บทที่ 14 เจอหน้า
วันต่อมา..
ยาหยีเม้มริมฝีปากแน่นขณะมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เสียงลมหายใจลึกๆ ของเธอทำให้เดย์ตันละสายตาจากพวงมาลัยมอง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงทุ้ม
“จะเอายังไงแน่? เปลี่ยนใจแล้วเหรอ”
“เปล่า…” เธอส่ายหน้าช้าๆ “แต่ของบางอย่างมันยังอยู่ที่บ้านเก่า ของสำคัญ…ฉันต้องใช้”
เดย์ตันไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงพยักหน้าแล้วเลี้ยวรถเปลี่ยนเส้นทางมุ่งไปยังบ้านหลังเดิมของยาหยีที่เธอเคยอยู่กับลี แม้จะรู้ดีว่าสถานที่นั้นอาจทำให้เธอเจ็บอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธ เพราะรู้ดีว่าถ้าผู้หญิงคนนี้เลือกจะไป แสดงว่ามันสำคัญจริงๆ
เมื่อรถจอดสนิทริมฟุตพาท ยาหยีเปิดประตูแล้วก้าวลงไปอย่างมั่นคง เธอเดินไปยังประตูรั้วหน้าบ้านอย่างคุ้นเคย แต่ทันใดนั้น สายตาเธอก็สะดุดกับร่างสูงของใครบางคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
ลี…ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดธรรมดาและกางเกงยีนดูโทรมลงจากครั้งสุดท้ายที่เธอเห็น เขายืนนิ่งอยู่ตรงฟุตพาทข้างบ้าน ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“หยี…” เขาเรียกชื่อเธอทันทีที่สบตากัน
เธอชะงัก เท้าแข็งค้างอยู่กับที่ สีหน้าเริ่มเปลี่ยน แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยอะไร เสียงรองเท้ากระทบพื้นก็ดังมาจากอีกฟากของถนน ดอกส้มในชุดรัดรูปเผยผิวขาวจัดและใบหน้าแต่งจัด เดินตรงเข้ามาหาลี
“นี่พี่ลี! มายืนรออะไรที่นี่ทุกวัน ไม่รู้รึไงว่ามันไม่มีประโยชน์!”
ลีหันไปทางดอกส้ม สีหน้าเขาเครียดหนัก
“อย่ายุ่งได้ไหมส้ม ฉันมาที่นี่เพราะอยากขอโทษยาหยี ไม่ได้เกี่ยวกับเธอเลย”
“ไม่เกี่ยว? ฮึ! แล้ววันที่เราอยู่ด้วยกันนั่นล่ะ มันไม่เกี่ยวเหรอ?” ดอกส้มเย้ยเสียงแข็ง “หรือจะให้ส้มเล่าให้ยาหยีฟังอีกทีว่าพี่พูดอะไรบนเตียงบ้าง?”
ยาหยียืนนิ่ง ดวงตาสั่นไหว แต่พยายามไม่ให้มันไหลออกมา เธอกำลังจะหันหลังกลับ แต่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลัง
“พอแล้ว” เสียงของเดย์ตันเด็ดขาด เขาเดินเข้ามายืนข้างยาหยี ก่อนจะยืนกอดอกมองลีและดอกส้มสลับกันด้วยแววตาดุดัน “ฉันไม่สนหรอกว่าเรื่องของพวกแกจะจบกันยังไง แต่ตอนนี้ยาหยีอยู่กับฉัน และฉันไม่ยอมให้ใครมาทำให้เธอเสียใจอีก เข้าใจไหม?”
ลีเบือนหน้าหนีแต่ไม่ได้พูดอะไร ขณะที่ดอกส้มเชิดหน้า
“คิดว่าตัวเองเป็นใคร คุมยาหยีอยู่คนเดียวได้เหรอ”
“ไม่ต้องคุม” เดย์ตันแค่นเสียง “แต่ถ้าใครหน้าไหนคิดจะทำให้แม่ของลูกฉันร้องไห้อีก…ฉันก็ไม่รับประกันความปลอดภัย” น้ำเสียงของเดย์ตันกดต่ำ เยือกเย็นแต่ทรงพลัง ดอกส้มถึงกับนิ่ง ส่วนลีหลุบตามองพื้นอย่างจำนน
“ลูกของมึง…นี่มันอะไรหยี ไม่ใช่ลูกพี่เหรอหยี”
“หยี ที่แกบอกจะท้องกับพี่ลี นี่แกหลอกพี่ลีเหรอหยี” ดอกส้มแย้งขึ้นทันที แต่ยาหยีก็ยังยืนนิ่ง เธอปาดน้ำตาและมองสองหนุ่มสาวด้วยแววตานิ่งเฉย
เพียะ!
