ไหลพรืด ๆ อย่างกับบันไดเลื่อน ร่างอันอิดโรยของเจฟเฟอร์ไม่อาจต่อต้านเพราะดันเสร่อฝังตัวเองไว้ในทราย เป็นกรรมหรือความโง่ก็ไม่รู้แต่ที่รู้คือเจฟเฟอร์แม่งไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ชัวร์ ๆ ตัวเขาลอยปลิวไปพร้อมกับทราย โดยมีพิกัดเป้าหมายอยู่ที่อุ้งตีนของเจ้าแซนดี้
.
"อั๊ก! โอ๊ก! อั๊ก! แค็ก ๆ ใครจะไปรู้ว่ะว่ามันทำแบบนี้ได้ด้วย.. อั๊กกก! อึกกก!"
.
"อุตส่าห์คิดว่าหลบพ้นแล้วแท้ ๆ ที่ไหนได้ดันโดนดึงเข้าไปหา อ๊วกกก! อั๊กกก! ตายห่าแน่กู!"
.
หลับตาปี๋พลางรอจังหวะสูดลมหายใจเข้าเป็นระยะ ร่างหนาของเจ้าหน้าที่หนุ่มดำผุดดำว่ายจอมจมอยู่ในกระแสธารแห่งชะตากรรม เขาคาดเดาไม่ได้ว่าแต่นี้ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เพราะลำพังแค่ประคองตัวไม่ให้สำลักทรายตายไปซะก่อนก็บุญแค่ไหนแล้ว
.
บางทีสาเหตุของเรื่องอาจเป็นเพราะเจ้าตัวนั้นชะล่าใจเกินไป ก่อนหน้านี้ตอนที่เจฟเฟอร์เพิ่งจะกลบทรายฝังตัวเองใหม่ ๆ เขาก็เอะใจอยู่แล้วเชียวว่าเจ้ายักษ์แซนดี้มันมีท่าทีแปลก ๆ เขาคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่ามันคงจะหาเขาไม่เจอ ก็เลยถอดใจก้มหน้าก้มตาเงินงกพลางเอาแขนจุ่มลงไปในพื้นทรายคล้ายกับว่าจะยอมแพ้
แต่ที่ไหนได้เจฟเฟอร์ดันคิดผิด! เพราะชั่วพริบตาหลังจากที่เจ้ายักษ์ทำท่าดังกล่าว บรรดาเม็ดทรายที่เคยปกคลุมตัวเขาเอาไว้อย่างมิดชิดก็เริ่มสั่นระริกถี่รัว พวกมันลอยขึ้นกลางอากาศอย่างช้า ๆ ทีละนิด ๆ ซึ่งเป็นอะไรที่แตกต่างกับบริเวณที่แซนดี้ยืนอยู่อย่างสิ้นเชิง ตรงไหนใกล้ตัวมันนะโอ้เจ้าพ่อคุณเอ๊ย! อย่างกับโดนส่องด้วยสไนเปอร์ไรเฟิลจากมุมสูง ผิวดินนี่เหมือนโดนสูบเป็นหลุม ๆ ฟืบ! ฟืบ! ซ๊วบ! ซึบบบ! แหว่งเป็นวง ๆ ยวบหายไปต่อหน้าต่อตา แถมยังขยายอาณาเขตโจมตีกว้างขวางออกมาเรื่อย ๆ
.
ใจดีสู้เสือคือสิ่งที่เจฟเฟอร์เลือกทำ เขากัดกรามแน่นแยกเขี้ยวเฝ้าภาวนาให้รัศมีการทำลายล้างที่เห็นอยู่ตรงหน้าแทรกตัวมาไม่ถึง เพราะจากสถานการณ์ตรงนี้ ถ้านับเฉพาะปริมาณทรายเพียงเล็กน้อยที่ลอยขึ้นไปกลางอากาศแล้วล่ะก็ ต่อให้ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเรือนร่างที่โคตรจะหมดสภาพกับท่าหมอบตัวที่คล้ายกับหมาขี้เรื้อนนี้ก็ไม่มีทางถูกเปิดเผย
.
"เราแค่ต้องอดทนสักหน่อย.. พอมันเลิกบ้าแล้วเดี๋ยวมันก็ไปคอยดูสิ.. ชู่วววววว!"
.
ซึ่งไม่ใช่เลยเพราะกลับกลายเป็นตัวเขาเองต่างหาก ที่ต้องเป็นฝ่ายไป! ไปจมอยู่ใต้ฝ่าตีนของเจ้าอสูรกายทรายแซนดี้!
