บทที่ 10“ที่ท่านพูดมาทั้งหมด ท่านก็แค่อิจฉา”คำพูดของเจ้าหญิงฟังดูสงบนิ่ง แต่ดวงตาของเธอสั่นไหวด้วยความหวาดหวั่น ทว่าแม้เธอจะหวาดกลัวเพียงใด เธอก็ไม่อาจละเลยการปกป้องศักดิ์ศรีของ ‘ไฟ’ เจ้าชายมาเฟีย จากเอเชีย ผู้เป็นรักแรกและรักเดียวของเธอ“อิจฉา? คนอย่างฉันเหรออิจฉามัน? คนอย่างมันมีอะไรให้อิจฉา!” เจ้าฟ้าชายตอกกลับทันควัน “ถึงท่านจะบอกว่าท่านไม่ได้อิจฉาไฟ แต่การกระทำและคำพูดของท่าน มันชัดเจนเหลือเกินว่าท่านอิจฉา ท่านริษยา และท่านมองว่าไฟเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว”คำพูดของเธอแทงเข้าไปในใจเขาเหมือนคมดาบ ทำเอาเจ้าฟ้าชายชะงัก ดวงตาคมกริบมองเธออย่างไม่พอใจ แต่ก็ยังไม่ได้โต้แย้งคำพูดของเธอ“เพราะถ้าท่านไม่ได้มองไฟเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว ต่อให้ไฟทำอะไรท่าน ท่านก็คงไม่มีทางสนใจ หรืออย่างมากก็คงส่งคนของท่านไปจัดการ แต่นี่ ท่านกลับลงมือเอง ท่านคอยตามตอแย จองล้างจองผลาญไฟไม่หยุด ความจริงมันชัดเจนเหลือเกินว่าท่านอิจฉาไฟ ท่านมองว่าไฟเป็นคู่แข่งที่อันตรายที่สุดของท่าน”เจ้าหญิงเอ่ยอย่างมั่นใจ แม้เสียงของเธอจะสั่นเครือ แต่น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความแน่วแน่และกล้าหาญ คำพูดนั้นกระแทกใจเจ้าฟ้าชายราวกับสายฟ
บทที่ 9เขาเลื่อนสายตามองเนินอกของเธอผ่านเนื้อผ้าบางที่เปียกชุ่มจนแนบสนิทไปกับผิวขาวซีด มือข้างขวาโอบกระเตงร่างบอบบางไว้แน่น ขณะที่มืออีกข้างเริ่มลากไล้ไปตามส่วนเว้าโค้งของเธออย่างปรารถนาในขณะเดียวกัน ท่อนล่างของเขาก็แข็งผงาด ดีดเด้งขึ้นมาเสียดสีบั้นท้ายงอนงาม“ถ้าไม่ตอบ ฉันจะไม่ปรานี” “อึก แค่กๆ!” เจ้าหญิงทั้งสำลักน้ำและสะอื้นจนร่างกายสั่นเทา เส้นผมของเธอยุ่งเหยิงไปหมด สองแขนเล็กๆ กอดคอเขาแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ราวกับเป็นทางเดียวที่จะรักษาชีวิตของเธอไว้ได้“ก…กลัว…ทั้งสองเพคะ” เธอเอ่ยคำตอบด้วยเสียงสั่นพร่า น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง“หึ ถ้าทำตามตั้งแต่แรก เธอก็ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาพูดพร้อมแสยะยิ้มมุมปาก สายตานั้นไม่ได้ลดความดุดันลงแม้แต่น้อย“อึก…” เธอได้แต่กลั้นเสียงสะอื้นและก้มหน้าหนี“ทำให้ฉันพอใจ แล้วฉันจะพาเธอขึ้นฝั่ง” เจ้าหญิงได้ยินอย่างนั้นก็สั่นระริกด้วยความกลัว น้ำตาที่ไหลออกมาไม่อาจกลบความสิ้นหวังในดวงตาคู่นั้นได้ ขณะที่เขามองเธอด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็นและอำนาจที่เหนือกว่าอย่างสมบูรณ์ด้วยความกลัวจับใจว่าเขาจะปล่อยเธอจมอยู่ในน้ำลึกเย็นเยียบนี้ เจ้าห
