เวลา 22.00 น.
เจ้าของขาเรียวก้าวผ่านประตูเข้าไปในไนต์คลับ ผู้คนในเวลานี้ดูหนาแน่นขนัดตา เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อหาเป้าหมาย แต่แล้วก็ไม่เจอ โชคดีที่ยังมีที่ว่างพอให้เธอได้แทรกตัวแล้ววางก้นลง
[รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ] พนักงานหนุ่มเดินเข้ามาถามทันทีที่เห็นเธอนั่งลง
“คุณพูดภาษาอังกฤษกับฉันได้หรือเปล่า” เธอเริ่มจะชินกับสถานการณ์ต่าง ๆ มากขึ้น คงเป็นเพราะเธอเป็นคนเอเชียเหมือนกับพวกเขา โดยลักษณะทั่วไปของเธอก็ไม่ได้แตกต่างจากหญิงสาวชาวจีนมากนัก เลยไม่มีใครเอะใจว่าเธอไม่ใช่คนที่นี่
“ครับ” พนักงานพยักหน้าเบา ๆ “ไม่ทราบว่าคุณจะรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ”
น้ำตาลก็นิ่งคิด เธอกำลังคิดว่าเธอจะสั่งอะไรมาดื่มดี ผู้หญิงที่เอาแต่ทำงานไม่ดื่มเหล้าไม่เข้าผับแบบเธอควรสั่งอะไรมาดื่มดี
“อะไรก็ได้ที่เบาที่สุดค่ะ”
เพราะยังไม่หายป่วยเวลานี้เธอจึงไม่ควรดื่มด้วยซ้ำ แต่เอาเถอะอย่างน้อย ๆ ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเขาเธอจะได้กล้าพอที่จะชวนเขาขึ้นเตียงแบบไม่รู้สึกกระดากปาก เพราะทุกครั้งสติของเธอครบถ้วนเธอมักจะทำมันพลาดอยู่เสมอ
“ได้ครับ”
น้ำตาลนั่งรอไปเรื่อย เวลานี้เป้าหมายของเธอก็ยังไม่ปรากฏตัว จากหนึ่งแก้วเป็นสองแก้ว และตามด้วยแก้วที่สามสี่ จากเครื่องดื่มที่ดูจะเบา ๆ ก็เริ่มทำปฏิกิริยากับร่างกายของเธอมากขึ้นเมื่อมันเข้าไปรวมกันอยู่ในตัวของเธอ
เหมือนสติของเธอจะลดลง การมองเห็นก็ลดลงตามไปด้วย มือสองข้างยกขึ้นมาจับขมับของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ถ้าปล่อยไว้แบบนี้เธอจะได้ตายซะก่อนที่จะทำงานสำเร็จ แต่เอาเถอะเพื่อน้องชายเธอยอมตายในหน้าที่
[มาคนเดียวเหรอครับ]
น้ำตาลหรี่ตามองคนที่เดินเข้ามาทักทายเธอ ชายหนุ่มใบหน้าเกลี้ยงเกลา ทรงผมถูกจัดทรงมาอย่างดี กลิ่นน้ำหอมที่โชยมาแตะจมูกทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่
“...” น้ำตาลทำทีไม่สนใจ เธอเสมองไปทางอื่น เผื่นผู้ชายคนนี้จะเดินผ่านเธอไป แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เธอต้องการ ดูเหมือนเขาจะยืนรอคำตอบจากเธอ
[ผมถามว่ามาคนเดียวเหรอครับ] เขาเอามือล้วงกระเป๋า
