สังคมเมืองในปี ค.ศ. 2078 เป็นอะไรที่โคตรจะต่ำตมอมควยหมา! หลายคนคงคิดถึงความศิวิไลซ์กับอุปกรณ์ไฮเทคที่เข้ามาทำให้ชีวิตง่ายขึ้น คงจินตนาการไปถึงหุ่นยนต์รับใช้หน้าตาพลาสติกแบบในหนัง Sci-Fi ที่ "วิล สมิท" แสดง ซึ่งไม่ค่อยจะถูกต้องนัก! เพราะทุกอย่างกลับตาลปัตรหมดนับตั้งแต่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 4
.
ระเบิดนิวเคลียร์นับสิบ ๆ ลูกถล่มอารยธรรมน้อยใหญ่จนย่อยยับ บรรดาผู้นำชาติมหาอำนาจเรียกปฏิบัติการนี้ว่า “ไฟนรกในเพลิงแค้น” พวกเขาหลงไหลในอำนาจและเริ่มประหัตประหารผู้คนที่คิดต่างเหมือนเป็นผักปลา อุดมการณ์อันสูงลิ่วทำให้เกิดสภาวะการณ์ยอมหักไม่ยอมงอ นำมาสู่การใช้กำลังเข้าห้ำหั่นกันเพื่อช่วงชิงทุกสิ่งอย่างที่ตนอยากได้
.
สงครามดำเนินอยู่นานนับ 10 ปีกระทั่งเริ่มสงบลงในปี 2050 รายงานจากสภากาชาดโลกสรุปตัวเลขผู้เสียชีิวิตออกมาว่า มีประมาณ 100 ล้านคน (ไม่รวมผู้พิการและทุพพลภาพ) ส่วนใหญ่อยู่ในซีกโลกพัฒนาและกาฬทวีป ชนชาติที่อ่อนแอไม่สามารถใช้การเจรจาเพื่อสันติหรือเลือกข้างอย่างที่เคยเป็นได้ ยิ่งเป็นชนพื้นเมืองตามป่าเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง
.
อานุภาพแห่งกัมมันตรังสีกวาดล้างทุกสรรพสิ่ง ชนิดที่ UN หรือองค์การสหประชาชาติในสมัยนั้น ทำได้แค่ส่งหนังสือขอโทษแบบโง่ ๆ เอเชียเหลือเพียงแผ่นดินที่ว่างเปล่ากับซากปรักหักพัง , แอฟฟริกาไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิตหรือเงาต้นไม้ , ขั้วโลกเหนือ - ใต้กลายสภาพเป็นเศษน้ำแข็งที่ใช้การได้แค่ราดน้ำแดงกินกับถ้วยบิงซู เป็นเรื่องน่าเศร้าแต่พวกเขาไม่เข้าใจ จากปี ค.ศ. 2050 เป็นต้นมา โลกทั้งใบจึงเหลือชาติมหาอำนาจอยู่เพียงไม่กี่ชาติเท่านั้น และเกือบทั้งหมดล้วนแต่เป็นชาวยุโรปหรือไม่ก็อเมริกัน
.
เดชะบุญที่ยังมีกลุ่มคนเห็นต่างอยู่! เล่าย้อนกลับไปในช่วง 10 ปีหลัง ตอนสงครามสงบใหม่ ๆ ทหารและพลเรือนต้องถูกเกณฑ์มาช่วยงานด้านการฟื้นฟูบ้านเมืองเป็นลำดับแรก ช่องโหว่ตรงนี้ทำให้พวกคนใหญ่คนโตไม่ทันระวัง ความหย่อนยานในการตรวจสอบข้อมูล ทำให้กลุ่มคนบางกลุ่มเริ่มมีความคิดปฏิวัติ! โดยเฉพาะพวกนักวิทยาศาสตร์หัวก้าวหน้าที่ยังมีชีวิตอยู่!
.
ปฏิเสธไม่ได้ว่าระเบิดนิวเคลียร์กับขีปนาวุธต่าง ๆ ล้วนเป็นผลงานสุดบรรเจิดของพวกเขา สมองอัจฉริยะได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการทำให้โลกเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นการรวางแผนที่จะไถ่โทษจึงเกิดขึ้น.. แล้วองค์กรลับ Parallel ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ด้วยวัตถุประสงค์ดังกล่าว!
.
