บทที่ 13 ยอมได้ก็(อย่า)ยอม
เสียงปืนกระหน่ำดังลั่นในห้องซ้อมยิงไม่หยุด เสียงกระสุนทะลุเป้าเปรี้ยงปร้างถี่รัวจนแผ่นเป้าสะบัดกระเพื่อมเหมือนจะขาดออกเป็นชิ้นๆ ชีวินครอบหูฟังไว้แน่น ยืนอยู่ข้างหลังเพื่อนที่กำลังระเบิดอารมณ์ใส่เป้ากระดาษราวกับมันคือต้นเหตุของความวุ่นวายทั้งปวง
ปัง! ปัง! ปัง!
“แม่งเอ๊ย!!!” เดย์ตันคำรามลอดไรฟัน ยิงอีกชุดอย่างไม่ยั้งมือ พอแม็กกาซีนหมด เขาก็โยนปืนลงบนโต๊ะเสียงดังอย่างหัวเสียเต็มที่
ชีวินมองเพื่อนแล้วส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ถอดหูฟังออก
“ระบายพอรึยังวะ หรือจะให้กูเอาปืนไปยิงแทน”
เดย์ตันหอบหายใจหนักๆ แต่ก็ยอมทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวข้างโต๊ะพลางยกมือขึ้นลูบหน้าแรงๆ
“มึงไม่เข้าใจหรอก… คนท้องนี่แม่ง…โคตร…!” เดย์ตันกัดฟันแน่น
ชีวินเลิกคิ้ว
“ยาหยีเหวี่ยงใส่มึง?”
“ไม่ใช่แค่เหวี่ยงเว้ย มันคืออารมณ์ขึ้นลงแบบไม่มีสัญญาณเตือน เหมือนอยู่กับระเบิดเวลา บางทีอ้วก บางทีร้องไห้ บางครั้งจะกินนั่นกินนี่แต่พอทำให้เสร็จก็บอกว่าเหม็นจะตาย! แล้วก็อ้วกใส่ถังขยะ!!”
ชีวินกลั้นหัวเราะ แต่สีหน้าก็ปนเอ็นดู
“แล้วมึงทำไง?”
“ก็แค่ยืนดู กวาดเศษซากของกินทิ้ง แล้วถามว่าวันนี้อยากกินอะไรแทน แล้วก็โดนตวาดกลับมาว่า”
ชีวินหลุดขำ “แล้วมึงยังทนได้เหรอวะ”
เดย์ตันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำออกมาเสียงเบา
“เพราะมันคือลูกของกู…”
เสียงหัวเราะของชีวินหยุดลงในทันที เขามองหน้าเพื่อนสนิทที่เคยเป็นมาเฟียผู้เย็นชา ปากเสีย หงุดหงิดง่าย และไม่เคยยอมใคร แต่ตอนนี้กลับนั่งทำหน้าหมดแรงเพราะผู้หญิงท้องคนหนึ่ง
“…มึงเปลี่ยนไปว่ะ เดย์” ชีวินพูดเสียงเรียบ
“ก็ต้องเปลี่ยนแล้วปะวะ จะให้ลูกกูเกิดมาแล้วเห็นพ่อมันเป็นไอ้หัวร้อน เอะอะยิงปืนใส่เป้าทุกวันเหรอ”
“แต่มึงไม่เคยพูดถึงคำว่า ‘ลูก’ ด้วยน้ำเสียงแบบนี้เลยนะเมื่อก่อนน่ะ”
เดย์ตันเงียบไปอีกรอบ แววตานิ่งลงเมื่อหันไปมองเป้ากระดาษที่พรุนจนแทบไม่มีเหลือ
“ตอนแรกกูก็ไม่ได้คิดหรอก มันก็แค่เรื่องบังเอิญ… แต่มันเริ่มเปลี่ยนตอนกูเห็นเด็กในหน้าจอมอนิเตอร์อัลตร้าซาวด์ก่อนวันจะพายาหยีกลับมาที่นี่อะ…”
ชีวินพยักหน้าเบาๆ แล้วถามเสียงนิ่งแต่ตรงประเด็น
“แล้วที่มึงดูแลยาหยีขนาดนี้… มึงแน่ใจไหมว่าเพราะลูก…หรือเพราะ…” ชีวินเงียบไปกับประโยคสุดท้ายที่พูดไม่จบ
คำถามนั้นทำให้เดย์ตันหันกลับมามองเพื่อนด้วยสายตานิ่งขรึม เหมือนถูกฟาดหน้าเบาๆ ด้วยความจริงที่ไม่อยากยอมรับ เขาไม่ตอบในทันที แต่เพียงแค่การที่เขาเงียบ… มันก็ดังพอสำหรับชีวินแล้ว
