บทที่ 5 หัวใจแตกสลายรอบสอง
ยาหยีหอบหายใจแรง น้ำตาไหลอาบแก้มแต่ไม่อาจกลั้นเสียงสะอื้นได้อีกต่อไป เธอก้าวถอยหลังออกห่างจากลี ทั้งที่หัวใจแทบทรุดลงตรงนั้น รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังถล่มทลายอยู่ตรงหน้า ความรักที่เธอเคยเชื่อมั่น ความไว้ใจที่เคยมี… กลายเป็นเศษผงไร้ค่าในพริบตา
เธอหันหลังให้ทั้งสองคน เดินโซซัดโซเซออกจากคอนโดโดยไม่มีเป้าหมาย น้ำตามากมายพร่าเลือนทัศนียภาพเบื้องหน้า ทว่าหัวใจที่แตกสลายต่างหาก…ที่ทำให้เธอมองอะไรไม่เห็นอีกเลย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในกระเป๋าเสื้อคลุม ยาหยีหยิบมันขึ้นมาโดยไม่ทันมองหน้าจอ ความคิดสับสนยุ่งเหยิงจนแทบไม่มีสติ
“ฮัลโหล…” น้ำเสียงเธอแผ่วเบาและสั่นเครือ
(คุณยาหยีใช่ไหมคะ โทรจากโรงพยาบาลxxx คุณหมอนัดพบด่วนนะคะ มีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับผลตรวจล่าสุดของคุณค่ะ)
ยาหยีตัวแข็งทื่อ หัวใจร่วงวูบลงอีกครั้งหนึ่ง
“ผลตรวจ…?”
(ใช่ค่ะ รบกวนมาที่โรงพยาบาลวันนี้เลยนะคะ คุณหมอต้องคุยเป็นการส่วนตัว)
เธอเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แม้ไม่มีใครเห็น เธอรู้ดีว่าตอนนี้ไม่เหลือแรงแม้แต่จะปฏิเสธอะไรอีกต่อไป
“…ได้ค่ะ ฉันจะไปตอนนี้เลย”
เธอกดวางสาย มือที่ถือโทรศัพท์สั่นระริก หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งที่ป้ายรถเมล์ น้ำตายังคงไหลรินไม่ขาดสาย ภาพของลีในสภาพกึ่งเปลือยเปล่ากับผู้หญิงที่เธอเรียกว่าเพื่อนสนิท…ยังตอกย้ำอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัว
และตอนนี้…เธอต้องไปเผชิญกับข่าว ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายจากโรงพยาบาลอีก โชคชะตาเหมือนจงใจจะเหยียบย่ำเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในวินาทีนั้นเอง ยาหยีรู้สึกว่าเธอไม่เหลืออะไรอีกเลยจริงๆ…
บ้านของเดย์ตัน
เสียงปัง! ปัง! ของกระสุนที่เจาะเป้าอย่างแม่นยำสะท้อนก้องอยู่ในสนามยิงปืนส่วนตัวกลางพื้นที่ฝึกซ้อมของลูกน้อง เดย์ตันยืนมั่นคงในท่ายิง มือขวากระชับปืนแน่น ขณะที่สายตาจดจ้องอยู่ที่เป้าตรงหน้าอย่างไร้ความลังเล ราวกับใช้การยิงพวกนั้นระบายบางอย่างในใจ
แต่เบื้องหลังความนิ่งสงบและเฉียบคมของเขา ภายในกลับเต็มไปด้วยความว้าวุ่น สายตาเย็นชาไม่สามารถกลบกลืนความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่อยากยอมรับได้ เขาคิดถึงหน้าเธอ…หน้าของยแฟนเก่า
เสียงโทรศัพท์สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง เดย์ตันถอนหายใจ ก่อนให้เติร์ดปลดหูฟังออก ก่อนพยักหน้าให้เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอ
โรงพยาบาล
เขาขมวดคิ้วให้ลูกน้องกดรับสายให้
“สวัสดีครับ คุณเดย์ตันไม่ว่างครับ”
(ดิฉันโทรจากโรงพยาบาล…รบกวนคุณเดย์ตันเข้ามาพบคุณหมอโดยด่วนในวันนี้ค่ะ มีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยเป็นการส่วนตัว)
คำพูดจากปลายสายทำให้คิ้วเขากระตุกเล็กน้อย เขานิ่งไปอึดใจ ก่อนจะถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น
“เรื่องสำคัญงั้นเหรอ?”
