LOGINและสุดท้ายมันก็จบลงที่ฉันต้องมานั่งทำแผลให้เขา
“แล้วไปทำยังไงให้โดนบาดได้ล่ะ”
ฉันถามเขาในขณะที่วางกล่องปฐมพยาบาลอยู่บนหน้าตัก เสียงไม่ค่อยสั่นเท่าไหร่แล้วเพราะตอนนี้ฉันนั่งห่างจากเขามาก เพิ่งเห็นว่าพอเอาแขนเสื้อขึ้นมาต้นแขนของฉลามดุจะเป็นแผลเหมือนโดนมีดบาดเป็นทางยาว เลือดไหลลงมาที่ปากแผลเล็กน้อย แต่ตอนที่เขาพูดกับเด็กพวกนั้นก็ไม่เห็นว่าเขาจะแสดงสีหน้าเจ็บปวดอะไรเลย
“ก็...” เขาเว้นวรรค แล้วกุมแผลตัวเองไว้ “ตอนนั้นโมโห”
“...”
“แล้วก็หวงเธอมากจนเลือดขึ้นหน้าไง” พูดด้วยน้ำเสียงเชิญชวนไม่พอ ยังช้อนตาขึ้นมองฉันด้วยสายตาออดอ้อนด้วย “เจ็บอ่ะเธอ”
“แล้ว...” ฉันหน้าแดง แล้วรีบหลบตาเขาทันที “แล้วทำไมตอนนั้นไม่บอกเด็กพวกนั้นไปล่ะ พวกเขาจะได้รับผิดชอบอะไรบ้าง”
“เราไม่อยากตัดอนาคตเด็ก” เขาตอบกลับมาทันทีด้วยสีหน้าจริงจัง “แล้วแผลมันก็ไม่ได้ใหญ่มาก พวกมันคงพกมาป้องกันตัว แต่ใช้ผิดวิธีไปหน่อย”
“...”
“มันยังเรียนอยู่ เราไม่อยากเอาเรื่อง”
ฉันมองเขาแล้วเงียบไป นึกเห็นด้วยในใจเลยเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ แล้วหยิบผ้าก็อซกับพวกอุปกรณ์สำหรับทำแผลสดออกมา แต่ก็นึกได้ว่าเขายังไม่ได้ล้างแผลเลย
“ปะ... ไปล้างแผลก่อนสิ” ฉันพูดกับเขาโดยไม่สบตาด้วย เเล้วร่างสูงก็มองกลับมาแทบจะทันที “เดี๋ยวก็ติดเชื้อหรอก”
“ล้างให้หน่อยดิ” ฉันหันกลับไปมองเขาแทบจะทันทีเมื่อฉลามดุโพล่งขึ้นมา อะ... อะไรนะ “แล้วก็มานั่งใกล้ๆ เราด้วย นั่งห่างแบบนั้นจะทำแผลได้ไง”
“เอ่อ...”
“เร็วดิ เจ็บแผลนะเนี่ย”
ฉันทำสีหน้าจนใจ ก่อนที่จะลุกไปนั่งข้างๆ เขาอย่างเสียไม่ได้ แล้วตัดสินใจเอากล่องปฐมพยาบาลวางกั้นระหว่างที่นั่งของเราไว้ ฉลามดุก้มลงมองมัน แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉันด้วยสายตาละห้อย
ฉะ... ฉันจะไม่ใจอ่อนให้เขาหรอกนะ
“ที่นี่มีผ้ารึเปล่า” ฉันถามเขาเพื่อเปลี่ยนเรื่อง แล้วจู่ๆ ร่างสูงก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนต้องผงะถอยหลัง แล้วเขาก็หัวเราะพร้อมกับกระซิบเสียงหนักด้วยท่าทางเหมือนจงใจจะแกล้ง
“อยู่ในตู้เสื้อผ้าชั้นบนอ่ะ... ในห้องนอนเรา” เขาจ้องตาฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ในขณะที่จะพูดต่อด้วยประโยคที่... “เดี๋ยวไปช่วยหยิบเป็นเพื่อน”
ที่...
