"แน่ใจเหรอพี่.. เอางี้ดีกว่าเดี๋ยวแคทโทรตามคุณหมอให้ ให้แกมาห้ามเลือดหรือสมานแผลอะไรให้ก่อนก็ยังดี เหน็บแขนตัวเองเดินโทง ๆ แบบนี้มันดิบเกินไป"
แคทเธอรีนรีบปรี่ตัดหน้าเจฟเฟอร์ไปยังเครื่องโทรศัพท์ที่อยู่หลังเคาท์เตอร์ คิ้วย่นยับยู่ ตัวสั่นหวาดกลัว แถมยังลนลานอย่างเห็นได้ชัด
.
ทว่าเจฟเฟอร์กลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน มันก็เจ็บอยู่หรอกแต่ไมถึงกับต้องร้องโอดโอยโดยไม่จำเป็น นั่นก็เพราะในตัวเขาไม่ได้มีแต่กระดูกกับเนื้อนุ่ม ๆ มันยังมีโลหะ ไทเทเนียม กระสุน เศษตะปู สายไฟ บั้งดูดกัญชา ฯลฯ แล้วก็อะไรต่อมิอะไรอีกเพียบที่ดัดแปลงซุกซ่อนไว้
.
เจฟเฟอร์เดินตามเข้ามาติด ๆ ก่อนจะวางแขนซ้ายข้างที่ขาดลงบนเคาท์เตอร์่ตรงหน้าเธอ ตามติดมาด้วยช่อดอกลาเวนเดอร์ที่เกรงว่าจะกำพร้าเจ้าของ
.
"อย่าไปรบกวนคุณหมอยูมิโกะเขาเลยแคท ปกติงานแกก็ล้นมืออยู่แล้ว Parallel ภาคสนามก็งี้ทุกคนแหละ ยังไม่ชินอีกหรอ ขอแค่อะไรเย็น ๆ มาแช่เจ้าแขนนี้ไม่ให้เซลล์มันตายก็พอแล้ว^^ "
.
ด้วยความสัตย์จริงเจฟเฟอร์แทบไม่เหลือความกระหืดกระหายในรสชาติของกามอารมณ์อีกต่อไปแล้ว หลังได้เห็นสีหน้าท่าทางของแคทเธอรีน เธอช่างเป็นเด็กสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ยิ่งดูยิ่งน่ารักท่วงท่าเงอะ ๆ ง่าน ๆ มือไม้สั่นเทาเป็นลูกนก หยิบจับอะไรก็พลอยหล่นร่วงไม่มีชิ้นดี
.
"ดะ.. ได้ค่ะพี่เจฟ เดี๋ยวแป๊บนึงนะคะในตู้แช่ดอกไม้น่าจะมีน้ำแข็งเหลืออยู่ เดี๋ยวหนูไปหยิบมาให้ , ว๊ายยยย!"
.
"เพล้ง!!!"
.
ฝ่ามือพลาดไปปัดโดนจอคอมตกลงมาแตก! สมุดปากกาหล่นเกลื่อนกระจุยกระจาย!
.
"เอ้า! ใจเย็น ๆ สิน้องเอ๊ย! ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ พี่ไม่ตายหรอก! ดูซิเป็นอะไรรึเปล่า? เจ็บตรงไหนไหม?"
.
ยังอุตส่าห์มีหน้ามาถามคนอื่น ทั้งที่จากประตูจรดเคาท์เตอร์แม่งมีแต่เลือดของคุณพี่เจฟเฟอร์แดงฉานอยู่เต็มไปหมด
.
"ทำงานใหม่ ๆ ก็แบบนี้แหละพี่เองก็เป็น น่ีเราเข้ามาเป็นแอดมินตั้งแต่เมื่อไหร่นะพี่จำไม่ได้?"
.
"ประมาณปีที่แล้วค่ะ ช่วงเดือนมีนา ตอนนั้นหนูเพิ่งเรียนจบ.."
.
ในระหว่างที่แอดมินสาวกำลังย่อตัวเก็บกวาดข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่ จู่ ๆ เจฟเฟอร์ก็เริ่มคิดขึ้นมาได้ว่าเดี๋ยวเจ้าหล่อนก็ต้องเสียเวลาออกมาเช็ดถูคราบเลือดที่เขาทำเปื้อนเอาไว้ทั่วอีก ความเกรงใจในกมลสันดานก็เลยบังเกิดขึ้น เจ้าตัวก็เลยพยายามหาช่องลงด้วยคำพูดที่ละมุนละม่อมที่สุด
.
