บทที่ 5 หัวใจแตกสลายรอบสอง
ยาหยีหอบหายใจแรง น้ำตาไหลอาบแก้มแต่ไม่อาจกลั้นเสียงสะอื้นได้อีกต่อไป เธอก้าวถอยหลังออกห่างจากลี ทั้งที่หัวใจแทบทรุดลงตรงนั้น รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังถล่มทลายอยู่ตรงหน้า ความรักที่เธอเคยเชื่อมั่น ความไว้ใจที่เคยมี… กลายเป็นเศษผงไร้ค่าในพริบตา
เธอหันหลังให้ทั้งสองคน เดินโซซัดโซเซออกจากคอนโดโดยไม่มีเป้าหมาย น้ำตามากมายพร่าเลือนทัศนียภาพเบื้องหน้า ทว่าหัวใจที่แตกสลายต่างหาก…ที่ทำให้เธอมองอะไรไม่เห็นอีกเลย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในกระเป๋าเสื้อคลุม ยาหยีหยิบมันขึ้นมาโดยไม่ทันมองหน้าจอ ความคิดสับสนยุ่งเหยิงจนแทบไม่มีสติ
“ฮัลโหล…” น้ำเสียงเธอแผ่วเบาและสั่นเครือ
(คุณยาหยีใช่ไหมคะ โทรจากโรงพยาบาลxxx คุณหมอนัดพบด่วนนะคะ มีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับผลตรวจล่าสุดของคุณค่ะ)
ยาหยีตัวแข็งทื่อ หัวใจร่วงวูบลงอีกครั้งหนึ่ง
“ผลตรวจ…?”
(ใช่ค่ะ รบกวนมาที่โรงพยาบาลวันนี้เลยนะคะ คุณหมอต้องคุยเป็นการส่วนตัว)
เธอเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แม้ไม่มีใครเห็น เธอรู้ดีว่าตอนนี้ไม่เหลือแรงแม้แต่จะปฏิเสธอะไรอีกต่อไป
“…ได้ค่ะ ฉันจะไปตอนนี้เลย”
เธอกดวางสาย มือที่ถือโทรศัพท์สั่นระริก หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งที่ป้ายรถเมล์ น้ำตายังคงไหลรินไม่ขาดสาย ภาพของลีในสภาพกึ่งเปลือยเปล่ากับผู้หญิงที่เธอเรียกว่าเพื่อนสนิท…ยังตอกย้ำอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัว
และตอนนี้…เธอต้องไปเผชิญกับข่าว ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายจากโรงพยาบาลอีก โชคชะตาเหมือนจงใจจะเหยียบย่ำเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในวินาทีนั้นเอง ยาหยีรู้สึกว่าเธอไม่เหลืออะไรอีกเลยจริงๆ…
บ้านของเดย์ตัน
เสียงปัง! ปัง! ของกระสุนที่เจาะเป้าอย่างแม่นยำสะท้อนก้องอยู่ในสนามยิงปืนส่วนตัวกลางพื้นที่ฝึกซ้อมของลูกน้อง เดย์ตันยืนมั่นคงในท่ายิง มือขวากระชับปืนแน่น ขณะที่สายตาจดจ้องอยู่ที่เป้าตรงหน้าอย่างไร้ความลังเล ราวกับใช้การยิงพวกนั้นระบายบางอย่างในใจ
แต่เบื้องหลังความนิ่งสงบและเฉียบคมของเขา ภายในกลับเต็มไปด้วยความว้าวุ่น สายตาเย็นชาไม่สามารถกลบกลืนความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่อยากยอมรับได้ เขาคิดถึงหน้าเธอ…หน้าของยแฟนเก่า
เสียงโทรศัพท์สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง เดย์ตันถอนหายใจ ก่อนให้เติร์ดปลดหูฟังออก ก่อนพยักหน้าให้เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอ
โรงพยาบาล
เขาขมวดคิ้วให้ลูกน้องกดรับสายให้
“สวัสดีครับ คุณเดย์ตันไม่ว่างครับ”
(ดิฉันโทรจากโรงพยาบาล…รบกวนคุณเดย์ตันเข้ามาพบคุณหมอโดยด่วนในวันนี้ค่ะ มีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยเป็นการส่วนตัว)
คำพูดจากปลายสายทำให้คิ้วเขากระตุกเล็กน้อย เขานิ่งไปอึดใจ ก่อนจะถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น
“เรื่องสำคัญงั้นเหรอ?”
