“กำลังจะกลับพอดีเลย ว่าแต่แกอะยังไม่กลับเหรอ?” ฉันถามมัน แต่สายตาของฉันก็เอาแต่แอบมองพี่โลคา เฮ้อ...ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจฉันเลย ฮึ่ย!
“เนี่ยกำลังจะกลับแล้วเหมือนกัน ฉันอุตส่าห์บอกพี่โลคาแล้วนะว่าไม่ต้องมายืนรอส่งฉันก็ได้ แต่พี่เขาไม่ยอมนะสิ แกคงไม่ได้โกรธอะไรฉันหรอกใช่ไหม ฉันกลัวแกจะคิดมากอะ” ยัยด้าพูดกระซิบกับฉันเบา ๆ เพื่อไม่ให้พี่โลคาได้ยินบทสนทนาของเรา ส่วนฉันก็เกิดอาการมึนงงที่อยู่ดี ๆ ยัยด้าก็มาพูดแบบนี้ ทั้งที่ฉันก็ไม่ได้คิดโกรธอะไรเธอเลยแม้แต่น้อย
เธอคงกลัวฉันโกรธละมั้งเนี่ยถึงได้ออกตัวขนาดนี้ ช่างเป็นเพื่อนที่น่ารักจริง ๆ ฉันนี่ถึงกับโกรธแกไม่ลงเลยละยัยด้าเอ๊ย!
“จะบ้าหรือไงแก! ฉันจะโกรธแกได้ไงเล่า ฉันรู้ว่าแกกับพี่เขาสนิทกันขนาดไหน แถมแกยังพยายามช่วยฉันจีบพี่โลคาอีก อย่าคิดมากเลย” ฉันบอกปัดเธอด้วยท่าทางขำขันเล็กน้อย ยัยด้ามักจะชอบช่วยเหลือฉันเรื่องจีบพี่โลคาเสมอ ตั้งแต่ที่ฉันฝึกทำขนมแล้วก็วานให้เธอเอาไปให้พี่เขาแล้ว ถึงพี่เขาจะไม่อะไรกับมันก็เถอะ
ฉันอุตส่าห์เขียนความในใจผ่านกระดาษแล้วแท้ ๆ แต่พอเจอฉันนะก็ขี้เก๊กทำเป็นไม่มองฉันเหมือนเดิม จนฉันมารู้ทีหลังว่าพี่โลคาไม่ชอบขนม ก็ตอนที่ฉันแอบไปเห็นรุ่นน้องส่งคุกกี้ให้พี่เขา แล้วพี่เขาปฎิเสธแบบว่าเย็นชากลับไปนะสิว่า ‘ผมไม่ชอบของหวาน’ เล่นเอารุ่นน้องคนนั้นถึงกับวิ่งน้ำตาคลอออกไปเลย
ที่แท้ก็ไม่ชอบขนมหวานนี่เอง แต่ทำไมยัยด้าไม่เห็นจะบอกอะไรฉันเลยล่ะ สงสัยเธอคงกลัวฉันเสียใจมั้ง เพราะตอนนั้นฉันดันทำเสร็จแล้วก็ไหว้วานให้เธอเอาไปให้เลย โดยไม่ได้ถงได้ถามเธอก่อนทำเลยว่าพี่โลคาชอบขนมหวานไหม
“งั้นฉันไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้ อย่าตื่นสายล่ะเข้าใจไหมยัยเน่ ไปก่อนนะคะพี่คา” ฉันพยักหน้ายิ้มตอบยัยด้าไป ที่เธอบอกว่าอย่าตื่นสายก็เพราะวันที่เราจะไปดูงานกันมันเป็นวันพรุ่งนี้แล้วนะสิ แถมไฟลต์บินก็ยังเป็นไฟลต์ที่โคตรจะเช้าเลย -*- แต่ดีนะที่ทางมหา’ลัยออกค่าใช้จ่ายให้หมด ไม่งั้นฉันได้ถูกแม่บ่นยาว ๆ แน่นอน
“บาย ๆ” ฉันยืนโบกมือให้กับยัยด้าที่นั่งอยู่ในรถของทางบ้านเธอ จนรถคันนั้นขับเคลื่อนออกไปในที่สุด นี่แหละโอกาสต่อไปของฉัน ^^’
“พี่โลคา อะ...อ่าวหายไปไหนละวะ!” ฉันกำลังจะหันไปยิ้มหวานให้พี่เขาแต่ก็ต้องหน้าแตก เมื่อหันกลับไปแล้วไม่เจอใครเลย
