บทที่ 15 เคยไว้ใจ
หลังจากเหตุการณ์ที่บ้านยาหยี เดย์ตันไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่มเติม เขาแค่ขับรถพายาหยีไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งอย่างเงียบๆ ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้
ยาหยีบอกว่าอยากซื้อของใช้ส่วนตัวและดูของสำหรับเด็กบางอย่างที่เธอยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้อะไรบ้าง พอได้มาเดินอยู่ท่ามกลางแสงไฟร้านค้าและเสียงคนพลุกพล่าน เธอก็เหมือนได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เดย์ตันเดินอยู่ข้างเธอ มือหนึ่งถือถุงของ ส่วนอีกมือก็แอบเผลอล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างประหม่า เขาไม่ใช่คนที่ถนัดการเดินชอปปิงตามห้าง แต่เขาเต็มใจทำมันเพราะอยากอยู่ดูเธอ…และเพราะลูก
“อันนี้น่ารักไหม?” ยาหยีชูผ้าห่อตัวลายน้องเป็ดขึ้นมาให้เขาดู
“ก็น่ารัก” เขาตอบเสียงเรียบ แต่พอเห็นว่าเธอกำลังจะวางคืนก็รีบพูดต่อ “ถ้าชอบก็ซื้อไว้เลย เดี๋ยวฉันจ่ายเอง”
ยาหยีมองเขาแวบหนึ่ง ริมฝีปากขยับเหมือนจะเถียง แต่สุดท้ายก็เงียบ และใส่มันลงในตะกร้า แล้วทันใดนั้นเสียงใสเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“เดย์ตัน?”
เขาชะงัก หันกลับไปตามเสียง และพบกับผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเดรสรัดรูปสีแดง เธอแต่งหน้าเป๊ะ ผมหยิกเป็นลอนดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ริต้า?” เขาพูดชื่อเธอช้าๆ สีหน้าไม่แปลกใจแต่ก็ไม่ยินดีนัก
“บังเอิญจังเลยอะ ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่” เธอฉีกยิ้มก่อนจะเหลือบตามองยาหยีข้างกายเขา แล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “แฟนเหรอคะ?”
เดย์ตันไม่ได้ตอบทันที เขาหันไปมองยาหยีซึ่งยืนเงียบ ใบหน้าเรียบเฉยอย่างเคย แต่แววตานั้นชัดเจน…ชัดเจนจนเขารู้สึกเหมือนโดนจับผิด
“นี่…ยาหยี แม่ของลูกฉัน” เดย์ตันพูดชัดถ้อยชัดคำ พลางจับมือหญิงสาวข้างกายแน่นขึ้นนิดหน่อย
ริต้าชะงักเล็กน้อย รอยยิ้มบนหน้าเริ่มคลายลง
“อ๋อ…เหรอ ก็…ดีใจด้วยนะคะ” น้ำเสียงของเธอฟังดูฝืนๆ “ไม่คิดเลยว่าเดย์จะคิดจริงจังกับใครซักคนได้”
เขาหัวเราะแห้งๆ
“คนเรามันก็เปลี่ยนได้ถ้ามีเรื่องให้ต้องจริงจัง”
ริต้ายืนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“งั้น…ก็ขอให้โชคดีละกัน” หญิงสาวหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมและความเงียบอึดอัดชั่วครู่
เดย์ตันหันมามองยาหยี พูดเสียงเบา
“แค่คนเคยรู้จักน่ะ”
ยาหยีไม่ได้ตอบ แต่หันไปเลือกของต่อเหมือนไม่ใส่ใจ…แม้ในใจเธอจะรู้ดีว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แค่ผ่านมาสำหรับเดย์ตัน แต่สำหรับตอนนี้…เธอเลือกที่จะไม่ถาม เพราะเรื่องที่สำคัญกว่าคือชีวิตข้างหน้า
ชีวิตที่เธอจะต้องดูแลตัวเอง…และลูก
“นายเคยมีแฟนเหรอ?”
