วันต่อมา แม้ว่าจะมีความคิดหนึ่งที่ผุดเข้ามาในหัวของน้ำตาล ความคิดที่ว่าเธอไม่อยากทำ ไม่อยากมอบร่างกายให้คนที่เธอไม่ได้รัก และที่สำคัญดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะรังเกียจเธอเอามาก ๆ เลยด้วยซ้ำ แต่พอนึกถึงน้องชายเธอก็ต้องข่มกลั้นความคิดทุกอย่างไว้ เรื่องเดียวที่เข้ามาแทรกอยู่ในหัวคือเธอต้องทำแม้จะไม่อยากทำก็ตาม
น้ำตาลจึงตัดสินใจไปหาไคล์ที่บริษัทอีกครั้ง เธอจะต้องรีบทำมันให้สำเร็จ เธอไม่อยากใช้ชีวิตแสนลำบากอยู่ที่นี่ แค่อาทิตย์เดียวมันก็นานเกินไปแล้วสำหรับเธอ
[หยุดก่อนครับ]
น้ำตาลหันไปมองตามเสียง แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขาพูดว่าอะไรก็ตาม ชายในเครื่องแบบรีบวิ่งมาขวางหน้าของเธอไว้ เธอมองสำรวจการแต่งกายของเขา คงจะเดาไม่ยากว่าผู้ชายคนนี้คงจะเป็น รปภ.ของบริษัทแห่งนี้
“...” น้ำตาลรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรกับเธอ
[ไม่ได้นะครับ บอสสั่งห้ามไม่ให้คุณเข้าไปในบริษัทอีก] เขาบอกเธอเป็นภาษาจีน
เพราะหลังจากที่เธอเดินออกจากบริษัทเมื่อวาน ไคล์ได้สั่ง รปภ. รวมไปถึงเลขาของเขา ห้ามไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ย่างกรายเข้ามาในบริษัทของเขาอีก มันอันตรายมากที่จะปล่อยให้เธอเข้ามาวนเวียนในพื้นที่ของเขา จนกว่าเขาจะสืบทราบว่าเธอเป็นใครมาจากไหน
“...” น้ำตาลเอียงหน้ามอง เธอไม่เข้าใจที่ รปภ.บอก แต่จากท่าทางของเขาเธอพอจะเดาได้ว่า เขาไม่อนุญาตให้เธอเข้าไป น้ำตาลจึงทำหน้าเศร้า เธอจะพูดว่าอะไรดี เขาน่าจะฟังภาษาอังกฤษออก “คุณพูดภาษาอังกฤษได้หรือเปล่า”
เมื่อเห็นว่า รปภ.ทำหน้างง น้ำตาลก็รู้ได้ในทันทีว่าเธอกับเขาพูดกันคนละภาษา คงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ ๆ
ทางฝั่งของ รปภ.แม้เขาจะรู้สึกสงสารหญิงสาวตรงหน้า แต่เขาก็ไม่อยากขัดคำสั่งเจ้านาย เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าคำสั่งของไคล์เด็ดขาดแค่ไหน
น้ำตาลหมดหนทางที่จะพาตัวเองเข้าไป เธอทำได้แค่ยืนอยู่ตรงนั้น หวังให้ รปภ.เห็นใจแล้วปล่อยให้เธอขึ้นไป แต่ก็เปล่าประโยชน์
[ฝนจะตกแล้วครับ] เขาพูดพลางชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กำลังมืดครึ้ม ทำให้คนฟังเข้าใจโดยง่าย
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะรอจนกว่าเขาจะออกมา” แม้จะรู้ว่าพูดไปอีกฝ่ายก็ไม่เข้าใจ แต่เธอก็อยากจะพูด พลางส่งยิ้มบาง ๆ ให้ รปภ.