“มะ... ไม่เอา จะไปเองค่ะ” ฉันผุดลุกขึ้นยืนทันทีด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก แล้วรีบจ้ำอ้าวไปหยิบผ้าสะอาดที่อยู่ในห้องนอนของฉลามดุทันทีโดยมีเสียงหัวเราะเบาๆ ของเขาดังตามหลังมา ตู้เสื้อผ้าของเขาไม่ใหญ่และเตี้ยมากด้วย ห้องของเขาก็รกมาก และยิ่งไปกว่านั้นพอฉันเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกมา
“... อะ!”
กะ... กองกางเกงบ็อกเซอร์ของเขาก็หล่นลงมาจนฉันต้องถอยหลังหนีไปตั้งหลักอย่างตกใจ
โอ้ย นี่เค้าไม่คิดที่จะจัดผ้าดีๆ บ้างเลยเหรอ พับแล้วก็ยัดๆ เข้าใส่ตู้แบบนี้เนี่ยมันลำบากคนเก็บนะ
แย่ที่สุดเลย ฮือ ฉันจะร้องไห้แล้วนะรู้มั้ย
ฉันคิดในใจอย่างวุ่นวายใจแล้วค่อยๆ หยิบกะ... กางเกงของเขามาพับเข้าตู้ด้วยใบหน้าที่ร้อนจัดไม่ต่างจากกาต้มน้ำเดือดๆ เลย ในขณะที่สายตาจะเหลือบไปเห็นผ้าสะอาดผืนเล็ก ฉันรีบคว้ามันมาอย่างระแวดระวังเพราะกลัวอะไรๆ ที่ไม่จรรโลงใจมันจะหล่นลงมาอีก แล้วปิดประตูตู้เสื้อผ้าอย่างเรียบร้อย
ฉันเดินออกไป สบตากับร่างสูงที่นั่งมองแผลที่แขนอยู่นิดหน่อย ตอนแรกเขาผิวปากเล่นด้วย แต่พอเขาเห็นฉัน สีหน้าของฉลามดุก็เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวเหมือนกับเจ็บปวดมากจริงๆ
แล้ว... ฉันรู้นะว่าเขาแกล้งน่ะ ก็เขาแสดงได้ไม่เนียนเลย
ฉันมุ่ยหน้าเล็กๆ แล้วเดินไปเปิดกาต้มน้ำ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อหาชามขนาดกลางโดยไม่คิดที่จะถามฉลามดุอีก แล้วมันก็มีจริงๆ ฉันคลี่ยิ้มบางๆ พร้อมกับหยิบออกมาจากชั้น รอจนน้ำอุ่นกำลังพอดีแล้วเปิดน้ำใส่ชาม เอาผ้ามาซับๆ แล้วบิดพอเปียกหมาดๆ ในขณะที่จะเดินยกชามไปหาเขาที่นั่งมองฉันอยู่อีกด้านหนึ่ง
ตอนเด็กๆ ฉันเคยทำแผลให้พี่ชายบ่อยๆ น่ะ ก็เลยชินไปแล้ว
เชื่อมั้ยคะ ฉันเคยฝันว่าอยากเป็นพยาบาลด้วยนะ แต่มันก็นานมากแล้วล่ะ ฉันไม่ได้หัวดีถึงขนาดจะไปเรียนสายนั้นได้ แถมยังซุ่มซ่ามเก่ง มือสั่นง่ายอีกต่างหาก
ส้มหวานบอกว่าฉันนิสัยเหมือนกระต่าย ขี้กลัว และมักเป็นเหยื่อของนักล่าและนายพรานเสมอ
ซึ่งก็อาจจะจริงก็ได้ เพราะคนตรงหน้าฉันไม่ต่างอะไรกับหมาป่าเลยสักนิด
ฉันคิดในใจเพลินๆ แล้วนั่งลงข้างๆ เขาโดยมีกล่องปฐมพยาบาลขั้นอยู่ตรงกลางเหมือนเดิม ร่างสูงมองตาฉันกลับ ในขณะที่ยื่นแขนให้อย่างรู้งาน “เบาๆ นะ เราเจ็บมากเลยว่ะ”
ฉันมองเขาพร้อมกับถอนหายใจ ทำไมต้องแกล้งเจ็บด้วยนะ
และเพราะไม่อยากพูดอะไร ฉันก็เลยหยิบผ้าออกมาแล้วซับไปที่แผลของเขาเบาๆ เพื่อเช็ดเลือดออกอย่างเงียบๆ สายตาของฉันจงใจจดจ่ออยู่แค่ที่แผลเขา เพราะรู้สึกตัวว่าฉลามดุเอาแต่จ้องหน้าฉันอยู่ตลอดเวลาจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา
ฉันซับมันไปเรื่อยๆ โดยตั้งใจว่าจะไม่สนใจเขาอีก จนกระทั่ง...
