บทที่ 8
เจ้าฟ้าชายลงไปหยิบซากนกตัวเล็กที่เพิ่งยิงขึ้นมาด้วยมือเปล่า เลือดจากปีกของมันเปื้อนถุงมือหนังสีดำของเขา แต่เขาก็ไม่แยแส สายตาคมกริบเหลือบมองนกในมือก่อนจะเหลือบมองเจ้าหญิงแอนเจลีก้า “ดูสิ…อ่อนแอเกินกว่าจะปกป้องตัวเอง เหมือนกับเธอไม่มีผิด” เขาเอ่ยพร้อมกับใช้มือบีบนกน้อยจนร่างแหลกละเอียดคามือ ก่อนจะปล่อยนกตัวนั้นหล่นลงกับพื้นอย่างไร้เยื่อใย สิ่งที่เขาทำ ทำให้เจ้าหญิงตัวสั่นเทา และแทบจะหายใจไม่ออก “หึ” เจ้าฟ้าชายเหยียดยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปนั่งบนหลังม้า เขาเอื้อมมือมาจับเส้นผมของเธอเบา ๆ ก่อนจะบิดเล่นราวกับมันเป็นสิ่งที่เขามีสิทธิ์ในการครอบครอง เจ้าหญิงก็ได้แต่หลับตาแน่นด้วยความหวาดกลัว น้ำตาไหลออกมาช้า ๆ อย่างห้ามไม่ได้ “ฮึก” เจ้าหญิงสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ เมื่อมือหนาขยุ้มเส้นผมยาวสลวยของเธอจนแน่น ศีรษะของเธอถูกกระชากอย่างแรงจนกระแทกเข้ากับแผงอกกำยำของเขา เสียงลมหายใจหนักหน่วงของเขาดังอยู่ใกล้ใบหูเธอ ยิ่งทำให้เธอตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เขาก้มใบหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกแทบแตะกับแก้มนวลที่เปรอะน้ำตา ก่อนจะตวัดลิ้นปาดเลียน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลไปด้วยความจงใจ สัมผัสนั้นช่างหยาบคายและไร้ซึ่งความปรานี “อื้อ!” เจ้าหญิงหลับตาปี๋ รีบเบือนหน้าหนีจากสัมผัสหยาบโลนของเขา แต่แรงยื้อยุดจากมือหนาที่จับเธอไว้แน่นทำให้เธอไม่มีทางหลีกหนีไปได้ ริมฝีปากของเขาเคลื่อนเข้ามาใกล้อีกครั้งจนเธอรู้สึกถึงลมหายใจร้อนที่เป่ารดข้างแก้ม “จะหนีไปไหน? ฉันบอกแล้วไงว่าเธอไม่มีทางหลุดพ้นจากฉัน” คำพูดของเขาทำให้เธอตัวสั่นเทิ้มมากขึ้น น้ำตาหยดใหม่รินไหลลงอาบแก้มซ้ำเติมความอ่อนแอในสายตาของเขา ทว่าเธอได้แต่เม้มปากแน่น กัดฟันกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ พลางกอดตัวเองเพื่อปกป้องตัวจากความดิบเถื่อนของเขา เขามองเธอด้วยสายตาที่ทั้งเย้ยหยันและพึงพอใจในความหวาดกลัวของเธอ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา ก่อนจะพูดเสียงเย็นชาว่า... “น้ำตาเธอหวานดี…น่าจะมีอีกเยอะใช่ไหม?” “ฮึก” “หึ” เจ้าฟ้าชายแสยะยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ จากนั้นก็ขี่ม้าไปตามเส้นทางป่าลึก เขาไม่พูดอะไรเลยตลอดทาง มีเพียงเสียงสะอื้นของเจ้าหญิงที่ดังขึ้นเป็นระยะ เธอยังคงอยู่ในภาวะหวาดกลัวไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขาจะทำอะไรต่อไป เมื่อเจ้าฟ้าชายหยุดม้าที่หน้าผา