บทที่ 6 ซวยไม่รู้จบ
เดย์ตันยังยืนค้ำโต๊ะ สีหน้าหนักแน่นแต่ดวงตาเริ่มสั่นไหว ความโกรธแผ่ซ่านจนเกือบล้นทะลัก แต่ใต้เปลือกแข็งแกร่งนั้นมีความรู้สึกบางอย่างแทรกซึมเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ความตกใจ… ความสับสน… และความกลัวอย่างไม่คุ้นเคย
“แล้ว…ผู้หญิงคนนั้น…” เสียงเขาแหบพร่าเล็กน้อย “ชื่ออะไร… อยู่ที่ไหนตอนนี้?”
หัวหน้าฝ่ายแล็บเปิดแฟ้มเอกสารอีกครั้ง แล้วเลื่อนข้อมูลบางอย่างให้เขาดู
“ชื่อเธอคือ…ยาหยี ศิริกานต์ เราเพิ่งติดต่อเธอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน และเธอก็ได้รับทราบเรื่องทั้งหมดแล้วครับ”
ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น เดย์ตันราวกับถูกกระชากหัวใจออกจากอก
“ยาหยี…?” เขาทวนคำช้าๆ ราวกับจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ใช่แล้ว… ผู้หญิงที่เขาเดินสวนกันที่หน้าลิฟต์เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ผู้หญิงที่เขารู้สึกถึงบางอย่างตั้งแต่วินาทีแรกที่สายตาประสานกันโดยบังเอิญ
ไม่ใช่แค่ความคุ้นเคย แต่เป็นแรงดึงดูดบางอย่าง ที่เขาไม่เคยลืม…แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้ว
“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน?” เขาถามเสียงดัง น้ำเสียงเริ่มแฝงความร้อนรนมากกว่าความโกรธ
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก้มหน้าเช็กข้อมูล ก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้ากังวล “เธอ…เดินออกจากโรงพยาบาลไปเมื่อครู่ครับ เราพยายามโทรหาแต่เธอไม่รับสาย พยาบาลเวรบอกว่าเธอร้องไห้ตลอดเวลา และดูเหมือน…จะไม่อยู่ในสภาพจิตใจที่มั่นคงนัก”
“หมายความว่ายังไง…” เดย์ตันพึมพำ ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว รู้สึกเหมือนลมหายใจถูกกระชากออกจากอก
ตัดภาพไปที่ยาหยี
เธอสวมเพียงชุดเดรสซีดจาง เดินเท้าเปล่าไปตามถนน เส้นผมที่เคยจัดทรงสวยบัดนี้มันยุ่งเหยิงปลิวตามลมเย็นในช่วงเย็นที่เงียบเหงา แววตาเธอว่างเปล่า เหมือนสิ่งที่เคยเรียกว่าความหวังได้ตายลงไปพร้อมกับวันที่หัวใจถูกหักซ้ำซาก
เธอเดินผ่านผู้คนมากมาย โดยไม่มีใครสังเกตว่าใบหน้าของเธอเปื้อนน้ำตา หรือริมฝีปากสั่นระริกทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเด็กหัวเราะจากไกลๆ
ในมือของเธอ กำเอกสารผลตรวจที่ถูกขยำไว้แน่น
“ฉันกำลังอุ้มท้องลูกของคนแปลกหน้า…”
ประโยคนั้นตีก้องในหัวไม่หยุด เธอไม่รู้ว่าควรโกรธ ใครหรือควรลงโทษใคร หรือแม้แต่จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร ลีทรยศ ดอกส้มทรยศ และร่างกายของเธอเองก็ทรยศด้วยเช่นกัน