ในยุคบุกเบิกมันคือหน่วยงานที่รวบรวมนักวิทยาศาสตร์ ที่มีแนวคิดแบบเดียวกันจากทั่วทุกมุมโลกเอาไว้ พวกเขารู้ดีว่าตนเองไม่ใช่นักสู้ที่ยิงปืนแม่น เป็นแค่ตาแก่หัวหงอกที่ไม่มีปัญญาจะใช้กำลังช่วงชิงอำนาจจากใคร ๆ เขา ซึ่งต่อให้มีก็ไม่ทำ! เพราะว่ามันไม่ใช่ทางออก! ลองคิดดูสิว่าถ้าใช้แต่กำลังเข้าห้ำหั่นกัน ทุกอย่างก็จะวนลูปอยู่เหมือนเดิมไม่มีวันจบ รบกันไปล้างแค้นกันมา ออกลูกออกหลานมาปลุกฝังความคิดชุดเดิมให้แล้วก็มารบกันใหม่ ทำอยู่แบบนี้ซ้ำ ๆ ซาก ๆ เป็นวัฏจักร แล้วชาวโลกที่เป็นผู้บริสุทธิ์ก็ต้องมารับเคราะห์ ฉะนั้นสิ่งที่องค์กร Parallel ในยุคบุกเบิกทุ่มเทสร้างขึ้นมาก็คือ "อุปกรณ์สำหรับเปลี่ยนแปลงความทรงจำ"
.
พวกเขาไม่จำเป็นต้องฆ่าคนก็ได้.. แค่เปลี่ยนความคิดของเป้าหมายให้เป็นไปตามที่ต้องการ แค่นี้โลกก็สงบสุขแล้ว ซึ่งคอนเซ็ปตรงนี้ก็ได้ถูกต่อยอดกันมาเรื่อย ๆ จากรุ่นสู่รุ่น นานวันเข้าการแทรกซึมขององค์กรก็ยิ่งครอบคลุมไปทั่วทุกหัวระแหง กล่าวคือไม่ใช่เฉพาะแค่การหยุดสงคราม แต่รวมไปถึงการหยุดอาชญากรรมต่าง ๆ ของพวกสันดานชั่วในสังคมด้วย
.
คดีฆาตกรรมลดลงฮวบฮาบ ปัญหาอาชญากรรมฉกชิงวิ่งราวแทบกลายเป็นศูนย์ อันเป็นผลพวงมาจากการสอดส่องดูแลของทีม Parallel ภาคสนาม ภารกิจหลักของพวกเขาคือการชิงตัดหน้าและดูดความคิดชั่วร้ายของเหยื่อออกไปก่อนที่จะก่อเรื่อง ดังที่เรา ๆ ท่าน ๆ ได้เห็นกันไปแล้วกับสกิลส่วนตัวของเจฟเฟอร์ ถึงแม้ว่าเขาอาจจะดูเย่อหยิ่งก้าวร้าวในสายตาคนอื่น แต่เชื่อเถอะว่าเขาผู้นี้คือมือพิฆาตระดับพระกาฬ ที่ Parallel ยุคปัจจุบันแสนจะภาคภูมิใจ
.
.
ร่างหนาเบือนหน้าไปทางดอกลาเวนเดอร์มากมายที่ปักอยู่รอบส่วนพ่วงข้างของ Gravity bike กลิ่นของมันหอมฝุ้งยามต้องแรงลม ชวนให้เคลิบเคลิ้มจนลืมความเจ็บแปล๊บ ๆ ที่แขนข้างซ้ายลงไปได้มาก
.
“ดอกลาเวนเดอร์? นานแค่ไหนแล้วนะที่โลกไม่ได้เห็นเจ้านี่?”
เจฟเฟอร์เหม่อลอย พลางทอดสายตาไปยังตึกรามบ้านช่องในเมืองยอร์คชินที่บัดนี้อยู่ในสภาพกึ่งเก่ากึ่งใหม่ บางหลังก็สูงเสียดฟ้าสร้างจากโพลิเมอร์ไฟเบอร์กันแสง กันไฟ กันกัมมันตรังสี แต่บางหลังก็ยังสร้างจากคอนกรีตเสริมเหล็กธรรมดา ๆ อยู่ ทั้งที่ปีนี้ก็ปาเข้าไปปี ค.ศ. 2078 แล้วแท้ ๆ
.