ชีวินยิ้มบาง ยกมือขึ้นตบบ่าเพื่อนเบาๆ “เอาเหอะ…ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอะไร ก็ขอให้เป้าโดนทุกนัดก็แล้วกันนะเว้ย”
“ถ้าคนท้องยังรอดอยู่จนถึงคลอดได้ กูนี่แหละที่ยิงเป้ารัวที่สุดในประวัติศาสตร์มาเฟียแดกขิง!” เดย์ตันบ่นอุบพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่
ชีวินหัวเราะทันที
“และนั่นคือชื่อบทต่อไปในไดอารีชีวิตมึงเลยล่ะ ‘เดย์ตัน…ผู้ชายที่เกือบโดนหมอนข้างฆ่าตายเพราะหายใจเสียงดัง!’”
“ตลกมากมั้งไอ้เหี้ย กูแค่หายใจยังผิด ทำไมวะ ทำไมกูต้อง…แม่งเอ๊ย! แล้วถ้ากูทนไม่ไหวจนถึงวันนั้นกูควรทำยังไงดี ถือปืนไปจ่อยิงแม่งเลยไหม”
“เอาจริง? ไม่ห่วงเด็กในท้องแล้วเหรอ”
“ก็นั่นเป็นสิ่งเดียวที่กูทนทำทุกอย่างไง แต่ทำไมกูต้องทำขนาดนี้วะ กูหาแม่ของลูกกูเองได้นะเว้ย” เดย์ตันเริ่มถอนหายใจยาวๆ
“จะหาให้เหนื่อยทำไม นี่ไง แม่ของลูกกับลูกมาพร้อมกันเลย ไม่ต้องเสียแรงวิ่งหาใคร”
“แต่นั่นไม่ใช่เมียกูไง ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาอุ้มท้องลูกกู”
“ลูกมึงคนเดียวที่ไหน ลูกยาหยีด้วย นั่นก็ไข่เธอ”
“ก็เออ” เดย์ตันหัวฟัดหัวเหวี่ยง “แล้วมึงมาหากูทำไม ว่างมากเลย?”
“เพิ่งลงเวร เลยแวะมาดูหน้าคุณพ่อมาเฟียหน่อย”
“ดีนะที่มึงแวะมาหากู ไม่งั้นกูได้ระเบิดอารมณ์ใส่ลูกน้องแน่”
“หึหึ อดทนเพื่อน อดทนจนกว่าจะแลนด์”
“แลนด์เหี้ยไรล่ะ”
เดย์ตันสบถออกมาพร้อมถลึงตาใส่เพื่อนรักอย่างหงุดหงิดเต็มกลืน เขาเดินทิ้งตัวลงนั่งพิงพนักโซฟาแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยหน่าย เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุ้บๆ เหมือนจะระเบิดออกจากกันในทุกวินาทีที่อารมณ์พุ่งสูง
ชีวินนั่งลงข้างๆ พร้อมยกขวดน้ำที่หยิบติดมือมาด้วยวางลงตรงหน้าเดย์ตัน
“ก็แลนด์ไง หมอลงเวรยังต้องใช้คำนี้เลย มึงก็อดทนไปให้ถึงวันคลอด วันนั้นแหละแลนด์ดิ้งของจริง ลูกออกมาปลอดภัย มึงก็ได้เห็นแล้วว่าทุกอย่างที่ทนแม่งคุ้มแค่ไหน”
“คุ้มเหี้ยไร…” เดย์ตันพึมพำ เบือนหน้าหนีเล็กน้อย “กูไม่ได้อยากมีลูกในรูปแบบนี้เว้ยวิน กูอยากมีลูกกับผู้หญิงที่กูเลือก ผู้หญิงที่กูไว้ใจ ที่กูอยากใช้ชีวิตด้วย ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักกันดีด้วยซ้ำ”
“แต่กูเห็นนะ ว่ามึงเริ่มไว้ใจเธอแล้วล่ะ” ชีวินพูดนิ่งๆ ดวงตามองสบเดย์ตันอย่างรู้ทัน “ยาหยีอาจไม่ใช่เมียในนิยามของมึง แต่ก็ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้าที่อุ้มท้องลูกให้มึงเหมือนกัน เธอคือแม่ของลูกมึง คนที่กำลังเปลี่ยนไปพร้อมกันกับมึงทุกวัน ไม่รู้สึกเหรอวะ?”