.
"เฮ่ย! เฮ่ย! เฮ๊ย! ไม่นะ! ทำไมมันไหลไปเองแบบนี้ล่ะ ไอ้สาาดดด! อุ๊บบบ.. อ้ำ.. อ่มอักกก.. อั๊กกก.."
.
"ฮึบ! เฮ้อ! แฮก ๆ แฮก ๆ กูจะจมแล้ว! อ๊าากกก! ได้โปรดหยุดมัน.. อุ๊บบบ.. อ้ำ.. อ่มม"
.
"#^*#*$#($#*(**())(#*$##$# !!!"
.
ประโยคสุดท้ายแทบฟังไม่เป็นภาษา เพราะการฝังมือลงไปในทรายน่ะแท้ที่จริงก็คือท่วงท่าสำหรับการบังคับทรายทั้งหมดในดินแดนแห่งนี้ เจ้ายักษ์บิ๊กเบิ้มอาจต้องใช้เวลาอยู่สักพัก เพื่อแสกนหาตัวเหยื่อยที่ทะลึ่งซ่อนตัวอยู่ในทราย แต่พอเจอเท่านั้นแหละ! แป๊บเดียวก็เรียบร้อย!
.
เอ็ฟเฟ็คต่าง ๆ หยุดทำงานไม่จำเป็นแล้วสำหรับสไนเปอร์ไรเฟิล พลังเวทย์ทรายต้านแรงโน้มถ่วงก็ไม่ต้องใช้ แซนดี้แค่เกร็งนิ้วหน่อยเดียวพื้นทรายรอบตัวเจฟเฟอร์ก็ไหลหลากตู๊มต๊าม! กลายเป็นน้ำป่าสาละวินแล้ว!
.
.
ฉะนั้นและฉะนี้จึงเป็นที่มาให้เขาตกอยู่ในสภาพดังกล่าว เจียนอยู่เจียนไปเต็มทีลำตัวนี่โดนบดโดนบี้จนนุ่มราวกับขนมเอแคร์ แล้วไส้ข้างในก็ไม่น่าจะเป็นครีมเดาว่าพอแบะออกมาคงมีแต่ทรายกับทรายล้วน ๆ ตาเขาปิดสนิทสลบไสลไม่ได้สติ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าพอถูกจับตัวได้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
.
"โครงงงงงง!!!" , "โครงงงงงง!!!"
.
วินาทีที่เจ้ายักษ์ทรายแซนดี้ช้อนเอาร่างอันแน่นิ่งมาถือไว้ในมือบ่งบอกซึ่งทุกสิ่ง เจฟเฟอร์จบเห่แน่เพราะเขาไม่วิธีการใดที่จะช่วยเหลือตัวเองได้เลย ไม่มีอาวุธ ไม่มีเรี่ยวแรง ปฏิภาณไหวพริบสัญชาตญาณทุกอย่างกลายเป็นศูนย์ ลำขาที่เคยแข็งแกร่งห้อยต่องแต่งไม่ติดพื้น แซนดี้ชูเขาสูงขึ้นสุดแขนก่อนที่ใบหน้าของมันจะค่อย ๆ เปลี่ยนรูป ลองจินตนาการถึงผีไข่ไร้หน้าในหนังผีเกาหลีดูสิ! ใช่แล้ว! ลักษณะของแซนดี้ในตอนนี้ใกล้เคียงกับแบบนั้นมาก ตากับจมูกหลอมละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกัน เหลือไว้แต่ปากที่อ้ากว้างกับขากรรไกรที่ถ่างออกจนสุดพื้นที่ของใบหน้า ไล่ตั้งแต่หน้าผากจรดปลายคาง ต่อด้วยการละลายทรายตรงท้ายทอยให้ย่นลงเล็กน้อย จะได้เชิดหน้าได้มากขึ้น
.
ด้วยความที่ตัวมันเป็นทรายจึงทำอะไรกับรูปร่างก็ได้ วินาทีนี้รูปลักษณ์ภายนอกของแซนดี้จึงกลายเป็นตัวอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ ไม่สามารถให้คำนิยามได้ว่ามันเหมือนตัวอะไร มันคล้ายกับปากปล่องภูเขาไฟที่มีแขนขา แล้วก็ทดแทนลาวาร้อน ๆ ข้างในด้วยฟันอันแหลมคม
.
"โครงงงงงง!!!"
.