สาเหตุก็อย่างที่บอกว่าโลกเพิ่งผ่านสงครามหนัก ๆ มาไม่กี่สิบปี อะไร ๆ มันก็เลยยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางนัก ความเจริญทางด้านวัตถุก็เลยกระจุกตัวอยู่แค่บางส่วนของเมือง ไม่มีทางซะหรอกที่เราจะได้เห็นรถไฟลอยฟ้าวิ่งในหลอดแก้วสูญญากาศในแถบชานเมืองเช่นนี้ ภาพรวมของโลกยุคปัจจุบันก็เลยดูเป็นเมืองแบบไฮบริด กึ่งเก่ากึ่งใหม่ผสม ๆ กัน
.
ซึ่งก็ยังดีกว่าออฟฟิศสุดคลาสสิคของ Parallel ที่สภาพอย่างกับตึกร้างถ่ายรายการคนอวดผี! แทบจะเป็นตึกหลังเดียวในบล็อคถนนนี้เลยมั้งที่ทำจากอิฐมอนยุคก่อนสงครามโลก ด้านซ้ายติดกับร้านหนังสือบุ๊คคาเฟ่ที่ไม่มีหนังสือเป็นเนื้อกระดาษจริง ๆ เลยสักเล่ม ด้านขวาเป็นร้านอาหารแคปซูลอัดเม็ด วิทยาการรูปแบบใหม่ที่นำเทคโนโลยีอาหารหมามาใช้กับคน ส่วนฟากตรงข้ามเป็นร้านกาแฟแบรนด์ดัง ที่หนึ่งแก้วนั้นแพงระยำมากกว่าพันเหรียญ!
.
และเพื่อให้สภาวะแวดล้อมทุกอย่างมีความกลมกลืนกับสังคมมากที่สุด ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันตึกทั้ง 7 ชั้น ขององค์กรลับ Parallel ก็เลยต้องเปิดชั้นล่างเป็นร้านดอกไม้เล็ก ๆ เอาไว้ตบตา แม้ว่าปัจจุบันดอกไม้จะเป็นของหายากแต่พวกเขาก็ยังต้องเปิดต่อไปเพื่อไม่ให้ใครผิดสังเกต หรือจับพิรุธได้ว่ากลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในนี้มีเบื้องหลังอะไรซ่อนอยู่ ส่วนรายละเอียดจากชั้น 2 ถึงชั้น 7 นั้น ต้องขออนุญาตข้ามไปก่อน เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าพ่อหนุ่มเจฟเฟอร์ บัตเจนแลนด์ของเรา จะนำยาน Gravity bike เข้ามาจอดในลานจอดด้านหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
.
“วู้ววว.. ถึงสักที ปวดแขนชะมัด”
เจฟเฟอร์เอี้ยวตัวลงมาจากยาน พลางสะบัดแขนไปมาทั้งที่มันยังห้อยต่องแต่ง
.
“อันดับแรกเราต้องซ่อนบาดแผลไว้ด้านหลัง.. แบบนี้.. ชะแว๊บ แล้วก็เก็บดอกลาเวนเดอร์ที่เสียบอยู่มากำเป็นช่อ ๆ แบ่งเป็น 2 อัน อันหนึ่งให้บอสอีกอันก็ให้น้องแคท แบบนี้.. ฮึบ!”
.
ถึงสภาพจะดูทุกลักทุเลไปบ้าง แต่เรื่องเปย์สาวนี่ขอให้บอกเจฟเฟอร์สู้ตายไม่ยอมแพ้ใครง่าย ๆ อยู่แล้ว หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ได้เดินไปที่ส่วนหน้าของตึก ณ จุดตรงนี้เจฟเฟอร์มองเห็นป้ายร้านดอกไม้ Parallel เด่นหลาอยู่เหนือหัว ถัดกันลงมาเป็นตู้ดิสเพลย์หน้าร้านขนาดใหญ่ที่จัดแสดงช่อดอกไม้หลากหลายรูปแบบเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าในนั้นไม่มีดอกลาเวนเดอร์อันทรงคุณค่ารวมอยู่เลย
.
“ติ๊งต่อง! , ติ๊งต่อง!”
เซ็นเซอร์กระดิ่งไฟฟ้าทำงานโดยอัตโนมัติ
.
“แคท! พี่เจฟเฟอร์เองเปิดประตูให้หน่อยสิ! พี่แวะเข้ามาบันทึกใบภารกิจน่ะ”
.