เดย์ตันเงียบ เขาหลุบตามองมือตัวเองที่กำแน่นอยู่บนตัก หัวใจเริ่มไหวเล็กน้อยกับคำพูดของเพื่อน แต่อีโก้ของผู้ชายอย่างเขามันก็ดื้อด้านเกินกว่าจะยอมรับอะไรง่ายๆ
“แล้วถ้ามึงรู้ว่าวันหนึ่งเธออาจจะเดินออกไปจากชีวิตมึงล่ะ มึงโอเคไหม?” เดย์ตันถามเสียงแผ่ว “ทิ้งลูกไว้ให้มึงดูคนเดียว หรือพาลูกไปจากมึงเลย มึงทนได้เหรอวะ?”
คราวนี้ชีวินเป็นฝ่ายนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยช้าๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“กูว่ามึงต้องเริ่มตอบคำถามตัวเองให้ได้ก่อนเดย์… ว่าที่มึงทำทุกอย่างอยู่ตอนนี้ เพราะ ‘ลูก’ คนเดียวจริงๆ หรือเพราะมีบางอย่างในตัว ‘เธอ’ ที่มึงกำลังกลัวจะเสียไปต่างหาก”
เดย์ตันกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ความรู้สึกบางอย่างพุ่งพล่านขึ้นมาในใจทันที เขาไม่พูดอะไรต่อ แต่กลับหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้แล้วจุดไฟ สูดควันลึกๆ เข้าเต็มปอดอย่างต้องการจะกลบความปั่นป่วนในอก
ชีวินยกมือขึ้นตบหลังเพื่อนเบาๆ
“เอาเถอะมึง กูแวะมาดูหน้ามาเฟียคลั่งพอหอมปากหอมคอแล้ว เดี๋ยวกูต้องกลับไปนอน เดี๋ยวเข้าเวรเช้าอีก”
เดย์ตันพยักหน้า แต่สายตากลับเหม่อลอยไปยังเป้าล่อกระสุน ไฟนีออนในห้องซ้อมยังไม่สว่างไปถึงความมืดในใจเขาได้
ข้างในนั้น…เต็มไปด้วยคำถามที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะหาคำตอบ
“มึงลืมไปหรือเปล่า” เดย์ตันเอ่ยขณะที่ชีวินลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป “เธอแค่รับจ้างอุ้มท้องเท่านั้น ลูกคลอดเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จบ…”
“หึหึ ก็ขอให้มันจบลงด้วยดีแล้วกัน”
“…” เดย์ตันเบือนหน้าไปมองทางอื่น
“งั้นมึงก็อย่าเอาความรู้สึกลงไปเล่นมาก เคยทำยังไงก็ทำแบบนั้น”
“เออ!”