“ฉันไม่สามารถพูดภาษาของคุณได้” ถ้าเขารับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าเธอไม่อยากสนทนากับเขา เขาคงจะเดินผ่านไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคนคนนี้จะไม่คิดที่จะทำความเข้าใจอะไรเลย
“อ๋อ ครับ” เขาคิดไปว่าที่เธอไม่ตอบเพราะฟังเขาไม่ออก “งั้นมาพูดภาษาของคุณแล้วกัน”
“...” น้ำตาลเอียงหน้ามอง เธอไม่อยากคุยกับคนแปลกหน้าเลยสักนิด
“มาคนเดียวเหรอครับ” เขาถามประโยคเดิมเป็นครั้งที่สาม
“มารอแฟนค่ะ” เธอโกหกออกไป
“แต่ผมเห็นคุณนั่งดื่มอยู่คนเดียวนานมากแล้วนะครับ” เขาสังเกตเห็นเธอตั้งแต่เดินเข้ามา แต่เพราะนั่งสังเกตอยู่สักพัก เมื่อไม่เห็นว่ามีใครมาเพิ่ม เขาจึงตัดสินใจเดินเข้ามาหาเธอ
“อ๋อ พอดีเขาบอกว่ายังไม่เสร็จธุระค่ะ ให้ฉันนั่งรอไปก่อน”
“เป็นคนแบบไหนกันนะถึงได้ปล่อยให้แฟนนั่งรอนาน ๆ แบบนี้ ถ้าเป็นแฟนของผมละก็ ผมจะเป็นฝ่ายมารอ” ขณะพูดก็ส่งสายตาหวานเยิ้มให้น้ำตาล ไม่เพียงเท่านั้นยังวางมือไปบนมือของเธออีก แต่เธอก็รีบดึงออก
“ทุกครั้งเขาก็เป็นฝ่ายมารอฉันค่ะ วันนี้คงธุระด่วนจริง ๆ เลยปลีกตัวออกมาไม่ได้” เธอรู้ดีว่าการที่ถูกผู้ชายเข้าหา และพูดจาแบบนี้หมายถึงอะไร การแสดงตัวว่ามีแฟนอยู่แล้วคงเป็นการปฏิเสธอย่างสุภาพที่สุด
“ผมว่าผมมาที่นี่บ่อยนะครับ แต่ไม่เคยเจอคุณที่นี่เลย”
“ฉันไม่ค่อยชอบที่แบบนี้ค่ะ เลยมานาน ๆ ครั้ง” น้ำตาลแอบถอนหายใจ เธอเริ่มรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม ทำไมเขาไม่ยอมถอยไปสักที เธอก็บอกอยู่ว่ามีแฟนแล้ว
“อ๋อ ครับ” เขาพยักหน้าราวกับว่าจะยอมเชื่อคำพูดของเธอแต่เปล่าเลย “ไหน ๆ ก็มีโอกาสได้เจอกันแล้วดื่มให้กันซักแก้วเถอะครับ”
“เครื่องดื่มที่ฉันสั่งมาหมดพอดีเลยค่ะ กะว่าแฟนมาก็กลับเลย เลยไม่ได้สั่งเพิ่ม” จริง ๆ แล้วเธอดื่มเพลินไปหน่อยจนรู้สึกว่าตอนนี้เธอเริ่มนั่งไม่ตรงแล้ว จึงสั่งพนักงานให้เลิกนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ
“โต๊ะผมยังมีเครื่องดื่มเยอะเลยครับ ขาดคนช่วยดื่มพอดี”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ย้ายไปนั่งที่โต๊ะของผมเถอะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ” น้ำตาลปฏิเสธทันควัน
“แค่แก้วเดียวเองครับ คนสวยคงไม่ใจร้าย” เขายังไม่ลดละความพยายาม ยังคะยั้นคะยอให้เธอดื่ม
“ขอโทษด้วยนะคะ” นั่นหมายความว่าต่อให่เขาพยายามยังไง เธอก็ไม่ดื่มเด็ดขาด