“พี่โลคารอด้วยยยยยยยยย” ฉันตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นหลังกว้างของพี่โลคากำลังมุ่งหน้าเดินไปทางจอดรถ พี่เขาหยุดชะงักเพราะเสียงของฉันที่ดังมาก แต่ก็ไม่ได้หันกลับมานะ เพราะพี่เขาเดินต่ออย่างไม่สนใจฉันเลยสักนิด -*-
“ใครมันจะไปยอมแพ้กันละ!” ว่าจบฉันก็รีบวิ่งตามพี่เขาไปติด ๆ ฉันจะไม่ยอมปล่อยพี่เขาไปแน่ วันนี้แหละที่ฉันจะต้องรุกพี่เขาบ้างแล้ว หึหึ
เอี๊ยดด!
“ทำบ้าอะไรของคุณ!” เสียงใหญ่ปนหงุดหงิดของพี่โลคาดังขึ้นในขณะที่ฉันกำลังยืนกางแขนหลับตาอยู่ ใช่แล้วฉันมายืนเอาตัวเองขวางไว้เพื่อดักรอพี่เขานะสิ มันเสี่ยงมากฉันรู้ แต่ถ้าไม่ทำวิธีนี้พี่เขาก็ไม่มีทางจอดรถแน่
“ขะ...ขอโทษค่ะ คือว่าหนูขอติดรถไปด้วยได้ไหมคะ^^” ฉันยกมือไหว้ขอโทษพี่เขาก่อนจะปั้นยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนความกลัวและตกใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้นี้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่กลัวนะ กลับกันฉันกลัวมาก ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าพี่เขาจะเบรกทันไหม ฮือ เกือบไปแล้วไหมล่ะ อีกนิดเดียวพี่เขาก็เกือบจะชนฉันแย้ว แง้
“หลบไป” พี่เขาไม่ตอบคำถามฉันแต่กลับไล่ฉันแทน หน๋อย
“ไม่หลบค่ะ หนูขอติดรถพี่ไปด้วยนะคะ น้า ๆ” ฉันพยายามอ้อนพี่เขาสุดฤทธิ์ แต่ดูเหมือนพี่เขาจะไม่สนใจเลย แถมยังทำหน้าตาเชิงตำหนิมาให้ฉันอีก จังหวะนี่แหละ!
“ลงไป!” วะฮ่ะฮ่า ฉันใช้โอกาสที่พี่เขาทำท่าจะลงจากรถเพื่อจะมาลากฉันที่ยืนขวางอยู่ แต่ฉันไวกว่ารีบวิ่งเบี่ยงหลบพร้อมกับขึ้นมานั่งบนรถอย่างไว ส่วนพี่เขาก็ตามมาติด ๆ พร้อมกับทำหน้าดุใส่ฉันด้วย แต่ฉันไม่สนใจหรอก
“ไม่ลงค่ะ รีบขึ้นมาสิคะ รถคันหลังเขาบีบแตรใหญ่แล้วนะคะพี่โลคา” พี่โลคามองฉันด้วยสายตาโมโหก่อนจะรีบวิ่งอ้อมขึ้นฝั่งคนขับ เพราะคนที่บีบแตรด้านหลังไม่ใช่ใคร แต่เป็นอาจารย์คณะของฉันเอง
“คุณนี่มัน!” โมโหไปเถอะ ฉันไม่สนใจหรอก อิอิ
“พี่หิวไหมคะ เดี๋ยวเน่จะได้ไปจัดโต๊ะให้” ฉันเดินเข้าช่วยพี่โลคาถอดเสื้อนอกออก จากนั้นก็ถือเสื้อนอกไว้ในมือตัวเอง พลางถามคนตรงหน้าที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงานเหนื่อย ๆพี่โลคาตอนนี้ขึ้นทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแทนแม่พี่เขาแล้ว พ่วงด้วยดูแลมหา’ลัยแยกอีก