“ที่ถามเพราะอยากรู้หรือว่าอะไร”
“ก็อยากรู้ ทำไมนายถึงดูสนิทกับคนคนนั้นจัง เธอทำหน้าเหมือนเสียดายนายด้วย”
“หึหึ ก็แหงสิ กิ๊กเก่า…” เดย์ตันแสยะยิ้มพูดอย่างภูมิใจ โดยไม่รู้ว่ายาหยีลอบเบะปากใส่เขาด้วยความหมั่นไส้เต็มที
“แล้วตอนนี้ไม่มีเหรอ หรือว่านายมีเมียอยู่แล้ว เอาดีๆ ฉัน…ฉันไปจากนายได้นะ ส่วนเรื่องเด็ก อุ๊บ!” เธอถูกปิดปากด้วยฝ่ามือของเดย์ตัน
“หยุดพูด ฉันไม่มีเมียหรือแฟนทั้งนั้น”
“เหรอ…ก็นึกว่ามี หน้านายมันฟ้องว่าไม่ได้เป็นชายโสดแน่นอน คงผ่านอะไรมาเยอะ”
“หึหึ
หลังจากเดินเลือกของกันเงียบๆ ได้พักใหญ่ เดย์ตันกับยาหยีก็มานั่งพักที่โซฟาตัวยาวในร้านไอศกรีม เสียงผู้คนจอแจรอบข้างไม่ได้รบกวนความเงียบระหว่างพวกเขาเลยแม้แต่น้อย มีเพียงเสียงดูดน้ำจากแก้วใสกับลมหายใจของทั้งคู่เท่านั้นที่ยังยืนยันว่าพวกเขานั่งอยู่ด้วยกันจริงๆ
เดย์ตันนั่งนิ่งมองหญิงสาวฝั่งตรงข้ามที่จู่ๆ ก็ดูเหนื่อยล้าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่เพียงแค่ร่างกาย แต่รวมถึงใจของเธอด้วย
“เมื่อกี้…ที่เธอพูดกับเพื่อน” เขาเริ่มบทสนทนาอย่างระมัดระวัง “ฉันไม่รู้มาก่อนว่าพวกเธอสนิทกันขนาดนั้น”
ยาหยีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตามองแก้วน้ำตรงหน้า น้ำแข็งละลายแล้วกว่าครึ่ง เธอจับหลอดหมุนวนในแก้วไปมาเบาๆ อย่างไม่มีจุดหมาย
“เราสนิทกันมาก…” เสียงเธอสั่นน้อยๆ “สนิทแบบที่ฉันเคยคิดว่า ดอกส้มคือเพื่อนที่ไว้ใจได้ที่สุดในชีวิต”เดย์ตันฟังเงียบๆ ไม่พูดแทรก รอให้เธอพูดต่อ “ตอนฉันตัดสินใจจะเก็บเรื่องเซอร์ไพรส์พี่ลีเรื่องท้อง…คนแรกที่ฉันเล่าให้ฟังคือเธอ ไม่ใช่พี่ลีด้วยซ้ำ” ยาหยีหลุดยิ้มน้อยๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความปวดร้าว “ดอกส้มอยู่ข้างๆ ฉันในวันที่ฉันร้องไห้ บอกว่าจะอยู่ด้วยไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แล้วสุดท้าย…”
เธอหันหน้ามามองเขา น้ำตาคลออยู่ในดวงตาคู่นั้น
“สุดท้ายเธอก็ไปนอนกับผู้ชายของฉัน ซ้ำยังทำหน้าเฉยชาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนที่ฉันเคยฝากชีวิต ฝากความลับไว้กับเธอมันไม่เคยมีความหมายเลย”
เสียงเธอสั่นเมื่อพูดถึงประโยคนั้น เส้นเสียงเจ็บลึกแบบที่แม้แต่เดย์ตันยังเผลอกำหมัดแน่น
“มันไม่ใช่แค่เรื่องพี่ลี…แต่มันคือการที่ฉันต้องยอมรับว่าฉัน…ตัดสินใจผิด” เธอหลุบตามองมือของตัวเองที่วางอยู่บนหน้าขา “ผิดที่คิดว่าใครซักคนจะไม่มีวันทรยศฉัน”
เดย์ตันเลิกคิ้วสูง เขาไม่พูดคำปลอบใจที่ดูสวยหรู ไม่เอื้อมมือไปลูบมือเธอเหมือนในหนัง เขาแค่พูดจริงจัง ราบเรียบแต่มั่นคง
“เธอไม่ได้ผิดที่ไว้ใจผิดคนยาหยี…เธอแค่กล้าพอที่จะรักและเชื่อใจ นั่นมันไม่เคยผิดเลย”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เธอไม่ร้องไห้ออกมาฟูมฟาย แต่เพียงพยักหน้าเบาๆ เหมือนยอมรับสิ่งที่ได้ยิน และในความเงียบที่ยังคงอยู่หลังจากนั้น มือของเธอก็เลื่อนไปแตะมือเขาอย่างไม่ทันรู้ตัว
เพียงแค่สัมผัสนั้น…มันก็เพียงพอแล้วสำหรับคนที่กำลังพัง ให้รู้ว่ายังมีใครบางคนพร้อมจะอยู่ข้างเธอในวันที่โลกทั้งใบทรยศ
“เธออยู่กับฉัน จะไม่มีใครทรยศเธอแน่นอน”
“อะไรทำให้นายมั่นใจขนาดนั้น”
“เพราะมาเฟีย…เขาไม่ทรยศกันหรอก แต่ถ้าเกิดการทรยศขึ้น มันผู้นั้น…ต้องตายอย่างโดดเดี่ยว”
“ตาย…นี่นายฆ่าคนเป็นผักปลาเลยเหรอ”
“หึหึ คนดีๆ มันคงไม่ตาย” เดย์ตันแสยะยิ้ม ได้ทีขู่เธอ “แล้วถ้าเธอดื้อกับฉัน เธอก็อาจจะ…” เขาทำเสียงเบาๆ ก่อนจะทำมือรูปปืนเล็งไปที่ศีรษะของยาหยี
“ไอ้โรคจิต!”
