"ครับบอส อะ.. เอิ่ม.. มีอะไรรึเปล่าครับ?"
น้ำเสียงเบอร์แบโต้ฟังดูตะกุกตะกักอย่างชัดเจน เขารีบยัดแบงค์ใส่คืนลงไปในกระเป๋า พลางหันหลังกลับไปเช็คบานประตูว่าเอ็มม่าผลักสวนออกมารึเปล่า
.
"เปล่าหรอก.. แค่จะถามว่าคุณออกไปจากตึกรึยัง ภารกิจที่ให้ทำอ่ะถึงไหนแล้ว?"
.
"อ๊อ! ผมยังอยู่ชั้น 3 หน้าแผนกการเงินอยู่เลยครับบอส งานนี้งานยากต้องใช้เงินเยอะ แต่บอสไม่ต้องห่วงไปหรอกนะครับผมทำได้แน่ เสร็จเรื่องทางนี้จะดำเนินการให้ทันทีเลย"
.
วัวสันหลังหวะถอนหายใจพรูด้วยความโล่งอก เขากลัวเหลือเกินว่าเรื่องราวเมื่อครู่จะถูกบันทึกไว้ได้ด้วยกล้องวงจรปิด ที่ลิงค์กันไว้เป็นเครือข่ายเดียวกัน
.
"ฮู้ววว.. แรงสะเทือนคงทำให้กล้องหน้าตู้เซฟพังสินะ โชคดีไปเรา..!"
หลับตาลงคิดในใจก่อนจะได้ยินเสียงประมุขแห่งองกรค์เริ่มพูดต่อ
.
"ให้มันได้อย่างงี้สิลูกน้องฉัน! แต่ละคนขี้โม้ชะมัดชั่วโมงก่อนปิเก้ก็บอกแบบนี้เหมือนกัน แล้วตอนนี้เป็นไง!? หายหัว! ติดต่อก็ไม่ได้! ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้เจฟเฟอร์เขาช่วยอีกแรงนะ บอสทุ่มไม่อั้นไม่ต้องกังวลเรื่องค่าตอบแทน ก็อย่างที่เธอบอกแหละเบอร์แบโต้ บอสเข้าใจว่างานนี้มันยากจริง ๆ "
.
"กรุ๊บ! ตุ๊ด ๆ ตุ๊ด ๆ ตุ๊ด! "
.
แล้วสายก็ตัดไปเท่านั้น เบอร์แบโต้ที่ผิวหน้าออกดำ ๆ แทน ๆ อยู่แล้วยิ่งถอดสีลงกว่าเก่า เขาเหลือบสายตามองขึ้นไปข้างบนตรงฝ้าเพดานที่สั่นระรัว
.
"บางทีบอสก็ไว้ใจพี่แกมากเกินไปมั้งครับ เพราะจนป่านนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าพี่เจฟเฟอร์แกกำลังเผชิญอยู่กับอะไรบ้าง! เฮ้อ..!"
"เอาวะ! นับเงินต่อ! ถึงไหนแล้วเมื่อกี้ ห้า! หก! เจ็ด! แปด! เก้า! สิบ! สิบเอ็ด! สิบสอง! สิบสาม!.."
.
จ้วงเท้าออกเดินโทง ๆ พลางนับฟ่อนธนบัตรในมือไปด้วย เบอร์แบโต้เดินลงบนไดไปทีละขั้น ๆ จนกระทั่งโผล่พรวดออกมานอกอาคารโดยไม่ทันตั้งตัว
.
"ชิบหาย! ดันนับเพลินไปหน่อย! แต่นับแค่แบงค์ก็ได้ตั้ง 5 พันเหริยญแหนะ นี่ขนาดยังไม่นับเหรียญทองเลยนะถือว่าคุ้มอยู่ ลองเป็นอีหรอบนี้บาร์โค้ดนี่ก็คงไม่ต้องใช้แล้ว"
เขาพลิกท้องแขนข้างที่มีบาร์โค้ดหงายขึ้นมา พลันวางมืออีกข้างลูบลงไปอยู่พักหนึ่ง แป๊บเดียวมันก็จางหายกลืนไปกับผิวหนัง จากนั้นเจ้าตัวถึงได้เดินข้ามฟากถนนมายังร้านกาแฟที่อยู่ฟากตรงข้าม
.