ยาหยีตบหน้าลีหนึ่งครั้ง แล้วหันมองดอกส้ม เธอหลบยาหยีไปด้านหลังลีเพราะกลัวโดนตบอีก
“ฉันไม่เอามือตัวเองไปจับขยะหรอก และอย่ามาแหกปากร้องหาผัวแถวนี้ นี่บ้านฉัน! พื้นที่ของฉัน ไม่ใช่สวนสัตว์!”
ยาหยีหันมามองชายข้างกาย น้ำตาซึมแต่ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกจากปากอีก เธอเพียงแต่จับมือเขาแน่น ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เหมือนขอให้พาเข้าไปในบ้าน
เดย์ตันโอบไหล่เธอแล้วพาเดินเข้าบ้าน โดยทิ้งลีและดอกส้มไว้เบื้องหลัง ท่ามกลางความเงียบที่เต็มไปด้วยความหมายและการสิ้นสุดของบางสิ่งที่เคยเป็น…
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน ยาหยีก็ปัดมือออกจากการโอบไหล่ของเดย์ตันไม่แรงนัก
“ไม่ต้องมายุ่ง” เสียงเธอสั่น ไม่ใช่เพราะโกรธเขา…แต่เพราะหัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะจากเหตุการณ์เมื่อครู่
เดย์ตันไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงมองเธอเงียบๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ
“โอเค งั้นฉันจะรออยู่ข้างล่าง”
หญิงสาวไม่ตอบอะไร เธอเดินขึ้นบันไดไปโดยไม่แม้แต่หันกลับมามอง ขณะที่เดย์ตันถอนหายใจเล็กน้อยแล้วหย่อนตัวลงบนโซฟากลางห้องรับแขก
บ้านหลังนี้เงียบเกินไป…เงียบจนได้ยินเสียงนาฬิกาเดินเป็นจังหวะ เขานั่งเอนหลังมองไปรอบๆ ห้องอย่างระมัดระวัง เหมือนไม่อยากรบกวนอะไรที่เป็นความทรงจำของเธอ
สายตาเขาหยุดลงที่ตู้โชว์ไม้โอ๊คข้างผนัง ที่นั่นมีกรอบรูปหลายใบเรียงกันอยู่ หนึ่งในนั้นคือรูปถ่ายคู่ของยาหยีกับลี ทั้งสองยิ้มกว้าง แขนคล้องกันในท่าทางที่เคยดูมีความสุข
เดย์ตันเอียงหน้ามองรูปนั้นนิ่งๆ ความรู้สึกบางอย่างวิ่งวูบผ่านใจอย่างไม่ทันตั้งตัว มันไม่ใช่ความหึงหวง…แต่มันคือการตระหนักถึงความจริงว่า ผู้หญิงที่เขายืนข้างเธอวันนี้ เคยยืนข้างใครอีกคนมาก่อนอย่างเต็มหัวใจ และเขา…ไม่อาจย้อนเวลากลับไปแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นได้เลย
เขาเอื้อมมือไปพลิกกรอบรูปหันหน้าลงเล็กน้อย ไม่ใช่เพื่อจะลบหรือทำลาย แต่เพียงเพื่อกันไม่ให้ยาหยีต้องเห็นมันในเวลาที่เธอยังเปราะบางเช่นนี้ ขณะเดียวกัน เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นจากชั้นบน ยาหยีค่อยๆ เดินลงมาพร้อมกระเป๋าใบหนึ่งที่ดูหนักพอสมควร เธอไม่พูดอะไร แค่เดินไปวางกระเป๋าไว้ใกล้ประตู
เดย์ตันเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ ทั้งคู่เงียบ…นิ่ง…เหมือนต่างรอให้อีกฝ่ายเอ่ยบางอย่างออกมาก่อน แต่มันไม่มีคำพูดใดหลุดจากริมฝีปากของเธอ มีเพียงแค่ลมหายใจยาวและดวงตาที่ดูเหนื่อยล้า
ชายหนุ่มลุกขึ้น เดินเข้าไปหยิบกระเป๋าแทนเธอ เขาไม่ถาม ไม่เซ้าซี้ มีเพียงแค่ประโยคสั้นๆ ที่พูดออกมาขณะเปิดประตูให้เธอก้าวออกไป
“พร้อมเมื่อไหร่…ค่อยเล่าให้ฉันฟัง”
ยาหยีเงียบไปอึดใจ ก่อนจะก้าวออกจากบ้านโดยไม่หันกลับไปมองด้านหลังอีกแม้แต่นิดเดียว
เธอไม่ต้องการจำ ไม่ต้องการย้อน และที่สำคัญที่สุด…เธอไม่อยากให้ลูกต้องเติบโตมารับรู้ในความหลังที่ปวดร้าวนั้นอีกต่อไปแล้ว
“ฉันอยากขายบ้านหลังนี้”
“แน่ใจ?”