(คุณหมอขอให้แจ้งว่า…เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและไม่สามารถแจ้งทางโทรศัพท์ได้ค่ะ ต้องขอให้คุณมาด้วยตัวเองนะคะ)
“เข้าใจแล้ว จะไปตอนนี้เลย”
เดย์ตันกดวางสายทันที ไม่ซักถามอะไรอีกแม้แต่คำเดียว เขาหันไปเก็บปืนลงกล่องอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเคร่งขรึมมากขึ้นกว่าตอนที่เขายิงเป้าเมื่อครู่
สัญชาตญาณของเขากำลังเตือน…บางอย่างไม่ปกติและแวบหนึ่ง ตาขวาเขาก็กระตุกหงึกๆ
“ไอ้เติร์ด! ตาขวากูกระตุก โบราณเขาว่าไงนะ”
“ขวาร้าย ซ้ายดีครับนาย”
“อย่าให้มันเป็นเรื่องร้ายเลย…” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากสนามยิงด้วยจังหวะก้าวแน่วแน่
ความเงียบหนักอึ้งรายล้อมตลอดทางที่เขามุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล ทั้งที่เป็นเวลากลางวัน แต่ในใจของเดย์ตัน…กลับรู้สึกราวกับกำลังเดินผ่านรัตติกาลมืดมนที่ไม่รู้จุดสิ้นสุด
เดย์ตันเดินเข้าโรงพยาบาลด้วยท่าทางสงบนิ่งเย็นชา เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้มที่เขาสวมดูเรียบร้อย แต่กลิ่นอายของแรงกดดันรอบตัวเขาหนักหนาเสียจนแม้แต่พนักงานประชาสัมพันธ์ยังรู้สึกเกร็งเมื่อเขาเดินเข้ามาถามหาแพทย์เจ้าของไข้
“คุณเดย์ตันใช่ไหมคะ? คุณหมอกำลังรออยู่ค่ะ เชิญทางนี้เลยนะคะ”
พยาบาลสาวพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าจะกระทบความนิ่งเฉียบที่แผ่กระจายจากตัวเขา
ไม่นานนัก เดย์ตันก็ถูกพาไปยังห้องประชุมขนาดเล็ก ห้องนั้นมีทั้งแพทย์ผู้ดูแล เจ้าหน้าที่แล็บ และฝ่ายบริหารของโรงพยาบาลนั่งเรียงรายอยู่ บรรยากาศเงียบกริบและตึงเครียดทันทีที่เขาก้าวเข้าไป
“ขออภัยที่ต้องให้คุณมาแบบกะทันหันนะครับคุณเดย์ตัน…” แพทย์วัยกลางคนเอ่ยขึ้นก่อนจะสบตาเขาอย่างหนักแน่น “…แต่เรามีเรื่องสำคัญมากต้องแจ้งคุณ และต้องขออภัยล่วงหน้าสำหรับสิ่งที่คุณกำลังจะได้รับรู้”
เดย์ตันเลิกคิ้วเล็กน้อย
“เข้าเรื่องเลยครับ ผมไม่มีเวลาเล่นเกมจิตวิทยา”
หัวหน้าฝ่ายแล็บหยิบแฟ้มเอกสารออกมา วางลงตรงหน้าเขาอย่างประณีต ทว่ามือกลับสั่นเล็กน้อย
“เมื่อสัปดาห์ก่อน คุณได้นำตัวอย่างน้ำเชื้อของคุณมาฝากไว้ที่ศูนย์เจริญพันธุ์ของเรา…ซึ่งระบบจัดเก็บข้อมูลและตัวอย่างทั้งหมด ควรได้รับการดูแลอย่างรัดกุม แต่…” เสียงเขาเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะแทบต้องบังคับตัวเองพูดประโยคถัดมา “มีความผิดพลาดครั้งใหญ่…เราเพิ่งตรวจพบว่า ตัวอย่างน้ำเชื้อของคุณ ถูกนำไปใช้ในการปฏิสนธิกับไข่ของหญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งเข้ามารับบริการในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน”