หยดน้ำใส ๆ ค่อย ๆ ตกลงมาจากท้องฟ้าทีละหยดก่อนจะค่อย ๆ ตกหนักขึ้น แต่เธอก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ราวกับไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะเปียก หรือว่าจะมีผู้คนในบริเวณนั้นมองมาด้วยความแปลกใจก็ตาม ความอัดอั้นที่อยู่ภายในใจ ความอ่อนแอทั้งหมดที่เธอข่มไว้ถูกปล่อยออกมาเป็นน้ำตาให้ไหลลงไปพร้อมกับน้ำฝน
เธอเริ่มโทษตัวเองที่ไม่มีความอดทน เพราะหลายครั้งที่มีโอกาส หลายครั้งที่สถานการณ์กำลังจะพาไป แต่กลับเป็นเธอซะเองที่ทิ้งโอกาสนั้นไป บางทีเธออาจจะทำสำเร็จตั้งแต่สามวันก่อน หรืออาจจะเป็นเมื่อวานถ้าเธอไม่ขี้ขลาด
น้ำตาลเงยหน้ามองเพื่อมองท้องฟ้าเมื่อรู้สึกว่าฝนยังตกแต่กลับไม่ตกใส่เธอ เพราะมีใครคนหนึ่งถือร่มคันโตอยู่ด้านหลัง
[ทำไมมายืนตากฝนอยู่ตรงนี้ล่ะครับ] เขายื่นมือออกไปหวังให้น้ำตาลจับเพื่อลุกขึ้นยืน
“...” น้ำตาลเอียงหน้ามอง เธอไม่ได้รู้จักเขา และไม่ได้เข้าใจสิ่งที่เขาพูด
[คุณไม่สบายหรือเปล่า] เมื่อเห็นว่าน้ำตาลไม่ยอมยื่นมือมาจับสักที เขาจึงดึงมือกลับก่อนจะเปลี่ยนเป็นย่อตัวแล้วนั่งลงตรงหน้าของน้ำตาล
น้ำตาลผงกหัวให้เขาหนึ่งครั้ง ก่อนจะขยับออกจากร่มไป เธอรู้สึกขอบคุณที่เขามีน้ำใจกับเธอ แต่เธอไม่อยากพูดคุยอะไรไม่ว่ากับใครในตอนนี้ ในหัวของเธอมีแค่เรื่องเดียวคือทำยังไงให้เขายอมนอนกับเธอ เป็นความคิดที่ดูเหมือนจะทำให้ตัวเองไร้ค่า แต่เธอก็ต้องทำเพื่อรักษาคนที่รักมากที่สุดไว้
ชายหนุ่มยืนมองน้ำตาลเดินหายลับไปด้วยท่าทางงง ๆ เขาได้แต่สงสัยว่าเพราะสาเหตุอะไรเธอถึงได้ยืนตากฝนโดยไม่รู้จักเหน็ดหนาว อากาศในประเทศจีนเวลานี้แทบจะติดลบแล้วด้วยซ้ำ เขาคิดว่าหลังจากนี้เธอต้องป่วยแน่ ๆ
เหมือนคำสาปแช่งยังไงยังงั้น ในกลางดึกของคืนเดียวกันน้ำตาลนอนไข้จับสั่น เธอหนาวไปถึงกระดูก ผ้าห่มผืนบางที่มีอยู่ก็ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายของเธอเย็นลงแม้แต่น้อย ความหนาวเหน็บทำให้เธอซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ความร้อนจากพิษไข้ทำให้เธอรู้สึกปวดไปทั้งตัว อยู่ ๆ ขอบตาก็ร้อนผ่าว บนหมอนเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำเล็ก ๆ ที่ไหลจากดวงตาคู่สวย
ตั้งแต่พ่อแม่จากไปเธอก็ต่อสู้ดิ้นรนมาด้วยตัวเองตลอด โชคดีที่มีน้องชายพอให้เธอได้ยึดเหนี่ยวจิตใจ แม้ว่าเขาจะดื้อไปบ้าง แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้อยู่บนโลกนี้เพียงลำพัง
เธอฝืนลุกขึ้นเพื่อเดินไปยังตู้เสื้อผ้า เธอจำได้ว่าตอนที่จัดกระเป๋าก่อนเดินทางมาที่นี่ เธอได้ใส่ยาแก้ไข้ไว้ในกระเป๋าเป้ โชคดีที่เธอเคยเป็นพยาบาล จึงพอจะรู้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับตัวเองได้