“อืม”
“ขายแล้วไอ้นั่นมันจะไปอยู่ไหน แล้วเธอล่ะจะไปอยู่ไหน?”
“ถ้าได้เงินจากขายบ้าน ฉันจะเอาไปซื้อที่สักสองไร่ ปลูกบ้านสักหลัง ไม่ต้องใหญ่มาก แล้วก็เลี้ยงหมาสักตัว ปลูกผักกินเอง อยู่แบบง่ายๆ น่าจะดี”
“อืม…” เดย์ตันพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้ถามอะไรเซ้าซี้ “ฉันจะแวะห้างซื้อของ อยากได้อะไรก็ลงไปเลือกเองแล้วกัน ฉันไม่ถนัดซื้อของผู้หญิง”
“อือ” เธอครางรับในคอเบาๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ
บทที่ 20 จ้างให้จบทางด้านลี หลังจากที่เรื่องราวระหว่างเขากับดอกส้ม ถูกเปิดเผยและเขาได้เห็นแววตาผิดหวังของยาหยีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ใจเขาก็ไม่สงบอีกเลยเขาตามหายาหยีทั่วทั้งเมือง โทรหาเธอแล้วโทรหาอีก แต่ไม่มีการรับสาย ไม่มีการตอบกลับข้อความแม้แต่นิดเดียว ลีเริ่มไปที่ร้านกาแฟที่เธอชอบนั่ง ร้านขนมที่เธอโปรด ไปจนถึงหน้าคอนโดของเธอ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่“หยี… ฟังพี่ก่อนก็ได้ ได้โปรด…” เขาพึมพำกับตัวเองทุกครั้งที่ได้ยินสัญญาณตัดสาย ความผิดพลาดของเขากำลังจะพรากผู้หญิงที่เขาควรรักษาเอาไว้ตั้งแต่แรกไปอย่างถาวรอีกมุมหนึ่งที่บ้านของเดย์ตันบรรยากาศเงียบเชียบยามสาย ลูกน้องคนสนิทของเขาเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ขณะเขานั่งอยู่ริมระเบียงในชุดลำลอง ถือแก้วกาแฟในมือ“นายครับ มีข่าวของผู้ชายคนนั้นคุณลีน่ะครับ”เดย์ตันละสายตาจากวิวเบื้องหน้า สายตาดุดันจับจ้องลูกน้องทันที“มันทำอะไร?”“เขาตามหาคุณยาหยีครับ เดินพล่านไปหลายที่เหมือนคนสติแตก พยายามขอให้คนช่วยติดต่อเธอ แต่ยังไม่เจอ เราลองสะกดรอยอยู่ห่างๆ แล้วครับ เขากำลังมุ่งหน้าไปที่คาเฟ่ที่คุณยาหยีเคยนั่งบ่อยๆ”เดย์ตันขมว
บทที่ 19 ความฝันของเดย์ตันเดย์ตันหัวเราะในลำคอเสียงทุ้มต่ำเจือความเจ้าเล่ห์อย่างจงใจ“ปากดีนะเรา” เขายักคิ้วหนึ่งข้าง ก่อนจะวางมือบนไหล่ยาหยี สีหน้าไม่ได้สะทกสะท้านต่อคำด่าทอของเธอยาหยีถอยหลังอีกก้าว แต่ก็ต้องหยุดเพราะแผ่นหลังชนกับแผงอกแกร่งพอดี ดวงตากลมเบิกกว้าง ใบหน้าสวยเลิ่กลั่ก“ต้องใกล้ขนาดนี้?”“ไม่ได้จะทำอะไร…” เขาโน้มตัวเข้ามาเล็กน้อย ริมฝีปากเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ “ก็แค่อยากสอนจับปืน แล้วก็อยากรู้ว่าลูกเริ่มดิ้นแล้วหรือยัง”ดวงตาของเดย์ตันอ่อนลงครู่หนึ่ง เขาเอื้อมมือแตะแผ่วเบาที่หน้าท้องเธออีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพราะจะแกล้ง ไม่ใช่เพราะหยอกเล่นหรือชวนทะเลาะ แต่เพราะเขาอยากรู้สึกถึงชีวิตเล็กๆ ที่กำลังก่อตัวอยู่ในนั้นจริงๆยาหยีมองเขานิ่ง ลมหายใจติดขัดเพราะความรู้สึกตีกันวุ่นวายไปหมด เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้… และไม่คิดว่าในแววตาแข็งกร้าวของมาเฟียอย่างเขา จะมีความอ่อนโยนแฝงอยู่ได้มากขนาดนี้ด้วย“เดย์…” เธอเผลอเรียกชื่อเขาออกมาเบาๆ อย่างลืมตัว“หืม?” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ แล้วก็ยิ้ม… รอยยิ้มที่ไม่ได้ร้ายกาจ ไม่ได้กวนประสาท แต่นุ่มนวลจนใจเธอเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล เธอรีบเบือนหน้