แต่ดีที่การดูแลมหา’ลัยไม่ได้ลำบากมากนัก เพราะการเป็นอธิการบดีไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูแลทุกวันเหมือนกับโรงพยาบาล จึงไม่ใช่งานหนักอะไรพี่โลคาของฉันไม่ได้จบปริญาโทเท่านั้น แต่พี่โลคาใฝ่เรียนจนจบเด็กเตอร์เหมือนกับพ่อแม่ของตัวเองได้ในอายุที่ยังน้อย ส่วนฉันจบตรีได้ก็ถือว่าบุญมากแล้ว T^T“ครับ มานี่ก่อนเร็ว” ฉันเดินเข้าไปหาพี่โลคาด้วยสีหน้ายิ้ม ทุกครั้งที่พี่เขากลับมักจะอ้อนแบบนี้ตลอด ฉันรู้ดีว่าพี่เขาจะทำอะไร เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาพี่เขาก็มักจะทำแบบนี้เสมอเวลาที่กลับมาบ้านหรือว่าจะออกไปทำงานฟอด~ “หายเหนื่อยเลยครับ” ปากหวานตลอด ฉันไม่อยากจะบอกเลยว่ายิ่งอยู่กับพี่โลคานานขึ้นพี่โลคาก็มักจะทำอะไรที่ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเสมอ ไม่ว่าจะชอบชมฉัน ชอบเซอร์ไพรส์ทุกครั้งที่เป็นวันเกิดหรือวันครบรอบ เอาเป็นว่าพี่เขาโรแมนติกมากขึ้นเรื่อย ๆ เ
“รับผิดชอบยัยหนูด้วยการหมั้นไงละครับ” หมั้นอย่างนั้นเหรอ! “หา! หมะ...หมั้นเหรอคะ!” ฉันมองแม่พี่โลคากับพี่โลคาสลับกันไปมาด้วยความตกใจ “เรียนจบเมื่อไหร่แม่สัญญาว่าจะรีบจัดงานแต่งงานให้ไวที่สุดเลย เพราะงั้นหนูเลเน่รีบเรียนให้จบไว ๆ นะลูก ส่วนเรื่องมหา’ลัยถ้าหนูอยากกลับมาเรียนที่เดิมก็ไม่เป็นปัญหา แม่จะไปคุยกับพ่อพี่เขาให้เอง” เรื่องหมั้นฉันยังตกใจไม่หาย นี่มาเรื่องเรียนจบแล้วแต่งงานอีก ให้ตายเถอะ “เอ่อ...คือว่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ หนูคงต้องขอคุยกับแม่ก่อนค่ะ” ฉันพูดออกไปด้วยความนอบน้อม เรื่องหมั้นเรื่องแต่งงานมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก แถมวันนี้แม่ฉันก็ไม่ได้มานั่งฟังด้วย เพราะงั้นฉันต้องไปเล่าให้แม่ฟังก่อน “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลย เดี๋ยวแม่จะไปคุยกับพราวเองจ้ะ” ฉันยิ้มให้แม่พี่โลคา แต่ภายในใจก็รู้สึกกังวลกลัวว่าแม่ฉันจะไม่ยอม เอาจริงแล้วฉันดีใจมากที่จะได้หมั้นกับพี่โลคา แต่แค่กลัวว่าที่พี่เขาทำแบบนี้มันจะเป็นเพราะโดนบังคับให้ทำหรือเปล่า พี่เขาเต็มใจใช่ไหม...เวลา 13.23 น. “พี่โลคาแน่ใจแล้วเหรอคะว่าอยากจะหมั้นกับเน่จริ