“รู้อะไรมั้ย” เขาขยับหน้าเข้ามาแล้วพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนฟังรู้สึกขนลุก “อย่าคิดโกหกคนแปลกหน้าทั้งที่คุณเองก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง”
“...” น้ำตาลขยับถอยหนี เธอมองหน้าผู้ชายตรงหน้า ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้สนใจอารมณ์หรือน้ำเสียงของเขา แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าเขากำลังข่มขู่เธอ
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย ในที่แบบนี้สร้างมิตรไว้ดีกว่าสร้างศัตรูนะครับ”
“อ๊ะ...นั่นไงเขามาพอดีเลย” เธอชี้ไปทางประตู พร้อมรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า เธอรู้สึกโล่งในยังไงไม่รู้ที่เห็นเขาคนนั้น
“ใคร” ชายหนุ่มหันมาถามน้ำตาลหลังจากมองไปทางองศาที่เธอชี้
“ก็แฟนฉันไง” เธอพูดอย่างมั่นใจ
“คนไหน” เขาถามเพื่อความแน่ใจ
“คนนั้นไง”
“ฮ่า ๆ ๆ คุณนี่ตลกเหมือนกันนะ” อยู่ ๆ ชายหนุ่มก็หัวเราะออกมา “เล่นมุกอะไรกัน ฮ่า ๆ ๆ”
“เปล่านะ เขาเป็นแฟนของฉันจริง ๆ”
“คุณคิดว่าเขาเป็นใครล่ะ”
“แฟนฉันไงคะ”
“ผมไม่ได้โง่นะ” เขาแสยะยิ้ม “นั่นมันเจ้าของไนต์คลับแห่งนี้ ทุกคนที่นี่รู้จักเขาดี”
“ฉันรู้เรื่องนั้นดีอยู่แล้วว่าเขาเป็นที่รู้จักของทุกคน” น้ำตาลหน้าเหวอเล็กน้อย แต่เธอทำเป็นใจดีสู้เสือไม่ให้เขาจับพิรุธได้
“ผมหมายถึง ใคร ๆ ก็รู้ว่าแฟนของเขาคือใคร”
น้ำตาลหันกลับมามองชายหนุ่มที่กำลังสนทนากับเธอคราวนี้เธอกลับแสดงออกทางสีหน้าชัดเจนว่ากำลังจนมุม เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ แสดงว่าเธอโดนจับได้ว่าโกหกแต่ยังเลือกที่จะแถไปเรื่อย
“แต่เรากำลังคบกันจริง ๆ นะ” แม้ผู้ชายตรงหน้าจะเข้าใจว่าคนที่เธอแอบอ้างคบซ้อนกับเธอก็เถอะ
“หึ ๆ” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ “คงจะเพ้อฝันอยากได้คนรวยมาเป็นผัวล่ะสิ จะบอกให้นะว่าผมเจอผู้หญิงที่พูดจาเหมือนคุณมานับครั้งไม่ถ้วน ใคร ๆ ก็อยากได้เขาจนตัวสั่น”
น้ำตาลไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนคนนี้แล้ว เขาเป็นใครมาจากไหน ถึงมาจุ้นจ้านเรื่องของเธอแบบนี้ ถึงเธอจะโกหกก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเขา ช่างไร้มารยาทสิ้นดี
เพื่อที่จะหนีสถานการณ์บ้า ๆ แบบนี้ น้ำตาลเลยเลือกที่จะไม่โต้ตอบอะไรอีก เธอลุกขึ้นเพื่อที่จะได้เดินหนีออกมา
ปึก!!