บทที่ 18 ยินดีนำเสนอหลายนาทีต่อมาบนเตียงกว้างกลางห้องนอน ยาหยีกำลังนอนหันหลังให้เดย์ตัน มือเล็กยังคงจับผ้าห่มไว้แน่นถึงแม้จะรู้ตัวว่าคนด้านหลังเดินเข้ามาแล้ว และเขาก็กำลังขยับขึ้นเตียงอย่างเงียบเชียบเสียงเตียงยุบลงเมื่อร่างสูงของเดย์ตันทิ้งตัวนอนลงข้างๆ เธอ ชายหนุ่มแสร้งถอนหายใจเสียงดัง ทำทีเป็นคนอ่อนล้าจากสงครามชีวิตทั้งวัน“เฮ้อ…หลังจะพังอยู่แล้ว ให้ลงไปนอนพื้นอีกคืนนี้หลังคงทรุดจริงๆ” เขาบ่นเบาๆ แล้วเอื้อมมือมาสะกิดไหล่เล็กเบาๆ “ฉันจะเบียดหน่อยนะ ถ้าเผลอกอดเธอก็ขออภัยด้วย”ยาหยีไม่ตอบ เธอกัดฟันแน่นแล้วขยับตัวหนี แต่ไม่ทันไรแขนแข็งแรงก็คว้ารั้งตัวเธอมากอดไว้จากด้านหลังแน่น“อย่าดิ้น เดี๋ยวปวดหลังหนักกว่าเดิมอีก” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู“เดย์ตัน!” ยาหยีสะดุ้ง หันกลับมามองเขาด้วยแววตาขุ่น แต่คนโดนดุกลับยิ้มกวน แถมยังยักคิ้วใส่“โกรธรึไง? เดี๋ยวจับพันผ้าห่มเหมือนดักแด้เลยเอาไหม ถ้าไม่ยอมให้ฉันนอนด้วย”“กล้าก็ลองดู!” เธอแหวกลับทันควัน“อย่าท้านะยาหยี…” เดย์ตันโน้มตัวเข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้าไปจ้องตาเธอแบบท้าทาย “หลังฉันมันแย่จริงๆ นะ หมอเคยบอกว่าถ้าไม่ได้นอนบนที่นุ่มๆ จะกระทบกระเทือนถึงส
บทที่ 17 เคยเป็นทานตะวันของพระอาทิตย์เดย์ตันยืนอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ที่ตอนนี้ถูกยาหยียึดพื้นที่ไปแล้วเรียบร้อยก๊อก ก๊อก“เปิดประตู”“ไม่ ฉันบอกแล้วไงว่าอยากนอนคนเดียว”“ไม่ได้จะเข้าไปนอน แค่เอานมมาให้”ภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงปลดล็อกประตูจะดังขึ้น ยาหยีไม่ได้เปิดประตูออกกว้าง เธอแค่แง้มออกแล้วยื่นหน้าออกมามองเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก“กินให้หมด”“ฉันไม่หิว”“กิน เธอไม่หิวแต่ลูกฉันต้องการแคลเซียม”“นายนี่มันจุ้นจ้านจัง”“ก็ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะทำโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ อย่าลืมว่าเราตกลงกันไว้ยังไง” ยาหยีรับแก้วนมไปดื่มจนหมดภายในรวดเดียวแบ้วส่งแก้วเปล่าให้เดย์ตัน “ทำดีๆ ก็ทำได้ ทำไมต้องให้ฉันบังคับก่อน”“ออกไป”เธอปิดประตูดัง ปึ่ง! ใส่หน้าเดย์ตันจนปลายผมเขาพลิ้วไปตามแรงลมที่กระแทกหน้า“อดทน อดทน…จนกว่าลูกจะคลอด” เขาท่องคำนั้นแล้วหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง หวังให้ตัวเองใจเย็นลงไม่มากก็น้อยเดย์ตันเดินลงมาถึงเชิงบันได เขาก็เงยหน้าขึ้นมองชั้นสองอีกครั้ง“เอาแก้วไปเก็บ” เขาส่งแก้วเปล่าให้ลูกน้องที่ยืนรออยู่เชิงบันได จากนั้นค่อยเดินไปที่ห้องนั่งเล่น พร้อมกับเปิดภาพยนตร์ดูจนถึงเช้าข