.
บรรยากาศสุดแสนละมุนฉ่ำความโรแมนติก แม้จะเป็นช่วงเย็นใกล้ค่ำแต่เจ้าของร้านแกก็ยังเปิดไฟสีนวลค้างไว้ตลอด ประกอบกับกลิ่นเมล็ดกาแฟคั่วที่หอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ ยิ่งทำให้ใครต่อใครแวะเวียนเข้ามาใช้บริการอย่างไม่ขาดสาย
.
"ยอร์คชินคอฟฟี่สวัสดีครับ! เอ้าพ่อหนุ่มร้านดอกไม้นี่นาวันนี้รับอะไรดี"
.
"เหมือนเดิม!"
เบอร์แบโต้ตอบห้วน ไม่มองหน้าคุณลุงเจ้าของร้านใจดีที่อยู่หลังเคาท์เตอร์ด้วยซ้ำ
.
แต่ทว่า!
.
"ตุ๊ด ๆ ๆ ๆ ตืด ๆ ๆ ๆ "
เพียงเสี้ยววินาทีหลังจากได้ยินคำสั่งออเดอร์ ใบหน้าของเจ้าของร้านก็รูดปื๊ด ๆ หมุนเลื่อนลงติ้ว ๆ ราวกับตู้สล็อตแมชชิน มันเปลี่ยนจากหูตาจมูกปากไปเป็นภาพเมนูกาแฟต่าง ๆ ที่หมุนครืด ๆ ด้วยความรวดเร็วก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ , ติ๊ง!
.
"คาปูชิโน่แก้วใหญ่หวานน้อย.. กินนี่ ถูกต้องไหมครับ?"
.
"อืม.. ถูก จำเก่งดีเหมือนกันนี่เจ้าหุ่น"
เบอร์แบโต้หันมามองหน้าจอที่ต่อพ้นจากส่วนคอขึ้นมา ก่อนจะใช้สายตาคู่เดิมดวงนั้นมองหาโต๊ะว่าง ๆ กับมุมสงบ เพราะในขณะนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนในนี้ก็มีแต่หุ่นยนต์เต็มไปหมดเลย พวกมันมีบทบาทมากกว่ามนุษย์ไปแล้วในยุคปัจจุบัน ทั้งในภาคแรงงาน การเกษตร และเทคโนโลยี แม้รูปลักษณ์จะอัปลักษณ์ไปบ้าง แต่ส่ิงที่พวกมันทำได้ก็ถือว่าทดแทนการจากไปของคน ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 4 ได้หมด โดยเฉพาะในส่วนของงานบริการ
.
"มองหาโต๊ะอยู่เหรอครับ?"
เจ้าหุ่นเจ้าของร้านถาม ในขณะที่หน้าจอหมุนติ้ว ๆ กลับมาเป็นใบหน้าคนตามปกติ
.
"ก็ใช่น่ะสิ.. ฉันไม่มีวันไปนั่งโต๊ะร่วมกับพวกหุ่นกระป๋องหรอกนะบอกไว้ก่อน เหม็นน้ำมันเครื่อง!"
.
"........"
ไม่ได้เงีียบเพราะว่าโกรธ แต่เพราะเจ้าหุ่นเจ้าของร้านกำลังแงะเอาแป้นพิ้มพ์ตรงหน้าท้องออกมา มันพิมพ์คำสั่งกร๊อกแกร๊ก ๆ ด้วยความคล่องแคล่ว สักพักโต๊ะตัวหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าสุดติดกับกระจกหน้าร้านก็เรืองแสงขึ้น
.
"ว้าว! มีอยู่โต๊ะหนึ่งพอดีเลย เชิญพ่อหนุ่มไปนั่งรอที่นั่นก่อน"
.
"ได้ไงกันเล่า! ไม่เห็นรึไงว่ามันมีคนนั่งอยู่ ฉันจะไปนั่งกับเขาได้ยังไง?"
.
