วันต่อมา แม้ว่าจะมีความคิดหนึ่งที่ผุดเข้ามาในหัวของน้ำตาล ความคิดที่ว่าเธอไม่อยากทำ ไม่อยากมอบร่างกายให้คนที่เธอไม่ได้รัก และที่สำคัญดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะรังเกียจเธอเอามาก ๆ เลยด้วยซ้ำ แต่พอนึกถึงน้องชายเธอก็ต้องข่มกลั้นความคิดทุกอย่างไว้ เรื่องเดียวที่เข้ามาแทรกอยู่ในหัวคือเธอต้องทำแม้จะไม่อยากทำก็ตาม
น้ำตาลจึงตัดสินใจไปหาไคล์ที่บริษัทอีกครั้ง เธอจะต้องรีบทำมันให้สำเร็จ เธอไม่อยากใช้ชีวิตแสนลำบากอยู่ที่นี่ แค่อาทิตย์เดียวมันก็นานเกินไปแล้วสำหรับเธอ
[หยุดก่อนครับ]
น้ำตาลหันไปมองตามเสียง แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขาพูดว่าอะไรก็ตาม ชายในเครื่องแบบรีบวิ่งมาขวางหน้าของเธอไว้ เธอมองสำรวจการแต่งกายของเขา คงจะเดาไม่ยากว่าผู้ชายคนนี้คงจะเป็น รปภ.ของบริษัทแห่งนี้
“...” น้ำตาลรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรกับเธอ
[ไม่ได้นะครับ บอสสั่งห้ามไม่ให้คุณเข้าไปในบริษัทอีก] เขาบอกเธอเป็นภาษาจีน
เพราะหลังจากที่เธอเดินออกจากบริษัทเมื่อวาน ไคล์ได้สั่ง รปภ. รวมไปถึงเลขาของเขา ห้ามไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ย่างกรายเข้ามาในบริษัทของเขาอีก มันอันตรายมากที่จะปล่อยให้เธอเข้ามาวนเวียนในพื้นที่ของเขา จนกว่าเขาจะสืบทราบว่าเธอเป็นใครมาจากไหน
“...” น้ำตาลเอียงหน้ามอง เธอไม่เข้าใจที่ รปภ.บอก แต่จากท่าทางของเขาเธอพอจะเดาได้ว่า เขาไม่อนุญาตให้เธอเข้าไป น้ำตาลจึงทำหน้าเศร้า เธอจะพูดว่าอะไรดี เขาน่าจะฟังภาษาอังกฤษออก “คุณพูดภาษาอังกฤษได้หรือเปล่า”
เมื่อเห็นว่า รปภ.ทำหน้างง น้ำตาลก็รู้ได้ในทันทีว่าเธอกับเขาพูดกันคนละภาษา คงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ ๆ
ทางฝั่งของ รปภ.แม้เขาจะรู้สึกสงสารหญิงสาวตรงหน้า แต่เขาก็ไม่อยากขัดคำสั่งเจ้านาย เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าคำสั่งของไคล์เด็ดขาดแค่ไหน
น้ำตาลหมดหนทางที่จะพาตัวเองเข้าไป เธอทำได้แค่ยืนอยู่ตรงนั้น หวังให้ รปภ.เห็นใจแล้วปล่อยให้เธอขึ้นไป แต่ก็เปล่าประโยชน์
[ฝนจะตกแล้วครับ] เขาพูดพลางชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กำลังมืดครึ้ม ทำให้คนฟังเข้าใจโดยง่าย
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะรอจนกว่าเขาจะออกมา” แม้จะรู้ว่าพูดไปอีกฝ่ายก็ไม่เข้าใจ แต่เธอก็อยากจะพูด พลางส่งยิ้มบาง ๆ ให้ รปภ.