เดย์ตันนิ่งค้าง ราวกับสมองปฏิเสธจะประมวลผลสิ่งที่ได้ยิน
“…พูดใหม่อีกทีสิ” เสียงเขาเย็นเฉียบ แต่นัยน์ตาเริ่มแดงจัด
“เราต้องขออภัยอย่างสุดซึ้งครับคุณเดย์ตัน ผู้หญิงคนนั้นกำลังตั้งครรภ์ โดยไม่รู้เลยว่าพ่อของเด็ก…ไม่ใช่คนที่เธอมาด้วย”
เสียงเอกสารกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง
“คุณกำลังจะบอกผมว่า…มีผู้หญิงที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน กำลังอุ้มท้องลูกผมอยู่เพราะความสะเพร่าของพวกคุณ?”
เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารพยายามเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงประนีประนอม
“คุณเดย์ตัน เราเข้าใจความรู้สึกของคุณ และพร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง”
“รับผิดชอบ?” เสียงเขาแทบจะคำราม “พวกคุณ ‘ฆ่าชีวิต’ ของผมไปเลยต่างหาก! แล้วคิดจะใช้คำว่า ขอโทษมาหยุดความผิดพลาดระดับนี้เหรอ?” เขาลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ มือกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูด “ผมจะฟ้องคุณทุกคน! ไม่ใช่แค่โรงพยาบาล ผมจะลากคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดขึ้นศาล และจะไม่หยุด จนกว่าจะมีคนต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จริงๆ!”
เสียงของเขาสะท้อนก้องในห้อง เงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ เดย์ตันหอบหายใจแรง ราวกับเพิ่งรอดชีวิตจากคลื่นความโกรธที่ถาโถมขึ้นมาจนแทบควบคุมไม่อยู่
ภายใต้ความโกรธนั้น…คือความสั่นไหวลึกในหัวใจ
เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าเธอเป็นใคร อยู่ที่ไหน และรู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ว่าตัวเอง…กำลังอุ้มท้องลูกของชายแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นหน้า
แต่ไม่ว่าเธอคนนั้นจะเป็นใคร ชีวิตของเธอ…ก็ผูกพันกับเขาไปแล้วโดยไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป
ตอนพิเศษ 2 จบหลายปีต่อมาเสียงหัวเราะใสๆ ดังขึ้นท่ามกลางสวนหลังบ้านที่ร่มรื่น“พี่ดาริน รอด้วยสิ~!”เด็กชายวัยหกขวบวิ่งกระหืดกระหอบตามหลังพี่สาวอย่างไม่ลดละ เขามีใบหน้าคล้ายเดย์ตันในวัยเด็กอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะดวงตาคมเข้มกับคิ้วที่ขมวดแน่นเวลาเอาจริงเอาจัง“ก็พี่บอกแล้วไงว่าใครช้าต้องเป็นลูกหมา!” ดารินวัยเก้าขวบในชุดเอี๊ยมยีนกับหางเปียคู่ หัวเราะแล้ววิ่งนำหน้าต่อไป“ไม่เป็นลูกหมาหรอก! จะวิ่งแซงเลยด้วยซ้ำ!” ดารัณเร่งฝีเท้าขึ้น เสียงหอบเหนื่อยแทรกมาเป็นระยะ แต่ความมุ่งมั่นในแววตานั้นไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อยใต้ศาลากลางสวน เดย์ตันนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่กับคุณพ่อในวัยชรา ใบหน้าของเขานิ่งสงบ แต่แววตาอ่อนโยนเมื่อมองไปยังลูกทั้งสอง“รัณโตเร็วใช่เล่นนะ…” พ่อของเดย์ตันพูดขึ้นพลางยกแก้วน้ำชา“ครับ…เหมือนผมตอนเด็ก แต่ใจนุ่มเหมือนแม่เขา” เดย์ตันตอบยิ้มๆ แล้ววางหนังสือพิมพ์ลง มองลูกชายที่เริ่มวิ่งไล่พี่สาวได้ทันดารัณกระโจนไปเกาะหลังพี่สาว แล้วสองพี่น้องก็ล้มลงไปในกองหญ้าแห้ง หัวเราะกันลั่น“พอแล้วลูก เดี๋ยวเปื้อนหมด!” เสียงของยาหหยีดังขึ้นจากระเบียง เธอยืนกอดอกมองลูกๆ ด้วยสายตาหวานปนเอือมระคนเอ็น
ตอนพิเศษ 1วันเกิดปีที่ 3 ของดารินเด็กหญิงในชุดเดรสฟูฟ่องเดินถือของเล่นไปหาพ่อกับปู่ซึ่งนั่งคุยกันอยู่ในศาลากลางสวน เธอส่งยิ้มให้ทั้งสองด้วยความสดใส“ปะป๋า ดารินอยากได้ของเล่นอีก”“หนูก็ได้แล้วไงครับ ของเล่นหนูเยอะมากแล้ว เล่นให้หมดก่อนนะครับลูก”ดารินยู่ปาก เธอหันไปมองปู่เพราะรู้ว่าคนที่จะตามใจเธอมากที่สุดคือปู่ไม่ใช่พ่อ“คุงปู่~” ดารินหันไปหาคุณปู่ด้วยดวงตากลมโตเปล่งประกายวาววับ เธอกะพริบตาปริบๆ พลางเอียงคอเล็กน้อยอย่างรู้เชิง ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานใสแบบที่เธอมั่นใจว่าคุณปู่ต้องใจอ่อนแน่ๆ “คุงปู่ขา~ หนูอยากได้บ้านตุ๊กตาหลังใหญ่เลย มีลิฟต์ด้วยนะคะ~ หนูจะให้ตุ๊กตาอยู่กันเป็นครอบครัวเลย~”ดาร์เรลหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะโน้มตัวลงมาลูบผมหลานสาวอย่างรักใคร่“โอ๋ๆ หลานปู่คนเก่ง อยากได้บ้านตุ๊กตาเหรอ…เอาไว้คุณปู่จะให้คนไปดูให้เลยนะ ว่ามีรุ่นที่มีลิฟต์จริงไหม ถ้ามี…ปู่จัดให้!”“เย่~! คุงปู่ใจดีที่สุดในโลกเลยค่ะ!” ดารินโผเข้าไปกอดคุณปู่อย่างดีใจสุดๆ แล้วหันมายักคิ้วใส่พ่อของเธอด้วยความเหนือชั้นเดย์ตันที่นั่งอยู่ข้างพ่อของตัวเองถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เขาส่ายหน้าอย่างยอมแพ้ในความเจ้