(คุณหมอขอให้แจ้งว่า…เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและไม่สามารถแจ้งทางโทรศัพท์ได้ค่ะ ต้องขอให้คุณมาด้วยตัวเองนะคะ)
“เข้าใจแล้ว จะไปตอนนี้เลย”
เดย์ตันกดวางสายทันที ไม่ซักถามอะไรอีกแม้แต่คำเดียว เขาหันไปเก็บปืนลงกล่องอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเคร่งขรึมมากขึ้นกว่าตอนที่เขายิงเป้าเมื่อครู่
สัญชาตญาณของเขากำลังเตือน…บางอย่างไม่ปกติและแวบหนึ่ง ตาขวาเขาก็กระตุกหงึกๆ
“ไอ้เติร์ด! ตาขวากูกระตุก โบราณเขาว่าไงนะ”
“ขวาร้าย ซ้ายดีครับนาย”
“อย่าให้มันเป็นเรื่องร้ายเลย…” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากสนามยิงด้วยจังหวะก้าวแน่วแน่
ความเงียบหนักอึ้งรายล้อมตลอดทางที่เขามุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล ทั้งที่เป็นเวลากลางวัน แต่ในใจของเดย์ตัน…กลับรู้สึกราวกับกำลังเดินผ่านรัตติกาลมืดมนที่ไม่รู้จุดสิ้นสุด
เดย์ตันเดินเข้าโรงพยาบาลด้วยท่าทางสงบนิ่งเย็นชา เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้มที่เขาสวมดูเรียบร้อย แต่กลิ่นอายของแรงกดดันรอบตัวเขาหนักหนาเสียจนแม้แต่พนักงานประชาสัมพันธ์ยังรู้สึกเกร็งเมื่อเขาเดินเข้ามาถามหาแพทย์เจ้าของไข้
“คุณเดย์ตันใช่ไหมคะ? คุณหมอกำลังรออยู่ค่ะ เชิญทางนี้เลยนะคะ”
พยาบาลสาวพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าจะกระทบความนิ่งเฉียบที่แผ่กระจายจากตัวเขา
ไม่นานนัก เดย์ตันก็ถูกพาไปยังห้องประชุมขนาดเล็ก ห้องนั้นมีทั้งแพทย์ผู้ดูแล เจ้าหน้าที่แล็บ และฝ่ายบริหารของโรงพยาบาลนั่งเรียงรายอยู่ บรรยากาศเงียบกริบและตึงเครียดทันทีที่เขาก้าวเข้าไป
“ขออภัยที่ต้องให้คุณมาแบบกะทันหันนะครับคุณเดย์ตัน…” แพทย์วัยกลางคนเอ่ยขึ้นก่อนจะสบตาเขาอย่างหนักแน่น “…แต่เรามีเรื่องสำคัญมากต้องแจ้งคุณ และต้องขออภัยล่วงหน้าสำหรับสิ่งที่คุณกำลังจะได้รับรู้”
เดย์ตันเลิกคิ้วเล็กน้อย
“เข้าเรื่องเลยครับ ผมไม่มีเวลาเล่นเกมจิตวิทยา”
หัวหน้าฝ่ายแล็บหยิบแฟ้มเอกสารออกมา วางลงตรงหน้าเขาอย่างประณีต ทว่ามือกลับสั่นเล็กน้อย
“เมื่อสัปดาห์ก่อน คุณได้นำตัวอย่างน้ำเชื้อของคุณมาฝากไว้ที่ศูนย์เจริญพันธุ์ของเรา…ซึ่งระบบจัดเก็บข้อมูลและตัวอย่างทั้งหมด ควรได้รับการดูแลอย่างรัดกุม แต่…” เสียงเขาเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะแทบต้องบังคับตัวเองพูดประโยคถัดมา “มีความผิดพลาดครั้งใหญ่…เราเพิ่งตรวจพบว่า ตัวอย่างน้ำเชื้อของคุณ ถูกนำไปใช้ในการปฏิสนธิกับไข่ของหญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งเข้ามารับบริการในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน”
เดย์ตันนิ่งค้าง ราวกับสมองปฏิเสธจะประมวลผลสิ่งที่ได้ยิน
“…พูดใหม่อีกทีสิ” เสียงเขาเย็นเฉียบ แต่นัยน์ตาเริ่มแดงจัด
“เราต้องขออภัยอย่างสุดซึ้งครับคุณเดย์ตัน ผู้หญิงคนนั้นกำลังตั้งครรภ์ โดยไม่รู้เลยว่าพ่อของเด็ก…ไม่ใช่คนที่เธอมาด้วย”
เสียงเอกสารกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง
“คุณกำลังจะบอกผมว่า…มีผู้หญิงที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน กำลังอุ้มท้องลูกผมอยู่เพราะความสะเพร่าของพวกคุณ?”
เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารพยายามเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงประนีประนอม
“คุณเดย์ตัน เราเข้าใจความรู้สึกของคุณ และพร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง”
“รับผิดชอบ?” เสียงเขาแทบจะคำราม “พวกคุณ ‘ฆ่าชีวิต’ ของผมไปเลยต่างหาก! แล้วคิดจะใช้คำว่า ขอโทษมาหยุดความผิดพลาดระดับนี้เหรอ?” เขาลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ มือกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูด “ผมจะฟ้องคุณทุกคน! ไม่ใช่แค่โรงพยาบาล ผมจะลากคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดขึ้นศาล และจะไม่หยุด จนกว่าจะมีคนต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จริงๆ!”
เสียงของเขาสะท้อนก้องในห้อง เงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ เดย์ตันหอบหายใจแรง ราวกับเพิ่งรอดชีวิตจากคลื่นความโกรธที่ถาโถมขึ้นมาจนแทบควบคุมไม่อยู่
ภายใต้ความโกรธนั้น…คือความสั่นไหวลึกในหัวใจ
เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าเธอเป็นใคร อยู่ที่ไหน และรู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ว่าตัวเอง…กำลังอุ้มท้องลูกของชายแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นหน้า
แต่ไม่ว่าเธอคนนั้นจะเป็นใคร ชีวิตของเธอ…ก็ผูกพันกับเขาไปแล้วโดยไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป
บทที่ 20 จ้างให้จบทางด้านลี หลังจากที่เรื่องราวระหว่างเขากับดอกส้ม ถูกเปิดเผยและเขาได้เห็นแววตาผิดหวังของยาหยีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ใจเขาก็ไม่สงบอีกเลยเขาตามหายาหยีทั่วทั้งเมือง โทรหาเธอแล้วโทรหาอีก แต่ไม่มีการรับสาย ไม่มีการตอบกลับข้อความแม้แต่นิดเดียว ลีเริ่มไปที่ร้านกาแฟที่เธอชอบนั่ง ร้านขนมที่เธอโปรด ไปจนถึงหน้าคอนโดของเธอ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่“หยี… ฟังพี่ก่อนก็ได้ ได้โปรด…” เขาพึมพำกับตัวเองทุกครั้งที่ได้ยินสัญญาณตัดสาย ความผิดพลาดของเขากำลังจะพรากผู้หญิงที่เขาควรรักษาเอาไว้ตั้งแต่แรกไปอย่างถาวรอีกมุมหนึ่งที่บ้านของเดย์ตันบรรยากาศเงียบเชียบยามสาย ลูกน้องคนสนิทของเขาเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ขณะเขานั่งอยู่ริมระเบียงในชุดลำลอง ถือแก้วกาแฟในมือ“นายครับ มีข่าวของผู้ชายคนนั้นคุณลีน่ะครับ”เดย์ตันละสายตาจากวิวเบื้องหน้า สายตาดุดันจับจ้องลูกน้องทันที“มันทำอะไร?”“เขาตามหาคุณยาหยีครับ เดินพล่านไปหลายที่เหมือนคนสติแตก พยายามขอให้คนช่วยติดต่อเธอ แต่ยังไม่เจอ เราลองสะกดรอยอยู่ห่างๆ แล้วครับ เขากำลังมุ่งหน้าไปที่คาเฟ่ที่คุณยาหยีเคยนั่งบ่อยๆ”เดย์ตันขมว
บทที่ 19 ความฝันของเดย์ตันเดย์ตันหัวเราะในลำคอเสียงทุ้มต่ำเจือความเจ้าเล่ห์อย่างจงใจ“ปากดีนะเรา” เขายักคิ้วหนึ่งข้าง ก่อนจะวางมือบนไหล่ยาหยี สีหน้าไม่ได้สะทกสะท้านต่อคำด่าทอของเธอยาหยีถอยหลังอีกก้าว แต่ก็ต้องหยุดเพราะแผ่นหลังชนกับแผงอกแกร่งพอดี ดวงตากลมเบิกกว้าง ใบหน้าสวยเลิ่กลั่ก“ต้องใกล้ขนาดนี้?”