โดยเบื้องล่างเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เขาลงจากม้าแล้วยื่นมือไปจับเชือกม้าแล้วผูกไว้กับต้นไม้ “ลงมา” เขาสั่งคำสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงดุ จนเจ้าหญิงเกือบจะไม่กล้าขยับตัว แต่เธอก็ต้องทำตามคำสั่งอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อเจ้าหญิงลงจากม้า เขาก็ยื่นมือออกมาเพื่อให้เธอจับ มือของเขากระชับเธอไว้แน่น จนเจ้าหญิงรู้สึกถึงแรงกดดันที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกลากไปยังที่ที่ไม่อยากไป “มานี่” เจ้าฟ้าชายเอ่ยขณะจับมือเธอเดินไปข้างหน้า เจ้าหญิงรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล จึงพยายามจะหยุดการเคลื่อนไหวของตัวเอง โดยยืนขาตั้งมั่นที่เดิม เธอไม่อยากเดินไปกับเขา ไม่อยากเข้าใกล้น้ำตกนั้น เพราะเธอคิดว่ามันคงเป็นจุดที่เขาจะทำให้เธอต้องเจอสิ่งที่แย่ที่สุด “ไม่…เราไม่ไป…” เสียงเธอสั่นเครือ และเมื่อเจ้าฟ้าชายเห็นท่าทางนั้นของเธอ เขาก็หยุดเดิน เขาหันไปมองหน้าเธอและสายตาของเขาเต็มไปด้วยการควบคุม “อย่าทำให้ฉันหงุดหงิด เพราะถ้าฉันหงุดหงิด เธออาจจะรับมือไม่ไหว” เจ้าฟ้าชายพูดเสียงต่ำ ก่อนที่จะบีบมือของเจ้าหญิงแรงขึ้น ราวกับเขาต้องการให้เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่น “จะไปกับฉัน ดีๆ หรือจะให้ฉันลากไป?” เขาพูดโดยไม่ละสายตาจากเธอ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยอำนาจที่ทำให้เจ้าหญิงรู้สึกกลัวจนไม่สามารถตอบโต้ได้ เจ้าหญิงสะท้านไปทั้งตัว เธอรู้ว่าตัวเองไม่มีทางเลือกอื่น เธอต้องทำตามคำสั่งของเขา เธอจำใจก้าวขาไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก เมื่อเดินมาถึงหน้าผาน้ำตก เจ้าชายก็หันหน้ามาออกคำสั่งว่า... “ถอดเสื้อผ้าออก” เสียงทุ้มต่ำห้าวหาญดังก้องกังวาน คำพูดห้วนๆ แต่หนักแน่นของเขาดูไม่ต่างจากเสียงสั่งการในสนามรบ ชัดเจนว่าเป็นคำสั่งที่เธอไม่อาจขัดขืน เจ้าหญิงก็ตัวแข็งทื่อ ริมฝีปากสั่น ความตกใจกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เธอถอยหลังอย่างช้าๆ พยายามหนีจากสายตาคมกริบที่จ้องมองเธอราวกับเหยื่อ “แค่อาบน้ำที่น้ำตกด้วยกัน ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น?” “....” “เธอคงไม่คิดว่าฉันจะโยนเธอลงน้ำหรอกนะ?” “....” เจ้าหญิงเงียบไป สายตาของเธอมองไปที่น้ำตกเบื้องล่างอย่างหวาดระแวง เจ้าชายเห็นท่าทางนั้นแล้วก็หรี่ตามองเธออย่างไม่พอใจ ริมฝีปากของเขายังคงยิ้มเย็นชาเหมือนมันเป็นการพูดคุยธรรมดา “กลัวน้ำ?” “...