ดวงตาคู่สวยค่อย ๆ หรี่มองไปรอบ ๆ เธอสังเกตว่าตอนนี้เริ่มมืดแล้ว เธอหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ก็ยังรู้สึกเพลียไม่หาย อาจเป็นเพราะอากาศของที่นี่หนาวกว่าประเทศไทย สภาพร่างกายของเธอเลยปรับสภาพไม่ทัน จึงทำให้ป่วยง่าย
“กี่ทุ่มแล้วเนี่ย” มือเล็ก ๆ ควานหาโทรศัพท์ เพราะตอนกลางวันเธอตั้งใจไว้ว่าคืนนี้เธอจะตามเขาไปที่คลับ ยังไงเธอก็ต้องรีบมีความสัมพันธ์ทางกายกับเขาให้ไวที่สุดนี่ก็ผ่านมาสองวันแล้วที่เธอเอาแต่นอนซมเพราะพิษไข้
น้ำตาลหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ใต้ผ้าห่มขึ้นมาดู เธอต้องเบิกตากว้างเมื่อมีสายไม่ได้รับกว่า 10 สาย เธอรีบลุกขึ้นนั่งแล้วโทรกลับเบอร์นั้นทันที
“สะ...สวัสดีค่ะ” เธอทักทายด้วยน้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ
‘เธอมันไม่ได้เรื่องเลย อยากให้น้องชายของเธอตายมากใช่มั้ย!’
น้ำเสียงของเขาฟังดูก็รู้ว่าตอนนี้คงจะโกรธเธอเอามาก ๆ เธอทำพลาดแล้วพลาดอีกแบบนี้เป็นใครก็คงโกรธ
“ไม่นะคะ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไม่รับสายของคุณ เพียงแต่ตอนนี้ฉันเจอปัญหา”
‘เธอจะอ้างอะไรอีก’
“พอดีว่าตอนนี้ฉันไม่สบายค่ะ แล้วอากาศที่นี่ก็หนาวมากด้วย ฉันเลยหายป่วยช้ากว่าปกติ” น้ำตาลบอกออกไปตรง ๆ เวลานี้เธอแค่ต้องการความเห็นใจจากเจ้าหนี้เท่านั้น อยากจะขอต่อเวลาออกไปอีกหน่อยแต่ก็ไม่กล้าพูด เพราะเธอทำพลาดมาหลายครั้งแล้ว
‘ฉันต้องให้เวลาเธออีกนานแค่ไหน ฉันกำลังจะหมดความอดทนในไม่ช้า เมื่อถึงตอนนั้นคงไม่ต้องให้ฉันบอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้น’
น้ำตาลกำลังจินตนาการถึงสิ่งที่เขากำลังบอก มือของเธอเริ่มสั่นอีกครั้ง ยิ่งนานวันมันก็ยิ่งยากที่เธอจะควบคุม หรือเธอต้องพบหมอ เธอรู้ดีว่านี่อาจจะเป็นผลข้างเคียงจากความวิตกกังวลที่เกิดขึ้น เธอหวังว่าอาการเหล่านี้จะหายไปเมื่อทุกอย่างจบลง
“ฉันกำลังเร่งลงมืออยู่ค่ะ คุณอย่าเพิ่งทำอะไรน้องชายของฉันนะ ฉันขอร้อง”
‘ฉันต่อเวลาให้อีกหนึ่งอาทิตย์เท่านั้น หนึ่งอาทิตย์สุดท้าย’
“ได้ค่ะ” น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่ากำลังดีใจ อย่างน้อย ๆ แสงสว่างปลายอุโมงค์ก็ยังไม่ดับลง
‘ฉันจะรอฟังข่าวดี’
“ค่ะ”
หลังวางสายน้ำตาลก็วางโทรศัพท์ลงบนที่นอน ส่วนเธอก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เลือกชุดที่คิดว่ายั่วยวนสายตาของเขาที่สุดเท่าที่เธอจะหามาได้ สวมใส่มันลงไป เธอได้แต่ถอนหายใจเมื่อเห็นตัวเองผ่านกระจก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมต้องมาทำในสิ่งที่เธอไม่อยากทำด้วย