หุ่นอ้วนร้านกาแฟหยุดนิ่งประมวลผล คราวนี้ใบหน้ามันเลือนหายไปแล้วปรากฏเป็นหลอด Now Loading.. ขึ้นมา กระทั่งโหลดเต็มจึงพูดเสริมออกมาว่า
.
"เอ๋.. ก็คิดว่ามาด้วยกันซะอีก นั่นน่ะแม่สาวร้านดอกไม้หรือพ่อหนุ่มจำเธอไม่ได้ ยังไงซะถ้าไม่ยอมแชร์โต๊ะด้วยกันในร้านนี้ก็ไมมีที่ให้มนุษย์อย่างคุณแล้ว"
.
"เวรกรรม! แต่ก็จริง! นั่นมันแคทเธอรีนร้านดอกไม้นี่หว่า ขอบใจมากเจ้าหุ่นอย่าลืมเอาคาปูมาเสิร์ฟฉันด้วยล่ะ"
.
"ตุ๊ด! ๆ ๆ รับทราบ!"
.
หลังจากสนทนาภาษาหุ่นยนต์กันเสร็จ เบอร์แบโต้ก็ได้เดินมาที่โต๊ะของแคทเธอรีนที่กำลังจิบกาแฟและเหม่อลอยออกไปนอกบานกระจก เหลือเชื่อที่เจ้าหล่อนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าพื้นผิวบนโต๊ะตัวเองกำลังเรืองแสงเจิดจ้าอยู่
.
"เฮ้! แคท!"
เบอร์แบโต้ทักขึ้นก่อน ด้วยความที่พวกเขานั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน จึงไม่ต้องวางฟอร์มใส่กันมากเหมือนตอนคุยกับคนอื่น
.
"อุ๊ย! ไอ้ดำโต้! ฉันตกใจหมดมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง แล้วนี่อะไรถือสิทธิ์อะไรมาแชร์โต๊ะกับฉันยะ!"
.
"ก็ลุงแอนดรอยน์เจ้าของร้านแกเลือกให้นี่ ฉันไม่ได้อยากนั่งกับเธอสักหน่อย"
พอจุ่มก้นลงกับเก้าอี้ได้ แสงสว่างจากพื้นผิวบนโต๊ะก็ค่อย ๆ เลือนลางลงจนกลายเป็นโต๊ะปกติ
.
"อี๋..! แล้วนี่เนื้อตัวแกไปโดนอะไรมา ทำไมมีแต่รอยแผลฟกช้ำกับรอยอะไรอ่ะ? แดง ๆ ตรงคอ? แหวะอย่างกับรอยดูดอ่ะ.. นี่อย่าบอกนะว่าแกไอ้โต้!"
"ใช่ ๆ ไหม? กับน้องบ้าน ๆ ที่แกแปรสภาพออกมาได้ แกไปล่วงละเมิดน้องเขาใช่ไหม!?"
.
"เฮ๊ย! เปล่าไม่มีอะไร ลดนิ้วลงได้แล้วชี้หน้ากันอย่างกับจะจับผิดแหนะ ไม่มีไรหรอกฉันเพิ่งไปรับงานใหม่จากบอสมา แล้วก็แวะไปแช่น้ำร้อน แผลตอนออกไปทำงานก็เลยเด่นชัดขึ้นเฉย ๆ "
"ว่าแต่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วแกดูอะไรอยู่หรอแคท? แล้วนี่ไม่เฝ้าหน้าร้านรึยังไง?"
ชายหนุ่มพยายามเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง เพราะกลัวว่าถ้าโดนซักหนักเข้าความลับสุดอื้อฉาวที่ปกปิดไว้จะแตก
.
"พักเบรคย่ะ! พักประจำชั่วโมงอ่ะเคยได้ยินไหม แล้วฉันก็แขวนป้ายตรงลูกบิดประตูบอกลูกค้าไว้แล้วด้วย แกเดินออกมาไม่ลืมตาดูรึไง?"
.
เบอร์แบโต้มุ่ยหน้ามองบนพลันยักไหล่ขึ้นสองที ในทำนองว่าใครมันจะสน! ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่กาแฟคาปูชิโน่ร้อนที่สั่งไว้ได้ตรงดิ่งเข้ามาเสิร์ฟ
.