"โห.. ถ้างั้นก็ถือว่าเก่งมาก ๆ อ่ะ ทั้งคอยต้อนรับลูกค้า เช็คออร์เด้อส่งดอกไม้ จัดคิวงานพวกพี่ ๆ แล้วไหนจะต้องใช้เครื่องแปลงมวลสารเวอร์ชั่นออริจินอลอีก ตาย ๆ ๆ ! ขนาดพี่ใช้เครื่องรุ่นพกพาแขนพี่ยังขาดกระจุย! น้องเก่งมากเลยนะแคท^^ ถ้าไงพี่เจอบอสแล้วพี่จะบอกให้แกหาคนมาช่วยน้องละกัน ไปล่ะ! บับบาย^^ "
.
"อ่าวพี่เจฟ! แล้วน้ำแข็งล่ะคะไม่เอาแล้วหรอ?!"
.
"อืม.. ไม่เป็นไรหรอกมันอยู่ในตู้แช่ดอกไม้ด้านในสุดใช่ไหม? เดี๋ยวพี่จัดการเองแคททำงานตัวเองต่อไปเถอะ อย่ามาเสียเวลากับผู้ชายธรรมดา ๆ พิการแขนขาดอย่างพี่เลย ฮ่าฮาาา ๆ ๆ "
.
"อ้อ! แล้วก็อย่าลืมช่อดอกลาเวนเนอร์ตรงนี้ด้วยล่ะ ของพิเศษสำหรับคนพิเศษระวังเดี๋ยวมันจะน้อยใจเอา^^"
.
พูดเสร็จเจ้าตัวก็เดินหายลับเข้าไปด้านหลัง โดยไม่อยู่ดูหน้าตาอันเหรอหราของน้องสาวหุ่นสะบึม ที่แหงนหน้าขึ้นมาพบกับความว่างเปล่า
.
"เฮ้อ.. ไอ้เจฟเอ๊ย! เอ็งนี่มันจิตใจอกุศลเหลือเกิน กับน้องกับนุ่งกับเด็กอายุแค่นี้มึงก็ยังคิดจะจับน้องเขามาเย็ดได้ลงคอ ชาติชั่วชะมัด พี่ขอโทษนะแคทไว้หนูโตกว่านี้อีกสัก 3 - 4 ปี พี่จะเหลาควยไว้รอเลยพี่สัญญา ฮั่วฮ่าาา.. ฮ่าาาา ๆ "
.
ยิ้มหัวเราะคนเดียวราวกับคนบ้าอีกสักที ก็นะในเมื่อตูดใหญ่ยักษ์มันยั่วตาจองไว้ด้วยหางตาก็คงไม่เป็นไร ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าตอนนี้แขนข้างที่ขาดออกมามันสำคัญกว่ามากน่ะสิ เจฟเฟอร์เดินตรงลิ่วเข้ามายังส่วนท้ายของอาคาร Parallel ชั้นหนึ่ง (ที่ยังคงเปิดเป็นร้านดอกไม้อยู่) บริเวณนี้ถูกกันไว้สำหรับใช้เป็นที่สต็อกสินค้า มีการควบคุมอุณหภูมิอย่างดีและแน่นอนว่าต้องมีน้ำแข็งอยู่ เขามองเห็นมันแล้้วในวินาทีแรกที่เข้ามาถึง แต่ถังใส่นี่สิ? มันต้องมีภาชนะสักอย่างไว้ให้แขนที่ขาดจุ่มลงไปได้ด้วย
.
"เฮ้อ.. กรรมของกู ทุเรศตัวเองชะมัด นี่กูต้องเอารักแร้เหน็บแขนขาด ๆ เดินตามหาถังน้ำแข็งเนี่ยะนะ! คิดว่ากูเป็นพระถังซัมจั๋งรึไงฟะ? ระดับกูมันจันทร์ดาราโว่ย! "จันทร์เอาน้ำแข็งมาถูหลังฉันสิ" นี่มันต้องแบบนี้ถึงจะมีคลาส"
"เหี้ยสุด ๆ จะเดินย้อนกลับไปถามน้องแคทแม่งก็เกรงใจ ถังอยูไหน ถังอยู่ไส แวร์อายูมิสเตอร์ถัง? จุ๊กกรู๊วววว!"