“ผมปิดหน้าหมดแล้ว” เสียงของฉลามดุดังขึ้นที่ข้างริมหู พร้อมกับมือเรียวที่ปัดหน้าม้าเเละปอยผมให้ฉันออกอย่างแผ่วเบา ฉันเผลอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาเพราะเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองก้มหน้ามากเกินไปหน่อย แล้วก็ต้องตกใจที่ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้ฉันมาก ตะ... ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “กล้าสบตาเราแล้วเหรอ”
ฉลามดุพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำพร้อมกับกระตุกยิ้ม ฉันมองริมฝีปากเขาที่ยกสูงขึ้น แล้วอยู่ดีๆ ก็หน้าร้อนขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ
“สะ... เสร็จแล้วล่ะ” ฉันผละมือออกจากแขนเขาทันที แล้วหยิบเบตาดีนออกมาพร้อมกับสำลี ชุบมันจนชุ่มนิดๆ แล้วเอามาแตะที่แผลเขาเบาๆ เลือดของเขาจางลงไปมากแล้วเพราะฉันซับมันออก แต่ก็ยังมีรอยอยู่
ฉันเผลอเอื้อมมือไปแตะมันเบาๆ แล้วพึมพำบอกฉลามดุอย่างลืมตัว
“สองวันต่อมาคุณต้องไปซื้อยาทาแก้แผลเป็นนะ เป็นรอยแบบนี้รู้สึกไม่ดีเลย...”
“นิ้งเป็นห่วงเราเหรอ”
ฉันชะงักทันทีเมื่อจู่ๆ เขาก็โพล่งแทรกขึ้นมา ก่อนที่จะรู้สึกตัว ก็เลยเผลอพูดออกไป “... ก็เป็นห่วงนิดหน่อย”
อะ... โอ้ย พูดออกไปแล้ว จะพูดออกไปทำไมนะนิ้ง
“เฮ้ย” ฉลามดุทำสีหน้าตกใจเหมือนเขาเองก็คิดไม่ถึง ก่อนที่ต่อมาร่างสูงจะฉีกยิ้มกว้าง “จริงดิ”
ฉันเงียบทันที
ฉันไม่น่าพูดเลย อุตส่าห์จะนั่งทำแผลเงียบๆ แต่ดันเผลอพูดเรื่อยเปื่อยไปซะแล้ว
“งั้น... ยาแก้แผลเป็นอะไรนั่นนิ้งก็ซื้อให้เราดิ” และพอเห็นว่าฉันเลือกที่จะเงียบ ฉลามดุก็เลยพูดขึ้นมาอีก แต่คราวนี้เหมือนเขาจะต่อรองฉันอีก “แล้วมาทำแผลให้เราทุกวันเลย... ได้มั้ย?”
“ทะ... ทำไมไม่ซื้อเองล่ะ” ฉันพูดด้วยสีหน้าเหวอๆ แล้วเขาก็เงียบไป
“ก็...” เขาเว้นคำให้ฉันรอฟัง แล้วจู่ๆ ก็ฉีกยิ้มออกมา “เราแค่อยากหาเรื่องอยู่กับนิ้งไง”
“...!”
“เป็นไปได้ก็อยากไปเก็บของเธอย้ายมาอยู่ด้วยกันเลย แต่ทำไม่ได้ไง ก็เลยต้องใช้วิธีนี้แหละ” ฉันอ้าปากค้าง ในขณะที่มือที่ถือเบตาดีนอยู่จะถูกมือหนาคว้าเอาไว้ แล้วร่างสูงก็ประสานมือลงมา “เราอยากอยู่กับเธอทุกวินาทีเลยรู้ตัวปะ”
“...!!”
“เอ้า ทำแผลต่อดิ เรารออยู่ ยังเจ็บอยู่เลย” เขาพูดตัดบทอย่างพอใจเมื่อเห็นฉันทำหน้าเอ๋อสุดๆ หลังจากที่ถูกเขาพูดด้วยประโยคนั้น แล้วก็บีบมือฉันแน่นขึ้นอีกต่างหาก ในขณะที่ฉันน่ะ...