เพคะ” “หึ บนโลกนี้มีอะไรบ้างที่เธอไม่กลัว?” “....” “ถอดเสื้อผ้าออก” “....” เจ้าหญิงไม่ยอมทำตาม เธอพยายามจะออกห่างจากเขา “มีฉันอยู่ ไม่มีอะไรที่เธอต้องกลัว” “....” นั่นแหละปัญหาใหญ่ เพราะมีเขาอยู่ เธอถึงต้องกลัว “หรือกลัวว่าฉันจะทำแบบเมื่อกี้?” คำพูดนั้นดังก้องอยู่ในหูเจ้าหญิง เหมือนมีก้อนหินหนักๆ ที่ทุบลงมาในใจเธอ ทำเอาสติเริ่มหลุดลอยไปตามคำพูดของเขา เจ้าหญิงเผลอถอยหลังอย่างรวดเร็ว ร่างกายเธอพลิกไปในทิศทางที่เธอหวังว่าจะสามารถหนีจากการคุกคามนี้ได้ แต่เจ้าชายก็หยุดเธอไว้ก่อน “อย่ากลัวไปเลย เพราะยังไงเธอกับฉันก็ต้องเยxกัน จนกว่าจะตายกันไปข้าง” เจ้าหญิงตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว หัวใจของเธอตกลงไปอยู่ที่เท้า ความรู้สึกทั้งเจ็บปวดและหวาดกลัวเข้ามารุมเร้าเธอจนแทบจะไม่สามารถหายใจได้ “เมื่อกี้ยังไม่ถือว่าเอาจริง” “....” “มาเยxกันต่อให้มัน จบๆ เยxจนกว่าฉันจะพอใจ ถ้าเธอทำให้ฉันพอใจ วันนี้ทั้งวันฉันจะไม่ยุ่งกับเธออีก” “อึก…” “ฉันจะปล่อยเธอไป…ก็เมื่อเธอทำให้ฉันพอใจที่สุดเท่านั้น แต่ถ้าทำไม่ได้…วันนี้ทั้งวันเธอจะไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะขอพัก” คำพูดนั้นทำให้เจ้าหญิงถอยหลังหนีอัตโนมัติ พยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมแน่นของเจ้าชาย แต่แรงมือที่บีบไว้แน่นราวคีมเหล็กทำให้เธอไม่มีทางหลุดรอดได้ “อย่า! หยุดนะ!” เจ้าหญิงตะโกนเสียงสั่นเมื่อเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของเขาที่ดูเหมือนจะสนุกกับการได้เห็นเธอกลัว “อย่าทำอะไรบ้าๆ!” เจ้าหญิงร้องเสียงหลง แต่ดวงตาของเจ้าชายกลับเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและความบ้าคลั่งที่ไม่อาจอ่านออก ทันใดนั้น “กรี๊ดดดดด!” เสียงกรีดร้องของเธอดังก้องไปทั่ว เมื่อเจ้าชายเหวี่ยงร่างบางออกไปอย่างแรงจนตกลงสู่สายน้ำที่เชี่ยวกรากเบื้องล่าง ร่างเจ้าหญิงกระแทกลงสู่ผิวน้ำเย็นเยียบและลึกจนเธอสัมผัสถึงความเวิ้งว้างไร้จุดสิ้นสุด และน้ำที่เย็นจัดเบื้องล่างก็กระแทกร่างเธอราวกับเข็มนับพันที่แทงทะลุผิว น้ำตกแห่งนี้ลึกมากกว่าสามเมตร และยิ่งไปกว่านั้น เธอว่ายน้ำไม่เป็น! เจ้าหญิงพยายามตะเกียกตะกายดิ้นรน มือไม้ปัดป่ายเพื่อเอาตัวรอด เธอกำลังหายใจไม่ออก น้ำเย็นก็ไม่ปรานี ซัดกระแทกร่างเธอไปมา ทำให้ความหวาดกลัวเกาะกุมจิตใจจนเธอแทบสิ้นหวัง ความหนาวเย็นและความลึกของน้ำโอบรัดร่างเธอไว้แน่น แต่สัญชาตญาณเอาตัวรอด สั่งให้เธอตะเกียกตะกายพยุงตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ แต่ยิ่งตะเกียกตะกายขึ้นมาสู่ผิวน้ำ ร่างของเธอก็ยิ่งจมดิ่งลงไปเบื้องล่าง บนหน้าผา เจ้าฟ้าชายมองภาพนั้นอย่างนิ่งเฉย รอยยิ้มสนุกสนานและบ้าคลั่งปรากฏบนใบหน้า เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอหนาราวกับพบความสุขในหายนะ ก่อนจะเริ่มถอดเสื้อผ้าทีละชิ้น เขากระชากเสื้อเชิ้ตจากร่าง เผยให้เห็นแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม เขายืนอยู่ตรงขอบหน้าผา สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะกางแขนออก พลางทิ้งตัวลงสู่เบื้องล่างอย่างไร้ความกังวล ร่างของเจ้าชายกระแทกลงสู่ผิวน้ำอย่างสง่างามพร้อมกับน้ำกระเซ็นขึ้นรอบตัวเขา เจ้าชายว่ายน้ำอย่างชำนาญตรงเข้าหาเธอที่กำลังดิ้นรนอยู่ใต้น้ำ ในเวลาไม่นาน เจ้าหญิงที่กำลังจมอยู่ใต้ผิวน้ำก็รู้สึกถึงมือแข็งแรงที่คว้าตัวเธอไว้ เขาดึงเธอขึ้นมาจากความลึก อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนในท่ากระเตง “แค่กๆๆ!” เจ้าหญิงสำลักน้ำ ใบหน้าซีดขาวเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความตื่นกลัว เธอกอดคอเขาไว้แน่นตามสัญชาตญาณเอาตัวรอด “ก็แค่น้ำตก ต้องกลัวขนาดนี้เลยเหรอ?” เขากระซิบชิดใบหู น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเย้ยหยันและเจ้าเล่ห์ ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอราวกับนักล่าที่กำลังขบขันกับเหยื่อในกำมือ เจ้าหญิงทำได้เพียงหลับตาแน่น หวังว่าความบ้าคลั่งที่แผ่ซ่านจากตัวเขาจะไม่กลืนกินเธอไปเสียก่อน ”แค่กๆๆ” เธอทั้งตกใจและหวาดกลัว จนน้ำตาเอ่อล้นดวงตาไหลออกมาผสมกับหยดน้ำบนใบหน้า เธอทำได้เพียงกอดเขาไว้แน่นอย่างสิ้นหวัง เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเขา “ระหว่างน้ำตกกับน้ำของฉัน…เธอกลัวน้ำไหนมากกว่ากัน?” “แค่ก! แค่กๆๆ” เจ้าหญิงยังคงสำลักน้ำอย่างน่าสงสาร ร่างบางเปียกชุ่มจนชุดที่สวมใส่แนบลู่ไปกับเรือนร่าง เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่ความหวาดกลัวกลับทำให้หายใจไม่ทั่วท้อง “ตอบสิ...แองจี้” เสียงของเขาแหลมคมเหมือนคมดาบที่กรีดผ่านหัวใจเธอ เจ้าชายเลื่อนใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มร้ายกาจแฝงความเป็นเจ้าของเข้ามาจนชิดใบหน้าหวาน เขาใช้นิ้วเชยคางเธอขึ้นอย่างบังคับบทที่ 10“ที่ท่านพูดมาทั้งหมด ท่านก็แค่อิจฉา”คำพูดของเจ้าหญิงฟังดูสงบนิ่ง แต่ดวงตาของเธอสั่นไหวด้วยความหวาดหวั่น ทว่าแม้เธอจะหวาดกลัวเพียงใด เธอก็ไม่อาจละเลยการปกป้องศักดิ์ศรีของ ‘ไฟ’ เจ้าชายมาเฟีย จากเอเชีย ผู้เป็นรักแรกและรักเดียวของเธอ“อิจฉา? คนอย่างฉันเหรออิจฉามัน? คนอย่างมันมีอะไรให้อิจฉา!” เจ้าฟ้าชายตอกกลับทันควัน “ถึงท่านจะบอกว่าท่านไม่ได้อิจฉาไฟ แต่การกระทำและคำพูดของท่าน มันชัดเจนเหลือเกินว่าท่านอิจฉา ท่านริษยา และท่านมองว่าไฟเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว”คำพูดของเธอแทงเข้าไปในใจเขาเหมือนคมดาบ ทำเอาเจ้าฟ้าชายชะงัก ดวงตาคมกริบมองเธออย่างไม่พอใจ แต่ก็ยังไม่ได้โต้แย้งคำพูดของเธอ“เพราะถ้าท่านไม่ได้มองไฟเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว ต่อให้ไฟทำอะไรท่าน ท่านก็คงไม่มีทางสนใจ หรืออย่างมากก็คงส่งคนของท่านไปจัดการ แต่นี่ ท่านกลับลงมือเอง ท่านคอยตามตอแย จองล้างจองผลาญไฟไม่หยุด ความจริงมันชัดเจนเหลือเกินว่าท่านอิจฉาไฟ ท่านมองว่าไฟเป็นคู่แข่งที่อันตรายที่สุดของท่าน”เจ้าหญิงเอ่ยอย่างมั่นใจ แม้เสียงของเธอจะสั่นเครือ แต่น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความแน่วแน่และกล้าหาญ คำพูดนั้นกระแทกใจเจ้าฟ้าชายราวกับสายฟ
บทที่ 9เขาเลื่อนสายตามองเนินอกของเธอผ่านเนื้อผ้าบางที่เปียกชุ่มจนแนบสนิทไปกับผิวขาวซีด มือข้างขวาโอบกระเตงร่างบอบบางไว้แน่น ขณะที่มืออีกข้างเริ่มลากไล้ไปตามส่วนเว้าโค้งของเธออย่างปรารถนาในขณะเดียวกัน ท่อนล่างของเขาก็แข็งผงาด ดีดเด้งขึ้นมาเสียดสีบั้นท้ายงอนงาม“ถ้าไม่ตอบ ฉันจะไม่ปรานี” “อึก แค่กๆ!” เจ้าหญิงทั้งสำลักน้ำและสะอื้นจนร่างกายสั่นเทา เส้นผมของเธอยุ่งเหยิงไปหมด สองแขนเล็กๆ กอดคอเขาแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ราวกับเป็นทางเดียวที่จะรักษาชีวิตของเธอไว้ได้“ก…กลัว…ทั้งสองเพคะ” เธอเอ่ยคำตอบด้วยเสียงสั่นพร่า น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง“หึ ถ้าทำตามตั้งแต่แรก เธอก็ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาพูดพร้อมแสยะยิ้มมุมปาก สายตานั้นไม่ได้ลดความดุดันลงแม้แต่น้อย“อึก…” เธอได้แต่กลั้นเสียงสะอื้นและก้มหน้าหนี“ทำให้ฉันพอใจ แล้วฉันจะพาเธอขึ้นฝั่ง” เจ้าหญิงได้ยินอย่างนั้นก็สั่นระริกด้วยความกลัว น้ำตาที่ไหลออกมาไม่อาจกลบความสิ้นหวังในดวงตาคู่นั้นได้ ขณะที่เขามองเธอด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็นและอำนาจที่เหนือกว่าอย่างสมบูรณ์ด้วยความกลัวจับใจว่าเขาจะปล่อยเธอจมอยู่ในน้ำลึกเย็นเยียบนี้ เจ้าห