ดวงตาของยาหยีมองเห็นสะพานทอดตัวยาวอยู่ข้างหน้า มันสูงมากพอที่จะ…จบทุกอย่างได้ เธอหยุดยืน หัวเราะเบาๆ กับตัวเองในลำคอ ก่อนจะพึมพำเสียงแผ่ว
“ถ้าฉันหายไป…อย่างน้อยก็ไม่ต้องเจ็บอีกแล้วใช่ไหม”
เท้าของเธอก้าวขึ้นไปบนสะพานทีละนิด น้ำตายังไหลไม่ขาดสาย
กลับมาที่เดย์ตัน
เขากำลังวิ่งออกจากโรงพยาบาล ทันทีที่เจ้าหน้าที่เอ่ยชื่อเส้นทางใกล้โรงพยาบาลว่าเป็นทิศทางที่เธอมุ่งไป เขาไม่สนใจรถ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น มีเพียงชื่อของเธอ…และภาพเธอในหัวเท่านั้นที่ผลักให้เขาวิ่งอย่างบ้าคลั่ง
“ยาหยี…เธอห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
แม้จะไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกขนาดนี้ แต่หัวใจของเดย์ตันรู้ดี…ว่าเขาไม่สามารถเสียเธอไปได้ ไม่ใช่ในตอนนี้ และไม่ใช่ด้วยความผิดพลาดของคนอื่นที่เขาไม่อาจให้อภัย…แม้กระทั่งตัวเอง
เสียงหอบหายใจของเดย์ตันดังแทรกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของถนนยามเย็น เขาวิ่งสวนผู้คน พลางมองซ้ายขวาอย่างกระวนกระวาย ใจเต้นแรงจนเจ็บหน้าอก มือกำโทรศัพท์แน่นแต่ไม่มีเวลาจะกดโทรหาใคร
เขาเงยหน้าขึ้น เห็นสะพานอยู่ไม่ไกล คนมากมายกำลังเดินผ่าน แต่เขากลับมองเห็นเธอชัดเจนที่สุด…ร่างบอบบางในชุดเดรสสีขาว กำลังยืนอยู่ตรงราวสะพาน ปล่อยผมยาวให้ปลิวตามแรงลมเย็น สีหน้าไร้ชีวิต แววตาเลื่อนลอยราวกับหลุดจากโลกใบนี้ไปแล้ว
“ยาหยี!”
เสียงของเดย์ตันดังก้องขึ้นเหนือเสียงรถราบนถนน ทุกอย่างเหมือนหยุดชะงัก
หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง เธอหันกลับมาช้าๆ เหมือนแรงที่เหลืออยู่ในร่างกำลังหมดลง
แวบหนึ่งที่สายตาทั้งสองสบกัน โลกของเดย์ตันแทบจะล่มสลาย ใบหน้าของเธอซีดเซียว ดวงตาบวมช้ำจากการร้องไห้ น้ำตาไหลเงียบๆ ราวกับไม่รู้จะหยุดมันอย่างไร
เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเศร้าได้เท่านี้มาก่อน
“ยาหยี…อย่าทำแบบนี้” เขาตะโกนขึ้นไปด้วยเสียงแหบพร่า ขณะเริ่มวิ่งขึ้นไปบนสะพาน
“นายเป็นใคร รู้จักฉันได้ยังไง”
“ฉันเป็นเจ้าของน้ำเชื้อ และเป็นพ่อเด็กที่อยู่ในท้องเธอ”
โลกทั้งใบของยาหยีพังลงไม่เหลือชิ้นดี เธอหลับตาลงด้วยความบอบช้ำเกินจะมองหน้าชายคนที่เพิ่งบอกว่สเขาคือพ่อของเด็กในท้องเธอ
“ไม่จริง…”
“มันคือเรื่องจริง และฉันขอสั่งให้เธอลงมาจากราวสะพานเดี๋ยวนี้”
“มันไม่มีอะไรให้ฉันอยู่ต่อแล้ว…ไม่มีอะไรเลย…” เสียงของเธอสั่นอย่างคนสิ้นหวัง “คนที่ฉันรักหักหลังฉัน ฉันกำลังตั้งท้องลูกของคนแปลกหน้า…ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร…แล้วจู่ๆ นาย…ก็วิ่งมาบอกว่าเป็นพ่อของเด็กคนนี้” ปากเธอสั่นอย่างหนัก ก่อนจะก้มมองท้องตัวเอง