วาเลนไทน์หมุนเวียนมาอีกรอบ หญิงสาวในชุดสีชมพูกำลังอุ้มเด็กน้อยวัย 6 เดือนเดินเข้าไปในบริษัท เนื่องจากผู้เป็นสามีต้องเข้าประชุมด่วนเขาจึงออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดและสั่งให้บอดี้การ์ดพาภรรยาและลูกตามมา“เชิญคุณน้ำตาลพาคุณหนูเข้าไปรอให้ห้องทำงานของบอสก่อนครับ คาดว่าไม่นานก็ประชุมเสร็จแล้วน้ำตาลเดินเข้าไปในห้อง เธอวางลูกน้อยลงบนเบาะนุ่ม ๆ ที่ถูกเตรียมไว้ ภายในเบาะมีของเล่นมากมาย เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องทำงานของไคล์แทบจะเป็นที่สำหรับเลี้ยงเด็กเล็กก็ว่าได้น้ำตาลมองไปรอบ ๆ เธอจำได้ว่าห้องนี้คือที่ที่เธอมีจูบแรกกับเขา ไม่รู้เขาจะจำได้หรือเปล่า คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องทั้งหมดมันจะลงเอยแบบนี้ก็อก! ก็อก! ก็อก!แกร็ก!เสียงประตูทำให้น้ำตาลหันไปมองทันที เมื่อเห็นพนักงานสาวที่เคยปกป้องเธอจากหลินหลินในวันนั้นเธอก็ยิ้มกว้างให้กับหญิงสาว“ฉันจะเข้ามาถามว่าคุณน้ำตาลอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ”“ขอบคุณมากค่ะ แต่ฉันทานอาหารเช้ามาเรียบร้อยแล้ว”“ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกดิฉันได้เลยนะคะ”“ค่ะ”“จา! จา!” ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้เดินออกจากห้องเด็กน้อยก็ส่งเสียงทักทาย จึงทำให้เธอรีบหันกลับมาทันที“คุณหนู” พนักงา
ในห้องคลอดบรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความวิตกกังวล แต่ยังคงมีความหวังที่แฝงอยู่ในจิตใจของเขา เสียงเครื่องตรวจสอบการเต้นของหัวใจของทารกยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เสียงหายใจหนักๆ ของน้ำตาลที่พยายามควบคุมตัวเองอย่างสุดความสามารถน้ำตาลนอนอยู่บนเตียง ร่างกายของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ความเจ็บปวดจากการปวดท้องคลอดทำให้เธอกุมมือไคล์ไว้แน่น ใบหน้าของเธอซีดแต่เปี่ยมด้วยความกล้าหาญ น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาตามข้างแก้มเมื่อเธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ยังคงคืบคลานมาอีกระลอก“ไม่เป็นไรนะครับ” ไคล์เกลี่ยน้ำตาและเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เธอไปพร้อม ๆ กัน “หายใจเข้าลึก ๆ ครับ”ไคล์ขอเข้ามาในห้องคลอด เขายืนอยู่ข้างเตียงไม่ยอมห่างไปไหน จับมือน้ำตาลไว้แน่น สายตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยและความกังวล เขาพูดเบาๆ กับเธอ“ที่รัก ผมอยู่ตรงนี้แล้วนะ” เสียงของเขาแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความรักที่ยิ่งใหญ่พยาบาลคอยให้คำแนะนำ และเตือนให้น้ำตาลหายใจลึกๆ เพื่อคลายความเจ็บปวด ก่อนจะบอกให้เธอกลั้นหายใจและเบ่งในช่วงเวลาสำคัญ การเคลื่อนไหวที่ทุกคนต่างรอคอยเริ่มต้นขึ้น“อุแว้!! อุแว้!!”เสียงร้องแรกของท