หยดน้ำใส ๆ ค่อย ๆ ตกลงมาจากท้องฟ้าทีละหยดก่อนจะค่อย ๆ ตกหนักขึ้น แต่เธอก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ราวกับไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะเปียก หรือว่าจะมีผู้คนในบริเวณนั้นมองมาด้วยความแปลกใจก็ตาม ความอัดอั้นที่อยู่ภายในใจ ความอ่อนแอทั้งหมดที่เธอข่มไว้ถูกปล่อยออกมาเป็นน้ำตาให้ไหลลงไปพร้อมกับน้ำฝน
เธอเริ่มโทษตัวเองที่ไม่มีความอดทน เพราะหลายครั้งที่มีโอกาส หลายครั้งที่สถานการณ์กำลังจะพาไป แต่กลับเป็นเธอซะเองที่ทิ้งโอกาสนั้นไป บางทีเธออาจจะทำสำเร็จตั้งแต่สามวันก่อน หรืออาจจะเป็นเมื่อวานถ้าเธอไม่ขี้ขลาด
น้ำตาลเงยหน้ามองเพื่อมองท้องฟ้าเมื่อรู้สึกว่าฝนยังตกแต่กลับไม่ตกใส่เธอ เพราะมีใครคนหนึ่งถือร่มคันโตอยู่ด้านหลัง
[ทำไมมายืนตากฝนอยู่ตรงนี้ล่ะครับ] เขายื่นมือออกไปหวังให้น้ำตาลจับเพื่อลุกขึ้นยืน
“...” น้ำตาลเอียงหน้ามอง เธอไม่ได้รู้จักเขา และไม่ได้เข้าใจสิ่งที่เขาพูด
[คุณไม่สบายหรือเปล่า] เมื่อเห็นว่าน้ำตาลไม่ยอมยื่นมือมาจับสักที เขาจึงดึงมือกลับก่อนจะเปลี่ยนเป็นย่อตัวแล้วนั่งลงตรงหน้าของน้ำตาล
น้ำตาลผงกหัวให้เขาหนึ่งครั้ง ก่อนจะขยับออกจากร่มไป เธอรู้สึกขอบคุณที่เขามีน้ำใจกับเธอ แต่เธอไม่อยากพูดคุยอะไรไม่ว่ากับใครในตอนนี้ ในหัวของเธอมีแค่เรื่องเดียวคือทำยังไงให้เขายอมนอนกับเธอ เป็นความคิดที่ดูเหมือนจะทำให้ตัวเองไร้ค่า แต่เธอก็ต้องทำเพื่อรักษาคนที่รักมากที่สุดไว้
ชายหนุ่มยืนมองน้ำตาลเดินหายลับไปด้วยท่าทางงง ๆ เขาได้แต่สงสัยว่าเพราะสาเหตุอะไรเธอถึงได้ยืนตากฝนโดยไม่รู้จักเหน็ดหนาว อากาศในประเทศจีนเวลานี้แทบจะติดลบแล้วด้วยซ้ำ เขาคิดว่าหลังจากนี้เธอต้องป่วยแน่ ๆ
เหมือนคำสาปแช่งยังไงยังงั้น ในกลางดึกของคืนเดียวกันน้ำตาลนอนไข้จับสั่น เธอหนาวไปถึงกระดูก ผ้าห่มผืนบางที่มีอยู่ก็ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายของเธอเย็นลงแม้แต่น้อย ความหนาวเหน็บทำให้เธอซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ความร้อนจากพิษไข้ทำให้เธอรู้สึกปวดไปทั้งตัว อยู่ ๆ ขอบตาก็ร้อนผ่าว บนหมอนเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำเล็ก ๆ ที่ไหลจากดวงตาคู่สวย
ตั้งแต่พ่อแม่จากไปเธอก็ต่อสู้ดิ้นรนมาด้วยตัวเองตลอด โชคดีที่มีน้องชายพอให้เธอได้ยึดเหนี่ยวจิตใจ แม้ว่าเขาจะดื้อไปบ้าง แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้อยู่บนโลกนี้เพียงลำพัง
เธอฝืนลุกขึ้นเพื่อเดินไปยังตู้เสื้อผ้า เธอจำได้ว่าตอนที่จัดกระเป๋าก่อนเดินทางมาที่นี่ เธอได้ใส่ยาแก้ไข้ไว้ในกระเป๋าเป้ โชคดีที่เธอเคยเป็นพยาบาล จึงพอจะรู้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับตัวเองได้