เดย์ตันถึงกับชะงัก หัวใจเขาหล่นวูบอยู่ตาตุ่มแล้วตอนนี้ และไม่นานลูกน้องก็วิ่งมาถึง
“นายครับ”
“เออ กูว่าแล้วทำไมตาขวาแม่งกระตุกไม่หาย” เดย์ตันพึมพำกับตัวเองเบาๆ “เธอ!” เขาก้าวเข้าไปใกล้ช้าๆ “คนแปลกหน้าคนนั้น…มันคือฉัน ฉันไม่ทำร้ายเธอ ขอแค่ลงมาคุยกันดีๆ…”
ยาหยีส่ายหน้าพัลวัน
“นาย…พูดอะไร…” เธอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ใจเต้นแรงจนแทบทรงตัวไม่อยู่
“ฉันพิ่งรู้จากโรงพยาบาล…เธอคือคนที่เขานำไข่ไปปฏิสนธิกับน้ำเชื้อของฉัน…มันเป็นความผิดพลาด”
ยาหยีส่ายหน้ารัว น้ำตาไหลพรากไม่หยุด ยิ่งเขาพูดก็ยิ่งตอกย้ำความเสียใจ
“ฉันไม่มีวันยอมให้เธอทำร้ายตัวเองและลูกฉันเด็ดขาด” เดย์ตันขบกรามแน่น มือข้างหนึ่งกำปืนที่เหน็บอยู่เอวลูกน้องแน่น และเห็นท่าไม่ดีเขาจึงหยิบมันออกมา “อย่าทำแบบนี้”
“แต่ฉันรับมันไม่ไหว…นายเข้าใจไหม…ลูกคนแรกของฉัน ที่ฉันเฝ้าฝันอยากมีกับคนที่ฉันรัก…มันกลับเกิดขึ้นจากความผิดพลาด ความบังเอิญ…และกับผู้ชายที่ฉันไม่รู้จัก!”
“ฉันอาจจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอตอนนี้…” เดย์ตันเอื้อมมือไปหาเธออย่างระมัดระวัง น้ำเสียงหนักแน่นแต่แฝงความอ่อนโยน “แต่ถ้าเธอยอมให้โอกาส ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้คุณล้มคนเดียว เรามาตกลงกันเถอะ”
ยาหยียืนตัวสั่น ความรู้สึกปะทะกันจนสับสนวุ่นวาย
เธออยากเกลียดเขา
วินาทีนั้น…ลมเย็นแรงพัดผ่าน ราวกับท้องฟ้ากำลังรอฟังคำตัดสินใจของเธอ
มือของเขายื่นออกมา ไม่รู้ว่ามันจะมั่นคง อบอุ่น และจริงใจมากแค่ไหน ยาหยีหลับตาแน่น น้ำตาไหลอาบแก้ม ก่อนที่เธอจะค่อยๆ ยื่นมือออกไปจับราวสะพานแน่น
“ฉันอยู่ไม่ได้จริงๆ…”
หลายชั่วโมงต่อมา กลับมาที่ปัจจุบัน
ยาหยีลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเธอนอนอยู่ในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล เสื้อผ้าบนร่างกายถูกเปลี่ยนเป็นชุดผู้ป่วย หลังมือมีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ และข้อมืออีกข้างของเธอถูกมัดไว้ด้วยเชือก เท้าก็ถูกมัด
“ฟื้นแล้วเหรอ” เสียงเข้มจัดของใครสักคนที่เพิ่งลุกขึ้นมาจากโซฟาดังเข้ามาในโสตประสาทเธอ ยาหยีหลับตาแน่น ก่อนจะหันไปมองต้นทางของเสีย
“นาย!”
“ใช่ ฉันเองพ่อของเด็กในท้อง”
“ทุเรศ! อย่ามาใกล้ฉัน!”
“หุบปากแล้วควรพูดคำว่าขอบคุณที่ช่วยฉันไว้มากกว่านะ”
“ฉันไม่ได้อยากมีชีวิตอยู่! ไม่จำเป็นต้องขอบคุณนาย”
“เธอต้องมีชีวิตอยู่! เพราะเด็กในท้องเป็นลูกฉัน”
“แต่ฉันมีสิทธิ์เอาเด็กออก เพราะนี่ก็ไข่ฉันเหมือนกัน ฉันมีสิทธิ์!”