ตอนพิเศษ 2 จบหลายปีต่อมาเสียงหัวเราะใสๆ ดังขึ้นท่ามกลางสวนหลังบ้านที่ร่มรื่น“พี่ดาริน รอด้วยสิ~!”เด็กชายวัยหกขวบวิ่งกระหืดกระหอบตามหลังพี่สาวอย่างไม่ลดละ เขามีใบหน้าคล้ายเดย์ตันในวัยเด็กอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะดวงตาคมเข้มกับคิ้วที่ขมวดแน่นเวลาเอาจริงเอาจัง“ก็พี่บอกแล้วไงว่าใครช้าต้องเป็นลูกหมา!” ดารินวัยเก้าขวบในชุดเอี๊ยมยีนกับหางเปียคู่ หัวเราะแล้ววิ่งนำหน้าต่อไป“ไม่เป็นลูกหมาหรอก! จะวิ่งแซงเลยด้วยซ้ำ!” ดารัณเร่งฝีเท้าขึ้น เสียงหอบเหนื่อยแทรกมาเป็นระยะ แต่ความมุ่งมั่นในแววตานั้นไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อยใต้ศาลากลางสวน เดย์ตันนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่กับคุณพ่อในวัยชรา ใบหน้าของเขานิ่งสงบ แต่แววตาอ่อนโยนเมื่อมองไปยังลูกทั้งสอง“รัณโตเร็วใช่เล่นนะ…” พ่อของเดย์ตันพูดขึ้นพลางยกแก้วน้ำชา“ครับ…เหมือนผมตอนเด็ก แต่ใจนุ่มเหมือนแม่เขา” เดย์ตันตอบยิ้มๆ แล้ววางหนังสือพิมพ์ลง มองลูกชายที่เริ่มวิ่งไล่พี่สาวได้ทันดารัณกระโจนไปเกาะหลังพี่สาว แล้วสองพี่น้องก็ล้มลงไปในกองหญ้าแห้ง หัวเราะกันลั่น“พอแล้วลูก เดี๋ยวเปื้อนหมด!” เสียงของยาหหยีดังขึ้นจากระเบียง เธอยืนกอดอกมองลูกๆ ด้วยสายตาหวานปนเอือมระคนเอ็น
ตอนพิเศษ 1วันเกิดปีที่ 3 ของดารินเด็กหญิงในชุดเดรสฟูฟ่องเดินถือของเล่นไปหาพ่อกับปู่ซึ่งนั่งคุยกันอยู่ในศาลากลางสวน เธอส่งยิ้มให้ทั้งสองด้วยความสดใส“ปะป๋า ดารินอยากได้ของเล่นอีก”“หนูก็ได้แล้วไงครับ ของเล่นหนูเยอะมากแล้ว เล่นให้หมดก่อนนะครับลูก”ดารินยู่ปาก เธอหันไปมองปู่เพราะรู้ว่าคนที่จะตามใจเธอมากที่สุดคือปู่ไม่ใช่พ่อ“คุงปู่~” ดารินหันไปหาคุณปู่ด้วยดวงตากลมโตเปล่งประกายวาววับ เธอกะพริบตาปริบๆ พลางเอียงคอเล็กน้อยอย่างรู้เชิง ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานใสแบบที่เธอมั่นใจว่าคุณปู่ต้องใจอ่อนแน่ๆ “คุงปู่ขา~ หนูอยากได้บ้านตุ๊กตาหลังใหญ่เลย มีลิฟต์ด้วยนะคะ~ หนูจะให้ตุ๊กตาอยู่กันเป็นครอบครัวเลย~”ดาร์เรลหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะโน้มตัวลงมาลูบผมหลานสาวอย่างรักใคร่“โอ๋ๆ หลานปู่คนเก่ง อยากได้บ้านตุ๊กตาเหรอ…เอาไว้คุณปู่จะให้คนไปดูให้เลยนะ ว่ามีรุ่นที่มีลิฟต์จริงไหม ถ้ามี…ปู่จัดให้!”“เย่~! คุงปู่ใจดีที่สุดในโลกเลยค่ะ!” ดารินโผเข้าไปกอดคุณปู่อย่างดีใจสุดๆ แล้วหันมายักคิ้วใส่พ่อของเธอด้วยความเหนือชั้นเดย์ตันที่นั่งอยู่ข้างพ่อของตัวเองถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เขาส่ายหน้าอย่างยอมแพ้ในความเจ้