“ผมมีบางอย่างให้คุณ” ไคล์พูดขณะที่วางน้ำตาลลงบนที่นอน เขาเริ่มอุ้มเธอตั้งแต่ออกจากลิฟต์ จนมาถึงห้องพัก“อะไรคะ”“มีช่วงหนึ่งที่ผมไม่ค่อยได้อยู่กับคุณ” เขาเดินไปหยิบซองเอกสารบางอย่างแล้วเดินกลับมาหาน้ำตาล“...”“ช่วงที่คุณเพิ่งรู้ว่าท้องแต่ไม่ยอมบอกผม”“คุณไปไหนคะ” เธอจำได้ว่าช่วงนั้นเขาหายหน้าหายตาไปบ่อยมาก จนเธอคิดว่าเขาแอบไปอยู่กับคนรัก“ผมไปประเทศไทย”“...” ผู้หญิงคนนั้นก็อยู่ที่ประเทศไทย“ผมไปโรงพยาบาลที่คุณเคยทำงาน เพราะผมรู้มาว่าคนที่นั่นเล่นสกปรกกับคุณ” หลังจากรู้เรื่องของน้ำตาลมากขึ้น เขาก็ตามเอาคืนคนที่แกล้งเธอทุกคนอย่างสาสม“คุณทำอะไรพวกเขาคะ” น้ำตาลตกใจไม่น้อยที่ได้ยินแบบนั้น“ผมแค่ทำเหมือนที่พวกเขาทำกับคุณ”“คุณไม่ได้ฆ่าใครใช่มั้ย” น้ำตาลถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เธอกลัวว่าเขาจะทำแบบนั้นกับใครสักคนที่เธอเคยรู้จัก“ตั้งแต่คุณขอไว้ ผมก็ไม่ทำแบบนั้นอีกเลย”“ขอบคุณนะคะ” เธอกอดเอวเขาไว้ รู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครตายเพราะเธอ“ตอนนี้คุณมีสิทธิ์ในโรงพยาบาลนั้นครึ่งหนึ่ง”“คุณเอามันมาได้ยังไง” น้ำตาลก้มมองเอกสารที่ไคล์ยื่นมาให้เธอ ในนั้นระบุว่าเธอเป็นผู้ถือหุ้นของโรงพยาบาลที่เธอเคยทำ
“แต่งงานกันนะ”ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว ประโยคนี้ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของน้ำตาล วันนั้นเธอดีใจจนไม่ทันได้คิดไตร่ตรองว่าหากรับปากแต่งงานแล้วชีวิตของเธอจะเป็นยังไง แต่วันนี้ความคิดนั้นของเธอได้มลายหายไป เมื่อตลอดสองอทิตย์ที่ผ่านมาเขาทำให้เธอเห็นแล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีคนหนึ่ง“คิดดอะไรอยู่ครับ” วงแขนกว้างโอบกอดหญิงสาวจากด้านหลัง พลางกดจูบลงไปบนไหล่มน“คิดว่าวันนี้ใช่ความฝันหรือเปล่า”“...” ไคล์เอียงหน้ามองภรรยาของเขา“ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาอยู่ตรงนี้กับคุณ ไม่คิดว่าคุณจะให้เกียรติฉันมากขนาดนี้ ทั้งที่บนโลกใบนี้มีผู้หญิงมากมายที่เหมาะกับคุณ แต่คุณก็เลือกฉัน”“...”“ฉันทำผิดต่อคุณ จนไม่กล้าคิดว่าคุณจะให้อภัยฉันได้ แต่คุณก็ยังให้อภัย”ไคล์จับให้น้ำตาหันมาเผชิญหน้ากับเขา มือข้างหนึ่งเชยคางของน้ำตาลให้เงยหน้ามาสบตากับเขา“เพราะผมรักคุณ รักกว่าอะไรทั้งหมดที่ผมมีในตอนนี้”“...”“ผมไม่อยากให้คุณกังวลอะไร วันนี้เป็นอีกวันสำคัญของเราสองคนนะครับ ทุกคนกำลังรอชื่นชมความงามของเจ้าสาวอยู่”“แล้วพ่อของคุณล่ะ พิธีคริสต์ท่านจะมาด้วยหรือเปล่า”เนื่องจากตอนเช้าทั้งคู่ได้จัดพิธีแบบจี