.
แกว่งเท้าไปมาเดินผิวปากอารมณ์ดีสุนทรีย์หน่วงหนัก กระทั่งหลุดทะลุเข้ามาถึงส่วนหลังสุดของร้านดอกไม้ และแล้วเจฟเฟอร์ก็ได้เจอ มันไม่ใช่ถังหากแต่เป็น!
.
"เครื่องแปลงมวลสาร รุ่นออริจินอล!"
.
"โอ้แม่เจ้าโว๊ย! ใหญ่โตชิบเป๋ง ทำงานกับ Parallel มาหลายปีเพิ่งมีโอกาสได้เห็นของจริงเอาวันนี้ นี่แสดงว่าก้อนความจำต่าง ๆ ที่เราสูบมา สุดท้ายก็เป็นเจ้านี่ที่เป็นคนแปรสภาพ , บร๊ะ! "
.
ตบหน้าขาดังสนั่นจนแขนที่ขาดแทบหลุดจากรักแร้ ไม่แปลกที่่เจฟเฟอร์จะออกอาการตื่นเต้นเอามาก ๆ เพราะด้วยรูปลักษ์ของมันที่เหมือนกับเตาอบเครื่องปั้นดินเผา แผงวงจรกับปุ่มสั่งการต่าง ๆ เชื่อมต่อกันเนียนกริบล้ำอนาคต หนำซ้ำขนาดก็ใหญ่กว่าเครื่องที่เขาใช้บน Gravity bike เป็นสิบ ๆ เท่า ก็เลยทำให้คิดว่าน่าจะทำงานได้ดีกว่ามากโข แลกกับการที่สาวน้อยแคทเธอรีนเจ้าหน้าที่ Parallel ผู้รับผิดชอบเครื่อง ยังคงยิ้มกลุ้มกลิ่มก้นกระดกอยู่ได้แบบสวย ๆ ย่อมหมายความว่าเจ้าเครื่องนี่มีระดับความปลอดภัยที่สูงโคตร ๆ
.
ทีีนี้ตัดภาพมาที่แขนซ้ายของตัวเอง..
.
"เชี้ย! ไม่น่าโง่เลยกู"
ส่ายหัวง่อนแง่นยิ้มแห้ง ๆ ให้แก่ความเสนอหน้าหาเรื่องใส่ตัวของตนเอง ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะ ๆ บริเวณประตูอุโมงค์ด้านหน้าเครื่องดู แล้วก็สัมผัสได้ว่ามันยังคงมีความร้อนแบบอุ่น ๆ
.
"เอ๋.. แสดงว่าเพิ่งผ่านการใช้งานมาหยก ๆ รึเปล่าวะ"
.
"นี่อย่าบอกนะว่ามีพวกภาคสนามคนอื่นเข้ามาส่งงานก่อนเรา! สัด! เป็นไปไม่ได้! เสียหน้าชิบหาย! ฮึ่ย! ก้อนความทรงจำของกูแม่งแปรสภาพออกมาเป็นช่อดอกลาเวนเดอร์เชียวนะโว่ย! ใครวะที่บังอาจเร็วกว่ากู! "
.
"เฟอร์นันโด , ปิเก้ , หรือ เบอร์แบร์โต้ ต้องเป็นใครในสามคนนี้แน่ ไอ้เช็ดครกเอ๊ย! บอสยิ่งเอ็นดูเจ้าพวกนี้เป็นพิเศษอยู่ด้วย"
.
ความเดือดดานเข้าโจมตีจิตใต้สำนึก หูตาจมูกปากร้อนวูบวาบไม่ใช่แค่หัว ไม่หงไม่หามันแล้วถังใส่น้ำแข็ง เจฟเฟอร์รีบวิ่งตื๋อออกจากพื้นที่หลังร้านย้อนกลับมาหาแคทเธอรีนเพื่อถามเอาความจริงแบบไม่เกรงใจ ในชุดยูนิฟอร์มบางเบากับเสื้อเอี้ยมกันเปื้อนตัวโคร่ง ต่อให้นั่งคุกเข่าเห็นแต่ตูดกับสะโพกไซต์ยักษ์ด้านหลัง ครานั้นก็หยุดความโมโหโกธากลัวเสียหน้าของเจฟเฟอร์ไว้ไม่ได้
.