"โอ๊ะ! ออเดอร์ฉันมาแล้ว ชิ่ว ๆ ถอยไปอย่าบังจะดู!"
.
มือหนาปัดป่ายไปมาเพื่อเขี่ยท่อนแขนของแคทเธอรีนลงไปจากโต๊ะ แล้วในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นก็เกิดวงแสงสีฟ้าทรงกลมขึ้นมาบนโต๊ะวงหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่านี่คือการเสิร์ฟอาหารของคน ค.ศ. นี้ เพราะโลกแม่งไม่ค่อยจะมีคน จึงไม่มีการใช้บริกรหรือเด็กเสิร์ฟประคองถาดอาหารมาวางตามโต๊ะอีกต่อไป แก้วกาแฟควันโขมงค่อย ๆ หมุนติ้ว ๆ โผล่พ้นผิวโต๊ะขึ้นมาจากด้านล่าง ตามติดมาด้วยโถน้ำตาล แล้วก็ผ้าเช็ดปากที่หมุนติ้ว ๆ เคลื่อนขึ้นมาราวกับโผล่ออกมาจากต่างมิติ พอทุกอย่างอยู่บนโต๊ะจนครบปุ๊บ! แสงสีฟ้าสว่างเป็นวง ๆ เหล่านั้นก็หายแว๊บไป
.
"ไอ้บ้านนอก! แค่นี้ก็ไม่เคยเห็น แล้วดูของที่สั่งดิมีปัญญาจ่ายเหรอกาแฟร้านยอร์คชินอ่ะแก้วเป็นพันดอลล่าเชียวนะยะ! ลำพังของที่แก Drain มาได้มันจะแปรสภาพออกมาได้สักกี่ตังค์เชียว"
.
"เดี๋ยวตบฟันร่วง! เห็นว่าเป็นผู้หญิงเฉย ๆ หรอกนะยัยแคท เออน่ะ! ฉันมีปัญญาจ่ายล่ะกันจ่ายเผื่อส่วนของแกด้วยก็ยังได้"
.
"จะอวดรวยว่างั้น!?"
.
"เออสิ?"
.
"แล้วไปได้เงินมาจากไหนล่ะ?"
.
"ไม่บอก! (ขืนบอกไปก็ซวยสิ) แกต่างหากแคทที่ต้องบอกฉัน ว่าเมื่อกี้แกเหม่อลอยอะไร?"
.
เด็กสาวแคทเธอรีนละสายตาออกจากดวงหน้าของเบอร์แบโต้ เธอหันย้อนกลับไปยังตึกสูง 7 ชั้นของอาคาร Parallel พลางซดกาแฟไปหนึ่งจิบ
.
"คิดถึงพี่เจฟเฟอร์น่ะ เจอกับพี่เขาครั้งล่าสุดอาการแกแย่มาก ขึ้นไปหาหมอตั้งนานแล้วป่านนี้ยังไม่กลับลงมาเลย"
.
"เออฉันก็เหมือนกันบอสโทรมากำชับกับฉันว่าภารกิจใหม่ค่อนข้างยาก ให้ฉันดับเบิ้ลทีมกับพี่เจฟเฟอร์ ก็เลยมานั่งดักรอแกที่ร้านกาแฟยอร์คชินเหมือนกันนี่แหละ"
.
"แกจะเป็นยังไงบ้างน้อ!?"
.
เบอร์แบโต้ยกแก้วกาแฟขึ้นซดเฉกเช่นแคทเธอรีน ด้วยรสชาติสุดเข้มข้นหวานมัน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ชายที่รักของพวกเขานั้น จะกำลังชิมรสนี้อยู่รึเปล่า?