ผลั๊ก! เสียงกระชากเปิดประตูของฉันดังขึ้น เรียกความสนใจให้สองแม่ลูกที่นั่งอยู่ตรงโซฟาต่างหันมามองที่ฉันเป็นทางเดียว ฉันพยายามใช้มือลูบผมที่กำลังยุ่งให้ดูเรียบร้อยขึ้นแล้วเดินไปยกมือไหว้แม่พี่โลคาด้วยท่าทางเกร็ง แม่พี่โลคาเองก็พยักหน้ารับไหว้ฉันเหมือนกัน “หนะ...หนูอธิบายได้นะคะ ท่านกำลังเข้าใจผิด” ฉันพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก รีบเดินไปทางแม่พี่โลคาเพื่อจะอธิบายเรื่องนี้ไปในทางที่ดี แม้ฉันจะต้องโกหกท่านก็เถอะ แต่เพื่ออนาคตพี่เขาแล้วฉันจะทำตัวน่าสงสัยแบบนี้ไม่ได้ “ไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น เห็นเต็มสองตาขนาดนี้ยังจะแก้ตัวอะไรได้อีก” แม่พี่โลคาพูดในขณะที่สายตายังคงจ้องหน้าลูกชายตัวเองด้วยความโมโห “ท่านคะ! เป็นความผิดหนูเองค่ะ คือ...คือหนูอะ...อ่อยพี่เขาค่ะ! หนูสัญญาค่ะว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” ฉันวิ่งเข้าไปนั่งกอดขาแม่พี่โลคาพลางพูดรัวพูดมั่วไปหมด คิดอะไรได้ก็พูดเพื่อให้พี่โลคาไม่ซวย “ยัยหนู!/หนูเลเน่!” ฉันมองทั้งสองคนด้วยความงุนงง เนื่องจากทั้งสองต่างพากันเข้ามาจับฉันให้ยืนขึ้น “เลเน่ ทำไมหนูทำแบบนี้ละลูก” ฉันมึนเ
“อ๊า” ฉันนอนหอบหายใจเมื่อตัวเองได้ปลดปล่อยบางอย่างออกมา ฉันรู้สึกโล่งตัวอย่างบอกไม่ถูก แต่เพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้น เพราะตอนนี้ฉันกำลังจะกลับมาเกร็งอีกรอบเมื่อเห็นว่าพี่โลคาขยับตัวลงมานั่งติดกับส่วนนั้นของฉัน “พะ...พี่โลคา” ฉันพูดด้วยเสียงหอบหมายจะห้ามพี่เขา แต่ทำไมเหมือนกับว่าตรงส่วนนั้นมันขยายใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมได้ล่ะ แถมมัยยังกระตุกขยับไปมาเล็กน้อยอีกด้วย “รู้ตัวไหมเวลาที่ยัยหนูนอนพูดด้วยสีหน้าแบบนั้นมันทำให้พี่มีอารมณ์มากขึ้นแค่ไหน” พี่โลคาชักรูดส่วนนั้นของตัวเองพลางมองหน้าฉันไปด้วย ไม่นานพี่โลคาก็ใช้แขนมาค้ำยันลงที่ข้างหูฉัน อีกมือก็จัดการจับเจ้าส่วนนั้นของพี่โลคามาถูที่น้องสาวสุดหวงของฉันไปด้วย “อือ ดะ...เดี๋ยวสิคะ” แม้ฉันจะร้องห้ามแต่ขาทั้งสองข้างของตัวเองกลับขยับออกห่างเองโดยอัตโนมัติ เพื่อให้สิ่งนั้นถูไถได้ง่ายขึ้น “ชอบเหรอครับ” พี่โลคายิ้มมุมปาก พลางก้มหน้าจ้องมองฉันที่กำลังใช้มือปิดปากตัวเองไว้เพราะไม่อยากส่งเสียงน่าเกลียดออกมา แต่ภายในใจจริง ๆ ก็กำลังก่นด่าตัวเองด้วยที่ดันไปขยับขาออกเพื่อรับสัมผัสอย่างน่าอับอาย “ส