บทที่ 16 คุณพ่อบ้านมาเฟียช่วงเย็น…หลังจากกลับมาถึงบ้าน ยาหยีก็แทบหมดแรง เธอถอดรองเท้าแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยเสียงถอนหายใจยาวเหยียด มือข้างหนึ่งวางพัดลมมือถือไว้บนพุงน้อยๆ ส่วนอีกมือก็ยกขึ้นนวดขมับเบาๆ“วันนี้เหนื่อยมากเลย…” เธอบ่นพึมพำเหมือนพูดกับตัวเองเดย์ตันเหลือบตามองก่อนจะวางถุงของที่ซื้อมาจากห้างลงบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบแล้วให้แม่บ้านนำไปเก็บ เขาไม่ได้ตอบอะไร ยังคงขรึมเหมือนเดิม แต่เพียงแค่เขาเดินไปทางห้องครัว แล้วเปิดตู้เย็น หยิบของสดออกมาอย่างคล่องแคล่ว มันก็เพียงพอจะบอกได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร“จะทำอะไรน่ะ?” ยาหยีเดินตามเขามาในห้องครัวด้วย เสียงแผ่วแต่ยังติดหงุดหงิดเบาๆ จากอารมณ์ล้า“เธอหิว” เขาตอบสั้นๆ ขณะหยิบกระเทียมมาปอก“ไม่ได้บอกนี่ว่าหิว…”“แต่เดินห้างตั้งหลายชั่วโมง เหงื่อออก หน้าเริ่มซีด ไม่ใช่หิวก็น้ำตาลตกมั้ง” เขาพูดเรียบๆ แต่ฟังแล้วเหมือนโดนอ่านใจหมดเปลือกยาหยีชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพึมพำเบาๆ“ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยเอง…”ในครัวนั้น เดย์ตันจัดการทุกอย่างอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงน้ำไหล เสียงหั่นผัก และเสียงกระทะร้อนที่กำลังผัดข้าวกับไข่และหมูบด เขาไม่ใช่คนพูดมากอยู่
บทที่ 15 เคยไว้ใจหลังจากเหตุการณ์ที่บ้านยาหยี เดย์ตันไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่มเติม เขาแค่ขับรถพายาหยีไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งอย่างเงียบๆ ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ยาหยีบอกว่าอยากซื้อของใช้ส่วนตัวและดูของสำหรับเด็กบางอย่างที่เธอยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้อะไรบ้าง พอได้มาเดินอยู่ท่ามกลางแสงไฟร้านค้าและเสียงคนพลุกพล่าน เธอก็เหมือนได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเดย์ตันเดินอยู่ข้างเธอ มือหนึ่งถือถุงของ ส่วนอีกมือก็แอบเผลอล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างประหม่า เขาไม่ใช่คนที่ถนัดการเดินชอปปิงตามห้าง แต่เขาเต็มใจทำมันเพราะอยากอยู่ดูเธอ…และเพราะลูก“อันนี้น่ารักไหม?” ยาหยีชูผ้าห่อตัวลายน้องเป็ดขึ้นมาให้เขาดู“ก็น่ารัก” เขาตอบเสียงเรียบ แต่พอเห็นว่าเธอกำลังจะวางคืนก็รีบพูดต่อ “ถ้าชอบก็ซื้อไว้เลย เดี๋ยวฉันจ่ายเอง”ยาหยีมองเขาแวบหนึ่ง ริมฝีปากขยับเหมือนจะเถียง แต่สุดท้ายก็เงียบ และใส่มันลงในตะกร้า แล้วทันใดนั้นเสียงใสเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“เดย์ตัน?”เขาชะงัก หันกลับไปตามเสียง และพบกับผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเดรสรัดรูปสีแดง เธอแต่งหน้าเป๊ะ ผมหยิกเป็นลอนดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า“ริต้า?” เขาพูดชื่อเธอช้าๆ สีหน้าไม่แป