บทที่ 46 บทส่งท้ายเสียงหัวเราะของทั้งสามคนผสานกันเป็นความอบอุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วห้องรับประทานอาหาร ดารินที่กำลังกินข้าวอยู่บนโต๊ะหยุดชะงัก หันมามองผู้ใหญ่ด้วยตาแป๋ว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ชีวินจนตาทั้งสองข้างหยีน่าเอ็นดู“ดูสิ หลานผมรู้ด้วยว่าใครรักจริง” ชีวินยิ้มกว้าง ย่อตัวลงอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมาแนบอก ก่อนจะโยกเบาๆ อย่างทะนุถนอม“หึ เด็กมันเลือกคนใจดีได้แม่นเหมือนกันนะ” เดย์ตันพูดเสียงเรียบ แต่แววตาที่มองลูกสาวเปล่งประกายด้วยความรักล้นเหลือ“ไม่ใช่แค่ใจดีหรอกค่ะ ปะป๋าวินชอบแอบให้ขนมกับดารินตลอด หยีต้องมาคอยห้ามประจำเลย เดี๋ยวจะฟันผุเอา” ยาหยีว่าแล้วก็กอดอกทำหน้าจริงจังชีวินรีบหันไปกระซิบกับหลานเบาๆ“อ้าว หลานเรานี่ไปฟ้องแม่ด้วยเหรอครับ แบบนี้เราต้องเป็นทีมเดียวกันนะ ห้ามหักหลังกันสิ” เขาย่นจมูกใส่ดาริน ก่อนเจ้าตัวน้อยจะหัวเราะเสียงใสอย่างไร้เดียงสา“ดูสิ…ติดวินเข้าแล้วจริงๆ” เดย์ตันบ่นอุบ แต่ก็ลอบยิ้มเมื่อเห็นลูกสาวหัวเราะอย่างมีความสุข“อิจฉาล่ะสิ” ชีวินแซว พร้อมส่งยิ้มกวนๆ ให้เพื่อนรัก“เปล่าสักหน่อย” เดย์ตันตอบ แต่ยาหยีที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับกลั้นขำไม่อยู่ เธอเอื้อมมือไปแตะหลังสามี
บทที่ 45 เมียมาเฟียหลังจากคืนเข้าหออันร้อนแรงผ่านไป รอยยิ้มอ่อนโยนของเดย์ตันก็กลายเป็นสิ่งที่ยาหยีได้เห็นบ่อยขึ้นกว่าเดิม เขาเปลี่ยนจากมาเฟียผู้เย็นชาและเอาแต่ใจ กลายเป็นสามีที่พร้อมยอมให้เธอทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน ตั้งแต่เมนูอาหารเช้า ไปจนถึงการออกคำสั่งกับลูกน้อง เขาเลือกจะถามความเห็นเธอก่อนเสมอ“ฉันมีปืน แต่เธอมีคำพูดที่คมกว่า” เขาบอกกับเธอในวันที่พายุในบ้านเริ่มสงบลง และเขาได้เห็นว่าเธอไม่จำเป็นต้องขึ้นเสียงหรือใช้กำลังใดๆ ก็สามารถจัดการความวุ่นวายรอบตัวได้อย่างหมดจดยาหยีเรียนรู้ทุกอย่างอย่างตั้งใจ จากหญิงสาวที่เคยร้องกรี๊ดเมื่อได้ยินเสียงปืน กลับกลายเป็นคนที่ยืนถือปืนในสนามซ้อมด้วยท่าทางนิ่งสงบ วันแรกที่เธอยิงถูกเป้าเป๊ะ ลูกน้องของเดย์ตันถึงกับเงียบทั้งสนาม แล้วเสียงปรบมือก็ลั่นตามมาไม่ขาดสาย“เธอจำได้ไหม ครั้งแรกที่มาที่นี่ เธอดูกล้าและท้าทายมาก แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็แอบกลัวใช่ไหม” เดย์ตันเดินเข้ามากระซิบข้างหู ขณะที่ยาหยียังถือปืนมั่นในมือ“ใช่สิ… แล้วฉันก็จำได้ด้วยว่าที่รักที่บังคับให้กล้า” เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่งสายตาแวววาวให้เขาอย่างคนที่รู้ว่าตั