“หึหึ”
บทที่ 20 จ้างให้จบทางด้านลี หลังจากที่เรื่องราวระหว่างเขากับดอกส้ม ถูกเปิดเผยและเขาได้เห็นแววตาผิดหวังของยาหยีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ใจเขาก็ไม่สงบอีกเลยเขาตามหายาหยีทั่วทั้งเมือง โทรหาเธอแล้วโทรหาอีก แต่ไม่มีการรับสาย ไม่มีการตอบกลับข้อความแม้แต่นิดเดียว ลีเริ่มไปที่ร้านกาแฟที่เธอชอบนั่ง ร้านขนมที่เธอโปรด ไปจนถึงหน้าคอนโดของเธอ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่“หยี… ฟังพี่ก่อนก็ได้ ได้โปรด…” เขาพึมพำกับตัวเองทุกครั้งที่ได้ยินสัญญาณตัดสาย ความผิดพลาดของเขากำลังจะพรากผู้หญิงที่เขาควรรักษาเอาไว้ตั้งแต่แรกไปอย่างถาวรอีกมุมหนึ่งที่บ้านของเดย์ตันบรรยากาศเงียบเชียบยามสาย ลูกน้องคนสนิทของเขาเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ขณะเขานั่งอยู่ริมระเบียงในชุดลำลอง ถือแก้วกาแฟในมือ“นายครับ มีข่าวของผู้ชายคนนั้นคุณลีน่ะครับ”เดย์ตันละสายตาจากวิวเบื้องหน้า สายตาดุดันจับจ้องลูกน้องทันที“มันทำอะไร?”“เขาตามหาคุณยาหยีครับ เดินพล่านไปหลายที่เหมือนคนสติแตก พยายามขอให้คนช่วยติดต่อเธอ แต่ยังไม่เจอ เราลองสะกดรอยอยู่ห่างๆ แล้วครับ เขากำลังมุ่งหน้าไปที่คาเฟ่ที่คุณยาหยีเคยนั่งบ่อยๆ”เดย์ตันขมว
บทที่ 19 ความฝันของเดย์ตันเดย์ตันหัวเราะในลำคอเสียงทุ้มต่ำเจือความเจ้าเล่ห์อย่างจงใจ“ปากดีนะเรา” เขายักคิ้วหนึ่งข้าง ก่อนจะวางมือบนไหล่ยาหยี สีหน้าไม่ได้สะทกสะท้านต่อคำด่าทอของเธอยาหยีถอยหลังอีกก้าว แต่ก็ต้องหยุดเพราะแผ่นหลังชนกับแผงอกแกร่งพอดี ดวงตากลมเบิกกว้าง ใบหน้าสวยเลิ่กลั่ก“ต้องใกล้ขนาดนี้?”“ไม่ได้จะทำอะไร…” เขาโน้มตัวเข้ามาเล็กน้อย ริมฝีปากเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ “ก็แค่อยากสอนจับปืน แล้วก็อยากรู้ว่าลูกเริ่มดิ้นแล้วหรือยัง”ดวงตาของเดย์ตันอ่อนลงครู่หนึ่ง เขาเอื้อมมือแตะแผ่วเบาที่หน้าท้องเธออีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพราะจะแกล้ง ไม่ใช่เพราะหยอกเล่นหรือชวนทะเลาะ แต่เพราะเขาอยากรู้สึกถึงชีวิตเล็กๆ ที่กำลังก่อตัวอยู่ในนั้นจริงๆยาหยีมองเขานิ่ง ลมหายใจติดขัดเพราะความรู้สึกตีกันวุ่นวายไปหมด เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้… และไม่คิดว่าในแววตาแข็งกร้าวของมาเฟียอย่างเขา จะมีความอ่อนโยนแฝงอยู่ได้มากขนาดนี้ด้วย“เดย์…” เธอเผลอเรียกชื่อเขาออกมาเบาๆ อย่างลืมตัว“หืม?” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ แล้วก็ยิ้ม… รอยยิ้มที่ไม่ได้ร้ายกาจ ไม่ได้กวนประสาท แต่นุ่มนวลจนใจเธอเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล เธอรีบเบือนหน้