ดวงตาคู่สวยค่อย ๆ หรี่มองไปรอบ ๆ เธอสังเกตว่าตอนนี้เริ่มมืดแล้ว เธอหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ก็ยังรู้สึกเพลียไม่หาย อาจเป็นเพราะอากาศของที่นี่หนาวกว่าประเทศไทย สภาพร่างกายของเธอเลยปรับสภาพไม่ทัน จึงทำให้ป่วยง่าย
“กี่ทุ่มแล้วเนี่ย” มือเล็ก ๆ ควานหาโทรศัพท์ เพราะตอนกลางวันเธอตั้งใจไว้ว่าคืนนี้เธอจะตามเขาไปที่คลับ ยังไงเธอก็ต้องรีบมีความสัมพันธ์ทางกายกับเขาให้ไวที่สุดนี่ก็ผ่านมาสองวันแล้วที่เธอเอาแต่นอนซมเพราะพิษไข้
น้ำตาลหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ใต้ผ้าห่มขึ้นมาดู เธอต้องเบิกตากว้างเมื่อมีสายไม่ได้รับกว่า 10 สาย เธอรีบลุกขึ้นนั่งแล้วโทรกลับเบอร์นั้นทันที
“สะ...สวัสดีค่ะ” เธอทักทายด้วยน้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ
‘เธอมันไม่ได้เรื่องเลย อยากให้น้องชายของเธอตายมากใช่มั้ย!’
น้ำเสียงของเขาฟังดูก็รู้ว่าตอนนี้คงจะโกรธเธอเอามาก ๆ เธอทำพลาดแล้วพลาดอีกแบบนี้เป็นใครก็คงโกรธ
“ไม่นะคะ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไม่รับสายของคุณ เพียงแต่ตอนนี้ฉันเจอปัญหา”
‘เธอจะอ้างอะไรอีก’
“พอดีว่าตอนนี้ฉันไม่สบายค่ะ แล้วอากาศที่นี่ก็หนาวมากด้วย ฉันเลยหายป่วยช้ากว่าปกติ” น้ำตาลบอกออกไปตรง ๆ เวลานี้เธอแค่ต้องการความเห็นใจจากเจ้าหนี้เท่านั้น อยากจะขอต่อเวลาออกไปอีกหน่อยแต่ก็ไม่กล้าพูด เพราะเธอทำพลาดมาหลายครั้งแล้ว
‘ฉันต้องให้เวลาเธออีกนานแค่ไหน ฉันกำลังจะหมดความอดทนในไม่ช้า เมื่อถึงตอนนั้นคงไม่ต้องให้ฉันบอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้น’
น้ำตาลกำลังจินตนาการถึงสิ่งที่เขากำลังบอก มือของเธอเริ่มสั่นอีกครั้ง ยิ่งนานวันมันก็ยิ่งยากที่เธอจะควบคุม หรือเธอต้องพบหมอ เธอรู้ดีว่านี่อาจจะเป็นผลข้างเคียงจากความวิตกกังวลที่เกิดขึ้น เธอหวังว่าอาการเหล่านี้จะหายไปเมื่อทุกอย่างจบลง
“ฉันกำลังเร่งลงมืออยู่ค่ะ คุณอย่าเพิ่งทำอะไรน้องชายของฉันนะ ฉันขอร้อง”
‘ฉันต่อเวลาให้อีกหนึ่งอาทิตย์เท่านั้น หนึ่งอาทิตย์สุดท้าย’
“ได้ค่ะ” น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่ากำลังดีใจ อย่างน้อย ๆ แสงสว่างปลายอุโมงค์ก็ยังไม่ดับลง
‘ฉันจะรอฟังข่าวดี’
“ค่ะ”
หลังวางสายน้ำตาลก็วางโทรศัพท์ลงบนที่นอน ส่วนเธอก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เลือกชุดที่คิดว่ายั่วยวนสายตาของเขาที่สุดเท่าที่เธอจะหามาได้ สวมใส่มันลงไป เธอได้แต่ถอนหายใจเมื่อเห็นตัวเองผ่านกระจก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมต้องมาทำในสิ่งที่เธอไม่อยากทำด้วย