"แคท! ใครกันที่เข้ามาส่งงานก่อนพี่!? แล้วพวกมันแปรสภาพของออกมาเป็นอะไร!"
.
หญิงสาวผละมือออกจากผ้าถูพื้น! สะดุ้งเตะถังใส่น้ำแฟ๊บจนล้มคว่ำ! พาลให้ต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกขั้น
.
"ว๊าย! พี่เจฟมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง!"
.
"เอ้อ! ช่างมันเถอะตอบพี่มาก่อนว่าใคร! ใครที่มันตัดหน้ามาส่งงานกับบอสได้ก่อน เฟอร์นันโด , ปิเก้ , หรือ เบอร์แบร์โต้ ต้องเป็นใครสักคนในนี้ใช่ไหมแคท! เร็วสิตอบพี่มา!"
.
"อ่ะ.. คะ.. ค่ะ ได้ค่ะพี่เจฟ รู้สึกว่าพี่จะมาถึงเป็นคนสุดท้าย"
.
"ห๊าาา..! จริงดิ!?"
.
"ค่ะ.. เท่าที่จำได้พี่เฟอร์นันโดน่าจะมาถึงเป็นคนแรกแต่กลับไม่ได้อะไรเลย ส่วนพี่ปิเก้ได้แค่เกสรดอกเยอบีร่าซึ่งไม่มีราคาค่างวดเท่าไหร่ ส่วนเจ้าเบอร์แบร์โต้ที่หนูไม่ค่อยชอบขี้หน้ามันนักได้เป็น..! อ่าวพี่เจฟ! หายไปไหนอีกแล้วล่ะ?"
.
แคทเธอรีนหันซ้ายแลขวาแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่ชายที่เคารพ พลางถอนหายใจยาวด้วยความปลดปลง ไม่เข้าใจเหลือเกินว่าผู้ชายพวกนี้มันจะแก่งแย่งชิงดีกันไปเพื่อ! แล้วจู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงตอบของเจฟเฟอร์แว่วดังมาจากชานบันได ด้วยท่าทางการก้มโค้งสอดคอลอดราวจับบันไดลงมา
.
"ขอบใจมากแคท พวกนั้นอยู่ห้องบอสชั้นบนสุดใช่ไหม!?"
.
"ไม่พี่..! ตอนนี้น่าจะอยู่ชั้น 2 ในห้องอาบน้ำออนเซ็น เมื่อกี้หนูเพิ่งเอาผ้าเช็ดตัวไปถวายให้ไอ้เบอร์แบร์โต้มา! หนูล่ะเกลียดมันที่สุดเลย ถ้าพี่รู้ว่ามันแปรสภาพก้อนความทรงจำออกมาเป็นอะไรแล้วล่ะก็พี่จะเข้าใจหนู , "เช๊อะ! "
.