ร่างเปลือยนอนชูขาอ่อนล้าเรี่ยวแรง นาตาชาไม่เหลือแม้แต่กำลังจะดีดดิ้นพลิกตัวหลบหนีจากการย่ำยีทางเพศ เอาจริง ๆ แล้วหล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกมันเป็นตัวอะไร เพราะเสื้อเกาะอกที่เคยอำพรางพวงเต้าให้อูมกระชับได้รูปนั้น บัดนี้ก็ได้ถูกถลกขึ้นมาปิดตาเอาไว้จนมองอะไรไม่เห็นซะแล้ว สิ่งเดียวที่สาวเจ้ารับรู้จึงมีเพียงสัมผัสอันแปลกประหลาด ที่สากราวกับกระดาษทราย.อย่าเรียกว่าไซ้เพราะแม่งคือการแสครชเห็น ๆ นาตาชาแสบซอกคอไปหมด หลังจากโดนโรบอทตัวหนึ่งดอมดมด้วยความรุนแรง เสียงอืดดด.. อ๊าดดด กึกกัก ๆ ๆ ที่มันเปล่งออกมา ประดุจว่าแม่เทพธิดากำลังจะได้ผัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร รับประกันได้เลยมันจะไม่แค่ "ก็อป" เพราะมันจะ "ปี้" เธอแน่ ๆ หากยังยอมนอนให้กดอยู่เช่นนี้."อ๊อย! เจ็บจังเลย.. อื้อ! อื้อ! ขยับตัวก็ไม่ได้! อย่านะ อย่าทำแบบนั้นตรงหูมัน.. อร๊อยยย~!".ธิดาแห่งอลาลัสผู้โฉมหน้าคร่าตาคล้ายกับเทย์เลอร์ สวิฟต์ เบี่ยงหน้าหลบแบบสุดแรงเกิด แม้จะทำได้เพียงน้อยนิดแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้จุดที่เสียวที่สุดถูกไอ้หุ่นสนิมเขรอะตัวนี้ล่วงล้ำเอาชัย แพรผมสีบลอนด์ทองถึงกับแตกกระพือ มันคลี่ตัวออกคลุกกับเศษดินขุยขยะจนไม่เหลือเค้า
"หยุดตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้วางกำลังล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว!".เห็นจะจริงถ้าหากว่านี่เป็นหนังไทยสมัย "จารุณี" แสดงเป็นพจมาน ตรงกันข้ามเมื่อประโยคแสนเชยดังกล่าวคงจะใช้กับสถานการณ์จริงที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ไม่ได้ ตำรวจห่าเหวอะไรล่ะ มองไปทางไหนก็มีแต่ซอมบี้เชียงกงล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เต็มไปหมด เจฟเฟอร์กับกลุ่มคนใช้่มีดคงสุดจะต้านทานแล้ว สังเกตได้จากการถอยร่นเอาหลังพิงกันทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มิหนำซ้ำกางเกงผ้ายืดเจ้ากรรมก็ดันมาพันควยพันหำจนเกือบจะล้มคะมำเสียหลัก."โอ๊ย! เอ๊ย! อุ๊ย! เดี๋ยวก่อนเซ้! อย่าเพิ่งกูยังไม่พร้อม อย่าเพิ่งบุกเข้ามาตอนนี้ไอ้พวกหุ่นสารเลว!"สายลับหนุ่มขึ้นเสียงพลางกระโดดเหยง ๆ เซถลาออกจากตำแหน่ง สีข้างเขาครูดเข้ากับเศษตัวถังยานที่ลักพาตัวองค์หญิงนาตาชามา โดยสันนิษฐานคร่าว ๆ ได้ว่า ยานลำนี้น่าจะโดนยิงร่วงก่อนหน้า Gravitybike ของเขาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะไอร้อนจากเครื่องยนต์ยังคงอุ่น ๆ อยู่ ทำให้เจฟเฟอร์เกิดปิ้งไอเดียบางอย่างขึ้นมา ก่อนจะหลุบสายตาลงมามองลำควยกับลำขาทีี่พันกันอิรุงตุงนังของตนเอง แล้วก็บ่นขมุบขมิบ."ชิ! ไอ้ควยระยำนี่ก็ช่างแข็งถึกแข็งทนเหลือเ