วาเลนไทน์หมุนเวียนมาอีกรอบ หญิงสาวในชุดสีชมพูกำลังอุ้มเด็กน้อยวัย 6 เดือนเดินเข้าไปในบริษัท เนื่องจากผู้เป็นสามีต้องเข้าประชุมด่วนเขาจึงออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดและสั่งให้บอดี้การ์ดพาภรรยาและลูกตามมา“เชิญคุณน้ำตาลพาคุณหนูเข้าไปรอให้ห้องทำงานของบอสก่อนครับ คาดว่าไม่นานก็ประชุมเสร็จแล้วน้ำตาลเดินเข้าไปในห้อง เธอวางลูกน้อยลงบนเบาะนุ่ม ๆ ที่ถูกเตรียมไว้ ภายในเบาะมีของเล่นมากมาย เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องทำงานของไคล์แทบจะเป็นที่สำหรับเลี้ยงเด็กเล็กก็ว่าได้น้ำตาลมองไปรอบ ๆ เธอจำได้ว่าห้องนี้คือที่ที่เธอมีจูบแรกกับเขา ไม่รู้เขาจะจำได้หรือเปล่า คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องทั้งหมดมันจะลงเอยแบบนี้ก็อก! ก็อก! ก็อก!แกร็ก!เสียงประตูทำให้น้ำตาลหันไปมองทันที เมื่อเห็นพนักงานสาวที่เคยปกป้องเธอจากหลินหลินในวันนั้นเธอก็ยิ้มกว้างให้กับหญิงสาว“ฉันจะเข้ามาถามว่าคุณน้ำตาลอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ”“ขอบคุณมากค่ะ แต่ฉันทานอาหารเช้ามาเรียบร้อยแล้ว”“ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกดิฉันได้เลยนะคะ”“ค่ะ”“จา! จา!” ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้เดินออกจากห้องเด็กน้อยก็ส่งเสียงทักทาย จึงทำให้เธอรีบหันกลับมาทันที“คุณหนู” พนักงา
ในห้องคลอดบรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความวิตกกังวล แต่ยังคงมีความหวังที่แฝงอยู่ในจิตใจของเขา เสียงเครื่องตรวจสอบการเต้นของหัวใจของทารกยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เสียงหายใจหนักๆ ของน้ำตาลที่พยายามควบคุมตัวเองอย่างสุดความสามารถน้ำตาลนอนอยู่บนเตียง ร่างกายของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ความเจ็บปวดจากการปวดท้องคลอดทำให้เธอกุมมือไคล์ไว้แน่น ใบหน้าของเธอซีดแต่เปี่ยมด้วยความกล้าหาญ น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาตามข้างแก้มเมื่อเธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ยังคงคืบคลานมาอีกระลอก“ไม่เป็นไรนะครับ” ไคล์เกลี่ยน้ำตาและเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เธอไปพร้อม ๆ กัน “หายใจเข้าลึก ๆ ครับ”ไคล์ขอเข้ามาในห้องคลอด เขายืนอยู่ข้างเตียงไม่ยอมห่างไปไหน จับมือน้ำตาลไว้แน่น สายตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยและความกังวล เขาพูดเบาๆ กับเธอ“ที่รัก ผมอยู่ตรงนี้แล้วนะ” เสียงของเขาแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความรักที่ยิ่งใหญ่พยาบาลคอยให้คำแนะนำ และเตือนให้น้ำตาลหายใจลึกๆ เพื่อคลายความเจ็บปวด ก่อนจะบอกให้เธอกลั้นหายใจและเบ่งในช่วงเวลาสำคัญ การเคลื่อนไหวที่ทุกคนต่างรอคอยเริ่มต้นขึ้น“อุแว้!! อุแว้!!”เสียงร้องแรกของท