เขาไปตั้งแต่ประโยคแรกแล้วน้องรัก! เจฟเฟอร์หนีบแขนขาด ๆ วิ่งตื๋อขึ้นไปบนห้องอาบน้ำชั้น 2 โดยพลัน ทิ้งให้แคทเธอรีนคนดีนั่งพูดคนเดียวกับถังแฟ๊บเป็นนาทีอย่างน่าสงสาร
กระจัดกระจายจริง ๆ สมกับชื่อบท เพราะนอกจากจะบินเข้ามาโฉบเอาร่างของเจฟเฟอร์เอาไว้ไม่ให้หล่นลงไปตายแล้ว บนฟากฟ้ายังมีพวกมันอีกเป็นโขยง! ท้องฟ้าที่เคยสดใสแดดจัด ๆ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยฝูงแมลงวันเป็นล้าน ๆ ตัว."อะไรกัน! พวกแกอีกแล้วหรอ!"."หึ่ง ๆ ๆ ๆ หึ่ง ๆ ๆ ๆ "."ฮู้ววว! ไม่รู้ยังไงเหมื่อนกันแต่ก็ขอบใจนะที่อุตส่าห์มาช่วย พาฉันลงไปข้างล่างที".กลุ่มก้อนแมลงวันดำขลับเป็นขยุยกระจายตัวไปเกาะตามแขนขาแล้วก็เสื้อผ้า ก่อจจะค่อย ๆ ลดระดับความสูงลงเรื่อย ๆ ตามที่ได้รับคำสั่ง พร้อมกันนั้นไฟสีเขียวในหูฟังก็เริ่มกระพริบปิ๊บ ๆ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่หางตาของเจฟเฟอร์ดันชำเลืองไปเจอเข้า เขาก็เลยมีความคิดที่จะดึงมันออกมาเช็ดดู จะได้รู้ว่าเป็นเพราะเจ้านี่รึเปล่าที่เรียกพวกแมลงวันมา แต่ทว่ายังไม่ทันจะทำอะไรเลย! จู่ ๆ หมู่ภมรอีกกลุ่มซึ่งอยู่อีกด้านของฟากฟ้าก็ชิงตัดหน้าเขาซะงั้น! พวกมันบินโฉบลงมาเป็นก้อนสีดำขนาดเท่าลูกบาส พุ่งมาที่ใบหูแล้วก็ดึงเอาหูฟังออกให้.ซึ่งพอวัตถุเล็กจิ๋วนั่นถูกส่งถึงฝ่ามือเท่านั้นแหละ ความฉิบหายก็บังเกิดทันที! คุณพระคุณเจ้าเอ๊ย! หล่นกระแทกพื้นสิครับจะเหลือเหรอ."ฟึบบบ! ,
ไหลพรืด ๆ อย่างกับบันไดเลื่อน ร่างอันอิดโรยของเจฟเฟอร์ไม่อาจต่อต้านเพราะดันเสร่อฝังตัวเองไว้ในทราย เป็นกรรมหรือความโง่ก็ไม่รู้แต่ที่รู้คือเจฟเฟอร์แม่งไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ชัวร์ ๆ ตัวเขาลอยปลิวไปพร้อมกับทราย โดยมีพิกัดเป้าหมายอยู่ที่อุ้งตีนของเจ้าแซนดี้."อั๊ก! โอ๊ก! อั๊ก! แค็ก ๆ ใครจะไปรู้ว่ะว่ามันทำแบบนี้ได้ด้วย.. อั๊กกก! อึกกก!"."อุตส่าห์คิดว่าหลบพ้นแล้วแท้ ๆ ที่ไหนได้ดันโดนดึงเข้าไปหา อ๊วกกก! อั๊กกก! ตายห่าแน่กู!".หลับตาปี๋พลางรอจังหวะสูดลมหายใจเข้าเป็นระยะ ร่างหนาของเจ้าหน้าที่หนุ่มดำผุดดำว่ายจอมจมอยู่ในกระแสธารแห่งชะตากรรม เขาคาดเดาไม่ได้ว่าแต่นี้ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เพราะลำพังแค่ประคองตัวไม่ให้สำลักทรายตายไปซะก่อนก็บุญแค่ไหนแล้ว.บางทีสาเหตุของเรื่องอาจเป็นเพราะเจ้าตัวนั้นชะล่าใจเกินไป ก่อนหน้านี้ตอนที่เจฟเฟอร์เพิ่งจะกลบทรายฝังตัวเองใหม่ ๆ เขาก็เอะใจอยู่แล้วเชียวว่าเจ้ายักษ์แซนดี้มันมีท่าทีแปลก ๆ เขาคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่ามันคงจะหาเขาไม่เจอ ก็เลยถอดใจก้มหน้าก้มตาเงินงกพลางเอาแขนจุ่มลงไปในพื้นทรายคล้ายกับว่าจะยอมแพ้แต่ที่ไหนได้เจฟเฟอร์ดันคิดผิด! เพราะชั่วพริบตาหลังจา