“อ่าว! ทำไมจ็อบนี้ปิดเร็วจังพี่เจฟ แป๊บนะเดี๋ยวหนูเปิดให้”
.
เสียงเด็กสาววัยใสตอบกลับมาผ่านทางลำโพงเล็ก ๆ ที่ซ่อนไว้เหนือบานประตู ไม่ช้าไม่นานล็อคประตูก็คลายออก พร้อม ๆ กันกับอากาศยาน Gravity bike ที่บัดนี้กำลังหมุนติ้ว ๆ อยู่บนพื้นลานจอด มันค่อย ๆ หมุนลดระดับลงไปเรื่อย ๆ ลึกลงไปยังโรงเก็บยานใต้ดิน ถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกถึงการขึ้นลงของยานในหนังเรื่อง x-men ก็ได้ เพราะสถาปนิกที่ออกแบบโรงเรียนให้ ชาร์ล ซีเวียร์ ก็คือหนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์รุ่นบุกเบิกของ Parallel
.
ออกแรงผลักบานประตูกระจกเข้ามา ท่ามกลางเหล่าพฤกษาดอกไม้และกลิ่นหอมแสนละมุน ที่ด้านหลังเคาต์เตอร์ต้อนรับยังมีเด็กสาวใส่แว่นหนาเตอะคนหนึ่งนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่
.
"ไงคะพี่เจฟ วันนี้ไป Drain อะไรของใครมาล่ะ?"
แคทเธอรีนถามทั้งที่ไม่มอง เธอยังคงก้มหน้าก้มตาง่วนอยู่กับรายชื่อดอกไม้ที่ลูกค้าโทรมาสั่ง
.
ฝั่งเจฟเฟอร์เองก็เงียบ เพราะการแอบดูล่องนมของเด็กสาวยามพวกเธอเผลอนี่แม่งฟินเป็นไหน ๆ คอเสื้อที่ผ่าลึกโค้งเว้ากับเต้านมที่บี้บดกับขอบเคาท์เตอร์ตอนจรดปากกา ทำให้ภายในหัวของเขามีแต่ท่วงท่าลีลาการสืบพันธ์ุ ไม่ได้การณ์! อดใจไม่ไหวจนต้องเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ด้วยฝีเท้าที่เบาสุด ๆ แต่ท้ายที่สุดสาวเจ้าก็เอะใจและโพล่งคำขึ้นมา
.
"พี่เจฟ? ตกลงว่ายังไงคะ.. ไป Drain อะไรมา หนูจะได้เตรียมเครื่อง อย่าเงีย.. บ.. บ!"
.
"ว๊าย! ลาเวนเด้อ! นี่มันของจริงนี่นา ดอกลาเวนเด้อแท้จริง ๆ ด้วย ^O^ สวยจังเลย"
.
ชายหนุ่มยิ้มกว้าง เขาคิดไว้แล้วเชียวว่าแคทเธอรีนต้องออกอาการแบบนี้ แต่ไม่คิดว่ามันจะเว่อวังจนถึงขั้นโผตัวข้ามเคาท์เตอร์เข้ามากอด แล้วก็ดันมากอดในระหว่างที่เอ็นอุ่นใต้ท้องน้อยกำลังอวบอั๋นอยู่ด้วยนี่สิ
.
"เดี๋ยวแม่งก็จับเย็ดด้วยท่าด็อกกี้ซะหรอกอีเด็กนี่ เอามือเกาะเคาน์เตอร์ดูซิ แล้วกูจะเด้าตูดให้ร้องขอชีวิตเลย! คิดว่าสวยแล้วกูจะใจดีหรออีน้องแว่น.. ห๊า"
.
แค่คิดในใจไม่ถึงกับพูดออกมา เจฟเฟอร์หักห้ามใจด้วยการโก่งช่วงล่างถอยไปข้างหลังแล้วก็รีบคว้าเอาช่อลาเวนเดอร์ที่วางอยู่บนเคาท์เตอร์ มากั้นกลางระหว่างเขากับเธอเอาไว้ พลันโต้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอันแสนสุภาพ
.
"พี่มีมา 2 ช่อ อันหนึ่งสำหรับบอส ส่วนช่อนี้พี่ให้แคทคนเดียวเลย พี่ว่ามันเหมาะกับแคทมากเลยนะดูสดใสดี แคทอ่ะตัวเล็ก ๆ น่ารักเหมือนดอกลาเวนเดอร์^^"
.
