“คิริว เรียนวิศวะโยธาหรือคะ”
แม้จะรู้ประวัติของเขามาบ้างแล้ว แต่ก็ต้องหาเรื่องมาชวนคุย เมื่อเขาเอาแต่พาเธอเดินชมนกชมไม้ ทั้งที่ในมือกดโทรศัพท์ ไม่ได้ชายตามาแลเธอสักนิดเดียวจนรู้สึกอึดอัด
“ครับ เรียกผมว่าริวเฉย ๆ ก็ได้นะ แล้วพลอยล่ะ”
เขาต้องถามกลับเพื่อไม่ให้เสียมารยาท แต่ที่จริงเขาเองก็ไม่ได้รู้เรื่องของเธอเลยแม้แต่น้อย ถ้ารู้เอาไว้ก็คงไม่เสียหายอะไร
“พลอยเรียนบริหารค่ะ เสียดายจังนะคะที่ไม่ได้เรียนมหาลัยเดียวกับริว ได้ข่าวว่าสาวบริหารที่นั่นสวยมากเลยหรือคะ”
“ครับ สวยมาก ที่จริงผู้หญิงทุกคนก็มีความสวยในแบบของตัวเองอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าใครจะดึงเสน่ห์ของตัวเองมาใช้ได้มากกว่ากันเท่านั้นครับ”
เธอยิ้มรับคำพูดของผู้ชายเจ้าชู้ที่มองว่าผู้หญิงทุกคนคือดอกไม้งามประดับโลก และเพียงแค่เด็ดดมครั้งสองครั้ง กลิ่นหอมเฉพาะตัวเหล่านั้นก็หมดไปเสียแล้ว
แต่ดอกไม้ราคาแพงอย่างเธอ อย่างไรเสียถ้าเขาเด็ดมาดอมดมแล้ว จะไม่มีวันทิ้งเธอได้ง่าย ๆ เหมือนดอกไม้ไร้ค่าพวกนั้นแน่นอน
“แล้วริวชอบผู้หญิงแบบไหนล่ะคะ”
เธอเอ่ยถามพร้อมทั้งส่งสายตายั่วยวน ถ้าเธอไม่ใช่คนที่ป้าเขาอยากได้มาเป็นหลานสะใภ้ อย่างไรคืนนี้ก็ต้องมีคลานลงจากเตียงกันไปข้างหนึ่ง
“ผมไม่เคยชอบใคร”
คนหล่อยักคิ้วแถมยิ้มมุมปากอย่างมีเสน่ห์ ดวงตาคมกริบที่แปลความหมายไม่ออกนั้นทำเอาหัวใจสาวเต้นกระหน่ำ เขาหล่อเหลาและมีเสน่ห์มากเหลือเกิน จนอยากรู้ว่าถ้าเธอกำลังนอนอยู่ภายใต้ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแล้วโดนเขาตอกกระแทกแรง ๆ เธอจะรู้สึกฟินแค่ไหน
ยิ่งคำพูดเย็นชาราวกับไม่เคยแยแสผู้หญิงทั้งโลก ยิ่งทำให้พิมพ์พลอยอยากเอาชนะ เธอรับประกันเลยว่าเสน่ห์ของเธอจะสามารถทำให้เขาร้องครวญครางราวจะขาดใจตายจนไม่สามารถขาดเธอได้อีกชั่วชีวิต
“เย็นชาจังเลยนะคะ แต่พลอยชอบ”
เธอเชิดใบหน้าสวยงามขึ้นเล็กน้อย ตั้งใจทำตัวเหนือกว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยเจอ แต่เสียใจด้วย ผู้หญิงหยิ่งยโสสูงส่งแค่ไหน เขาก็เคยลองมาหมดแล้ว เหลือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือผู้หญิงซิง ซึ่งจากสายตาและท่าทางของเธอ ไม่มีทางเลยที่เธอจะซิง เพราะฉะนั้น เสียใจด้วยที่ต้องบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หาได้ทั่วไปตามท้องตลาด ไม่ได้มีความพิเศษกว่าใครเลย
“อย่าชอบผมเลยครับ ผมไม่เคยคิดจะคบกับใคร”