อาการเขินฉันดีเลย์อีกแล้ว แต่ตอนนี้หน้ามันร้อนไปหมดเลย
และสุดท้ายฉันก็ไม่มีทางเลือก เลยต้องนั่งทำแผลให้เขาโดยไม่กล้าสบตาร่างสูงอยู่แบบนั้น ฉันไม่มองหน้าเขาเลยตอนที่พันผ้าก็อซรอบแผลให้เขา ถึงแม้ว่าจะรู้สึกตัวว่าฉลามดุจ้องหน้าฉันอยู่ตลอดเวลาก็ตาม
“เสร็จแล้วล่ะ” ฉันพูดกับเขาหลังจากกลัดผ้าก็อซอย่างเรียบร้อย แต่แผลเขาค่อนข้างเล็กเลยคิดว่าที่ตัวเองทำมันเกินตัวไปหน่อย แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะมันจะได้ไม่โดนฝุ่นข้างนอกจนอักเสบ
คิดได้แบบนั้นแล้วก็หยิบกล่องปฐมพยาบาลไปวางไว้ที่อื่น ในขณะที่จะเขยิบไปตั้งหลักในอีกสุดของขอบโซฟา
ฉลามดุสำรวจแผลของตัวเอง เขามองระยะห่างระหว่างที่นั่งของเรา แล้วจู่ๆ ร่างสูงก็ทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจขึ้นมา
“แต่เราเจ็บแผลนิดๆ อ่ะ” เขาทำสีหน้าเจ็บปวดในทันที แล้วมองฉันที่นั่งห่างเขามากด้วยสายตาอ้อนวอน “มาดูตรงนี้ให้หน่อย”
ที่ดูก็รู้ว่าแกล้งเจ็บชัดๆ เลย
“ไม่เอาแล้ว” ฉันปฏิเสธ แล้วตั้งท่าจะลุกขึ้น “หนูจะกลับบ้านแล้วนะ”
“รู้ทางกลับเหรอไง?” เขาถามกลับมาทันที แล้วฉันก็เหงื่อตกเมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้
จะ... จริงด้วย นี่มันห้องของเขานี่นา
“มะ... ไม่รู้” ฉันก้มลงมองโทรศัพท์ แบตมันหมดน่ะ เพราะงั้นก็เลยโทรให้ส้มหวานมาหาไม่ได้ ตอนที่นั่งมาที่นี่ฉันก็ไม่ได้มองทางเลยเพราะเขาขับเร็วมากจนฉันกลัว และ... นี่มันค่อนข้างจะเป็นทางตันสุดๆ เลย “แล้วบ้านคุณอยู่ที่ไหนอ่ะ ไกลจากหอหนูมากรึเปล่า”
ฉันถามเขาอย่างเป็นกังวล ในขณะที่ร่างสูงจะมองหน้าฉันกลับ แล้วเขาก็ทำสีหน้าบางอย่าง... มันดูเหมือนเขากำลังมีความคิดอะไรอยู่ในหัว
“ไกลดิวะ ไกลมากเลย ขับไปกว่าจะถึงหอเธอวันนี้คงดึก มันอันตราย” ฉันอ้าปากค้างเมื่อเขาพูดแบบนั้นออกมาด้วยสีหน้าตายสนิทเหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องร้ายแรง “แต่เธอจะนอนค้างที่นี่ก็ได้”
“...!!”
ขะ... เขาพูดว่าอะไรนะ
“เสื้อเราก็มี หิวเดี๋ยวเราจะหาไรให้กิน นอนไม่หลับเดี๋ยวเราจะเล่นกีต้าร์กล่อม”
“...”