วันต่อมาน้ำตาลลองไปโรงพยาบาลตามที่หมอแนะนำ เพราะเมื่อตอนดึกเธอรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่ ถ้าอาการป่วยยังรุมเร้าอยู่แบบนี้ รับรองว่างานของเธอไม่มีทางคืบหน้าแน่ ๆ[คุณเองเหรอ]“...”[คุณจำผมได้หรือเปล่า]“...”“อ้อจริงสิ คุณคงไม่เข้าใจภาษาของผม” สายตาของหมอโฟกัสไปที่ประวัติคนไข้อีกครั้ง“คุณรู้ได้ยังไง” น้ำตาลแปลกใจที่อยู่ ๆ เขาก็พูดภาษาที่เธอฟังออกขึ้นมา“ก็ที่คุณระบุในนี้” เขาชี้ไปที่แฟ้มประวัติคนไข้ “คุณไม่ใช่คนที่นี่สินะ”“อ๋อ” น้ำตาลโล่งใจ เธอเองก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ คิดว่าตัวเองกำลังกรอกประวัติอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐที่ประเทศไทยซะอีก“ผมก็ว่าอยู่ว่าทำไมวันนั้นคุณถึงไม่ยอมคุยกับผม”“...” น้ำตาลไม่ได้พูดอะไร เธอนึกไม่ออกว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร แต่ว่าหมอคนนี้เป็นคนอัธยาศัยดีจัง เพราะตั้งแต่เธอเข้ามาเขาก็พูดไม่หยุดเลย“สรุปว่าคุณจำผมได้หรือเปล่า”“คุณรู้จักฉันเหรอ”“คิดไว้แล้ว ว่าคุณคงจำผมไม่ได้”“...” น้ำตาลเอียงหน้ามอง ดูยังไงเธอก็ไม่คุ้นหน้าเขาเลยสักนิด“เราเคยเจอกันวันนั้นไง วันที่ฝนตก”“ฝนตก...” เธอทวนคำ“อือ...หึ”น้ำตาลทำท่าครุ่นคิด ตั้งแต่มาที่นี่ เธอนึกไม่ออกว่าเธอเคยมีโอกาสได้เจอผ
[สวัสดีครับคุณไคล์]เจ้าของชื่อก้มมองคนที่ยืนแนบอกของเขาก่อนที่จะปรายตามองคนที่เอ่ยทักทายเขา“คุณ” น้ำตาลเรียกเขาสั้น ๆ เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปเห็นหน้าเจ้าของร่างกำยำที่เธอถอยหลังชน ไม่รู้ว่าเขาเดินมาทางที่เธอยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะก่อนหน้าเธอเอาแต่เถียงกับผู้ชายไร้มารยาทคนนี้จนลืมสังเกตน้ำตาลหันไปเผชิญหน้ากับเขา แต่ก็ไม่กล้าสู้หน้าเขาตรง ๆ เพราะเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนยังปรากฏอยู่ในหัว เธอจึงทำทีเสมองไปทางอื่น[เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนของคุณ]ไคล์ตวัดสายตามองหญิงสาวทันที มันจะมากเกินไปแล้ว เธอกำลังทำให้เขาเสื่อมเสีย เพราะลูกค้าประจำของที่นี่ไม่มีใครไม่รู้จักแฟนของเขา ผู้หญิงคนนี้ยิ่งนับวันยิ่งวุ่นวายกับชีวิตของเขา“...” น้ำตาลหลุบตาต่ำลง เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นบอกอะไรกับเขา ถ้าเกิดบอกทุกอย่างที่เธอแอบอ้างไปล่ะ แล้วเธอจะทำยังไง เขาต้องโกรธเธอมากแน่ ๆเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นตามรูขุมขน เธอรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ แปลก ๆ ไม่รู้เป็นเพราะอาการป่วยที่ยังไม่หายดี หรือแอลกอฮอล์ที่เธอดื่มเข้าไป หรือแท้ที่จริงแล้วเธอกลัวคนตรงหน้ากันแน่มือที่จับขอบโต๊ะกำแน่น ดูเหมือนตัวเธอจะโงนเงนไปมาจนเจ้าของร่า