“ฉันให้เธอตายได้ก็ต่อเมื่อลูกฉันคลอดเท่านั้น ถ้าลูกยังไม่คลอด เธอก็ไม่มีสิทธิ์ตาย! จำไว้ด้วยยาหยี”
“…”!
บทที่ 20 จ้างให้จบทางด้านลี หลังจากที่เรื่องราวระหว่างเขากับดอกส้ม ถูกเปิดเผยและเขาได้เห็นแววตาผิดหวังของยาหยีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ใจเขาก็ไม่สงบอีกเลยเขาตามหายาหยีทั่วทั้งเมือง โทรหาเธอแล้วโทรหาอีก แต่ไม่มีการรับสาย ไม่มีการตอบกลับข้อความแม้แต่นิดเดียว ลีเริ่มไปที่ร้านกาแฟที่เธอชอบนั่ง ร้านขนมที่เธอโปรด ไปจนถึงหน้าคอนโดของเธอ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่“หยี… ฟังพี่ก่อนก็ได้ ได้โปรด…” เขาพึมพำกับตัวเองทุกครั้งที่ได้ยินสัญญาณตัดสาย ความผิดพลาดของเขากำลังจะพรากผู้หญิงที่เขาควรรักษาเอาไว้ตั้งแต่แรกไปอย่างถาวรอีกมุมหนึ่งที่บ้านของเดย์ตันบรรยากาศเงียบเชียบยามสาย ลูกน้องคนสนิทของเขาเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ขณะเขานั่งอยู่ริมระเบียงในชุดลำลอง ถือแก้วกาแฟในมือ“นายครับ มีข่าวของผู้ชายคนนั้นคุณลีน่ะครับ”เดย์ตันละสายตาจากวิวเบื้องหน้า สายตาดุดันจับจ้องลูกน้องทันที“มันทำอะไร?”“เขาตามหาคุณยาหยีครับ เดินพล่านไปหลายที่เหมือนคนสติแตก พยายามขอให้คนช่วยติดต่อเธอ แต่ยังไม่เจอ เราลองสะกดรอยอยู่ห่างๆ แล้วครับ เขากำลังมุ่งหน้าไปที่คาเฟ่ที่คุณยาหยีเคยนั่งบ่อยๆ”เดย์ตันขมว
บทที่ 19 ความฝันของเดย์ตันเดย์ตันหัวเราะในลำคอเสียงทุ้มต่ำเจือความเจ้าเล่ห์อย่างจงใจ“ปากดีนะเรา” เขายักคิ้วหนึ่งข้าง ก่อนจะวางมือบนไหล่ยาหยี สีหน้าไม่ได้สะทกสะท้านต่อคำด่าทอของเธอยาหยีถอยหลังอีกก้าว แต่ก็ต้องหยุดเพราะแผ่นหลังชนกับแผงอกแกร่งพอดี ดวงตากลมเบิกกว้าง ใบหน้าสวยเลิ่กลั่ก“ต้องใกล้ขนาดนี้?”“ไม่ได้จะทำอะไร…” เขาโน้มตัวเข้ามาเล็กน้อย ริมฝีปากเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ “ก็แค่อยากสอนจับปืน แล้วก็อยากรู้ว่าลูกเริ่มดิ้นแล้วหรือยัง”ดวงตาของเดย์ตันอ่อนลงครู่หนึ่ง เขาเอื้อมมือแตะแผ่วเบาที่หน้าท้องเธออีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพราะจะแกล้ง ไม่ใช่เพราะหยอกเล่นหรือชวนทะเลาะ แต่เพราะเขาอยากรู้สึกถึงชีวิตเล็กๆ ที่กำลังก่อตัวอยู่ในนั้นจริงๆยาหยีมองเขานิ่ง ลมหายใจติดขัดเพราะความรู้สึกตีกันวุ่นวายไปหมด เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้… และไม่คิดว่าในแววตาแข็งกร้าวของมาเฟียอย่างเขา จะมีความอ่อนโยนแฝงอยู่ได้มากขนาดนี้ด้วย“เดย์…” เธอเผลอเรียกชื่อเขาออกมาเบาๆ อย่างลืมตัว“หืม?” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ แล้วก็ยิ้ม… รอยยิ้มที่ไม่ได้ร้ายกาจ ไม่ได้กวนประสาท แต่นุ่มนวลจนใจเธอเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล เธอรีบเบือนหน้