บทที่ 8เจ้าฟ้าชายลงไปหยิบซากนกตัวเล็กที่เพิ่งยิงขึ้นมาด้วยมือเปล่า เลือดจากปีกของมันเปื้อนถุงมือหนังสีดำของเขา แต่เขาก็ไม่แยแส สายตาคมกริบเหลือบมองนกในมือก่อนจะเหลือบมองเจ้าหญิงแอนเจลีก้า“ดูสิ…อ่อนแอเกินกว่าจะปกป้องตัวเอง เหมือนกับเธอไม่มีผิด” เขาเอ่ยพร้อมกับใช้มือบีบนกน้อยจนร่างแหลกละเอียดคามือ ก่อนจะปล่อยนกตัวนั้นหล่นลงกับพื้นอย่างไร้เยื่อใย สิ่งที่เขาทำ ทำให้เจ้าหญิงตัวสั่นเทา และแทบจะหายใจไม่ออก“หึ” เจ้าฟ้าชายเหยียดยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปนั่งบนหลังม้า เขาเอื้อมมือมาจับเส้นผมของเธอเบา ๆ ก่อนจะบิดเล่นราวกับมันเป็นสิ่งที่เขามีสิทธิ์ในการครอบครอง เจ้าหญิงก็ได้แต่หลับตาแน่นด้วยความหวาดกลัว น้ำตาไหลออกมาช้า ๆ อย่างห้ามไม่ได้“ฮึก” เจ้าหญิงสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ เมื่อมือหนาขยุ้มเส้นผมยาวสลวยของเธอจนแน่น ศีรษะของเธอถูกกระชากอย่างแรงจนกระแทกเข้ากับแผงอกกำยำของเขา เสียงลมหายใจหนักหน่วงของเขาดังอยู่ใกล้ใบหูเธอ ยิ่งทำให้เธอตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เขาก้มใบหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกแทบแตะกับแก้มนวลที่เปรอะน้ำตา ก่อนจะตวัดลิ้นปาดเลียน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลไปด้วยความจงใจ สัมผัสนั้นช่
บทที่ 7“....” คำพูดนั้นเหมือนคมมีดกรีดลึกลงในจิตใจ เจ้าหญิงแอนเจลีก้ากำมือแน่น พยายามข่มความรู้สึกเสียใจและความโกรธแค้นในใจ เธอไม่ตอบโต้อะไร เพียงแต่หลบสายตาและก้มหน้าลงต่ำมือบางทั้งสองข้างเกร็ง พยายามประคองร่างกายที่สั่นเทาให้ลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า แต่เมื่อร่างกายตั้งตรง ความเจ็บปวดที่ฉีกขาดราวกับถูกไฟเผาตรงกลางหว่างขาก็ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง มันทวีความรุนแรงขึ้นทุกวินาทีจนแทบจะทำให้เจ้าหญิงทรุดตัวลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง ใบหน้าซีดเผือด เหงื่อไหลท่วม ริมฝีปากสั่นระริก ขาอ่อนแรงแทบจะก้าวเดินไม่ได้ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเป็นความทรมานอย่างแสนสาหัส“หึ” สมเด็จเจ้าฟ้าชายแค่นหัวเราะในลำคอหนาออกมาเบา ๆ พลางกระชากร่างบางขึ้นมาบนหลังม้าของพระองค์ “เกาะไว้ให้แน่น เรายังมีภารกิจต้องทำต่อ อย่าตกจากหลังม้าไปซะก่อน”เจ้าหญิงนั่งอยู่ด้านหน้า โดยเจ้าฟ้าชายนั่งซ้อนหลัง จากนั้นสมเด็จเจ้าฟ้าชายก็บังคับม้าให้ไปในทางที่ต้องการ พุ่งทะยานเข้าไปในป่าลึกมากขึ้น ทิ้งคราบเลือดและคราบน้ำกามไว้เบื้องหลัง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยในขณะที่ม้าวิ่ง เจ้าหญิงก็กัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้ตลอดทาง ยิ่งม้าวิ่งแรงม