เวลา 22.00 น.เจ้าของขาเรียวก้าวผ่านประตูเข้าไปในไนต์คลับ ผู้คนในเวลานี้ดูหนาแน่นขนัดตา เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อหาเป้าหมาย แต่แล้วก็ไม่เจอ โชคดีที่ยังมีที่ว่างพอให้เธอได้แทรกตัวแล้ววางก้นลง[รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ] พนักงานหนุ่มเดินเข้ามาถามทันทีที่เห็นเธอนั่งลง“คุณพูดภาษาอังกฤษกับฉันได้หรือเปล่า” เธอเริ่มจะชินกับสถานการณ์ต่าง ๆ มากขึ้น คงเป็นเพราะเธอเป็นคนเอเชียเหมือนกับพวกเขา โดยลักษณะทั่วไปของเธอก็ไม่ได้แตกต่างจากหญิงสาวชาวจีนมากนัก เลยไม่มีใครเอะใจว่าเธอไม่ใช่คนที่นี่“ครับ” พนักงานพยักหน้าเบา ๆ “ไม่ทราบว่าคุณจะรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ”น้ำตาลก็นิ่งคิด เธอกำลังคิดว่าเธอจะสั่งอะไรมาดื่มดี ผู้หญิงที่เอาแต่ทำงานไม่ดื่มเหล้าไม่เข้าผับแบบเธอควรสั่งอะไรมาดื่มดี“อะไรก็ได้ที่เบาที่สุดค่ะ”เพราะยังไม่หายป่วยเวลานี้เธอจึงไม่ควรดื่มด้วยซ้ำ แต่เอาเถอะอย่างน้อย ๆ ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเขาเธอจะได้กล้าพอที่จะชวนเขาขึ้นเตียงแบบไม่รู้สึกกระดากปาก เพราะทุกครั้งสติของเธอครบถ้วนเธอมักจะทำมันพลาดอยู่เสมอ“ได้ครับ”น้ำตาลนั่งรอไปเรื่อย เวลานี้เป้าหมายของเธอก็ยังไม่ปรากฏตัว จากหนึ่งแก้วเป็นสองแก้ว และตามด้วย
วันต่อมา แม้ว่าจะมีความคิดหนึ่งที่ผุดเข้ามาในหัวของน้ำตาล ความคิดที่ว่าเธอไม่อยากทำ ไม่อยากมอบร่างกายให้คนที่เธอไม่ได้รัก และที่สำคัญดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะรังเกียจเธอเอามาก ๆ เลยด้วยซ้ำ แต่พอนึกถึงน้องชายเธอก็ต้องข่มกลั้นความคิดทุกอย่างไว้ เรื่องเดียวที่เข้ามาแทรกอยู่ในหัวคือเธอต้องทำแม้จะไม่อยากทำก็ตามน้ำตาลจึงตัดสินใจไปหาไคล์ที่บริษัทอีกครั้ง เธอจะต้องรีบทำมันให้สำเร็จ เธอไม่อยากใช้ชีวิตแสนลำบากอยู่ที่นี่ แค่อาทิตย์เดียวมันก็นานเกินไปแล้วสำหรับเธอ[หยุดก่อนครับ]น้ำตาลหันไปมองตามเสียง แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขาพูดว่าอะไรก็ตาม ชายในเครื่องแบบรีบวิ่งมาขวางหน้าของเธอไว้ เธอมองสำรวจการแต่งกายของเขา คงจะเดาไม่ยากว่าผู้ชายคนนี้คงจะเป็น รปภ.ของบริษัทแห่งนี้“...” น้ำตาลรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรกับเธอ[ไม่ได้นะครับ บอสสั่งห้ามไม่ให้คุณเข้าไปในบริษัทอีก] เขาบอกเธอเป็นภาษาจีนเพราะหลังจากที่เธอเดินออกจากบริษัทเมื่อวาน ไคล์ได้สั่ง รปภ. รวมไปถึงเลขาของเขา ห้ามไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ย่างกรายเข้ามาในบริษัทของเขาอีก มันอันตรายมากที่จะปล่อยให้เธอเข้ามาวนเวียนในพื้นที่ของเขา จนกว่าเขาจะสืบทราบว่าเธอเป็นใครมาจาก