บทที่ 8เจ้าฟ้าชายลงไปหยิบซากนกตัวเล็กที่เพิ่งยิงขึ้นมาด้วยมือเปล่า เลือดจากปีกของมันเปื้อนถุงมือหนังสีดำของเขา แต่เขาก็ไม่แยแส สายตาคมกริบเหลือบมองนกในมือก่อนจะเหลือบมองเจ้าหญิงแอนเจลีก้า“ดูสิ…อ่อนแอเกินกว่าจะปกป้องตัวเอง เหมือนกับเธอไม่มีผิด” เขาเอ่ยพร้อมกับใช้มือบีบนกน้อยจนร่างแหลกละเอียดคามือ ก่อนจะปล่อยนกตัวนั้นหล่นลงกับพื้นอย่างไร้เยื่อใย สิ่งที่เขาทำ ทำให้เจ้าหญิงตัวสั่นเทา และแทบจะหายใจไม่ออก“หึ” เจ้าฟ้าชายเหยียดยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปนั่งบนหลังม้า เขาเอื้อมมือมาจับเส้นผมของเธอเบา ๆ ก่อนจะบิดเล่นราวกับมันเป็นสิ่งที่เขามีสิทธิ์ในการครอบครอง เจ้าหญิงก็ได้แต่หลับตาแน่นด้วยความหวาดกลัว น้ำตาไหลออกมาช้า ๆ อย่างห้ามไม่ได้“ฮึก” เจ้าหญิงสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ เมื่อมือหนาขยุ้มเส้นผมยาวสลวยของเธอจนแน่น ศีรษะของเธอถูกกระชากอย่างแรงจนกระแทกเข้ากับแผงอกกำยำของเขา เสียงลมหายใจหนักหน่วงของเขาดังอยู่ใกล้ใบหูเธอ ยิ่งทำให้เธอตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เขาก้มใบหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกแทบแตะกับแก้มนวลที่เปรอะน้ำตา ก่อนจะตวัดลิ้นปาดเลียน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวลไปด้วยความจงใจ สัมผัสนั้นช่
บทที่ 7“....” คำพูดนั้นเหมือนคมมีดกรีดลึกลงในจิตใจ เจ้าหญิงแอนเจลีก้ากำมือแน่น พยายามข่มความรู้สึกเสียใจและความโกรธแค้นในใจ เธอไม่ตอบโต้อะไร เพียงแต่หลบสายตาและก้มหน้าลงต่ำมือบางทั้งสองข้างเกร็ง พยายามประคองร่างกายที่สั่นเทาให้ลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า แต่เมื่อร่างกายตั้งตรง ความเจ็บปวดที่ฉีกขาดราวกับถูกไฟเผาตรงกลางหว่างขาก็ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง มันทวีความรุนแรงขึ้นทุกวินาทีจนแทบจะทำให้เจ้าหญิงทรุดตัวลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง ใบหน้าซีดเผือด เหงื่อไหลท่วม ริมฝีปากสั่นระริก ขาอ่อนแรงแทบจะก้าวเดินไม่ได้ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเป็นความทรมานอย่างแสนสาหัส“หึ” สมเด็จเจ้าฟ้าชายแค่นหัวเราะในลำคอหนาออกมาเบา ๆ พลางกระชากร่างบางขึ้นมาบนหลังม้าของพระองค์ “เกาะไว้ให้แน่น เรายังมีภารกิจต้องทำต่อ อย่าตกจากหลังม้าไปซะก่อน”เจ้าหญิงนั่งอยู่ด้านหน้า โดยเจ้าฟ้าชายนั่งซ้อนหลัง จากนั้นสมเด็จเจ้าฟ้าชายก็บังคับม้าให้ไปในทางที่ต้องการ พุ่งทะยานเข้าไปในป่าลึกมากขึ้น ทิ้งคราบเลือดและคราบน้ำกามไว้เบื้องหลัง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยในขณะที่ม้าวิ่ง เจ้าหญิงก็กัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้ตลอดทาง ยิ่งม้าวิ่งแรงม