“ผมมีบางอย่างให้คุณ” ไคล์พูดขณะที่วางน้ำตาลลงบนที่นอน เขาเริ่มอุ้มเธอตั้งแต่ออกจากลิฟต์ จนมาถึงห้องพัก“อะไรคะ”“มีช่วงหนึ่งที่ผมไม่ค่อยได้อยู่กับคุณ” เขาเดินไปหยิบซองเอกสารบางอย่างแล้วเดินกลับมาหาน้ำตาล“...”“ช่วงที่คุณเพิ่งรู้ว่าท้องแต่ไม่ยอมบอกผม”“คุณไปไหนคะ” เธอจำได้ว่าช่วงนั้นเขาหายหน้าหายตาไปบ่อยมาก จนเธอคิดว่าเขาแอบไปอยู่กับคนรัก“ผมไปประเทศไทย”“...” ผู้หญิงคนนั้นก็อยู่ที่ประเทศไทย“ผมไปโรงพยาบาลที่คุณเคยทำงาน เพราะผมรู้มาว่าคนที่นั่นเล่นสกปรกกับคุณ” หลังจากรู้เรื่องของน้ำตาลมากขึ้น เขาก็ตามเอาคืนคนที่แกล้งเธอทุกคนอย่างสาสม“คุณทำอะไรพวกเขาคะ” น้ำตาลตกใจไม่น้อยที่ได้ยินแบบนั้น“ผมแค่ทำเหมือนที่พวกเขาทำกับคุณ”“คุณไม่ได้ฆ่าใครใช่มั้ย” น้ำตาลถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เธอกลัวว่าเขาจะทำแบบนั้นกับใครสักคนที่เธอเคยรู้จัก“ตั้งแต่คุณขอไว้ ผมก็ไม่ทำแบบนั้นอีกเลย”“ขอบคุณนะคะ” เธอกอดเอวเขาไว้ รู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครตายเพราะเธอ“ตอนนี้คุณมีสิทธิ์ในโรงพยาบาลนั้นครึ่งหนึ่ง”“คุณเอามันมาได้ยังไง” น้ำตาลก้มมองเอกสารที่ไคล์ยื่นมาให้เธอ ในนั้นระบุว่าเธอเป็นผู้ถือหุ้นของโรงพยาบาลที่เธอเคยทำ
“แต่งงานกันนะ”ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว ประโยคนี้ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของน้ำตาล วันนั้นเธอดีใจจนไม่ทันได้คิดไตร่ตรองว่าหากรับปากแต่งงานแล้วชีวิตของเธอจะเป็นยังไง แต่วันนี้ความคิดนั้นของเธอได้มลายหายไป เมื่อตลอดสองอทิตย์ที่ผ่านมาเขาทำให้เธอเห็นแล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีคนหนึ่ง“คิดดอะไรอยู่ครับ” วงแขนกว้างโอบกอดหญิงสาวจากด้านหลัง พลางกดจูบลงไปบนไหล่มน“คิดว่าวันนี้ใช่ความฝันหรือเปล่า”“...” ไคล์เอียงหน้ามองภรรยาของเขา“ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาอยู่ตรงนี้กับคุณ ไม่คิดว่าคุณจะให้เกียรติฉันมากขนาดนี้ ทั้งที่บนโลกใบนี้มีผู้หญิงมากมายที่เหมาะกับคุณ แต่คุณก็เลือกฉัน”“...”“ฉันทำผิดต่อคุณ จนไม่กล้าคิดว่าคุณจะให้อภัยฉันได้ แต่คุณก็ยังให้อภัย”ไคล์จับให้น้ำตาหันมาเผชิญหน้ากับเขา มือข้างหนึ่งเชยคางของน้ำตาลให้เงยหน้ามาสบตากับเขา“เพราะผมรักคุณ รักกว่าอะไรทั้งหมดที่ผมมีในตอนนี้”“...”“ผมไม่อยากให้คุณกังวลอะไร วันนี้เป็นอีกวันสำคัญของเราสองคนนะครับ ทุกคนกำลังรอชื่นชมความงามของเจ้าสาวอยู่”“แล้วพ่อของคุณล่ะ พิธีคริสต์ท่านจะมาด้วยหรือเปล่า”เนื่องจากตอนเช้าทั้งคู่ได้จัดพิธีแบบจี