การคำรามเที่ยวนี้ทำให้เจฟเฟอร์ตื่น เขาเผยอเปลือกตาขึ้นด้วยความตกใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าความตายจะอยู่ใกล้ตัวถึงเพียงนี้ ฝ่ามือทรายใหญ่หนาขนาดยักษ์บีบรัดเขาเอาไว้ จะบีบก็ตายจะคลายก็ตายอยู่ดี แต่แซนดี้ดันเลือกที่จะไม่ทำทั้งสองอย่าง ถ้ามันไม่ใช่ยักษ์โรคจิตมันก็คือยักษ์กวนตีนตนหนึ่ง เพราะสิ่งที่อสูรกายตนนี้ทำก็คือการละลายข้อมือของตัวเองทิ้งซะดื้อ ๆ !
.
"ฟืบบบบบ! แกร็กกกก!"
.
"แล้วมันต่างจากการปล่อยยังไงวะ! ไอ้สารเลววววว เหวออออออ! กูร่วงลงไปแล้ววววววว!!!"
เจฟเฟอร์ร้องลั่น แผดเสียงตะโกนสุดชีวิต
.
ลมปากตีพัดขึ้นมาตามแรงลม แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้เจฟเฟอร์ลอยขึ้นได้ เขายังคงร่วงลงไปตายด้วยความเร็วสูง ฟันทรายเป็นล้านซี่ ๆ เรียงตัวกันรออยู่ด้านล่างอย่างกับใบเลื่อย พวกมันคงเฉือนเนื้อเขาเป็นชิ้น ๆ ตั้งแต่เสี้ยววินาทีแรกที่หล่นลงไปสัมผัสโดน
.
"ถุย! ถุย! นี่แหน่ะมึง ถุย! ขากกกถุย!"
.
"อร๊ากกกกกกก! ถุย! ถุย!"
.
หมอยูมิโกะบอกว่ามันแพ้น้ำชายหนุ่มจำได้แม่น ในบริบทของการทิ่มหัวลงทิ้งดิ่งเช่นนี้อย่างเดียวที่เจ้าตัวพึงกระทำได้จึงมีเท่าที่เห็น ซ้ำร้ายที่ไม่ได้ผล! ขนาดเหงื่อยังกลายเป็นทรายผุดออกมาจากรุขุมขน แล้วน้ำลายจะไปเหลืออะไรก็เลยมีแต่ทรายทั้งนั้นที่พ่นออกมา
.
"ฟิ้วววว~!"
.
"นี่ชีวิตกูมาได้แค่นี้เองเหรอวะ.. สัดเอ๊ย! โคตรน่าสมเพช"
.
เจฟเฟอร์เริ่มปลงและถอดใจ เขาหลับตาลงนึกถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต พลางกางแขนออกเพื่อเปิดรับสัมผัสแห่งสายลมกรรโชกแรงที่ปลิวขึ้นมาปะทะร่าง ก่อนจะลืมตาขึ้นส่ายศีรษะ
.
"ภาพสุดท้ายในชีิวิตกู.. ชิ! แม่งเป็นริมฝีปากอุบาทว์ ๆ นี่น่ะเหรอ! อี๋! ทุเรศชะมัด!"
.
อีกไม่เกิน 10 วิ ทุกอย่างก็จบ ใกล้ขึ้น ๆ โมเลกุลทรายขนาดมหึมากำลังจะขย้ำเขาภายในเสี้ยวอึดใจ 9.. 8.. 7.. 6.. 5 เจฟเฟอร์ยกมือขึ้นปิดหูหลับตาปี๋กลั้นหายใจอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
.
แต่เขาไม่ยักตาย! ความบังเอิญที่ใส่หูฟังกลับด้านเอาไว้กลายเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิต!
.
"ติ๊ด!!!"
เสียงนิ้วชี้ที่แยงเข้าไปในรูหูสัมผัสเข้ากับปุ่มบนหูฟัง
.
พอเข้าสู่วินาทีที่ 5 กับระยะห่างประมาณ 10 เมตร พวกมันก็มาถึง!
.
"หึ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ .. หึ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ .. หึ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ .. "
.
กับตัวช่วยที่เจฟเฟอร์ไม่คิดไม่ฝันมาก่อน! มิหนำซ้ำปริมาณก็มากซะจนเต็มฟากฟ้าชนิดที่แม้แต่เจ้าของพื้นที่อย่างแซนดี้เอง ยังต้องตกตะลึง!
"จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!"."เฮืออออกกก!"."โคร่งงงงงง!!!".สโตคสุดท้ายมาพร้อมกับกงเล็บ ฝ่ามือทรายขนาดมหึมายักษาแยกออกเป็นแฉกบดบังดวงตะวันจนเกิดเงามืด มันกำลังจะตะปบลงมาใส่เจฟเฟอร์ ผู้ซึ่งบัดนี้ยังคงง่วนอยู่กับการรักษาแขนไม่จบไม่สิ้น."ไอ้หยา! ทำไมมันมาถึงเร็วจังวะ? แขนกูยังไม่เสร็จเลย เดี๋ยวดิ! อย่าเพิ่ง! อิ๊บก่อน!""ฮึบ!"."วืดดดดดดดด!".จั่วลมไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด! ลำตัวของแซนดี้แทบจะบิดเป็นเกลียวตามหลักฟิสิกส์โมเมนต์ตัม มันจึงรีบชักแขนกลับพลางรีบยืดช่วงล่างของตัวเองที่ฝังอยู่ใต้ทรายให้สูงขึ้นพ้นจากพื้น จนกลายเป็นอสูรกายบิ๊กเบิ้มในร่างเดิมแบบ Full version ตาต่อตาฟันต่อฟัน สองสิ่งมีชีวิตประจันหน้าเข้าหากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ."ฮู่ววว! เกือบหลบไม่พ้นไหมล่ะกู ถ้าไม่มีเจ้าแมลงพวกนี้ล่ะก็.. หึ่ย! ไม่อยากจะคิด!"."หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ "."รักษาระยะห่างเอาไว้อย่าเข้าไปใกล้มาก ลอยอยู่บนฟ้าให้เท้าพ้นจากพื้นแบบนี้แหละดีแล้ว ส่วนใครที่รักษาอยู่ก็ให้รีบเร่งมือเข้า!"เจฟเฟอร์คิดในใจ ฝั่งฝูงแมลงเองก็ลงมือทำตามอย่างว่าง่าย.ณ ขณะนี้ชายหนุ่มกำล
กระจัดกระจายจริง ๆ สมกับชื่อบท เพราะนอกจากจะบินเข้ามาโฉบเอาร่างของเจฟเฟอร์เอาไว้ไม่ให้หล่นลงไปตายแล้ว บนฟากฟ้ายังมีพวกมันอีกเป็นโขยง! ท้องฟ้าที่เคยสดใสแดดจัด ๆ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยฝูงแมลงวันเป็นล้าน ๆ ตัว."อะไรกัน! พวกแกอีกแล้วหรอ!"."หึ่ง ๆ ๆ ๆ หึ่ง ๆ ๆ ๆ "."ฮู้ววว! ไม่รู้ยังไงเหมื่อนกันแต่ก็ขอบใจนะที่อุตส่าห์มาช่วย พาฉันลงไปข้างล่างที".กลุ่มก้อนแมลงวันดำขลับเป็นขยุยกระจายตัวไปเกาะตามแขนขาแล้วก็เสื้อผ้า ก่อจจะค่อย ๆ ลดระดับความสูงลงเรื่อย ๆ ตามที่ได้รับคำสั่ง พร้อมกันนั้นไฟสีเขียวในหูฟังก็เริ่มกระพริบปิ๊บ ๆ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่หางตาของเจฟเฟอร์ดันชำเลืองไปเจอเข้า เขาก็เลยมีความคิดที่จะดึงมันออกมาเช็ดดู จะได้รู้ว่าเป็นเพราะเจ้านี่รึเปล่าที่เรียกพวกแมลงวันมา แต่ทว่ายังไม่ทันจะทำอะไรเลย! จู่ ๆ หมู่ภมรอีกกลุ่มซึ่งอยู่อีกด้านของฟากฟ้าก็ชิงตัดหน้าเขาซะงั้น! พวกมันบินโฉบลงมาเป็นก้อนสีดำขนาดเท่าลูกบาส พุ่งมาที่ใบหูแล้วก็ดึงเอาหูฟังออกให้.ซึ่งพอวัตถุเล็กจิ๋วนั่นถูกส่งถึงฝ่ามือเท่านั้นแหละ ความฉิบหายก็บังเกิดทันที! คุณพระคุณเจ้าเอ๊ย! หล่นกระแทกพื้นสิครับจะเหลือเหรอ."ฟึบบบ! ,