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ พลอยก็ไม่ได้ขอริวคบด้วยเสียหน่อย”
“พลอยรู้หรือเปล่า ว่าที่ป้าผมนัดเรามาในวันนี้ ป้าผมต้องการอะไร”
เขายิงคำถามตรงประเด็น ที่จริงก็ไม่น่าถาม เพราะการแสดงออกของเธอราวกับว่าเขากำลังจะมาเป็นคู่หมั้น มันได้บ่งบอกทุกอย่างอยู่แล้ว
“รู้สิคะ ป้าช่ออยากให้เราเป็นแฟนกัน”
“ครับ”
“แล้วริวว่ายังไงคะ”
“ก็ไม่ว่ายังไง ผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว บอกแล้วไงว่าผมไม่มีทางคบใครเป็นแฟน”
“แต่ท่าทางผู้ใหญ่จะไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะ”
“ก็อาจจะแค่ป้าช่อคนเดียวก็ได้”
เพราะเขารู้ดีว่าอย่างไรเสีย พ่อแม่เขาไม่มีทางบ้าจี้ไปกับคนเป็นป้าจอมเผด็จการแน่ ๆ
“ไม่หรอกค่ะ พ่อแม่ของพลอยก็ด้วย ท่านอยากให้เราคบกัน เพราะเราเหมาะสมกันที่สุด ถ้าริวไม่คิดจะคบใครเป็นแฟน ก็ไม่เห็นต้องคบ ถึงเวลาที่เหมาะสม เราก็แค่หมั้นและแต่งงานกันตามความต้องการของผู้ใหญ่และเพื่อภาพลักษณ์ผู้บริหารที่ดีของริวด้วย”
คิริวจ้องลึกลงไปในดวงตาของผู้หญิงตรงหน้าที่พูดเรื่องราวเหล่านี้ออกมาหน้าตาเฉย ราวกับไม่สะทกสะท้านที่คนอย่างเขาไม่มีความรู้สึกอะไรให้ แถมยังคงยึดมั่นความคิดที่จะแต่งงานกับเขาอีกต่างหาก
“การแต่งงาน มันไม่ต้องมาจากความรักหรือไง”
“ถ้ากับคนอื่น อาจจะใช่ แต่กับริว ริวบอกเองนี่คะว่าไม่เคยชอบใคร แล้วต้องสนใจด้วยเหรอว่าจะแต่งงานกับคนที่รัก ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นอาจไม่มีตัวตนอยู่บนโลกนี้ก็ได้”
“แล้วพลอยล่ะ ไม่อยากแต่งงานกับคนที่รักหรือไง”
“ก็ริวไง”
คำพูดตรงไปตรงมาของเธอทำเอาเขาชะงักไปเล็กน้อย ด้วยไม่เคยเจอใครอย่างนี้มาก่อน เธอกำลังฉวยโอกาสจากการไม่คิดจะชอบใครของเขาให้เป็นประโยชน์ ด้วยการเอาตัวเองใส่พานมาถวายเขาในฐานะว่าที่คู่หมั้นและเจ้าสาวในอนาคตที่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก
“หึหึ พูดตรงดีนะครับ แต่อย่าดีกว่า อยู่กับผมมันไม่สนุกหรอก ยิ่งคนที่ไม่ได้รัก ผมจะเลวมาก”
“พลอยก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าริวจะเลวได้มากแค่ไหน”
สาวสวยขยับเข้าใกล้ แถมยังเชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อย ตั้งใจให้ริวฝีปากของตัวเองค่อย ๆ ขยับเข้าหาริมฝีปากของเขาทีละนิดอย่างยั่วยวน
แต่ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะสัมผัสกัน เขาก็บ่ายหน้าหนีเสียก่อน แม้จะเสียดายความอวบอิ่มสีแดงสดนั้น แต่ถ้าเขาเผลอจูบเธอไป เรื่องมันคงไม่จบง่าย ๆ แน่
“ริว...ทำไมคะ”
เธอร้องออกมาอย่างแสนเสียดาย อีกเพียงนิด เขาก็จะหนีเธอไม่พ้น ต้องจำใจรับเธอเป็นว่าที่คู่หมั้นแล้ว
“ผมว่าเราไม่ควรเกี่ยวข้องกันมากไปกว่านี้ บอกตรง ๆ ว่าผมไม่เห็นด้วยกับการจับคู่ของป้าช่อ และผมจะไม่ยอมทำตามเด็ดขาด พลอยก็อย่าคิดอะไรไปมากกว่านี้เลย เอาเวลาไปหาคนที่จะชอบพลอยจริง ๆ เถอะ ผมขอเตือนด้วยความหวังดี จะได้ไม่เสียเวลาชีวิต”
พูดจบเขาก็เดินนำหน้าเธอไปยังโต๊ะที่แม่ชอบนั่งจิบน้ำชาตอนออกมานั่งชมสวนดอกไม้ฝีมือตัวเอง ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นหน้าตาเฉย ไม่ได้สนใจสาวสวยที่นั่งมองหน้าเขานิ่งๆ อีกเลย
“เป็นไงบ้างลูก สองคน เข้ากันได้ดีไหมจ๊ะ”
ช่อม่วงเอ่ยถามหลานชายและว่าที่หลานสะใภ้ในฝันทันทีที่เด็กสองคนกลับมาร่วมโต๊ะอาหาร
“ดีค่ะคุณป้า ริวเขาน่ารักกับพลอยมากเลย ขอบคุณมากนะคะริว ที่ดูแลพลอยเป็นอย่างดี”
การแสดงของหญิงสาวตรงหน้าทำเอาคิริวเหยียดยิ้ม ไม่อยากจะหักหน้าเธอต่อหน้าผู้ใหญ่ทุกคน เพราะจะยิ่งแสดงให้เห็นว่าเขามันแย่แค่ไหน ทั้งยังเป็นการฉีกหน้าพ่อกับแม่ตัวเองอีก จึงยิ้มรับแล้วเออออห่อหมกไปกับเธอด้วย
“ดีจริง เห็นไหมคะทุกคน บอกแล้วว่าเด็กสองคนนี้เข้ากันได้ดีที่สุด เหมาะสมกันจะตาย ตาริวเองก็ชอบหนูพลอยออกขนาดนั้น จัดงานหมั้นให้เลยดีไหมคะคุณมลคุณพิทักษ์”
คิริวหันมองหน้าป้าของตัวเองด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าแค่เขารักษามารยาทด้วยการไม่หักหน้าฝ่ายหญิง มันจะทำให้ป้าของเขารุกหนักขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
“มลกับคุณพิทักษ์ไม่มีปัญหาเลยค่ะ แล้วแต่ฝ่ายชายจะจัดการ ยินดีมาก ๆ เลยด้วยซ้ำที่เราจะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน”
“เดี๋ยวสิคะพี่ช่อ เรื่องใหญ่ขนาดนี้จะไม่ถามความเห็นเด็ก ๆ หน่อยหรือ เขาสองคนต้องเป็นคนหมั้นกันนะคะ ไม่ใช่พ่อแม่และป้าอย่างพวกเรา”
เป็นครั้งแรกที่ช้องนางกล้าขัดใจพี่สาวด้วยการออกโรงปกป้องลูกชายต่อหน้าแขก เพราะรู้ดีว่าลูกชายไม่กล้าเสียมารยาทขัดคอผู้ใหญ่กลางวงข้าว แต่ถ้าจะให้ปล่อยผ่านไป งานหมั้นต้องเกิดขึ้นจากความเข้าใจผิดแน่ ๆ
และการเอ่ยขัดนั้น สร้างความไม่พอใจให้ผู้ใหญ่ทั้งสามคนที่อยากจะรวบรัดตัดความให้เกิดงานหมั้นเสียวันนี้พรุ่งนี้ แต่ก็ต้องเก็บความไม่พอใจนั้นไว้ภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้มที่มันไปไม่ถึงดวงตา