“มีครบกว่านี้ก็สิงห์คะนองนาแล้วครับ”
“เราชอบกันทั้งคู่ โอเคปะ” ฉันนิ่งไป จนเขาผละมือออก ฉันถึงได้คลี่ยิ้มกว้างออกมา“งั้นเราก็ดีกันแล้วใช่มั้ยอ่ะ”“จำไม่เห็นได้ว่าโกรธเธอตอนไหน” ฉันทำหน้าเอ๋อออกมาทันทีที่ได้ยินคำตอบของเขา “เราก็ไม่ได้ทะเลาะกันปะ”“อะ... แต่ว่าตอนนั้นฉลามไม่คุย...”“มันก็เรื่องตอนนั้น” เขาตัดบททันที แล้วฉันก็เม้มริมฝีปากเพราะพูดไม่ออก จนเขาเริ่มเปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วเธอหิวไรปะ?”ฉันสั่นหน้าเบาๆ“... ไม่เลย”“แล้วหิวเราปะ” ฉันทำหน้าตื่นออกมาทันทีที่เห็นว่าถูกฉลามหยอกเล่น แล้วพอเห็นว่าเขายิ้มอยู่ฉันถึงได้ทำหน้ามุ่ย แต่ก็แอบดีใจที่เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว“เล่นแบบนี้ทุกทีเลย”“ก็นะ” เขาไหวไหล่ ดูมีความสุขที่ได้แกล้งฉัน ก่อนที่จะลูบผมฉันแล้วยันตัวลุกขึ้น “ไปอาบน้ำเหอะ เดี๋ยวถึงเวลาเราไปส่ง”ฉันมองเขานิ่ง แล้วฉลามก็หันกลับมามอง เขาเลิกคิ้วถาม “มองทำไม?”ฉันไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็ขยับตัวเข้าไปหอมแก้มเขาเบาๆ“ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดกับฉลามที่ชะงักไปกับการกระทำนั้นของฉัน ก่อนที่จะค่อยๆ ขยับตัวลงไปจากเตียงเพื่อไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อเข้าไปอาบน้ำตามที่เขาบอก“เอาเวลาไปรักมันเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ดีกว่า”พี่เพทายพูดถูกจริงๆ น
[SALAMDU : SIDE]หลังจากเลิกงานผมก็ตามมานอนห้องนิ้งเหมือนเดิมเห็นเธอกับเจ๊ดูคุยไรกันปกติดีผมก็โล่งหน่อย คิดว่านิ้งจะคิดมากเรื่องหยก แต่ดูแล้วตอนขับมาส่งที่นี่เธอก็คุยกับผมดี ถึงจะดูเกร็งๆ ตอนคุย แต่เซ้นส์ผู้ชายมันบอกว่าเธอไม่ได้โกรธไร ผมเลยนอนห้องเธอได้สบายใจนิ้งหายไปอาบน้ำเพราะเธอรอผมอาบก่อน ผมก็งงๆ เหมือนกัน แต่ช่างแม่ง วันนี้เหนื่อย ผมว่าจะนอนเร็วหน่อยผมพลิกตัวนอนตะแคงตอนที่รู้สึกมึนๆ แต่วันนี้ก็แดกเหล้าไม่เยอะ นิ้งอยู่ อีกอย่างผมต้องขับรถไปส่งเธอ ถ้าขับไปคนเดียวก็ไม่เท่าไหร่ แต่มีนิ้งด้วยผมเลยต้องมีขีดจำกัดของตัวเองผมว่าจะหลับอยู่แล้วว่ะ ถ้าไม่รู้สึกเหมือนมีคนขึ้นเตียงมาคร่อมไว้พอลืมตาขึ้นมามองก็เห็นว่าเป็นนิ้ง แต่ที่ผมตกใจคือพอหรี่ตามองลงไปก็เห็นว่าเธอใส่ชุดผมอยู่ แต่กางเกงไม่ใส่งั้นข้างล่างแม่งก็...“จะนอนแล้วเหรอ” นิ้งถามผม แล้วผมก็จ้องหน้าเธอนิ่ง ก่อนที่จะพยักหน้า“อ่า”“... ทำไมรีบนอนอ่ะ”“เหนื่อยว่ะ” ผมตอบ ก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าเสื้อผมมันใส่ทำงานมา เหม็นเหงื่อตายห่า “แล้วใส่เสื้อเราทำไม ไม่เหม็นไง?”เธอสั่นหน้า“สะ... เสื้อของฉลามเราไม่รังเกียจหรอก” ร่างเล็กพูดเสียงเบา