บทที่ 18 ยินดีนำเสนอหลายนาทีต่อมาบนเตียงกว้างกลางห้องนอน ยาหยีกำลังนอนหันหลังให้เดย์ตัน มือเล็กยังคงจับผ้าห่มไว้แน่นถึงแม้จะรู้ตัวว่าคนด้านหลังเดินเข้ามาแล้ว และเขาก็กำลังขยับขึ้นเตียงอย่างเงียบเชียบเสียงเตียงยุบลงเมื่อร่างสูงของเดย์ตันทิ้งตัวนอนลงข้างๆ เธอ ชายหนุ่มแสร้งถอนหายใจเสียงดัง ทำทีเป็นคนอ่อนล้าจากสงครามชีวิตทั้งวัน“เฮ้อ…หลังจะพังอยู่แล้ว ให้ลงไปนอนพื้นอีกคืนนี้หลังคงทรุดจริงๆ” เขาบ่นเบาๆ แล้วเอื้อมมือมาสะกิดไหล่เล็กเบาๆ “ฉันจะเบียดหน่อยนะ ถ้าเผลอกอดเธอก็ขออภัยด้วย”ยาหยีไม่ตอบ เธอกัดฟันแน่นแล้วขยับตัวหนี แต่ไม่ทันไรแขนแข็งแรงก็คว้ารั้งตัวเธอมากอดไว้จากด้านหลังแน่น“อย่าดิ้น เดี๋ยวปวดหลังหนักกว่าเดิมอีก” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู“เดย์ตัน!” ยาหยีสะดุ้ง หันกลับมามองเขาด้วยแววตาขุ่น แต่คนโดนดุกลับยิ้มกวน แถมยังยักคิ้วใส่“โกรธรึไง? เดี๋ยวจับพันผ้าห่มเหมือนดักแด้เลยเอาไหม ถ้าไม่ยอมให้ฉันนอนด้วย”“กล้าก็ลองดู!” เธอแหวกลับทันควัน“อย่าท้านะยาหยี…” เดย์ตันโน้มตัวเข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้าไปจ้องตาเธอแบบท้าทาย “หลังฉันมันแย่จริงๆ นะ หมอเคยบอกว่าถ้าไม่ได้นอนบนที่นุ่มๆ จะกระทบกระเทือนถึงส
บทที่ 17 เคยเป็นทานตะวันของพระอาทิตย์เดย์ตันยืนอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ที่ตอนนี้ถูกยาหยียึดพื้นที่ไปแล้วเรียบร้อยก๊อก ก๊อก“เปิดประตู”“ไม่ ฉันบอกแล้วไงว่าอยากนอนคนเดียว”“ไม่ได้จะเข้าไปนอน แค่เอานมมาให้”ภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงปลดล็อกประตูจะดังขึ้น ยาหยีไม่ได้เปิดประตูออกกว้าง เธอแค่แง้มออกแล้วยื่นหน้าออกมามองเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก“กินให้หมด”“ฉันไม่หิว”“กิน เธอไม่หิวแต่ลูกฉันต้องการแคลเซียม”“นายนี่มันจุ้นจ้านจัง”“ก็ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะทำโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ อย่าลืมว่าเราตกลงกันไว้ยังไง” ยาหยีรับแก้วนมไปดื่มจนหมดภายในรวดเดียวแบ้วส่งแก้วเปล่าให้เดย์ตัน “ทำดีๆ ก็ทำได้ ทำไมต้องให้ฉันบังคับก่อน”“ออกไป”เธอปิดประตูดัง ปึ่ง! ใส่หน้าเดย์ตันจนปลายผมเขาพลิ้วไปตามแรงลมที่กระแทกหน้า“อดทน อดทน…จนกว่าลูกจะคลอด” เขาท่องคำนั้นแล้วหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง หวังให้ตัวเองใจเย็นลงไม่มากก็น้อยเดย์ตันเดินลงมาถึงเชิงบันได เขาก็เงยหน้าขึ้นมองชั้นสองอีกครั้ง“เอาแก้วไปเก็บ” เขาส่งแก้วเปล่าให้ลูกน้องที่ยืนรออยู่เชิงบันได จากนั้นค่อยเดินไปที่ห้องนั่งเล่น พร้อมกับเปิดภาพยนตร์ดูจนถึงเช้าข