"เอ้อ.. แล้วพี่ก็ต้องขอโทษเราด้วย เรื่องที่พี่แอบใช้เครื่องแปลงมวลสารโดยพลการ พอดีก้อนความทรงจำของเหยื่อมันระเหยเร็วมากอ่ะ กลัวว่าจะไม่ได้อะไรกลับมาก็เลย.."
.
"เลือด!!!"
แคทเธอลีนสวนขึ้นทันควัน! ราวกับเธอไม่ได้ยินคำหวานที่ฝ่ายชายป้อ
.
"เลือดมาจากไหน? ทำไมหยดมาเป็นทางเลยล่ะคะพี่เจฟ? เกิดอะไรขึ้นกับพี่รึเปล่า?! ไหนขอหนูดูหน่อยซิ พี่ซ่อนอะไรไว้ด้านหลัง!?"
.
"เหวอ ๆ ๆ ปะ.. เปล่า! แคท! ไม่มีอะไร! อย่าก้มต่ำนักสิเดี๋ยวมันจะโดน! " , "อั๊ก!"
.
ในชุดยูนิฟอร์มของร้านขายดอกไม้ที่เน้นความสบายคล่องตัว เนื้อแนบเนื้อกายแนบกายชนิดที่ผืนผ้าบางเบาไม่อาจปิดป้อง แคทเทอรีนรุกหนักขึ้นใช้มือรูปคลำเขาไปทั่วตัว สติสตังค์หลุดกระเจิงเจฟเฟอร์กำหนัดหนักจนดุ้นมังกรแข็งกระเด้ง มันชูชันขึ้นเป็นลำนูนเด่นอยู่ใต้กางเกงรัดรูปที่สวมใส่อยู่
.
ครานั้นสาวเจ้าก็หาได้รู้ตัว เธอสวมกอดกับเขาเข้าคลุกวงในจนถึงขนาดลงทุนคุกเข่าเอียงหน้าเข้าหาเป้าตุง ๆ เพื่อจะดูให้ได้ว่าเจฟเฟอร์ซ่อนอะไรไว้ด้านหลัง และในที่สุดเธอก็ทำได้สำเร็จ
.
"กร๊ีดดดด!!! , พี่เจฟ!!!"
สะดุ้งโหยงสุดใจ กระเถิบถอยหนีสุดตัว
.
"แคทพี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจแค่อารมณ์มันพาไป อย่าโกรธพี่เลยนะพี่ขอโทษจริง ๆ "
เจฟเฟอร์หน้าถอดสีเพราะสิ่งที่เขาทำมันโคตรจะอุบาทถ์ เขารีบขยับกางเกงฟึบฟับจัดระเบียบดุ้นมังกรให้เข้าที่ ก่อนจะมารู้ตัวเอาทีหลังว่าที่สาวเจ้าร้องกรี๊ดน่ะไม่ใช่เรื่องนี้หากแต่เป็น..
.
"แขนพี่!.. พี่เจฟเฟอร์!.. แขนพี่มันขาดกองอยู่หน้าประตูโน่น!!!"
.
รีบหลุบสายตาก้มลงมองในทันทีทันใด ไม่รู้ว่ามันขาดไปตอนไหน เพราะเท่าที่เห็นในตอนนี้ถัดจากไหล่ซ้ายเลื่อนลงมาจรดสีข้างราดลงมาถึงหลังเท้าแม่งมีแต่เลือด!
.
"กรี๊ดดดดด!!! พี่รีบขึ้นไปหาหมอยูมิโกะบนชั้น 4 เดี๋ยวนี้เลย ก่อนที่เลือดจะหมดตัว! โอ๊ยไม่ไหว ๆ หน้ามืดหนูจะเป็นลม"
.
.
ช่างสมกับเป็นโคตรคนผู้ปฏิเสธโลกจริง ๆ เพราะนอกจากจะไม่รู้สึกรู้สา (เพราะสังหรณ์ใจไว้แล้ว) เจฟเฟอร์ยังเดินอาด ๆ ไปหยิบเอาแขนที่ขาดมาอุ้มเอาไว้ ต่อด้วยการยักคิ้วให้แคทเธอรีนแบบชิว ๆ ราวกับว่านี่เป็นเหตุการณ์ปกติ
.
"ใจเย็นแคทน้องรัก พี่เอาอยู่พี่คอนโทรลมันได้.."
"หยุดตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้วางกำลังล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว!".เห็นจะจริงถ้าหากว่านี่เป็นหนังไทยสมัย "จารุณี" แสดงเป็นพจมาน ตรงกันข้ามเมื่อประโยคแสนเชยดังกล่าวคงจะใช้กับสถานการณ์จริงที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ไม่ได้ ตำรวจห่าเหวอะไรล่ะ มองไปทางไหนก็มีแต่ซอมบี้เชียงกงล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เต็มไปหมด เจฟเฟอร์กับกลุ่มคนใช้่มีดคงสุดจะต้านทานแล้ว สังเกตได้จากการถอยร่นเอาหลังพิงกันทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มิหนำซ้ำกางเกงผ้ายืดเจ้ากรรมก็ดันมาพันควยพันหำจนเกือบจะล้มคะมำเสียหลัก."โอ๊ย! เอ๊ย! อุ๊ย! เดี๋ยวก่อนเซ้! อย่าเพิ่งกูยังไม่พร้อม อย่าเพิ่งบุกเข้ามาตอนนี้ไอ้พวกหุ่นสารเลว!"สายลับหนุ่มขึ้นเสียงพลางกระโดดเหยง ๆ เซถลาออกจากตำแหน่ง สีข้างเขาครูดเข้ากับเศษตัวถังยานที่ลักพาตัวองค์หญิงนาตาชามา โดยสันนิษฐานคร่าว ๆ ได้ว่า ยานลำนี้น่าจะโดนยิงร่วงก่อนหน้า Gravitybike ของเขาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะไอร้อนจากเครื่องยนต์ยังคงอุ่น ๆ อยู่ ทำให้เจฟเฟอร์เกิดปิ้งไอเดียบางอย่างขึ้นมา ก่อนจะหลุบสายตาลงมามองลำควยกับลำขาทีี่พันกันอิรุงตุงนังของตนเอง แล้วก็บ่นขมุบขมิบ."ชิ! ไอ้ควยระยำนี่ก็ช่างแข็งถึกแข็งทนเหลือเ
สอดท่อนแขนอันกำยำเข้าโอบเอว ตวัดดึงเอาร่างอันผอมเพรียวเข้ามาแนบไว้ในวงแขน พลันกระโดดม้วนตัวเอาส่วนหนารับกงเล็บของเครื่องจักรสังหาร!."เอือกกก!"เจฟเฟอร์ร้องอุทานลั่น เขากัดฟันเม้มมุมปากในเสี้ยววินาทีต่อมาเมื่อพบว่าองค์หญิงนาตาชากำลังจ้องมองอยู่ หน้าตาเธอบิดเบี้ยวขยะแขยง หัวคิ้วลู่เข้าหากันก่อนจะกลั้นใจซุกหน้าคมสวยที่คล้ายกับเทรเลอร์สวิฟ ลงมาซบเข้าที่ซอกคอของเจฟเฟอร์."ไม่ต้องกลัวนะครับผมมาช่วย ผมเป็นสุภาพบุรุษ ผมเกิดมาเพื่อคุณ""เอื้อกกก! อื้อหือ! อื้อออ! อ๊าาา!".แม่งแสบหลังก็แสบแต่แสบหูมากกว่าที่ต้องมาฟังอะไรแบบนี้ ระหว่างที่เจฟเฟอร์ได้ใช้ความพยายามในการปกป้ององค์หญิงอย่างเต็มความสามารถ พวกจักรกลซอมบี้ก็ทำอะไรองค์หญิงไม่ได้เลย มันทำได้เพียงตะปบกรงเล็บใส่หลังเขาแบบโหมกระหน่ำ และช่่วงเวลาที่เกร็งตัวป้องกันอยู่นั้น จู่ ๆ ริมฝีปากของนาตาชาก็ได้เผยอขึ้นเครือครางขมุบขมิบ เข้าใจว่าเธอคงจะกลัวมาก ยิ่งเป็นตอนที่เธอเผลอซีดปากและพ่นลมหายใจออกมา ยิ่งทำให้อารมณ์กำหนัดของเจฟเฟอร์พลุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น."กอดผมเอาไว้ครับ ผมจะไม่ให้องค์หญิงเป็นอะไรผมสัญญา"."อือ.. อืม.. แต่คุณคะ! ขืนเป็นแบบนี้".