[SALAMDU : SIDE]ผมไม่คิดว่าหยกจะตามมาถึงที่นี่ไอ้พวกรุ่นน้องแม่งก็ปากสว่าง เอาจริงๆ หยกมันสนิทกับไอ้วิน ไอ้เหี้ยนี่กว้างขวางจะตายห่า ที่ผมรู้จักหยกส่วนหนึ่งก็เพราะมัน“อะไรของมึงหยก”นิ้งมองผมหน้าตื่นทันทีตอนที่ผมสวนกลับไปก่อนที่มันจะได้เดินเข้ามา เพราะผมกลัวว่าหยกมันจะทำตัวแบบเมื่อก่อน ที่พอไม่ชอบหน้าใครก็ตบ ผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงเวลาคบกับแฟนคนไหน แต่เธอชอบเอาปัญหาห่าเหวนั่นมาใส่ให้ผมเองผมว่ากลับไปคราวนี้คงได้เคลียร์กับนิ้งยาว ตอนแรกมันกำลังดีๆ“แค่มาหามึงมันต้องมีอะไรด้วยเหรอวะ?”“...”“ถ้ากูไม่ถามไอ้วินคงไม่รู้หรอกว่ามึงอยู่ห้องนี้ มันบอกมึงอยู่กับเมีย” มันพูดอย่างหงุดหงิดแล้วปิดประตู ก่อนที่จะเหลือบมองร่างเล็กที่นั่งข้างๆ ผม “นี่ ออกไปก่อนได้ปะ จะคุยกับผัวเก่า”“หยก” ผมกัดฟันเรียกชื่อเธอ นิสัยไม่เปลี่ยนเลยว่ะ “มึงออกไปคุยกับกูข้างนอกเหอะ”“เดี๋ยวนี้หาได้อย่างนี้เหรอ ผิดกับเมื่อก่อนนะหลาม” มันไม่สนที่ผมพูดแล้วมองนิ้งแล้วฉีกยิ้ม “ไม่เชื่อเลยว่าเคยมาเอากู”“ออกไปคุยกับกูข้างนอก” ผมบีบมือนิ้งที่เริ่มทำหน้าซีดแล้วลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด ผมไม่ชอบให้ใครทำท่าทางแบบนี้ใส่นิ้งไง โคตรไ
“เฮ้ย มีคนตามน้องนิ้งมาเหรอวะ”“เออ” ผมตอบสั้นๆ ตอนที่เจ๊ส่งไฟแช็คมาให้ผมต่อบุหรี่ตอนที่ผมล้วงซองมันขึ้นมา ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่บ้านมัน วันนี้มันอยู่คนเดียว ไม่ได้ไปที่อู่ ผมก็รู้อยู่ถึงได้มาที่นี่ ความจริงกะจะมาอยู่แล้ว แต่ติดที่เจอหยกก่อน “แต่กูยังไม่ได้บอกนิ้ง”“เออ อันนี้กูเข้าใจ” มันพยักหน้า “แล้วได้เจอตัวปะ”“ยังว่ะ กูไปดูกล้องวงจรปิดมา แต่ไม่มีใครมีพิรุธ”“...”“กูคิดว่าอย่างน้อยก็ไปนอนห้องนิ้งทุกวันกันไว้ มีกูอยู่ดีกว่า”“อันนั้นก็ใช่” มันพยักหน้าอีก “แล้วงานช่วงดึกทำไง?”“กำลังคิดอยู่” ผมตอบแล้วจุดบุหรี่ดูดเงียบๆ “เอาเค้ามาทำงานด้วยดีมั้ยวะ ไม่อยากให้อยู่ห้องคนเดียว”“ก็ดี เดี๋ยวกูว่างกูจะแวะเข้าไปดูด้วย” มันเห็นด้วยกับความคิดผม “ถ้าน้องง่วงก็นอนที่ห้องพักได้ ถ้าเป็นผับไอ้วินใกล้บ้านกู กูแวะไปได้”“เออ” ผมตอบแค่นั้นพอเห็นว่าได้คำตอบที่พอใจมาง่ายๆ ก่อนที่จะพ่นควันออกมา ผมเห็นว่าเจ๊มองผมอยู่ ก็เลยจ้องกลับไปบ้าง “มองไร”“หัวมึงแตกเหรอวะ” มันถามแล้วมองแผลที่หัวผมที่นิ้งติดพลาสเตอร์ให้ ผมลูบหัวตัวเองนิดหน่อย แล้วครางรับสั้นๆ“ใช่”“เป็นไร? โดนดักตีหัวมาว่างั้น”“เปล่า อันนี้กูหาเรื่