"ไม่ทันแล้วหมอ มันฟาดลงมาแล้ว อร๊ากกกกก!!!".เจฟเฟอร์ร้องลั่นเขายกมือขึ้นค้ำแม้จะรู้ดีว่าเป็นดั่งไม้ซีกงัดไม้ซุง แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเพราะท่วงท่าแต๋วแตกดังกล่าวนั่นเองที่ทำให้เจ้าตัวยังคงมีชีวิตรอด เมื่อหมอยูมิโกะที่อยู่อีกฟากหนึ่งของปลายสายได้ใช้ปฏิิภาณไหวพริบตะโกนสวนออกไปว่า."Drain!!!"มันดังซะจนเจฟเฟอร์คิดว่าแก้วหูตัวเองคงแตก มันดังจนลอดผ่านหูฟังออกมาแล้วก็ไปรันเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ภายในของเจ้าหน้าที่ภาคสนาม.เพียงเสี้ยวอึดใจวินาทีที่ฝ่ามือทรายใหญ่เบิ้มกำลังจะบดขยี้ร่างอยู่รอมร่อ ฝ่ามือของเจฟเฟอร์ก็จมบุ๋มลงไปเป็นหลุม แล้วพลังลมดูดอันเชี่ยวกราดก็เริ่มทำงาน มันดูดเอาเม็ดทรายมากมายเข้ามาเก็บไว้ในตัว กระบวนการทุกอย่างเหมือนกับตอนที่เจฟเฟอร์ทำกับก้อนความคิดผู้คนเป๊ะ ๆ ฝ่ามือเขาดูดด๊วบ ๆ สูบเอาทรายเป็นตัน ๆ เข้ามา ส่งผลให้อวัยวะของเจ้าปีศาจยักษ์เริ่มจะมีสภาพเว้าแหว่งเจียนอยู่เจียนไป ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่มือแต่รวมไปถึงขาด้วย การ Drain อันยอดเยื่ยมทำให้ขาของมันเสียการทรงตัว พลันล้มตรึงลงหงายท้องหงายไส้."ตรึมมมมมมมม!".แต่ทว่ากับแขนขวาของเจฟเฟอร์นี่สิ ที่ลักษณะดูไม่ดีเอาซะเลย เจ้า
ร่างหนาค่อย ๆ กระเถิบตัวเองถอยห่างออกมาจากส้นตีนทรายเล็กน้อย พลางดึงหูฟังไร้สาย (ข้างเดียว) ที่หมอยูมิโกะให้มาตั้งแต่ตอนแรกออกมาเช็คดู เขาทั้งตบทั้งตีแล้วก็เคาะมันสลับกับการพูดขอความช่วยเหลือแบบกระซิบกระซาบ."ฮัลโหล! หมอ! ได้ยินผมไหมหมอ! ช่วยผมด้วย..".เงียบสนิทไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ กลับมา มิหนำซ้ำการสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงดังกล่าว ยังไปเรียกเอาบาทาของเจ้ายักษ์บิ๊กเบิ้มเอาเข้าให้."เหี้ยเอ๊ย! มันยกขาเตรียมจะกระทืบกูอีกดอกแล้ว! ย๊ากกกก!"."ฮึบ!!!".คราวนี้ไม่รอดลำตัวของเจฟเฟอร์โดนฝ่าเท้าทรายใหญ่ยักษ์อัดเข้าเต็มลำ ตัวเขากลิ้งหลุน ๆ คอพับไถลลากไปกับพื้นทราย กระอักเลือดแค๊ก ๆ เท่านั้นยังไม่พอเจ้าปีศาจทรายไจแอนท์ยังอุตส่าห์ตามมาเก็บงานของตน ด้วยการวิ่งปรี่เข้ามาใส่ง้างกำปั้นมาแต่ไกล หวังจะเผด็จศึกเขาด้วยหมัดขวาตรงไม่หลงติดยา!."ตรึมมม!!!".ชายหนุ่มวาร์ปตัวหลบหมัดดังกล่าวได้ราวกับปาฏิหาริย์ เขาโคตรจะงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถึงยังไงความสำคัญของการติดต่อหมอยูมิโกะให้ได้ ก็มีค่ามากกว่า จึงรีบวิ่งตื๋อหนีออกมาตั้งหลักให้ไกลขึ้นกว่าเก่า ในขณะที่อสูรกายจัมโบ้กำลังโงนเงนตั้งตัวเตรียมจะโจมตี