หน้าบริษัทซอฟต์แวร์พนักงานต่างพากันเดินเข้าไปทางประตู หนึ่งในนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูจะกลมกลืนไปกับพนักงานเหล่านั้นวันนี้เธอมาในชุดเดรสที่พนักงานบริษัททั่วไปในประเทศจีนนิยมใส่ เพราะหลังจากที่ได้สังเกตการแต่งกายของคนที่นี่ เธอพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมชายหนุ่มที่เป็นเป้าหมายของเธอมักจะมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ ทุกครั้งเวลาที่เจอกัน วันนี้เธอจึงเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวใหม่เท้าสองข้างก้าวออกจากลิฟต์เมื่อมันมาจอดตรงชั้นบนสุดของบริษัท ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องผู้บริหารระดับสูง อาจเป็นเพราะเช้ามากเวลานี้เลขาหน้าห้องจึงยังมาไม่ถึงบริษัท เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาตวันนี้เธอไม่รู้เลยว่าเขาจะเข้ามาที่บริษัทหรือเปล่า หลังจากที่เธอแอบออกจากคอนโดของเขาตอนตี 1เมื่อสองวันก่อน เมื่อกลับถึงห้องเช่าเล็ก ๆ เธอก็พักผ่อนอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะโดนเจ้าหนี้โทรมาต่อว่าเธอเรื่องทำงานล่าช้าก็เถอะ แต่เธอก็มีข้ออ้างเพื่อเอาตัวรอดได้เสมอ“ถ้าวันนี้เขาไม่มาล่ะ” น้ำตาลเดินไปเดินมาด้วยความกังวล ตอนนี้เวลาของเธอเหลือไม่มากแล้วฉันให้เวลาเธออีกสามวัน ไม่มีการต่อรองอะไรอีกแล้ว ถ
หมั่บ!!ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เดินเข้าห้องไปก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งจับต้นแขนของน้ำตาลไว้จากด้านหลัง ทันทีที่เธอหันกลับไปมองก็ได้เห็นว่าเขาคือคนคนเดียวกันกับที่ผลักไสเธอให้คนอื่นนั่นเองชายหนุ่มแอบตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ตรงนี้ ตามเนื้อตัวนอกร่มผ้ามีรอยแดง ๆ ปรากฏให้เห็น คงเกิดจากการฉุดกระชากลากถูกันมา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าน้ำตาลปฏิเสธคู่ค้าของเขา“คุณจะทำอะไร” ชายหนุ่มทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นไคล์“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”“ได้ไงล่ะ ตั้งแต่ทำธุรกิจร่วมกันมา คุณไม่เคยกลับคำพูดสักครั้ง” เขาโวยวาย ในเมื่อยกให้เขาแล้วจะมาเอาคืนได้ยังไง“ครั้งนี้ผมวู่วามเกินไป” ไคล์แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ แต่ในใจลึก ๆ กลับยอมรับว่าเขาวู่วามจริง ๆ นั้นแหละ“อย่าบอกว่าที่เธอพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง” เขามองสลับกันระหว่างไคล์กับหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ ไคล์“พูดว่าไงครับ”“เธอบอกผมว่า เธอกำลังทะเลาะกับคุณ”“ว่าไงนะ” ไคล์ตวัดสายตามองหญิงสาว ความรู้สึกผิดเมื่อก่อนหน้าก็มลายหายไป เธอเอาชื่อของเขาไปแอบอ้างได้ยังไง ความจริงเธอกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันด้วยซ้ำแล้วจะมีเรื่องอะไรให้ทะเลาะกันน้ำตาลหลุบตาต่ำล