ลมโชยโบยแก้มเจฟเฟอร์บึ่ง Gravitybike ทะยานฟ้าจนหนังหน้าชาไปเป็นแถบ ริมฝีปากเผยอตีนผมโบกพัดวือกระพือเสียทรง ให้ตายสิเขาทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นบอร์ดี้การ์ดของเธอยังไงยังงั้น ทั้งที่ความจริงแล้วดวงหน้าขององค์หญิงนาตาชาแบบใกล้ ๆ เขายังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง เจฟเฟอร์รู้แต่เพียงว่าเธอคือภารกิจ ขืนปล่อยให้รัชทายาทแห่งอลาลัสองค์นี้เป็นอะไรไป ข้อมูลการประชุมที่บอสอยากได้ก็คงจะล้มเหลว.มองไปตรง ๆ เห็นแต่ความสยดสยองบนท้องฟ้า ก้มลงด้านล่างก็เห็นแต่ตึกรามบ้านช่องที่เล็กเท่ากับจิ๋มมดในเมืองยอร์คชิน กระทั่งลองมองที่หน้าปัดยานความซวยจึงบังเกิด."เชี้ยแล้ว! ไอ้สัดเอ๊ย! นี่จะขับพ้นขอบชายแดนแล้วเหรอวะเนี่ยะตั้งแต่เมื่อไหร่กัน""ตาย ๆ ๆ แคทเธอรีนไม่ได้เตรียมอาวุธใส่ Gravitybike มาซะด้วย ไหนจะพิกัดขององค์หญิงที่หายไปจากหน้าจออีก เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลยงานงอกแล้วไงกู!".โปรดอย่าสงสัยว่าทำไมเจฟเฟอร์ถึงออกอาการลนลานแปลก ๆ เพราะแม้ว่าในตัวเขานั้นจะเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำลายล้างมากมาย แต่ก็ยังเทียบไม่ได้อยู่ดีกับไอ้พวกที่อยู่ด้านล่าง เราพูดมาตลอดว่ายอร์คชินคือเมืองที่เปรียบเสมือนฐานที่มั่นสุดท้ายของโลก หลังเกิดส
แสงสว่างสองหย่อมเปล่งประกายออกมาตรงบริเวณแก้มก้น ภายใต้ชุดหนังรัดรูปอันเป็นเอกลักษณ์ของทีมงาน Parallel เจฟเฟอร์รับรู้ได้ถึงพลังงานความร้อนที่กำลังโรมรันผิวตูดของเขา มันอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ จนค่อนไปทางร้อน กระทั่งเจ้าตัวย่อขาลงแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างลงไปตะปบไว้นั่นแหละมันถึงได้หยุด! ก่อนจะได้ออกมาเป็นแผ่นกระดานบางใส 2 แผ่นที่เรียกว่า "Jumper board".ขนาดกับรูปร่างเหมือนกับจานร่อนพลาสติกที่คนรักหมาใช้ปาให้เจ้าตูบกระโดดงับ ต่างกันนิดตรงที่ "Jumper board" นั้นอยู่ในรูปของคลื่นพลังงานมากกว่า มันเรืองแสงตลอดเวลา บางเบาแต่แข็งแกร่ง มิหนำซ้ำบริเวณด้านล่างยังมองเห็นประกายไฟสปาร์คเป็นเส้น ๆ ราวกับสายฟ้าจากค้อนโยเนียร์ของธอร์เทพเจ้า."เอาล่ะพอถือไว้ในมือแล้วจากนั้นก็.. , ฮึบ!"."พลั๊ว! , พลั๊ว! , พลั๊ว!""ฟิ้ววววว~!".ประหนึ่งเคยได้เสียกับจาพนมมาก่อน เจฟเฟอร์ตีลังกาใส่เกลียวพลันปาเจ้าแผ่น jumper board ออกไปกลางอากาศ! ม้วนตัวทีก็ปาไปอันนึง หกคะเมนหกรอบก็ปาออกไปหกแผ่น มันแทบจะวาร์ปขึ้นมาบนก้นได้เองในทุก ๆ ครั้งที่เขาไพล่มือไปสัมผัสโดนเข้า แผ่นบอร์ดพุ่งแหวกอากากาศฟึบฟับ ๆ ๆ ! คล้ายกับดาวกระจาย ก่อ