“ปล่อย” ฉันพูดด้วยเสียงนิ่งและจริงจังเพื่อให้อีกคนรับรู้ว่าฉันไม่ได้พูดเล่น ส่วนพี่โลคานางก็เลิกยุกยิกกับฉันเลยเมื่อเห็นว่าฉันเริ่มจะไม่มีท่าทีเล่นแล้ว “ยัยหนู...” พี่โลคากอดเอวฉันจากทางด้านหลังไว้หลวม ๆ พลางเกยคางไว้บนไหล่ของฉัน จากนั้นนางก็เริ่มเรียกฉันแบบที่ชอบเรียกด้วยเสียงอ้อน “ออกไป เน่ขอร้อง” เสียงของฉันเริ่มจะสั่นเครือแล้ว ความรู้สึกของฉันมันเริ่มจะไม่เชื่อฟังตัวฉันซะแล้ว ยอมรับเลยว่าวันนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมาก แต่มันเป็นความสุขที่ฉันจะต้องเก็บเอาไว้ภายใต้จิตใจของฉัน ฉันพยายามแสดงออกให้พี่เขาเห็นมากที่สุดว่าฉันไม่ต้องการกลับไปยุ่งกับพี่เขาแล้ว “อย่าไล่พี่ ยัยหนูไม่รักพี่แล้วงั้นเหรอ” ฉันจุกกับคำพูดของพี่เขาจนตัวเองนั่งนิ่งเงียบไป ไม่รักงั้นเหรอ เหอะ! ถ้าฉันไม่รักพี่เขาฉันก็คงไม่ยอมให้ตัวเองมาทรมานแบบนี้หรอก “…” พี่โลคาจับฉันให้นั่งหมุนตัวหันไปตรงหน้าพี่เขา เราสองคนต่างมองตากันด้วยความรู้สึกที่ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าอีกคนคิดอย่างไรกับเรา ใบหน้าพี่เขาเริ่มเลื่อนเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ “คิดถึง” พี่
กลับไปก็ต้องรีบไปทำควิซอีก เพื่อเก็บคะแนนตรงนี้ให้เป็นคะแนนช่วยเวลาที่คะแนนสอบออกมาได้ไม่ดีอะไรแบบนี้ วิชานี้เป็นวิชาที่ยากมากพอสมควรเลยคอนโดเลเน่ พอฉันเปิดประตูเข้าไป จมูกก็ได้กลิ่นหอมออกมาจากทางห้องครัว ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ว่าใครเข้ามาในห้องของฉันถ้าไม่ใช่พี่โลคา ส่วนที่นางเข้ามาได้อย่างไรอันนี้ฉันคงไม่ต้องไปคิดให้ปวดหัว คงจะใช้อำนาจอีกนั่นแหละ “กลับมาแล้วเหรอครับ หิวไหม?” พี่โลคาหันกลับมามองฉันที่เดินตามกลิ่นหอมยั่วยวนนี้เข้ามาในห้องครัว ฉันแอบตกใจและแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นพี่โลคาในมุมที่ใส่ชุดแบบนี้ พี่เขาสวมผ้ากันเปื้อนลายกระต่ายสีชมพูของฉันอยู่นะสิ อยากขำนะแต่ต้องเก๊กหน้านิ่งเอาไว้ก่อน “ใครอนุญาตให้พี่เข้ามาทำอาหารในนี้กันคะ” ฉันยืนกอดอกพูดกับพี่เขาด้วยน้ำเสียงเข้มแบบที่พี่เขาเคยทำใส่ฉัน “พี่อนุญาตตัวเอง ไปนั่งรอก่อนจะเสร็จแล้ว” คนหน้ามึนพูดจบก็หันกลับไปทำกับข้าวต่อโดยไม่สนใจเลยว่าฉันยืนจ้องตาเขม็ง สุดท้ายฉันก็ต้องยอมแพ้ออกมานั่งเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อทำควิซแทน “ยากจัง” ฉันนั่งทำควิซมาได้สักพักแล้วแต่ก็ยังไม่เ