บทที่ 6สมเด็จเจ้าฟ้าชายโน้มใบหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือหนาและแข็งแรงตะปบลงบนทรวงอกใหญ่ราวกับต้องการครอบครองทุกอย่าง บีบขย้ำด้วยแรงที่มากพอจะทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือกใบหน้าของเจ้าหญิงบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดผสมความตกใจ ขณะที่ริมฝีปากของเขาเข้าครอบครองยอดอกสีชมพูระเรื่ออย่างตะกละตะกลาม การดูดดึงนั้นเต็มไปด้วยความรุนแรงและความกระหาย เหมือนเขาต้องการตอกย้ำความเหนือกว่าของตนในทุกการกระทำปึก! ปึก! ปึก! ปึก!ขณะเดียวกัน สะโพกสอบของสมเด็จเจ้าฟ้าชายก็ขยับเข้าใส่ด้วยจังหวะหนักหน่วงและไร้ความปรานี เจ้าหญิงแอนเจลีก้าผู้ไร้ทางสู้ ก็ทำได้เพียงกัดริมฝีปากแน่น พยายามอดกลั้นความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง น้ำตาใสไหลอาบแก้มซีดขาวราวกับหยดน้ำแข็งที่ละลาย เธออยากจะกรีดร้องออกมาเพื่อปลดปล่อยความทรมานในหัวใจและร่างกาย แต่กลับไม่มีแม้แต่เสียงจะเปล่งออกมา ความเจ็บปวดที่ลึกล้ำเกินบรรยายกดทับเธอไว้จนรู้สึกราวกับถูกพันธนาการอยู่ในกรงที่ไร้ทางหลบหนีสมเด็จเจ้าฟ้าชายจัดแจงท่าทางให้เจ้าหญิงหันหลังให้ในท่าด๊อกกี้ มืออีกข้างบีบเอวคอดกิ่วแน่น จากนั้นก็กระแทกกระทั้นเข้าใส่รัวๆปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก
บทที่ 5“อึก…เพราะท่านเลวแบบนี้ไง เราถึงปฏิเสธท่าน!” เจ้าหญิงกล่าวพร้อมมองสบตาเจ้าฟ้าชายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก แต่คำพูดนั้นกลับเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจนดูเหมือนไม่มั่นใจสมเด็จเจ้าฟ้าชายก็ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำว่า...“งั้นเหรอ?”“....” เจ้าหญิงมองอย่างหวาดระแวง พลางแอบเขยิบตัวออกห่างเจ้าชายโน้มใบหน้าเข้าใกล้จนลมหายใจร้อนผ่าวแตะผิวแก้มของเจ้าหญิง ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยอำนาจที่กดดันทุกอย่างรอบตัว “ถ้าคิดว่าคำพูดแค่นี้จะทำให้ฉันล้มเลิก…เธอคิดผิด” เสียงต่ำและหนักแน่นของเขาเอ่ยออกมา ราวกับประกาศชัยชนะที่อีกฝ่ายไม่มีวันหลีกเลี่ยงมือข้างหนึ่งของเขาบีบแน่นรอบลำคอระหง นิ้วมือกดลึกลงจนผิวเนื้อเริ่มขึ้นสีแดงจาง ส่วนอีกมือรั้งเอวบางเข้ามาชิดกับร่างกำยำอย่างแน่นหนา เจ้าหญิงก็พยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง มือทั้งสองข้างพยายามดึงข้อมือของเขาออก แต่แรงของเธอเทียบไม่ได้เลยกับแรงของเขาสุดท้ายร่างเล็กก็ถูกตรึงไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก เสียงหอบสะท้อนเบา ๆ จากลำคอระหง ขณะที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว น้ำตาเอ่อล้นออกมา แต่ถึงกระนั้น ดวงตาคู่สวยยังคงจ้องกล