บทที่ 18 ยินดีนำเสนอหลายนาทีต่อมาบนเตียงกว้างกลางห้องนอน ยาหยีกำลังนอนหันหลังให้เดย์ตัน มือเล็กยังคงจับผ้าห่มไว้แน่นถึงแม้จะรู้ตัวว่าคนด้านหลังเดินเข้ามาแล้ว และเขาก็กำลังขยับขึ้นเตียงอย่างเงียบเชียบเสียงเตียงยุบลงเมื่อร่างสูงของเดย์ตันทิ้งตัวนอนลงข้างๆ เธอ ชายหนุ่มแสร้งถอนหายใจเสียงดัง ทำทีเป็นคนอ่อนล้าจากสงครามชีวิตทั้งวัน“เฮ้อ…หลังจะพังอยู่แล้ว ให้ลงไปนอนพื้นอีกคืนนี้หลังคงทรุดจริงๆ” เขาบ่นเบาๆ แล้วเอื้อมมือมาสะกิดไหล่เล็กเบาๆ “ฉันจะเบียดหน่อยนะ ถ้าเผลอกอดเธอก็ขออภัยด้วย”ยาหยีไม่ตอบ เธอกัดฟันแน่นแล้วขยับตัวหนี แต่ไม่ทันไรแขนแข็งแรงก็คว้ารั้งตัวเธอมากอดไว้จากด้านหลังแน่น“อย่าดิ้น เดี๋ยวปวดหลังหนักกว่าเดิมอีก” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู“เดย์ตัน!” ยาหยีสะดุ้ง หันกลับมามองเขาด้วยแววตาขุ่น แต่คนโดนดุกลับยิ้มกวน แถมยังยักคิ้วใส่“โกรธรึไง? เดี๋ยวจับพันผ้าห่มเหมือนดักแด้เลยเอาไหม ถ้าไม่ยอมให้ฉันนอนด้วย”“กล้าก็ลองดู!” เธอแหวกลับทันควัน“อย่าท้านะยาหยี…” เดย์ตันโน้มตัวเข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้าไปจ้องตาเธอแบบท้าทาย “หลังฉันมันแย่จริงๆ นะ หมอเคยบอกว่าถ้าไม่ได้นอนบนที่นุ่มๆ จะกระทบกระเทือนถึงส
บทที่ 17 เคยเป็นทานตะวันของพระอาทิตย์เดย์ตันยืนอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ที่ตอนนี้ถูกยาหยียึดพื้นที่ไปแล้วเรียบร้อยก๊อก ก๊อก“เปิดประตู”“ไม่ ฉันบอกแล้วไงว่าอยากนอนคนเดียว”“ไม่ได้จะเข้าไปนอน แค่เอานมมาให้”ภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงปลดล็อกประตูจะดังขึ้น ยาหยีไม่ได้เปิดประตูออกกว้าง เธอแค่แง้มออกแล้วยื่นหน้าออกมามองเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก“กินให้หมด”“ฉันไม่หิว”“กิน เธอไม่หิวแต่ลูกฉันต้องการแคลเซียม”“นายนี่มันจุ้นจ้านจัง”“ก็ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะทำโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ อย่าลืมว่าเราตกลงกันไว้ยังไง” ยาหยีรับแก้วนมไปดื่มจนหมดภายในรวดเดียวแบ้วส่งแก้วเปล่าให้เดย์ตัน “ทำดีๆ ก็ทำได้ ทำไมต้องให้ฉันบังคับก่อน”“ออกไป”เธอปิดประตูดัง ปึ่ง! ใส่หน้าเดย์ตันจนปลายผมเขาพลิ้วไปตามแรงลมที่กระแทกหน้า“อดทน อดทน…จนกว่าลูกจะคลอด” เขาท่องคำนั้นแล้วหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง หวังให้ตัวเองใจเย็นลงไม่มากก็น้อยเดย์ตันเดินลงมาถึงเชิงบันได เขาก็เงยหน้าขึ้นมองชั้นสองอีกครั้ง“เอาแก้วไปเก็บ” เขาส่งแก้วเปล่าให้ลูกน้องที่ยืนรออยู่เชิงบันได จากนั้นค่อยเดินไปที่ห้องนั่งเล่น พร้อมกับเปิดภาพยนตร์ดูจนถึงเช้าข