“ไม่ได้จะทำอะไร…” เขาโน้มตัวเข้ามาเล็กน้อย ริมฝีปากเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ “ก็แค่อยากสอนจับปืน แล้วก็อยากรู้ว่าลูกเริ่มดิ้นแล้วหรือยัง”ดวงตาของเดย์ตันอ่อนลงครู่หนึ่ง เขาเอื้อมมือแตะแผ่วเบาที่หน้าท้องเธออีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพราะจะแกล้ง ไม่ใช่เพราะหยอกเล่นหรือชวนทะเลาะ แต่เพราะเขาอยากรู้สึกถึงชีวิตเล็กๆ ที่กำลังก่อตัวอยู่ในนั้นจริงๆยาหยีมองเขานิ่ง ลมหายใจติดขัดเพราะความรู้สึกตีกันวุ่นวายไปหมด เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้… และไม่คิดว่าในแววตาแข็งกร้าวของมาเฟียอย่างเขา จะมีความอ่อนโยนแฝงอยู่ได้มากขนาดนี้ด้วย“เดย์…” เธอเผลอเรียกชื่อเขาออกมาเบาๆ อย่างลืมตัว“หืม?” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ แล้วก็ยิ้ม… รอยยิ้มที่ไม่ได้ร้ายกาจ ไม่ได้กวนประสาท แต่นุ่มนวลจนใจเธอเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล เธอรีบเบือนหน้
บทที่ 18 ยินดีนำเสนอหลายนาทีต่อมาบนเตียงกว้างกลางห้องนอน ยาหยีกำลังนอนหันหลังให้เดย์ตัน มือเล็กยังคงจับผ้าห่มไว้แน่นถึงแม้จะรู้ตัวว่าคนด้านหลังเดินเข้ามาแล้ว และเขาก็กำลังขยับขึ้นเตียงอย่างเงียบเชียบเสียงเตียงยุบลงเมื่อร่างสูงของเดย์ตันทิ้งตัวนอนลงข้างๆ เธอ ชายหนุ่มแสร้งถอนหายใจเสียงดัง ทำทีเป็นคนอ่อนล้าจากสงครามชีวิตทั้งวัน“เฮ้อ…หลังจะพังอยู่แล้ว ให้ลงไปนอนพื้นอีกคืนนี้หลังคงทรุดจริงๆ” เขาบ่นเบาๆ แล้วเอื้อมมือมาสะกิดไหล่เล็กเบาๆ “ฉันจะเบียดหน่อยนะ ถ้าเผลอกอดเธอก็ขออภัยด้วย”ยาหยีไม่ตอบ เธอกัดฟันแน่นแล้วขยับตัวหนี แต่ไม่ทันไรแขนแข็งแรงก็คว้ารั้งตัวเธอมากอดไว้จากด้านหลังแน่น“อย่าดิ้น เดี๋ยวปวดหลังหนักกว่าเดิมอีก” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู“เดย์ตัน!” ยาหยีสะดุ้ง หันกลับมามองเขาด้วยแววตาขุ่น แต่คนโดนดุกลับยิ้มกวน แถมยังยักคิ้วใส่“โกรธรึไง? เดี๋ยวจับพันผ้าห่มเหมือนดักแด้เลยเอาไหม ถ้าไม่ยอมให้ฉันนอนด้วย”“กล้าก็ลองดู!” เธอแหวกลับทันควัน“อย่าท้านะยาหยี…” เดย์ตันโน้มตัวเข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้าไปจ้องตาเธอแบบท้าทาย “หลังฉันมันแย่จริงๆ นะ หมอเคยบอกว่าถ้าไม่ได้นอนบนที่นุ่มๆ จะกระทบกระเทือนถึงส
บทที่ 17 เคยเป็นทานตะวันของพระอาทิตย์เดย์ตันยืนอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ที่ตอนนี้ถูกยาหยียึดพื้นที่ไปแล้วเรียบร้อยก๊อก ก๊อก“เปิดประตู”“ไม่ ฉันบอกแล้วไงว่าอยากนอนคนเดียว”“ไม่ได้จะเข้าไปนอน แค่เอานมมาให้”ภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงปลดล็อกประตูจะดังขึ้น ยาหยีไม่ได้เปิดประตูออกกว้าง เธอแค่แง้มออกแล้วยื่นหน้าออกมามองเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก“กินให้หมด”“ฉันไม่หิว”“กิน เธอไม่หิวแต่ลูกฉันต้องการแคลเซียม”“นายนี่มันจุ้นจ้านจัง”“ก็ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะทำโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ อย่าลืมว่าเราตกลงกันไว้ยังไง” ยาหยีรับแก้วนมไปดื่มจนหมดภายในรวดเดียวแบ้วส่งแก้วเปล่าให้เดย์ตัน “ทำดีๆ ก็ทำได้ ทำไมต้องให้ฉันบังคับก่อน”“ออกไป”เธอปิดประตูดัง ปึ่ง! ใส่หน้าเดย์ตันจนปลายผมเขาพลิ้วไปตามแรงลมที่กระแทกหน้า“อดทน อดทน…จนกว่าลูกจะคลอด” เขาท่องคำนั้นแล้วหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง หวังให้ตัวเองใจเย็นลงไม่มากก็น้อยเดย์ตันเดินลงมาถึงเชิงบันได เขาก็เงยหน้าขึ้นมองชั้นสองอีกครั้ง“เอาแก้วไปเก็บ” เขาส่งแก้วเปล่าให้ลูกน้องที่ยืนรออยู่เชิงบันได จากนั้นค่อยเดินไปที่ห้องนั่งเล่น พร้อมกับเปิดภาพยนตร์ดูจนถึงเช้าข