บทที่ 16 คุณพ่อบ้านมาเฟียช่วงเย็น…หลังจากกลับมาถึงบ้าน ยาหยีก็แทบหมดแรง เธอถอดรองเท้าแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยเสียงถอนหายใจยาวเหยียด มือข้างหนึ่งวางพัดลมมือถือไว้บนพุงน้อยๆ ส่วนอีกมือก็ยกขึ้นนวดขมับเบาๆ“วันนี้เหนื่อยมากเลย…” เธอบ่นพึมพำเหมือนพูดกับตัวเองเดย์ตันเหลือบตามองก่อนจะวางถุงของที่ซื้อมาจากห้างลงบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบแล้วให้แม่บ้านนำไปเก็บ เขาไม่ได้ตอบอะไร ยังคงขรึมเหมือนเดิม แต่เพียงแค่เขาเดินไปทางห้องครัว แล้วเปิดตู้เย็น หยิบของสดออกมาอย่างคล่องแคล่ว มันก็เพียงพอจะบอกได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร“จะทำอะไรน่ะ?” ยาหยีเดินตามเขามาในห้องครัวด้วย เสียงแผ่วแต่ยังติดหงุดหงิดเบาๆ จากอารมณ์ล้า“เธอหิว” เขาตอบสั้นๆ ขณะหยิบกระเทียมมาปอก“ไม่ได้บอกนี่ว่าหิว…”“แต่เดินห้างตั้งหลายชั่วโมง เหงื่อออก หน้าเริ่มซีด ไม่ใช่หิวก็น้ำตาลตกมั้ง” เขาพูดเรียบๆ แต่ฟังแล้วเหมือนโดนอ่านใจหมดเปลือกยาหยีชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพึมพำเบาๆ“ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยเอง…”ในครัวนั้น เดย์ตันจัดการทุกอย่างอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงน้ำไหล เสียงหั่นผัก และเสียงกระทะร้อนที่กำลังผัดข้าวกับไข่และหมูบด เขาไม่ใช่คนพูดมากอยู่
บทที่ 15 เคยไว้ใจหลังจากเหตุการณ์ที่บ้านยาหยี เดย์ตันไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่มเติม เขาแค่ขับรถพายาหยีไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งอย่างเงียบๆ ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ยาหยีบอกว่าอยากซื้อของใช้ส่วนตัวและดูของสำหรับเด็กบางอย่างที่เธอยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้อะไรบ้าง พอได้มาเดินอยู่ท่ามกลางแสงไฟร้านค้าและเสียงคนพลุกพล่าน เธอก็เหมือนได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเดย์ตันเดินอยู่ข้างเธอ มือหนึ่งถือถุงของ ส่วนอีกมือก็แอบเผลอล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างประหม่า เขาไม่ใช่คนที่ถนัดการเดินชอปปิงตามห้าง แต่เขาเต็มใจทำมันเพราะอยากอยู่ดูเธอ…และเพราะลูก“อันนี้น่ารักไหม?” ยาหยีชูผ้าห่อตัวลายน้องเป็ดขึ้นมาให้เขาดู“ก็น่ารัก” เขาตอบเสียงเรียบ แต่พอเห็นว่าเธอกำลังจะวางคืนก็รีบพูดต่อ “ถ้าชอบก็ซื้อไว้เลย เดี๋ยวฉันจ่ายเอง”ยาหยีมองเขาแวบหนึ่ง ริมฝีปากขยับเหมือนจะเถียง แต่สุดท้ายก็เงียบ และใส่มันลงในตะกร้า แล้วทันใดนั้นเสียงใสเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“เดย์ตัน?”เขาชะงัก หันกลับไปตามเสียง และพบกับผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเดรสรัดรูปสีแดง เธอแต่งหน้าเป๊ะ ผมหยิกเป็นลอนดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า“ริต้า?” เขาพูดชื่อเธอช้าๆ สีหน้าไม่แป