สอดท่อนแขนอันกำยำเข้าโอบเอว ตวัดดึงเอาร่างอันผอมเพรียวเข้ามาแนบไว้ในวงแขน พลันกระโดดม้วนตัวเอาส่วนหนารับกงเล็บของเครื่องจักรสังหาร!."เอือกกก!"เจฟเฟอร์ร้องอุทานลั่น เขากัดฟันเม้มมุมปากในเสี้ยววินาทีต่อมาเมื่อพบว่าองค์หญิงนาตาชากำลังจ้องมองอยู่ หน้าตาเธอบิดเบี้ยวขยะแขยง หัวคิ้วลู่เข้าหากันก่อนจะกลั้นใจซุกหน้าคมสวยที่คล้ายกับเทรเลอร์สวิฟ ลงมาซบเข้าที่ซอกคอของเจฟเฟอร์."ไม่ต้องกลัวนะครับผมมาช่วย ผมเป็นสุภาพบุรุษ ผมเกิดมาเพื่อคุณ""เอื้อกกก! อื้อหือ! อื้อออ! อ๊าาา!".แม่งแสบหลังก็แสบแต่แสบหูมากกว่าที่ต้องมาฟังอะไรแบบนี้ ระหว่างที่เจฟเฟอร์ได้ใช้ความพยายามในการปกป้ององค์หญิงอย่างเต็มความสามารถ พวกจักรกลซอมบี้ก็ทำอะไรองค์หญิงไม่ได้เลย มันทำได้เพียงตะปบกรงเล็บใส่หลังเขาแบบโหมกระหน่ำ และช่่วงเวลาที่เกร็งตัวป้องกันอยู่นั้น จู่ ๆ ริมฝีปากของนาตาชาก็ได้เผยอขึ้นเครือครางขมุบขมิบ เข้าใจว่าเธอคงจะกลัวมาก ยิ่งเป็นตอนที่เธอเผลอซีดปากและพ่นลมหายใจออกมา ยิ่งทำให้อารมณ์กำหนัดของเจฟเฟอร์พลุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น."กอดผมเอาไว้ครับ ผมจะไม่ให้องค์หญิงเป็นอะไรผมสัญญา"."อือ.. อืม.. แต่คุณคะ! ขืนเป็นแบบนี้".
ลมโชยโบยแก้มเจฟเฟอร์บึ่ง Gravitybike ทะยานฟ้าจนหนังหน้าชาไปเป็นแถบ ริมฝีปากเผยอตีนผมโบกพัดวือกระพือเสียทรง ให้ตายสิเขาทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นบอร์ดี้การ์ดของเธอยังไงยังงั้น ทั้งที่ความจริงแล้วดวงหน้าขององค์หญิงนาตาชาแบบใกล้ ๆ เขายังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง เจฟเฟอร์รู้แต่เพียงว่าเธอคือภารกิจ ขืนปล่อยให้รัชทายาทแห่งอลาลัสองค์นี้เป็นอะไรไป ข้อมูลการประชุมที่บอสอยากได้ก็คงจะล้มเหลว.มองไปตรง ๆ เห็นแต่ความสยดสยองบนท้องฟ้า ก้มลงด้านล่างก็เห็นแต่ตึกรามบ้านช่องที่เล็กเท่ากับจิ๋มมดในเมืองยอร์คชิน กระทั่งลองมองที่หน้าปัดยานความซวยจึงบังเกิด."เชี้ยแล้ว! ไอ้สัดเอ๊ย! นี่จะขับพ้นขอบชายแดนแล้วเหรอวะเนี่ยะตั้งแต่เมื่อไหร่กัน""ตาย ๆ ๆ แคทเธอรีนไม่ได้เตรียมอาวุธใส่ Gravitybike มาซะด้วย ไหนจะพิกัดขององค์หญิงที่หายไปจากหน้าจออีก เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลยงานงอกแล้วไงกู!".โปรดอย่าสงสัยว่าทำไมเจฟเฟอร์ถึงออกอาการลนลานแปลก ๆ เพราะแม้ว่าในตัวเขานั้นจะเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำลายล้างมากมาย แต่ก็ยังเทียบไม่ได้อยู่ดีกับไอ้พวกที่อยู่ด้านล่าง เราพูดมาตลอดว่ายอร์คชินคือเมืองที่เปรียบเสมือนฐานที่มั่นสุดท้ายของโลก หลังเกิดส