ใจฉันกระตุกไปหมด แล้วก็หน้าแดงก่ำออกมา“อะ... อะไรอ่ะ อื้อ” ฉันสะดุ้งเฮือกตอนที่ถูกจูบอีกครั้ง แต่คราวนี้ลึกซึ้งมากขึ้น ฉลามไล้ริมฝีปากฉันด้วยปากเขา มันเหมือนที่เขาทำในทุกๆ ครั้ง มือของฉันถูกเลื่อนไปจนถึงตรงนั้น ฉันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ในขณะที่กำลังถูกฉลามจูบหูฉันอื้อไปหมด ในขณะที่มือของตัวเองจะโดนอะไรตรงนั้น หน้าฉันร้อนจนชา ฉันไม่ได้ซื่อจนไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรอีกแล้ว เพราะมันเคยอยู่ในตัวฉัน ฉันจำได้ว่ามันเท่าไหน... และเจ็บแค่ไหนตอนที่อยู่ในนั้น“ถ้ายังไม่ห้าม เธอคงต้องทำให้เราด้วยว่ะ” ฉันสะดุ้งเฮือก เพราะคำพูดของฉลามดูมีความหมายแอบแฝง แต่ครั้งนี้ล่ะที่ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ “แต่ไม่ให้จับเฉยๆ”“...”“จะให้ใช้อย่างอื่น” เขากระซิบเสียงหนักตอนที่ขยับเข้ามาจนชิดกับใบหน้าของฉัน แล้วหรี่ตาลงมอง “อย่างเช่นปากเธอ”“...!”“ลองดูปะ” เขาถาม แล้วฉันก็รู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยแปลกๆ“จะ... จะให้เราทำอะไรอ่ะ” ฉันถามไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ ฉลามนิ่งไป ก่อนที่เขาแค่นหัวเราะ“เธอไม่รู้เหรอวะ”“...”“ปกติเราใส่ทางนี้ใช่ปะ” เขาเริ่มพูดความหมายแฝงแล้วก้มลงมองที่ตรงนั้นของฉัน ฉันเบิกตากว้างทันที แล้วรีบเอามือ
ฉันไม่รู้ว่าฉลามเป็นอะไร ก็เห็นว่าตอนแรกเขาดูจะไม่อยากมานอนกับฉันนี่นา เห็นบอกว่าอยากให้ฉันโตขึ้นก็เลยจะให้นอนคนเดียวแต่อยู่ดีๆ ก็บอกว่าจะมานอนด้วยกันทุกวันถ้าวันไหนส้มไม่อยู่... บางทีฉันก็ตามอารมณ์เขาไม่ค่อยทันจริงๆ อ่ะตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนเตียงภายในห้องนอนของตัวเอง ความจริงตอนแรกว่าจะอ่านหนังสือ แต่พอเห็นว่าฉลามไม่ยอมเข้ามาในห้อง ไม่ยอมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ เอาเสื้อพาดไหล่ใส่แค่กางเกงยีนส์อยู่เหมือนเดิมแบบนั้น เขาเอาแต่นั่งแต่ขอบโซฟาแล้วจ้องไปที่บานประตูหน้าห้องเขม็ง ฉันก็เลยถึงได้นั่งมองเขาจากข้างในบ้างฉลามดูแปลกๆ มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วจริงๆ ฉันก็รู้นะว่าสิ่งที่เขาสอนก่อนหน้านั้นมันแรงมาก มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ในตอนนั้น แต่อยู่ดีๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดเข้ามาในหัวฉันว่าฉลามก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว เขาแค่สอนฉันในแบบของเขา ฉันไม่ได้ยอมเขาเพราะว่าฉันรักอย่างเดียวนะ แต่เพราะว่าฉันเข้าใจเขา แล้วก็รับรู้ได้จากการกระทำเหล่านั้นว่ามันไม่มีสิ่งใดแอบแฝงนอกจากความเป็นห่วงฉันคิดว่าฉลามจะไม่ทำร้ายฉันแน่นอน... ก็แค่คิดแบบนั้นเท่านั้นเอง สุดท้ายก็เลยไม่คิดมากอะไร“ฉะ... ฉลาม” ร่างสูงหันกลับมามองทันที ฉ