บทที่ 44 ค่ำคืนนี้มีแค่เรา NCเดย์ตันยกยิ้มมุมปาก สอดฝ่ามือไปตามกลุ่มผมดกดำของเธอเบาๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงไปหอมแก้มยาหยีฟอดหนึ่ง“ถึงเวลาแล้วนะ”“อะไรเหรอ?”“ก็…เรายังไม่ได้เข้าหอกันเลยนะ”“นี่แผนนายด้วยไหมเนี่ย”“เปล่า…แค่จะทวงสัญญาเฉยๆ อดเปรี้ยวไว้กินหวานอะ”“ใครไปสัญญากับนายไม่ทราบ คิดเองเออเองทั้งนั้น อ๊ะ!” ไม่ทันได้ตั้งตัวยาหยีก็ถูกเขารวบตัวไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวและแรงมหาศาล เธอตกใจเบิกตากว้างกับความเร็วของเขา “นะ นี่เร็วไปไหมเนี่ย”“เร็วมากกว่านี้อีก อยากดูไหมว่าเร็วมากแค่ไหน”“อะไร?”เดย์ตันยกยิ้มแล้วดึงผ้านวมมาคลุมตัวเขากับยาหยีไว้ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าเธอออกอย่างช่ำชองผ้านวมผืนหนากลายเป็นปราการแห่งความลับที่ห่อหุ้มร่างของทั้งสองเอาไว้ โลกภายนอกเงียบงัน เหลือเพียงลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดกันอยู่ใต้ความมืดมัวแผ่วเบานั้นเสียงหัวเราะแผ่วเบาหลุดลอดริมฝีปากของยาหยี เมื่อความเย็นวาบจากปลายนิ้วของเขาแตะต้องลงบนผิวเปลือยเปล่า ความรู้สึกวูบไหวแล่นไปตามแนวสันหลัง เธอเม้มปากแน่นแต่ก็ยังหลุดเสียงครางต่ำๆ ออกมาเมื่อฝ่ามือของเขาลูบไล้ไปตามทรวงอกอย่างมั่นคง อ่อนโยน ทว่ากลับเต็มไปด้วยแรงปรารถนาเกิน
บทที่ 43 แต่งงานวันแต่งงานมาถึงในช่วงสาย อากาศเย็นกำลังดี แดดนุ่มพาดผ่านม่านไม้เลื้อยที่พันอยู่ตามซุ้มเหล็กดัดในสวนหลังบ้าน กลิ่นดอกไม้หอมจางๆ ลอยอ้อยอิ่งไปทั่วสนามหญ้าที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ละเมียดละไมวันนี้ไม่มีขบวนแห่ ไม่มีแขกเหรื่อเป็นร้อย ไม่มีแสงแฟลชถ่ายภาพเป็นพัน มีเพียงแค่โต๊ะกลมสีขาวไม่กี่ตัว เก้าอี้หวาย และครอบครัวไม่กี่คนที่รักทั้งสองคนอย่างแท้จริงแม่ของเดย์ตันเป็นคนจัดดอกไม้เองกับมือ คุณพ่อของยาหยียืนพัดไล่ยุงพร้อมรอยยิ้มภาคภูมิชีวินรับบทบาทผู้ดำเนินพิธีการอย่างขันแข็ง พร้อมกับแอบเตรียมซองอั่งเปาขนาดยักษ์แทรกระหว่างของขวัญแต่งงาน และที่กลางสวน ซุ้มไม้สีขาวประดับด้วยผ้าลูกไม้บางเบา พวงดอกกุหลาบครีมและใบไม้เขียวสดพาดพรมคือจุดที่เดย์ตันกำลังยืนรออยู่เขาในชุดสูทสีเทาเข้ม สะอาดเรียบและคลาสสิก ผมถูกเซ็ตเรียบกว่าทุกวัน มือถือช่อดอกไม้สีขาวล้วนที่เตรียมไว้ให้เจ้าสาวด้วยตัวเองท่ามกลางความสง่างามของมาเฟียหนุ่มผู้เคยเย็นชามีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ตอนนี้ดูตื่นเต้น…เหมือนชายหนุ่มวัยยี่สิบที่เพิ่งมีรักแรกแล้วเธอก็ปรากฏตัว…ยาหยีในชุดกระโปรงลูกไม้ยาวสีขาวสะอาด ผมถูกรวบครึ่งหัว