ไหลพรืด ๆ อย่างกับบันไดเลื่อน ร่างอันอิดโรยของเจฟเฟอร์ไม่อาจต่อต้านเพราะดันเสร่อฝังตัวเองไว้ในทราย เป็นกรรมหรือความโง่ก็ไม่รู้แต่ที่รู้คือเจฟเฟอร์แม่งไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ชัวร์ ๆ ตัวเขาลอยปลิวไปพร้อมกับทราย โดยมีพิกัดเป้าหมายอยู่ที่อุ้งตีนของเจ้าแซนดี้."อั๊ก! โอ๊ก! อั๊ก! แค็ก ๆ ใครจะไปรู้ว่ะว่ามันทำแบบนี้ได้ด้วย.. อั๊กกก! อึกกก!"."อุตส่าห์คิดว่าหลบพ้นแล้วแท้ ๆ ที่ไหนได้ดันโดนดึงเข้าไปหา อ๊วกกก! อั๊กกก! ตายห่าแน่กู!".หลับตาปี๋พลางรอจังหวะสูดลมหายใจเข้าเป็นระยะ ร่างหนาของเจ้าหน้าที่หนุ่มดำผุดดำว่ายจอมจมอยู่ในกระแสธารแห่งชะตากรรม เขาคาดเดาไม่ได้ว่าแต่นี้ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เพราะลำพังแค่ประคองตัวไม่ให้สำลักทรายตายไปซะก่อนก็บุญแค่ไหนแล้ว.บางทีสาเหตุของเรื่องอาจเป็นเพราะเจ้าตัวนั้นชะล่าใจเกินไป ก่อนหน้านี้ตอนที่เจฟเฟอร์เพิ่งจะกลบทรายฝังตัวเองใหม่ ๆ เขาก็เอะใจอยู่แล้วเชียวว่าเจ้ายักษ์แซนดี้มันมีท่าทีแปลก ๆ เขาคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่ามันคงจะหาเขาไม่เจอ ก็เลยถอดใจก้มหน้าก้มตาเงินงกพลางเอาแขนจุ่มลงไปในพื้นทรายคล้ายกับว่าจะยอมแพ้แต่ที่ไหนได้เจฟเฟอร์ดันคิดผิด! เพราะชั่วพริบตาหลังจา
"ไม่ทันแล้วหมอ มันฟาดลงมาแล้ว อร๊ากกกกก!!!".เจฟเฟอร์ร้องลั่นเขายกมือขึ้นค้ำแม้จะรู้ดีว่าเป็นดั่งไม้ซีกงัดไม้ซุง แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเพราะท่วงท่าแต๋วแตกดังกล่าวนั่นเองที่ทำให้เจ้าตัวยังคงมีชีวิตรอด เมื่อหมอยูมิโกะที่อยู่อีกฟากหนึ่งของปลายสายได้ใช้ปฏิิภาณไหวพริบตะโกนสวนออกไปว่า."Drain!!!"มันดังซะจนเจฟเฟอร์คิดว่าแก้วหูตัวเองคงแตก มันดังจนลอดผ่านหูฟังออกมาแล้วก็ไปรันเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ภายในของเจ้าหน้าที่ภาคสนาม.เพียงเสี้ยวอึดใจวินาทีที่ฝ่ามือทรายใหญ่เบิ้มกำลังจะบดขยี้ร่างอยู่รอมร่อ ฝ่ามือของเจฟเฟอร์ก็จมบุ๋มลงไปเป็นหลุม แล้วพลังลมดูดอันเชี่ยวกราดก็เริ่มทำงาน มันดูดเอาเม็ดทรายมากมายเข้ามาเก็บไว้ในตัว กระบวนการทุกอย่างเหมือนกับตอนที่เจฟเฟอร์ทำกับก้อนความคิดผู้คนเป๊ะ ๆ ฝ่ามือเขาดูดด๊วบ ๆ สูบเอาทรายเป็นตัน ๆ เข้ามา ส่งผลให้อวัยวะของเจ้าปีศาจยักษ์เริ่มจะมีสภาพเว้าแหว่งเจียนอยู่เจียนไป ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่มือแต่รวมไปถึงขาด้วย การ Drain อันยอดเยื่ยมทำให้ขาของมันเสียการทรงตัว พลันล้มตรึงลงหงายท้องหงายไส้."ตรึมมมมมมมม!".แต่ทว่ากับแขนขวาของเจฟเฟอร์นี่สิ ที่ลักษณะดูไม่ดีเอาซะเลย เจ้า