แสงสว่างสองหย่อมเปล่งประกายออกมาตรงบริเวณแก้มก้น ภายใต้ชุดหนังรัดรูปอันเป็นเอกลักษณ์ของทีมงาน Parallel เจฟเฟอร์รับรู้ได้ถึงพลังงานความร้อนที่กำลังโรมรันผิวตูดของเขา มันอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ จนค่อนไปทางร้อน กระทั่งเจ้าตัวย่อขาลงแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างลงไปตะปบไว้นั่นแหละมันถึงได้หยุด! ก่อนจะได้ออกมาเป็นแผ่นกระดานบางใส 2 แผ่นที่เรียกว่า "Jumper board".ขนาดกับรูปร่างเหมือนกับจานร่อนพลาสติกที่คนรักหมาใช้ปาให้เจ้าตูบกระโดดงับ ต่างกันนิดตรงที่ "Jumper board" นั้นอยู่ในรูปของคลื่นพลังงานมากกว่า มันเรืองแสงตลอดเวลา บางเบาแต่แข็งแกร่ง มิหนำซ้ำบริเวณด้านล่างยังมองเห็นประกายไฟสปาร์คเป็นเส้น ๆ ราวกับสายฟ้าจากค้อนโยเนียร์ของธอร์เทพเจ้า."เอาล่ะพอถือไว้ในมือแล้วจากนั้นก็.. , ฮึบ!"."พลั๊ว! , พลั๊ว! , พลั๊ว!""ฟิ้ววววว~!".ประหนึ่งเคยได้เสียกับจาพนมมาก่อน เจฟเฟอร์ตีลังกาใส่เกลียวพลันปาเจ้าแผ่น jumper board ออกไปกลางอากาศ! ม้วนตัวทีก็ปาไปอันนึง หกคะเมนหกรอบก็ปาออกไปหกแผ่น มันแทบจะวาร์ปขึ้นมาบนก้นได้เองในทุก ๆ ครั้งที่เขาไพล่มือไปสัมผัสโดนเข้า แผ่นบอร์ดพุ่งแหวกอากากาศฟึบฟับ ๆ ๆ ! คล้ายกับดาวกระจาย ก่อ
รังสีอำมหิตแผ่ซ่านสยายไกลมาถึงคนนอก เบอร์แบโต้กับเจฟเฟอร์ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ รับรู้ได้เลยว่าปิเก้กำลังแบกรับความกดดันอยู่มากแค่ไหน พวกเขาเหงื่อแตกซิก หายใจติด ๆ ขัด ๆ ไม่อยากจะคิดว่านี่จะเป็นเรื่องจริง เพราะความจริงแล้วถ้าเขาไม่มัวเถลไถลหาแขนข้างใหม่อยู่ เหตุการณ์สุดสยองทำนองนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นกับปิเก้เป็นแน่."เชี้ยเอ๊ย! ถ้ากูใส่เกียร์หมาเร่งกระเด้าเย็ดผู้หญิงให้แตกเร็วกว่านี้นะมึงเอ๊ย ไอ้ปิเก้มึงคงไม่ตายกูพูดจริง ๆ กูขอโทษเพื่อน"ส่ายหน้าไปมาปลดปลง จนเจฟเฟอร์ลืมไปเลยว่าทุกอย่างที่ฉายอยู่นั้นพุ่งออกมาจากตาของเขา."เฮ๊ย! พี่เจฟ! ใจเย็นก่อนพี่! เส้นโฮโลแกรมมันแตกกระจายหมดแล้ว ผมเวียนหัวดูไม่ออกเลยว่าอะไรเป็นอะไร แล้วพี่ก็อย่าโทษตัวเองไปเลย ความเสียใจของพี่ผมสิต้องเป็นคนแบกรับเอาไว้ ผมน่ะรับงานโดยตรงมาจากบอสเลยนะ"เบอร์แบโต้พยายามพูดปลอบใจ แล้วทันใดนั้นเองภาพเหตุการณ์จากเครื่องฉายในม่านตาก็กลับมาชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เส้นลำแสงวูบไหวไปจังหวะหนึ่ง ตัดกลับมาหนนี้เจฟเฟอร์สังเกตเห็นเลยว่า ขณะนั่งคุกเข่าอยู่และกำลังจะถูกบ่วงเชือกไนล่อนกระชากคอขึ้นไป ปลายนิ้วชี้ของปิเก้ได้หักมุมลงมาแล้ว เขาเตร