา และเอ่ยทักคุณย่าที่นั่งพักอยู่ “สวัสดีครับคุณย่า วันนี้เป็นอย่างไ
Napdao Part . สวนของโรงพยาบาลคือที่ ๆ หญิงสาวคนนั้นเดินนำลงมา ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นว่ามันคือที่สาธารณะ ฉันอาจจะดูหนังมากไปหน่อย แต่มันก็อดกังวลไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะมาดีหรือมาร้าย เพราะตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงนิสัยไม่ดีที่กำลังแย่งคู่หมั้นของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ถ้าเธออยากเอาคืนก็ไม่แปลก “คุณนับดาว” “คะ" “คุณคบกับพี่มาเฟียมานานหรือยังคะ” ใบหน้าสวยหวานจ้องมองมาที่ฉันอย่างนิ่งเรียบ สายตาคู่นั้นมันราบเรียบจนฉันเดาไม่ถูกว่าเธอมาดีหรือมาร้าย หรือกำลังต้องการอะไรกันแน่ “ถามทำไมคะ” ฉันเองก็มองหน้าอีกฝ่ายไม่ละสายตาเช่นกัน พยายามเก็บซ่อนความกังวลไว้ข้างในเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ “ฉันถามไม่ได้หรือคะ” เธอเอียงหน้าเล็กน้อยเหมือนกำลังสงสัย “ในฐานะ...คู่หมั้นของแฟนคุณ” คำว่าคู่หมั้นที่เธอใช้ตอกหน้าทำให้ฉันหน้าชา ใช่สิ ฉันลืมไปได้ยังไงว่าอีกฝ่ายคือคู่หมั้น คือคนที่มาก่อนหน้าฉันตั้งหลายปี “รู้จักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง คบกันได้เดือนเดียวค่ะ” ฉันตั้งใจเล่าข้ามเรื่อง Friend With Benefit ไป มันไม่จำเป็นต้องพูดถึงให้ตัวเองเสียหายนี่ “ฉันถูกวางตัวให้เป็นคู่หมั้นพี่มาเฟียตั้งแต่อา
Napdao Part . เราใช้เวลาหลังจากเซอร์ไพรส์วันเกิดด้วยกันโดยที่ไม่มีเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้อง เรานอนกอดกัน และพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องที่ต่างคนต่างพบเจอระหว่างที่แยกห่าง และนั่นทำให้ฉันรู้ว่าคุณย่าของมาเฟียเข้าโรงพยาบาลในวันเดียวกับที่เราทะเลาะกัน “ท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่า” “เส้นเลือดในสมองแตก ต้องผ่าตัด” “...” ฉันได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความกังวล ฉันไม่รู้อะไรเลย ไม่ได้อยู่เคียงข้างในช่วงเวลาที่เขาทุกข์ที่สุด แถมยังเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มาเฟียเครียดด้วยซ้ำ “ทำหน้าแบบนั้นทำไม มันผ่านมาแล้ว ตอนนี้ย่าฉันดีขึ้นมากแล้ว" มาเฟียกดนิ้วโป้งลงบนหัวคิ้วของฉันเพื่อให้มันคลายออก "วันนี้ท่านฟื้นขึ้นมา และหมอก็บอกว่าท่านจะกลับมาเป็นปกติ แต่อาจจะต้องใช้เวลาซักระยะในการฟื้นตัว” “ฉันเสียใจ...ที่ฉันไม่รู้อะไรเลย” “ไม่เป็นหรอก มันผ่านมาแล้ว” มาเฟียรั้งคอฉันเข้าไปหา ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากของฉันหลายครั้ง “พรุ่งนี้ไปเยี่ยมท่านไหม ฉันอยากแนะนำเธอให้ท่านรู้จัก” “จะดีเหรอ ท่านอาจจะไม่ชอบฉัน ไหนจะคู่หมั้นนายอีก” “ถ้าเราอยากคบกัน เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้” มาเฟียมองฉันด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะจับมือฉันไว้ “
Mafia Part . “นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว” ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่เท้าก้าวที่เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างมั่นคงน่าจะเป็นคำตอบที่ดังและชัดเจนที่สุดแล้ว นับดาวยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาสวยมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอจนใจผมปวดไปหมด ไม่อยากเห็นน้ำตานั้น ไม่อยากเห็นเธอร้องไห้อีกต่อไปแล้ว “ฮึก” นับดาวปล่อยเสียงสะอื้นออกมาเมื่อผมแตะลงบนแก้มนวล น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงมาทันที ก่อนที่หยดสอง สาม สี่ ห้า จะไหลตามกันลงมาเหมือนถูกเก็บไว้เนิ่นนาน และถูกระบายออกมาในวันนี้ “ไม่ร้อง” “ฮึก”เมื่อได้ยินแบบนั้นนับดาวก็เม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น แต่น้ำตาสีใสก็ยังไหลออกมาไม่ขาดสาย ผมดึงร่างบางเข้ามากอดเพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นน้ำตาของเธออีกต่อไป นับดาวรีบกอดผมกลับจนแน่นเหมือนกลัวว่าผมจะหายไป เราทั้งสองคนยืนกอดกันอยู่แบบนั้นท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน และเหมือนว่าสายลมนั้นกำลังหอบเอาทิฐิในใจผมไปด้วย เพราะตอนนี้หัวใจของผมมันเต้นแรงและพร้อมจะกลับไปหาเจ้าของตัวจริงเต็มทน “ไหน” ผมดันร่างบางออก ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างกุมแก้มเธอไว้ และส่งยิ้มให้เธอบาง ๆ “แต่งหน้ามาซะสวย แต่ดันร้องไห้เป็นเด็ก ๆ” “ฉันคิดถึงนาย” “ฉันก็คิดถึงเธอ” ไม่ม
Mafia Part . สองอาทิตย์หลังจากวันที่ผ่าตัด ผมได้รับข่าวดีจากคุณหมอในเช้าวันหนึ่งว่าคุณย่ารู้สึกตัวแล้ว และได้รับข่าวดีที่สองเมื่อหมอตรวจจนละเอียดแล้วพบว่าสภาพร่างกายของคุณย่าฟื้นตัวดี ไม่เสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตอย่างที่กลัว แต่เพราะท่านนอนไปนานจึงทำให้ร่างกายอ่อนแรง และต้องทำกายภาพจนกว่าจะหายดีและกลับมาเดินได้ปกติ อาจจะใช้เวลายาวนานหรือสั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย ซึ่งแค่นั้นมันก็เป็นข่าวดีมากสำหรับผมแล้ว เราทั้งสองคนยังไม่ได้คุยอะไรกันมากกว่าถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ผมไม่รู้จะเริ่มคุยกับท่านอย่างไร บรรยากาศระหว่างเราอึดอัดจนแม้แต่พยาบาลที่เข้ามาเช็กอาการยังสัมผัสได้ ผมได้แต่นั่งมองท่านที่เหม่อมองไปนอกระเบียงเหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ก๊อก ก๊อก “สวัสดีครับคุณย่า” เสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมหันกลับไปมอง ไอ้คริสยืนยิ้มกว้างและถือของเยี่ยมเต็มไม้เต็มมือ “ไหว้พระเถอะ” ย่าเอ่ยด้วยเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อย “ไปไงมาไงล่ะเรา” “ผมมาเยี่ยมคุณย่าบ่อย ๆ ครับ วันนี้ก็มาปกติ แต่ไม่คิดว่าจะโชคดีได้เห็นว่าคุณย่าฟื้นแล้ว” คริสเดินเข้ามาใกล้เตียงก่อนจะพูดกับท่านด้วยรอยยิ้ม ย่
Napdao Part . “คิดอะไรอยู่” “แม่...มาไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเลยค่ะ หนูตกใจ” “หนูตกใจเพราะมัวแต่เหม่อมากกว่าม้าง เพราะว่าแม่เดินมาเสียงออกดังนะ” หญิงวัยกลางคนว่าพร้อมรอยยิ้มใจดี ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนชิงช้าตัวเดียวกับฉัน มือที่อบอุ่นเสมอลูบผมฉันเบา ๆ “เป็นอะไร กลับมาบ้านหลายวันแล้ว แม่เห็นเราออกมานั่งดูดาวอยู่แบบนี้ทุกวันเลย” “แค่อยากลองมานั่งตรงที่ ๆ อยู่ในฝันของแม่ก่อนตั้งท้องหนูค่ะ” ฉันตอบแม่ แต่ยังไม่ยอมละสายตาจากดวงดาวบนท้องฟ้า ชิงช้าตัวนี้เป็นตัวที่แม่เล่าให้ฟังว่าท่านฝันเห็นเด็กผู้หญิงผิวกายขาวกระจ่างคนหนึ่งมานั่งนับดาวกับท่านตรงนี้ หลังจากฝันนั้นไม่นานแม่ก็ตั้งท้อง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อนับดาวที่แม่ตั้งให้ฉัน อันที่จริงชิงช้าตัวนี้ไม่ได้มีมาก่อนหน้าที่แม่ฝัน แต่พอแม่ตั้งท้องพ่อก็จัดการทำชิงช้านี้ขึ้นมา เพื่อเป็นของขวัญให้เด็กในฝันที่แม่มั่นใจว่าต้องมาเกิดเป็นลูกตัวเอง พ่อกับแม่แต่งงานกันหลายปีแต่ไม่มีลูกและรอคอยมาตลอด เพราะฉะนั้นท่านจึงดีใจมากที่รู้ว่าตั้งท้อง “เมื่อก่อนหนูตกชิงช้าตัวนี้ด้วยนะ” “จริงหรือคะ ไม่เห็นจำได้เลย” “จริงสิ แต่ก่อนนับดาวของแม่ซนมาก อยู่นิ่งไม่ได้เลย ต