บทที่ 6สมเด็จเจ้าฟ้าชายโน้มใบหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือหนาและแข็งแรงตะปบลงบนทรวงอกใหญ่ราวกับต้องการครอบครองทุกอย่าง บีบขย้ำด้วยแรงที่มากพอจะทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือกใบหน้าของเจ้าหญิงบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดผสมความตกใจ ขณะที่ริมฝีปากของเขาเข้าครอบครองยอดอกสีชมพูระเรื่ออย่างตะกละตะกลาม การดูดดึงนั้นเต็มไปด้วยความรุนแรงและความกระหาย เหมือนเขาต้องการตอกย้ำความเหนือกว่าของตนในทุกการกระทำปึก! ปึก! ปึก! ปึก!ขณะเดียวกัน สะโพกสอบของสมเด็จเจ้าฟ้าชายก็ขยับเข้าใส่ด้วยจังหวะหนักหน่วงและไร้ความปรานี เจ้าหญิงแอนเจลีก้าผู้ไร้ทางสู้ ก็ทำได้เพียงกัดริมฝีปากแน่น พยายามอดกลั้นความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง น้ำตาใสไหลอาบแก้มซีดขาวราวกับหยดน้ำแข็งที่ละลาย เธออยากจะกรีดร้องออกมาเพื่อปลดปล่อยความทรมานในหัวใจและร่างกาย แต่กลับไม่มีแม้แต่เสียงจะเปล่งออกมา ความเจ็บปวดที่ลึกล้ำเกินบรรยายกดทับเธอไว้จนรู้สึกราวกับถูกพันธนาการอยู่ในกรงที่ไร้ทางหลบหนีสมเด็จเจ้าฟ้าชายจัดแจงท่าทางให้เจ้าหญิงหันหลังให้ในท่าด๊อกกี้ มืออีกข้างบีบเอวคอดกิ่วแน่น จากนั้นก็กระแทกกระทั้นเข้าใส่รัวๆปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก
บทที่ 5“อึก…เพราะท่านเลวแบบนี้ไง เราถึงปฏิเสธท่าน!” เจ้าหญิงกล่าวพร้อมมองสบตาเจ้าฟ้าชายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก แต่คำพูดนั้นกลับเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจนดูเหมือนไม่มั่นใจสมเด็จเจ้าฟ้าชายก็ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำว่า...“งั้นเหรอ?”“....” เจ้าหญิงมองอย่างหวาดระแวง พลางแอบเขยิบตัวออกห่างเจ้าชายโน้มใบหน้าเข้าใกล้จนลมหายใจร้อนผ่าวแตะผิวแก้มของเจ้าหญิง ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยอำนาจที่กดดันทุกอย่างรอบตัว “ถ้าคิดว่าคำพูดแค่นี้จะทำให้ฉันล้มเลิก…เธอคิดผิด” เสียงต่ำและหนักแน่นของเขาเอ่ยออกมา ราวกับประกาศชัยชนะที่อีกฝ่ายไม่มีวันหลีกเลี่ยงมือข้างหนึ่งของเขาบีบแน่นรอบลำคอระหง นิ้วมือกดลึกลงจนผิวเนื้อเริ่มขึ้นสีแดงจาง ส่วนอีกมือรั้งเอวบางเข้ามาชิดกับร่างกำยำอย่างแน่นหนา เจ้าหญิงก็พยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง มือทั้งสองข้างพยายามดึงข้อมือของเขาออก แต่แรงของเธอเทียบไม่ได้เลยกับแรงของเขาสุดท้ายร่างเล็กก็ถูกตรึงไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก เสียงหอบสะท้อนเบา ๆ จากลำคอระหง ขณะที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว น้ำตาเอ่อล้นออกมา แต่ถึงกระนั้น ดวงตาคู่สวยยังคงจ้องกล