ร่างหนาค่อย ๆ กระเถิบตัวเองถอยห่างออกมาจากส้นตีนทรายเล็กน้อย พลางดึงหูฟังไร้สาย (ข้างเดียว) ที่หมอยูมิโกะให้มาตั้งแต่ตอนแรกออกมาเช็คดู เขาทั้งตบทั้งตีแล้วก็เคาะมันสลับกับการพูดขอความช่วยเหลือแบบกระซิบกระซาบ."ฮัลโหล! หมอ! ได้ยินผมไหมหมอ! ช่วยผมด้วย..".เงียบสนิทไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ กลับมา มิหนำซ้ำการสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงดังกล่าว ยังไปเรียกเอาบาทาของเจ้ายักษ์บิ๊กเบิ้มเอาเข้าให้."เหี้ยเอ๊ย! มันยกขาเตรียมจะกระทืบกูอีกดอกแล้ว! ย๊ากกกก!"."ฮึบ!!!".คราวนี้ไม่รอดลำตัวของเจฟเฟอร์โดนฝ่าเท้าทรายใหญ่ยักษ์อัดเข้าเต็มลำ ตัวเขากลิ้งหลุน ๆ คอพับไถลลากไปกับพื้นทราย กระอักเลือดแค๊ก ๆ เท่านั้นยังไม่พอเจ้าปีศาจทรายไจแอนท์ยังอุตส่าห์ตามมาเก็บงานของตน ด้วยการวิ่งปรี่เข้ามาใส่ง้างกำปั้นมาแต่ไกล หวังจะเผด็จศึกเขาด้วยหมัดขวาตรงไม่หลงติดยา!."ตรึมมม!!!".ชายหนุ่มวาร์ปตัวหลบหมัดดังกล่าวได้ราวกับปาฏิหาริย์ เขาโคตรจะงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถึงยังไงความสำคัญของการติดต่อหมอยูมิโกะให้ได้ ก็มีค่ามากกว่า จึงรีบวิ่งตื๋อหนีออกมาตั้งหลักให้ไกลขึ้นกว่าเก่า ในขณะที่อสูรกายจัมโบ้กำลังโงนเงนตั้งตัวเตรียมจะโจมตี
พื้นทรายรอบตัวทั้ง 360 องศาพุ่งทะยานขึ้นเป็นแท่งเสา มันโผล่พรวดเป็นลำ ๆ ขนาดสูงใหญ่ตระการตามากกว่าตึก 8 ชั้น เจฟเฟอร์ยืนขาแข็งทื่อแหงนมองมันจนคอเป็นเอ็น เขาตกตะลึงจนก้าวขาไม่ออก ไม่มีทางหนีไม่มีที่ซ่อน ทุกทิศทุกทางถูกล้อมไว้ด้วยแท่งทรายหลายสิบต้น การผุดขึ้นดังกล่าวทำให้เม็ดทรายบางส่วนกระเด็นหลุดออกมา ซึ่งกว่าจะหล่นลงสู่พื้นได้ก็ใช้เวลามากกว่า 10 วิบ่งบอกถึงความอลังการใหญ่ยักษ์ ด้วยสเกลที่เทียบได้กับภูเขากับเห็บหมา จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ชายพิการแขนขาดอย่างเจฟเฟอร์จะต่อกรกับมันได้."แสกนข้อมูลวิเคราะห์องค์ประกอบ"ชายหนุ่มสั่งการซุ่มเสียงสั่นเครือ.ทันใดนั้นภาพที่เห็นในมุมมองบุคคลที่หนึ่งก็ปรากฏเป็นเคอร์เซอร์กระพริบแป๊บ ๆ วิ่งไล่แสกนแท่งทรายต้นหนึ่งตั้งแต่บนยันล่าง ตัวเลขข้อมูลวิ่งยึกยืออยู่ริมจอรอการประมวลผล."เราอาจจะแค่กลัวไปเอง บางทีในแท่งทรายนั่นอาจจะมีตัวอะไรซ่อนอยู่ ตัวที่ใช้ทรายในการข่มขู่ศัตรูคล้ายกับหางของงูหางกระดิ่ง..".ชุดข้อมูลยังคงวิ่งต่อไป ในขณะที่ขาทั้งสองข้างก็สั่นรัวพอ ๆ กัน เขากำลังจะจมลงไปเรื่อย ๆ ด้วยผลพวงจากเม็ดทรายข้างบนที่หล่นลงมาทับถม."ติ๊ด! ๆ , ติ๊ด! ๆ