บนถนนที่ทอดยาวออกไป ชายหนุ่มที่เคยใช้ชีวิตเร่งรีบมาตลอด วันนี้ไม่รู่อะไรดลใจให้เขาออกมาเดินบนถนน สายตาคมที่กวาดมองไปรอบ ๆ ก็สังเกตเห็นการแต่งตัวของผู้คนมากมายที่เดินสวนไปมา ทำไมพวกเขาถึงแต่งตัวด้วยโทนสีชมพู“วันนี้วันที่เท่าไหร่”“14 กุมภาพันธ์ ครับ”“วันวาเลนไทน์ใช่มั้ย”“โทรหาคุณเจียให้หน่อย” เขาหันไปบอกเซียวหม่า “แล้วถามว่าวันนี้ฉันมีนัดกับลูกค้าหรือเปล่า ถ้ามีบอกว่าให้เลื่อนนัดไปก่อน”“ครับบอส”ไคล์ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงระหว่างรอให้เซียวหม่าโทรหาเลขา เขาหันไปเห็นคู่รักหลายคู่ที่แสดงความรักต่อกัน ก็ยิ่งชวนให้คิดถึงหญิงสาวที่เขาเพิ่งแอบไปหามาเมื่ออาทิตย์ก่อนเขาตั้งใจว่าจะไปหาเธออีกครั้งหลังจากที่เขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะความคิดถึงมันล้นออกมาจนยากที่จะเก็บกักความรู้สึกนั้นไว้ได้ วันนี้เขาจึงตั้งใจไปหาเธออีกครั้งณ.บ้านเช่าหลังเล็กที่เขาเคยมาครั้งหนึ่งตอนที่เจ้าของบ้านนอนหลับสนิท แต่เวลานี้กลับเงียบสงัดไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว“วันนี้วันวาเลนไทน์ ร้านคงจะปิดช้ากว่าปกติครับ”“วันวาเลนไทน์แบบนี้ยังต้องทำงานอีกเหรอ”“ถึงจะเป็นวันวาเลนไทน์ก็ยังคงเป็นวันทำงานครับ ไม่ใช่ว
หลังจากที่ไคล์พักรักษาตัวจนหายดี เขาก็เริ่มกลับไปทำงาน แต่ทุก ๆ ตอนเที่ยงเขาจะพาน้ำตาลออกไปทานข้าวด้วยกันทุกครั้ง เขาไม่เคยปล่อยให้เธออยู่บ้านโดยไม่มีเขาเลยสักครั้ง“รีบ ๆ สิครับ”“รีบไปไหนกันคะ”“ผมมีที่ที่อยากจะพาคุณไป”“อะไรกันคะ คุณทำให้ฉันกังวลนะ”“ผมมีพิรุธขนาดนั้นเลยเหรอ”“ก็คุณดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ สีหน้าของคุณดูง่ายจะตาย”“แสดงว่าที่ผ่านมาคุณอ่านความคิดของผมออกหมดเลยเหรอ”“เปล่าหรอกค่ะ เพราะก่อนหน้านี้แม้แต่หน้าของคุณฉันยังไม่กล้ามอง แล้วฉันจะสังเกตได้ยังไง”“แล้วตอนนี้ล่ะ”“ก็มองทุกวันไงคะ มองจนจำได้หมดแล้วว่าถ้าทำปากแบบนี้” เธอดึงแก้มของสามีจนปากของเขาเป็นเส้นตรง “แสดงว่ากำลังงอล”“รักคุณจังเลยครับ”“ไม่เบื่อบ้างเหรอคะ”“หรือคุณเบื่อที่จะฟังแล้ว”“ไม่เลยค่ะ ฉันฟังได้ทุกวัน”“ผมก็บอกรักคุณได้ทุกวัน ไม่เบื่อเลย”“คุณสั่งตัดชุดมาให้ฉันอีกแล้วเหรอ”“ครับ” เขาเดินเข้าไปช่วยน้ำตาลรูดซิปด้านหลัง “ก็ท้องของคุณเริ่มโตแล้ว”“พอคลอดแล้วฉันจะเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปไว้ที่ไหนละคะ”“จะกังวลไปทำไมครับ คลอดเสร็จก็ท้องอีก”“อะไรนะ”“เราจะมีลูกด้วยกันสักห้าคนดีมั้ย”“คุณท้องเองมั้ยล่ะคะ ถ้าท้องเองจะ