บทที่ 16 คุณพ่อบ้านมาเฟียช่วงเย็น…หลังจากกลับมาถึงบ้าน ยาหยีก็แทบหมดแรง เธอถอดรองเท้าแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยเสียงถอนหายใจยาวเหยียด มือข้างหนึ่งวางพัดลมมือถือไว้บนพุงน้อยๆ ส่วนอีกมือก็ยกขึ้นนวดขมับเบาๆ“วันนี้เหนื่อยมากเลย…” เธอบ่นพึมพำเหมือนพูดกับตัวเองเดย์ตันเหลือบตามองก่อนจะวางถุงของที่ซื้อมาจากห้างลงบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบแล้วให้แม่บ้านนำไปเก็บ เขาไม่ได้ตอบอะไร ยังคงขรึมเหมือนเดิม แต่เพียงแค่เขาเดินไปทางห้องครัว แล้วเปิดตู้เย็น หยิบของสดออกมาอย่างคล่องแคล่ว มันก็เพียงพอจะบอกได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร“จะทำอะไรน่ะ?” ยาหยีเดินตามเขามาในห้องครัวด้วย เสียงแผ่วแต่ยังติดหงุดหงิดเบาๆ จากอารมณ์ล้า“เธอหิว” เขาตอบสั้นๆ ขณะหยิบกระเทียมมาปอก“ไม่ได้บอกนี่ว่าหิว…”“แต่เดินห้างตั้งหลายชั่วโมง เหงื่อออก หน้าเริ่มซีด ไม่ใช่หิวก็น้ำตาลตกมั้ง” เขาพูดเรียบๆ แต่ฟังแล้วเหมือนโดนอ่านใจหมดเปลือกยาหยีชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพึมพำเบาๆ“ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยเอง…”ในครัวนั้น เดย์ตันจัดการทุกอย่างอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงน้ำไหล เสียงหั่นผัก และเสียงกระทะร้อนที่กำลังผัดข้าวกับไข่และหมูบด เขาไม่ใช่คนพูดมากอยู่
บทที่ 15 เคยไว้ใจหลังจากเหตุการณ์ที่บ้านยาหยี เดย์ตันไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่มเติม เขาแค่ขับรถพายาหยีไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งอย่างเงียบๆ ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ยาหยีบอกว่าอยากซื้อของใช้ส่วนตัวและดูของสำหรับเด็กบางอย่างที่เธอยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้อะไรบ้าง พอได้มาเดินอยู่ท่ามกลางแสงไฟร้านค้าและเสียงคนพลุกพล่าน เธอก็เหมือนได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเดย์ตันเดินอยู่ข้างเธอ มือหนึ่งถือถุงของ ส่วนอีกมือก็แอบเผลอล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างประหม่า เขาไม่ใช่คนที่ถนัดการเดินชอปปิงตามห้าง แต่เขาเต็มใจทำมันเพราะอยากอยู่ดูเธอ…และเพราะลูก“อันนี้น่ารักไหม?” ยาหยีชูผ้าห่อตัวลายน้องเป็ดขึ้นมาให้เขาดู“ก็น่ารัก” เขาตอบเสียงเรียบ แต่พอเห็นว่าเธอกำลังจะวางคืนก็รีบพูดต่อ “ถ้าชอบก็ซื้อไว้เลย เดี๋ยวฉันจ่ายเอง”ยาหยีมองเขาแวบหนึ่ง ริมฝีปากขยับเหมือนจะเถียง แต่สุดท้ายก็เงียบ และใส่มันลงในตะกร้า แล้วทันใดนั้นเสียงใสเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“เดย์ตัน?”เขาชะงัก หันกลับไปตามเสียง และพบกับผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเดรสรัดรูปสีแดง เธอแต่งหน้าเป๊ะ ผมหยิกเป็นลอนดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า“ริต้า?” เขาพูดชื่อเธอช้าๆ สีหน้าไม่แป