“ยัยนาง เธอก็ได้ยินที่เด็ก ๆ พูดไม่ใช่เหรอ สองคนน่ะชอบกันแล้ว แค่นี้ดูไม่ออกหรือไง เป็นแม่คนประสาอะไรฮึ ฝ่ายหญิงเขาก็ให้เกียรติเราขนาดนี้ เราเป็นฝ่ายชายถ้าไม่ทำอะไรที่เป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิงก็น่าเกลียดแย่ ทำไมเรื่องง่าย ๆ แค่นี้เธอถึงคิดไม่ออก”
ช่อม่วงดุน้องสาวออกมากลางวงข้าว แต่ด้วยความที่พูดเป็นภาษาไทยมาตั้งแต่ต้น อัลเบิร์ตจึงฟังไม่เข้าใจ แต่เห็นจากสีหน้าท่าทางของภรรยาสุดที่รัก ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังโดนอะไรอยู่
“ขอโทษนะครับพี่ช่อ ที่พูดกันมาตั้งแต่แรกผมฟังไม่เข้าใจหรอกนะ แต่ผมรู้สึกว่านางกำลังอึดอัด มีอะไรที่คนเป็นเจ้าของบ้านอย่างผมจะต้องรู้หรือเปล่า”
เสียงทุ้มของผู้ที่เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านอย่างแท้จริงทำเอาทุกคนเกรงใจ จึงกลับมาพูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษอีกครั้ง
“ขอโทษทีนะคะคุณอัลเบิร์ต พอดีว่าพี่แค่อบรมน้องสาวนิดหน่อย ที่ไม่ให้เกียรติฝ่ายหญิง พอดีเด็กสองคนชอบกันเข้าให้แล้ว พี่เลยว่าจะจัดงานหมั้นให้เลย พ่อแม่ฝ่ายหญิงเองก็ยินดี แต่น้องสาวพี่นี่สิ กลับไม่รักษามารยาท”
“จริงหรือครับ นาง”
“เอ่อ ค่ะ นางขัดเรื่องที่จะจัดงานหมั้นค่ะ เพราะอยากให้ถามความเห็นของเด็กสองคนก่อน”
“อืม ผมเห็นด้วยนะ หนูพลอยกับคิริว เรื่องนี้มีความเห็นว่าไง พูดมาได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจใคร”
ไม่ว่าจะเด็ก หรือผู้ใหญ่ ทุกคนในบ้านนี้มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน และสามารถตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองได้ตามใจชอบ
“พลอยไม่มีปัญหาค่ะคุณลุง พลอยเองก็รู้สึกดีกับคิริว และคิดว่าเราเหมาะสมกันตามที่ผู้ใหญ่บอกค่ะ”
สาวสวยออกตัวก่อน ด้วยตั้งใจให้สุภาพบุรุษไม่กล้าหักหน้าเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะรู้จักคิริวน้อยเกินไป ในเมื่อพ่อเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นเต็มที่ เขาก็จะเต็มที่เหมือนกัน
มือใหญ่สอดเข้าล็อกท้ายทอย บังคับเธอแหงนหน้าขึ้นรับเรียวลิ้นที่เข้าไปกวาดต้อนความหวานในโพรงปากอย่างหิวกระหาย เมื่อพอใจแล้วก็ละริมฝีปากมาบดจูบกลีบปากนุ่มนิ่มที่เริ่มบวมเจ่อของเธออีกครั้งคนตัวบางหลับตาพริ้ม แหงนเงยใบหน้าขึ้นเมื่อเขาไล้ปลายจมูกพร้อมเม้มจูบไปทั่วแก้มสาว ลามเลยเข้ามาซุกไซ้ยังซอกคอขาว ๆ ซึ่งส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของผิวเนื้อนางที่ผสมผสานกับโลชันทาผิวกลิ่นดอกไม้ กลายเป็นฟีโรโมนชั้นดีซึ่งเขาไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อนซอกคอหอมกรุ่นกลิ่นสาวทำเอาเขาแทบคลั่ง จากค่อย ๆ พรมจูบดูดเม้มช้า ๆ จนทั่วทั้งลำคอนั้น กลับกลายเป็นซุกไซ้สูดดมกลิ่นเนื้อตัวเธออย่างบ้าคลั่งราวกับคนที่กำลังควบคุมตัวเองไม่ได้ ทั้งยังส่งเสียงครางฮือในลำคอบ่งบอกความพึงพอใจ ยิ่งทำให้สาวน้อยตัวสั่นสะท้านราวลูกนกชุดคุลมอาบน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัวแสนเกะกะถูกถอดทิ้งกองลงบนพื้น ร่างบางลอยหวือขึ้นมาอยู่แนบอก เพียงชั่วอึดใจก็ลงไปนอนอยู่บนที่นอนนุ่ม โดยมีคนตัวโตที่เรือนร่างเปลือยเปล่าไม่ต่างกันคร่อมทับอยู่ดวงตาคมกริบวาบขึ้นเมื่อกวาดมองเรือนร่างบอบบางขาวผ่องตรงหน้า ผิวของเธอเนียนละเอียดขาวสว่างจนตาพร่า หน้าอกใหญ่โตเกินตัวไปมาก มากกว่า
“ริว กินข้าวลูก”คิริวเดินผิวปากอารมณ์ดีเข้ามาในห้องอาหาร เขาตรงเข้าหอมแก้มแม่ของตัวเองทั้งซ้ายและขวาอย่างประจบประแจง“ไม่กินแล้วครับแม่ ผมมีนัด คืนนี้ไม่กลับมานอนบ้านนะครับ”เขายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกคนในห้องอาหารแล้วเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับผิวปากอารมณ์ดีอีกครั้ง ในขณะที่คนเป็นป้ายิ้มกริ่มพึงพอใจเพราะคิดว่าหลานชายตัวเองมีนัดกับพิมพ์พลอย“เห็นไหม พี่บอกแล้ว ว่าตาริวยังไงก็ต้องชอบคนสวยแบบหนูพลอย เป็นไงล่ะ เจอกันแค่วันเดียวก็นัดกันออกไปเดตซะแล้ว”ช้องนางหันมองหน้ากับสามีตัวเองด้วยความแปลกใจ ท่าทางคิริวเมื่อคืนนี้ไม่เห็นจะเหมือนคนตกหลุมรักสาวสวยคนนั้นเลยแม้แต่น้อย แต่วันนี้ทำไมอารมณ์ดีที่ได้ออกไปเดตเสียได้ วัยรุ่นนี่เข้าใจยากเสียจริง“ปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็ก ๆ เถอะค่ะพี่ช่อ”“จ้ะ ๆ แค่นี้พี่ก็สบายใจแล้ว ท่าทางคู่นี้จะเป็นไปได้สวย เฮ้อ ได้กลับบ้านเสียที ได้ข่าวว่าลูกยัยผกาเลิกกับแฟนอีกแล้ว เห็นไหม ถ้าเชื่อป้าของมันตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องรัก ๆ เลิก ๆ กับคนที่ไม่เหมาะสมแบบนี้หรอก เดี๋ยวจะหาผู้หญิงใหม่ให้เสียหน่อย”“พี่ช่อคะ”“เงียบไปเลยนะเรา ไม่ต้องมาห้ามพี่ ที่ทำทั้งหมดก็เพราะรักและเป็นห่วงหลาน