บทที่ 46 บทส่งท้ายเสียงหัวเราะของทั้งสามคนผสานกันเป็นความอบอุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วห้องรับประทานอาหาร ดารินที่กำลังกินข้าวอยู่บนโต๊ะหยุดชะงัก หันมามองผู้ใหญ่ด้วยตาแป๋ว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ชีวินจนตาทั้งสองข้างหยีน่าเอ็นดู“ดูสิ หลานผมรู้ด้วยว่าใครรักจริง” ชีวินยิ้มกว้าง ย่อตัวลงอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมาแนบอก ก่อนจะโยกเบาๆ อย่างทะนุถนอม“หึ เด็กมันเลือกคนใจดีได้แม่นเหมือนกันนะ” เดย์ตันพูดเสียงเรียบ แต่แววตาที่มองลูกสาวเปล่งประกายด้วยความรักล้นเหลือ“ไม่ใช่แค่ใจดีหรอกค่ะ ปะป๋าวินชอบแอบให้ขนมกับดารินตลอด หยีต้องมาคอยห้ามประจำเลย เดี๋ยวจะฟันผุเอา” ยาหยีว่าแล้วก็กอดอกทำหน้าจริงจังชีวินรีบหันไปกระซิบกับหลานเบาๆ“อ้าว หลานเรานี่ไปฟ้องแม่ด้วยเหรอครับ แบบนี้เราต้องเป็นทีมเดียวกันนะ ห้ามหักหลังกันสิ” เขาย่นจมูกใส่ดาริน ก่อนเจ้าตัวน้อยจะหัวเราะเสียงใสอย่างไร้เดียงสา“ดูสิ…ติดวินเข้าแล้วจริงๆ” เดย์ตันบ่นอุบ แต่ก็ลอบยิ้มเมื่อเห็นลูกสาวหัวเราะอย่างมีความสุข“อิจฉาล่ะสิ” ชีวินแซว พร้อมส่งยิ้มกวนๆ ให้เพื่อนรัก“เปล่าสักหน่อย” เดย์ตันตอบ แต่ยาหยีที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับกลั้นขำไม่อยู่ เธอเอื้อมมือไปแตะหลังสามี
บทที่ 45 เมียมาเฟียหลังจากคืนเข้าหออันร้อนแรงผ่านไป รอยยิ้มอ่อนโยนของเดย์ตันก็กลายเป็นสิ่งที่ยาหยีได้เห็นบ่อยขึ้นกว่าเดิม เขาเปลี่ยนจากมาเฟียผู้เย็นชาและเอาแต่ใจ กลายเป็นสามีที่พร้อมยอมให้เธอทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน ตั้งแต่เมนูอาหารเช้า ไปจนถึงการออกคำสั่งกับลูกน้อง เขาเลือกจะถามความเห็นเธอก่อนเสมอ“ฉันมีปืน แต่เธอมีคำพูดที่คมกว่า” เขาบอกกับเธอในวันที่พายุในบ้านเริ่มสงบลง และเขาได้เห็นว่าเธอไม่จำเป็นต้องขึ้นเสียงหรือใช้กำลังใดๆ ก็สามารถจัดการความวุ่นวายรอบตัวได้อย่างหมดจดยาหยีเรียนรู้ทุกอย่างอย่างตั้งใจ จากหญิงสาวที่เคยร้องกรี๊ดเมื่อได้ยินเสียงปืน กลับกลายเป็นคนที่ยืนถือปืนในสนามซ้อมด้วยท่าทางนิ่งสงบ วันแรกที่เธอยิงถูกเป้าเป๊ะ ลูกน้องของเดย์ตันถึงกับเงียบทั้งสนาม แล้วเสียงปรบมือก็ลั่นตามมาไม่ขาดสาย“เธอจำได้ไหม ครั้งแรกที่มาที่นี่ เธอดูกล้าและท้าทายมาก แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็แอบกลัวใช่ไหม” เดย์ตันเดินเข้ามากระซิบข้างหู ขณะที่ยาหยียังถือปืนมั่นในมือ“ใช่สิ… แล้วฉันก็จำได้ด้วยว่าที่รักที่บังคับให้กล้า” เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่งสายตาแวววาวให้เขาอย่างคนที่รู้ว่าตั