บทที่ 16 คุณพ่อบ้านมาเฟียช่วงเย็น…หลังจากกลับมาถึงบ้าน ยาหยีก็แทบหมดแรง เธอถอดรองเท้าแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยเสียงถอนหายใจยาวเหยียด มือข้างหนึ่งวางพัดลมมือถือไว้บนพุงน้อยๆ ส่วนอีกมือก็ยกขึ้นนวดขมับเบาๆ“วันนี้เหนื่อยมากเลย…” เธอบ่นพึมพำเหมือนพูดกับตัวเองเดย์ตันเหลือบตามองก่อนจะวางถุงของที่ซื้อมาจากห้างลงบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบแล้วให้แม่บ้านนำไปเก็บ เขาไม่ได้ตอบอะไร ยังคงขรึมเหมือนเดิม แต่เพียงแค่เขาเดินไปทางห้องครัว แล้วเปิดตู้เย็น หยิบของสดออกมาอย่างคล่องแคล่ว มันก็เพียงพอจะบอกได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร“จะทำอะไรน่ะ?” ยาหยีเดินตามเขามาในห้องครัวด้วย เสียงแผ่วแต่ยังติดหงุดหงิดเบาๆ จากอารมณ์ล้า“เธอหิว” เขาตอบสั้นๆ ขณะหยิบกระเทียมมาปอก“ไม่ได้บอกนี่ว่าหิว…”“แต่เดินห้างตั้งหลายชั่วโมง เหงื่อออก หน้าเริ่มซีด ไม่ใช่หิวก็น้ำตาลตกมั้ง” เขาพูดเรียบๆ แต่ฟังแล้วเหมือนโดนอ่านใจหมดเปลือกยาหยีชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพึมพำเบาๆ“ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยเอง…”ในครัวนั้น เดย์ตันจัดการทุกอย่างอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงน้ำไหล เสียงหั่นผัก และเสียงกระทะร้อนที่กำลังผัดข้าวกับไข่และหมูบด เขาไม่ใช่คนพูดมากอยู่
บทที่ 15 เคยไว้ใจหลังจากเหตุการณ์ที่บ้านยาหยี เดย์ตันไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่มเติม เขาแค่ขับรถพายาหยีไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งอย่างเงียบๆ ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ยาหยีบอกว่าอยากซื้อของใช้ส่วนตัวและดูของสำหรับเด็กบางอย่างที่เธอยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้อะไรบ้าง พอได้มาเดินอยู่ท่ามกลางแสงไฟร้านค้าและเสียงคนพลุกพล่าน เธอก็เหมือนได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเดย์ตันเดินอยู่ข้างเธอ มือหนึ่งถือถุงของ ส่วนอีกมือก็แอบเผลอล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างประหม่า เขาไม่ใช่คนที่ถนัดการเดินชอปปิงตามห้าง แต่เขาเต็มใจทำมันเพราะอยากอยู่ดูเธอ…และเพราะลูก“อันนี้น่ารักไหม?” ยาหยีชูผ้าห่อตัวลายน้องเป็ดขึ้นมาให้เขาดู“ก็น่ารัก” เขาตอบเสียงเรียบ แต่พอเห็นว่าเธอกำลังจะวางคืนก็รีบพูดต่อ “ถ้าชอบก็ซื้อไว้เลย เดี๋ยวฉันจ่ายเอง”ยาหยีมองเขาแวบหนึ่ง ริมฝีปากขยับเหมือนจะเถียง แต่สุดท้ายก็เงียบ และใส่มันลงในตะกร้า แล้วทันใดนั้นเสียงใสเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“เดย์ตัน?”เขาชะงัก หันกลับไปตามเสียง และพบกับผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเดรสรัดรูปสีแดง เธอแต่งหน้าเป๊ะ ผมหยิกเป็นลอนดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า“ริต้า?” เขาพูดชื่อเธอช้าๆ สีหน้าไม่แป