“แต่ผมมีครับพ่อ ผมไม่ได้ชอบพลอย ไม่ได้อยากมีแฟน ไม่อยากมีคู่หมั้นและไม่อยากแต่งงาน ผมไม่ยินดีที่จะมีงานหมั้นเกิดขึ้น ขอโทษทุกคนด้วยนะครับที่ต้องพูดตรง ๆ แต่ผมว่าแบบนี้มันดีกับพลอยมากกว่า พลอยจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลากับผม เพราะยังไงผมก็ไม่มีวันยอมหมั้นโดยที่ผมไม่ได้รู้สึกชอบหรอกนะครับ”พิทักษ์และกมลชนกอ้าปากค้าง เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคิริวจะกล้าพูดออกมาตรง ๆ แบบนี้ คงเป็นเพราะถูกเลี้ยงดูมาแบบฝรั่งสินะในขณะที่พิมพ์พลอยทำได้แค่กำมือแน่นและกัดกรามข่มอารมณ์ไม่พอใจที่กำลังจะระเบิดออกมา เธอจะไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด อย่างไรผู้ชายคนนี้ต้องเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น“คิริว ทำไมหลานเสียมารยาทแบบนี้”ช่อม่วงเอ็ดหลานชายเสียงดัง“ผมพูดความจริงครับป้า”“วันนี้ไม่ชอบไม่เป็นไร เพราะริวกับหนูพลอยเพิ่งเจอหน้ากันแค่ครั้งเดียว ยังไม่ทันได้ทำความรู้จักกันเลย ป้าอยากให้ริวไปรับพลอยไปเที่ยว ไปกินข้าวด้วยกันบ่อย ๆ หาโอกาสใกล้ชิดกัน สักปีครึ่งปีเป็นไง พอถึงตอนนั้น ถ้าไม่ชอบ ค่อยมาว่ากันอีกที แต่ยังไงป้าก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ป้าขอยืนยันว่าริวต้องมีคู่ครองที่สมหน้าตา ในฐานะผู้บริหารที่วันหนึ่ง
“คิริว เรียนวิศวะโยธาหรือคะ”แม้จะรู้ประวัติของเขามาบ้างแล้ว แต่ก็ต้องหาเรื่องมาชวนคุย เมื่อเขาเอาแต่พาเธอเดินชมนกชมไม้ ทั้งที่ในมือกดโทรศัพท์ ไม่ได้ชายตามาแลเธอสักนิดเดียวจนรู้สึกอึดอัด“ครับ เรียกผมว่าริวเฉย ๆ ก็ได้นะ แล้วพลอยล่ะ”เขาต้องถามกลับเพื่อไม่ให้เสียมารยาท แต่ที่จริงเขาเองก็ไม่ได้รู้เรื่องของเธอเลยแม้แต่น้อย ถ้ารู้เอาไว้ก็คงไม่เสียหายอะไร“พลอยเรียนบริหารค่ะ เสียดายจังนะคะที่ไม่ได้เรียนมหาลัยเดียวกับริว ได้ข่าวว่าสาวบริหารที่นั่นสวยมากเลยหรือคะ”“ครับ สวยมาก ที่จริงผู้หญิงทุกคนก็มีความสวยในแบบของตัวเองอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าใครจะดึงเสน่ห์ของตัวเองมาใช้ได้มากกว่ากันเท่านั้นครับ”เธอยิ้มรับคำพูดของผู้ชายเจ้าชู้ที่มองว่าผู้หญิงทุกคนคือดอกไม้งามประดับโลก และเพียงแค่เด็ดดมครั้งสองครั้ง กลิ่นหอมเฉพาะตัวเหล่านั้นก็หมดไปเสียแล้วแต่ดอกไม้ราคาแพงอย่างเธอ อย่างไรเสียถ้าเขาเด็ดมาดอมดมแล้ว จะไม่มีวันทิ้งเธอได้ง่าย ๆ เหมือนดอกไม้ไร้ค่าพวกนั้นแน่นอน“แล้วริวชอบผู้หญิงแบบไหนล่ะคะ”เธอเอ่ยถามพร้อมทั้งส่งสายตายั่วยวน ถ้าเธอไม่ใช่คนที่ป้าเขาอยากได้มาเป็นหลานสะใภ้ อย่างไรคืนนี้ก็ต้องมีคลานลงจากเ
แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธแม่ได้ จึงต้องโทรไปรบกวนคนตัวบางที่กำลังจะเข้านอนหลังจากเพิ่งบอกแม่ว่าพรุ่งนี้เธอต้องไปรับงานพิเศษและต้องค้างคืนกับมัสยา“สวัสดีค่ะ”“ฉันเอง”เสียงทุ้มที่เริ่มจะคุ้นหูทำให้เธอแปลกใจ เขากลัวเธอจะเบี้ยวจนถึงขั้นโทรมาเช็กกันเลยหรือ“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่า”เธอไม่กล้าเรียกชื่อเขา เพราะไม่อยากให้แม่ที่นอนหลับอยู่ด้านข้างรู้ว่าเธอคุยกับผู้ชาย ก่อนจะแอบเดินเลี่ยงออกมาคุยที่ระเบียงแทน“พรุ่งนี้ฉันขอยกเลิกนัดเราก่อนนะ ฉันมีธุระด่วน”“อ๋อ ได้สิ แล้วนายจะเอายังไงต่อ”“วันเสาร์เธอว่างไหม ฉันจะไปรับเธอที่หอแต่เช้า”“นายจะทำอย่างนั้นตั้งแต่เช้าเลยเหรอ”คนตัวบางเบิกตากว้าง เผลอโพล่งออกไปด้วยความตกใจ คนหื่นๆ อย่างเขาไม่รู้จักอายเลยหรือไง“ทำไมล่ะ ทำไม่ได้หรือไง”“เอ่อ คือ ไม่รู้สิ งั้นถ้านายมารับฉันแต่เช้า คงไม่ต้องค้างคืนใช่ไหม ฉันมีงานพิเศษตอนเย็นทุกวัน”“ร้านเดิมเหรอ”“ใช่”“เธอก็เปลี่ยนวันลาสิ จากวันศุกร์เป็นวันเสาร์”“แต่นายมารับฉันตั้งแต่เช้าแล้ว ยังต้องค้างคืนอีกเหรอ นายจะไม่พักบ้างหรือไง”“หึหึ พักไม่พักเดี๋ยวเธอก็รู้เอง ทำตามที่ฉันสั่งเถอะน่า ฉันเป็นลูกค้าวีไอ
“ไม่มีใครทำแบบนั้นหรอก คนจนก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะหมด”“ฉันก็แค่เตือนด้วยความหวังดี”“งั้นก็ขอบคุณที่มาส่งนะ”“เดี๋ยวสิ พรุ่งนี้เธอคงไม่ลืมใช่ไหม ว่าเรามีนัดกัน”ดวงตาคมกริบวาบขึ้นในความมืด นัยน์ตาสีน้ำตาลลึกล้ำจนอ่านไม่ออก แต่มันกลับทำให้ใบหน้าสาวร้อนวูบวาบแดงซ่านไปจนถึงใบหู“เอ่อ ไม่ลืมหรอก นายจะให้ฉันไปเจอที่ไหนล่ะ โรงแรมอะไร”“ไปคอนโดของฉัน”“คอนโดเหรอ”“อืม สะดวกดี แล้วก็ไปยืนรอฉันที่ข้างตึกคณะแล้วกัน เลิกเรียนจะไปรับ”“ฉันไม่อยากให้ใครเห็น ฉันไปเองก็ได้”“รถติด เสียเวลา งั้นเธอมาหาฉันที่รถก็ได้ เหมือนวันนี้”“อืม ก็ได้”“อย่าลืมเอาเสื้อผ้าไปด้วยล่ะ ชุดนอนไม่ได้นอน มีไหม ฉันชอบแบบนั้น”“อะ เอ่อ ไม่มีหรอก”คำพูดหน้าไม่อายของเขาทำเอาเธอหูอื้อไปหมด จะให้เธอใส่ชุดนอนบางเบาจนมองทะลุปรุโปร่งต่อหน้าเขาได้อย่างไร เธอกะว่าคืนพรุ่งนี้จะขอร้องให้เขาปิดไฟ ซึ่งก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะยอมหรือเปล่า“ไม่มีก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องใส่ก็ได้ แค่ผิวขาวๆ ของเธอก็คงทำให้ฉันมีอารมณ์มากแล้วล่ะ”ยังไม่ทันจะได้เห็นผิวขาวๆ ของเธอภายใต้ร่มผ้าเลยสักนิด แค่จินตนาการไปตามคำพูดของตัวเอง ลูกชายคนโตที่ขนาดเทียบเท่ามาตรฐา