รังสีอำมหิตแผ่ซ่านสยายไกลมาถึงคนนอก เบอร์แบโต้กับเจฟเฟอร์ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ รับรู้ได้เลยว่าปิเก้กำลังแบกรับความกดดันอยู่มากแค่ไหน พวกเขาเหงื่อแตกซิก หายใจติด ๆ ขัด ๆ ไม่อยากจะคิดว่านี่จะเป็นเรื่องจริง เพราะความจริงแล้วถ้าเขาไม่มัวเถลไถลหาแขนข้างใหม่อยู่ เหตุการณ์สุดสยองทำนองนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นกับปิเก้เป็นแน่."เชี้ยเอ๊ย! ถ้ากูใส่เกียร์หมาเร่งกระเด้าเย็ดผู้หญิงให้แตกเร็วกว่านี้นะมึงเอ๊ย ไอ้ปิเก้มึงคงไม่ตายกูพูดจริง ๆ กูขอโทษเพื่อน"ส่ายหน้าไปมาปลดปลง จนเจฟเฟอร์ลืมไปเลยว่าทุกอย่างที่ฉายอยู่นั้นพุ่งออกมาจากตาของเขา."เฮ๊ย! พี่เจฟ! ใจเย็นก่อนพี่! เส้นโฮโลแกรมมันแตกกระจายหมดแล้ว ผมเวียนหัวดูไม่ออกเลยว่าอะไรเป็นอะไร แล้วพี่ก็อย่าโทษตัวเองไปเลย ความเสียใจของพี่ผมสิต้องเป็นคนแบกรับเอาไว้ ผมน่ะรับงานโดยตรงมาจากบอสเลยนะ"เบอร์แบโต้พยายามพูดปลอบใจ แล้วทันใดนั้นเองภาพเหตุการณ์จากเครื่องฉายในม่านตาก็กลับมาชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เส้นลำแสงวูบไหวไปจังหวะหนึ่ง ตัดกลับมาหนนี้เจฟเฟอร์สังเกตเห็นเลยว่า ขณะนั่งคุกเข่าอยู่และกำลังจะถูกบ่วงเชือกไนล่อนกระชากคอขึ้นไป ปลายนิ้วชี้ของปิเก้ได้หักมุมลงมาแล้ว เขาเตร
"พี่ปิเก้กำลังบอกใบ้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากบนนั้นใช่ไหมครับ? พี่เขาต้องการให้เราขึ้นไปสืบข้างบนใช่ไหมพี่เจฟ?"เบอร์แบโต้ตวาดเสียงดุดัน ท่าทางเขาดูจริงจังจนออกนอกหน้า ซึ่งเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับสีหน้าสีตาของสายลับรุ่นพี่เป็นที่สุด."โอ่ย! โอ่ย! โอ่ย! ๆ ไอ้โต้เอ๊ย! ไอ้โต้! นี่ตอนเด็ก ๆ แม่มึงบดแกลบให้แดกกับกาบมะพร้าวเหรอ สมองมึงถึงอุ้มน้ำได้ถึงเพียงนี้! มันใช่ซะที่ไหนล่ะเจ้าทึ่ม! ตอนนั้นปิเก้มันนอนแหงนหน้าอยู่ใช่ไหม?"."ใช่ครับ.. พี่เขาหนุนตักผมอยู่?"."ถ้างั้นก็ไม่ผิดหรอก! เพราะที่มันชี้น่ะไม่ใช่รูแหว่งโบ๋บนหลังคา หากแต่เป็นของที่ขวางอยู่เบื้องหน้าอย่างหน้าผากแกต่างหากล่ะเจ้างั่ง!".ได้ยินเช่นนั้นมือหนาหยาบกร้านของเบอร์แบโต้ ก็รีบตะปบวนไปวนมาบนหน้าผากตัวเองทันที แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นมีอะไรผิดสังเกต."หน้าผากผมมันมีอะไรเหรอครับพี่เจฟ ผมไม่เห็นจะเข้าใจในสิ่งที่พี่พูดเลย?"."เฮ้อ..! คืออย่างงี้สิ่งที่ฉันจะบอกก็คือ ธรรมชาติของหน่วยภาคสนามอย่างเราน่ะ มันต้องพร้อมที่จะตายตลอดเวลาอยู่แล้ว ก็เลยมีความจำเป็นที่จะต้องบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ เอาไว้อย่างลับ ๆ ผ่านทางชิบที่ฝังไว้ในส