พื้นทรายรอบตัวทั้ง 360 องศาพุ่งทะยานขึ้นเป็นแท่งเสา มันโผล่พรวดเป็นลำ ๆ ขนาดสูงใหญ่ตระการตามากกว่าตึก 8 ชั้น เจฟเฟอร์ยืนขาแข็งทื่อแหงนมองมันจนคอเป็นเอ็น เขาตกตะลึงจนก้าวขาไม่ออก ไม่มีทางหนีไม่มีที่ซ่อน ทุกทิศทุกทางถูกล้อมไว้ด้วยแท่งทรายหลายสิบต้น การผุดขึ้นดังกล่าวทำให้เม็ดทรายบางส่วนกระเด็นหลุดออกมา ซึ่งกว่าจะหล่นลงสู่พื้นได้ก็ใช้เวลามากกว่า 10 วิบ่งบอกถึงความอลังการใหญ่ยักษ์ ด้วยสเกลที่เทียบได้กับภูเขากับเห็บหมา จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ชายพิการแขนขาดอย่างเจฟเฟอร์จะต่อกรกับมันได้."แสกนข้อมูลวิเคราะห์องค์ประกอบ"ชายหนุ่มสั่งการซุ่มเสียงสั่นเครือ.ทันใดนั้นภาพที่เห็นในมุมมองบุคคลที่หนึ่งก็ปรากฏเป็นเคอร์เซอร์กระพริบแป๊บ ๆ วิ่งไล่แสกนแท่งทรายต้นหนึ่งตั้งแต่บนยันล่าง ตัวเลขข้อมูลวิ่งยึกยืออยู่ริมจอรอการประมวลผล."เราอาจจะแค่กลัวไปเอง บางทีในแท่งทรายนั่นอาจจะมีตัวอะไรซ่อนอยู่ ตัวที่ใช้ทรายในการข่มขู่ศัตรูคล้ายกับหางของงูหางกระดิ่ง..".ชุดข้อมูลยังคงวิ่งต่อไป ในขณะที่ขาทั้งสองข้างก็สั่นรัวพอ ๆ กัน เขากำลังจะจมลงไปเรื่อย ๆ ด้วยผลพวงจากเม็ดทรายข้างบนที่หล่นลงมาทับถม."ติ๊ด! ๆ , ติ๊ด! ๆ
ตัดภาพกลับมายังชั้น 4 ด้านหลังผนังเมือกเจลกันอีกที หลังจากที่ได้สร้างความวินาศสันตะโรให้แก่ชั้นล่างมาอย่างต่อเนื่อง บัดนี้เจฟเฟอร์ บัตเจนแลนด์ของเราก็เหมือนจะโดนเอาคืนบ้างซะแล้ว เพราะจู่ ๆ เจ้าโบกี้รถไฟอันเป็นยานพาหนะเพียงอย่างเดียวก็ชักจะเริ่มพยศ มันดันทะลึ่งทำความเร็วขึ้นเองโดยที่เขาไม่ได้สั่งหรือทำอะไร ความเร็วดังกล่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบทำให้ล้อกระเด็นตกจากราง ทั้ง ๆ ที่บริเวณนี้เป็นแค่ผืนทรายราบ ๆ ไม่ได้มีความสูงชันเหมือนตอนที่ปล่อยรถลงมาสักหน่อย"เฮ่ย! เฮ่ย! เร็วไปแล้ว! ชักไม่สนุกแล้วนะเพื่อน เหวอ ๆ ๆ ".เจ้าหน้าที่แขนพิการแหกปากร้องลั่นแข่งกับเสียงล้อเหล็ก ที่กระเด้งกระดอนครูดกับรางอย่างผิดวิสัย ครั้นพอลองชะโงกหน้าออกไปดูก็เห็นแต่ประกายไฟเป็นเส้น ๆ แฉลบออกมาจากใต้ท้องเสียงดังอี๊ดดดดด! น่าเสียวไส้!."หมอ! แม่งไม่โอเคแล้วหมอ! โบกี้มันจะคว่ำก่อนไปถึงแล้วหมอ! ว๊ากกกก! อ๊ากกกก!!!".โบกี้เหล็กยังคงบดล้อเข้ากับราง มันวิ่งส่ายยึกยือไปมาฉวัดเฉวียนคล้ายกำลังจะเสียศูนย์ การเหวี่ยงแต่ละครั้งก็แทบจะทำให้ตัวถังพลิกคว่ำอยู่รอมร่อ บางจังหวะก็ถึงกับยกล้อลอยพ้นพื้นเอียงกระเท่เร่ชวนให้ลุ้นร