บนถนนที่ทอดยาวออกไป ชายหนุ่มที่เคยใช้ชีวิตเร่งรีบมาตลอด วันนี้ไม่รู่อะไรดลใจให้เขาออกมาเดินบนถนน สายตาคมที่กวาดมองไปรอบ ๆ ก็สังเกตเห็นการแต่งตัวของผู้คนมากมายที่เดินสวนไปมา ทำไมพวกเขาถึงแต่งตัวด้วยโทนสีชมพู“วันนี้วันที่เท่าไหร่”“14 กุมภาพันธ์ ครับ”“วันวาเลนไทน์ใช่มั้ย”“โทรหาคุณเจียให้หน่อย” เขาหันไปบอกเซียวหม่า “แล้วถามว่าวันนี้ฉันมีนัดกับลูกค้าหรือเปล่า ถ้ามีบอกว่าให้เลื่อนนัดไปก่อน”“ครับบอส”ไคล์ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงระหว่างรอให้เซียวหม่าโทรหาเลขา เขาหันไปเห็นคู่รักหลายคู่ที่แสดงความรักต่อกัน ก็ยิ่งชวนให้คิดถึงหญิงสาวที่เขาเพิ่งแอบไปหามาเมื่ออาทิตย์ก่อนเขาตั้งใจว่าจะไปหาเธออีกครั้งหลังจากที่เขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะความคิดถึงมันล้นออกมาจนยากที่จะเก็บกักความรู้สึกนั้นไว้ได้ วันนี้เขาจึงตั้งใจไปหาเธออีกครั้งณ.บ้านเช่าหลังเล็กที่เขาเคยมาครั้งหนึ่งตอนที่เจ้าของบ้านนอนหลับสนิท แต่เวลานี้กลับเงียบสงัดไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว“วันนี้วันวาเลนไทน์ ร้านคงจะปิดช้ากว่าปกติครับ”“วันวาเลนไทน์แบบนี้ยังต้องทำงานอีกเหรอ”“ถึงจะเป็นวันวาเลนไทน์ก็ยังคงเป็นวันทำงานครับ ไม่ใช่ว
หลังจากที่ไคล์พักรักษาตัวจนหายดี เขาก็เริ่มกลับไปทำงาน แต่ทุก ๆ ตอนเที่ยงเขาจะพาน้ำตาลออกไปทานข้าวด้วยกันทุกครั้ง เขาไม่เคยปล่อยให้เธออยู่บ้านโดยไม่มีเขาเลยสักครั้ง“รีบ ๆ สิครับ”“รีบไปไหนกันคะ”“ผมมีที่ที่อยากจะพาคุณไป”“อะไรกันคะ คุณทำให้ฉันกังวลนะ”“ผมมีพิรุธขนาดนั้นเลยเหรอ”“ก็คุณดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ สีหน้าของคุณดูง่ายจะตาย”“แสดงว่าที่ผ่านมาคุณอ่านความคิดของผมออกหมดเลยเหรอ”“เปล่าหรอกค่ะ เพราะก่อนหน้านี้แม้แต่หน้าของคุณฉันยังไม่กล้ามอง แล้วฉันจะสังเกตได้ยังไง”“แล้วตอนนี้ล่ะ”“ก็มองทุกวันไงคะ มองจนจำได้หมดแล้วว่าถ้าทำปากแบบนี้” เธอดึงแก้มของสามีจนปากของเขาเป็นเส้นตรง “แสดงว่ากำลังงอล”“รักคุณจังเลยครับ”“ไม่เบื่อบ้างเหรอคะ”“หรือคุณเบื่อที่จะฟังแล้ว”“ไม่เลยค่ะ ฉันฟังได้ทุกวัน”“ผมก็บอกรักคุณได้ทุกวัน ไม่เบื่อเลย”“คุณสั่งตัดชุดมาให้ฉันอีกแล้วเหรอ”“ครับ” เขาเดินเข้าไปช่วยน้ำตาลรูดซิปด้านหลัง “ก็ท้องของคุณเริ่มโตแล้ว”“พอคลอดแล้วฉันจะเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปไว้ที่ไหนละคะ”“จะกังวลไปทำไมครับ คลอดเสร็จก็ท้องอีก”“อะไรนะ”“เราจะมีลูกด้วยกันสักห้าคนดีมั้ย”“คุณท้องเองมั้ยล่ะคะ ถ้าท้องเองจะ