บทที่ 44 ค่ำคืนนี้มีแค่เรา NCเดย์ตันยกยิ้มมุมปาก สอดฝ่ามือไปตามกลุ่มผมดกดำของเธอเบาๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงไปหอมแก้มยาหยีฟอดหนึ่ง“ถึงเวลาแล้วนะ”“อะไรเหรอ?”“ก็…เรายังไม่ได้เข้าหอกันเลยนะ”“นี่แผนนายด้วยไหมเนี่ย”“เปล่า…แค่จะทวงสัญญาเฉยๆ อดเปรี้ยวไว้กินหวานอะ”“ใครไปสัญญากับนายไม่ทราบ คิดเองเออเองทั้งนั้น อ๊ะ!” ไม่ทันได้ตั้งตัวยาหยีก็ถูกเขารวบตัวไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวและแรงมหาศาล เธอตกใจเบิกตากว้างกับความเร็วของเขา “นะ นี่เร็วไปไหมเนี่ย”“เร็วมากกว่านี้อีก อยากดูไหมว่าเร็วมากแค่ไหน”“อะไร?”เดย์ตันยกยิ้มแล้วดึงผ้านวมมาคลุมตัวเขากับยาหยีไว้ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าเธอออกอย่างช่ำชองผ้านวมผืนหนากลายเป็นปราการแห่งความลับที่ห่อหุ้มร่างของทั้งสองเอาไว้ โลกภายนอกเงียบงัน เหลือเพียงลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดกันอยู่ใต้ความมืดมัวแผ่วเบานั้นเสียงหัวเราะแผ่วเบาหลุดลอดริมฝีปากของยาหยี เมื่อความเย็นวาบจากปลายนิ้วของเขาแตะต้องลงบนผิวเปลือยเปล่า ความรู้สึกวูบไหวแล่นไปตามแนวสันหลัง เธอเม้มปากแน่นแต่ก็ยังหลุดเสียงครางต่ำๆ ออกมาเมื่อฝ่ามือของเขาลูบไล้ไปตามทรวงอกอย่างมั่นคง อ่อนโยน ทว่ากลับเต็มไปด้วยแรงปรารถนาเกิน
บทที่ 43 แต่งงานวันแต่งงานมาถึงในช่วงสาย อากาศเย็นกำลังดี แดดนุ่มพาดผ่านม่านไม้เลื้อยที่พันอยู่ตามซุ้มเหล็กดัดในสวนหลังบ้าน กลิ่นดอกไม้หอมจางๆ ลอยอ้อยอิ่งไปทั่วสนามหญ้าที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ละเมียดละไมวันนี้ไม่มีขบวนแห่ ไม่มีแขกเหรื่อเป็นร้อย ไม่มีแสงแฟลชถ่ายภาพเป็นพัน มีเพียงแค่โต๊ะกลมสีขาวไม่กี่ตัว เก้าอี้หวาย และครอบครัวไม่กี่คนที่รักทั้งสองคนอย่างแท้จริงแม่ของเดย์ตันเป็นคนจัดดอกไม้เองกับมือ คุณพ่อของยาหยียืนพัดไล่ยุงพร้อมรอยยิ้มภาคภูมิชีวินรับบทบาทผู้ดำเนินพิธีการอย่างขันแข็ง พร้อมกับแอบเตรียมซองอั่งเปาขนาดยักษ์แทรกระหว่างของขวัญแต่งงาน และที่กลางสวน ซุ้มไม้สีขาวประดับด้วยผ้าลูกไม้บางเบา พวงดอกกุหลาบครีมและใบไม้เขียวสดพาดพรมคือจุดที่เดย์ตันกำลังยืนรออยู่เขาในชุดสูทสีเทาเข้ม สะอาดเรียบและคลาสสิก ผมถูกเซ็ตเรียบกว่าทุกวัน มือถือช่อดอกไม้สีขาวล้วนที่เตรียมไว้ให้เจ้าสาวด้วยตัวเองท่ามกลางความสง่างามของมาเฟียหนุ่มผู้เคยเย็นชามีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ตอนนี้ดูตื่นเต้น…เหมือนชายหนุ่มวัยยี่สิบที่เพิ่งมีรักแรกแล้วเธอก็ปรากฏตัว…ยาหยีในชุดกระโปรงลูกไม้ยาวสีขาวสะอาด ผมถูกรวบครึ่งหัว