LOGINบทที่3 วันหยุด
เช้าวันหยุดในห้องนั่งเล่นกลางบ้านหลังใหญ่ บรรยากาศอบอุ่นแต่อึดอัดซ่อนอยู่ลึก ๆ เสียงถ้วยกาแฟกระทบจานรองดังแผ่วเบากลิ่นกาแฟคั่วสดลอยปะปนกับกลิ่นน้ำส้มคั้นที่เพิ่งเทใส่แก้ว คิงส์นั่งไขว่ห้างอยู่ที่โซฟาเสื้อยืดสีเข้มกับกางเกงสบายๆ แต่หน้าตาไม่สบายเลย มือข้างหนึ่งถือแก้วกาแฟ อีกข้างถือโทรศัพท์มือถือ สายตากดจ้องจอ แต่ความคิดล่องลอย ส่วนรินนั่งอยู่บนโซฟาอีกฝั่งของโต๊ะกาแฟ เธอสวมเสื้อยืดแขนยาวหลวมๆ กางเกงผ้าสบายตา ผมมัดขึ้นลวก ๆ ใบหน้านิ่งสงบ มือจับแก้วน้ำส้ม เงียบ... ทันใดนั้น... เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น แม่บ้านรีบไปเปิดประตู ก่อนที่สองบุคคลทรงอิทธิพลจะเดินเข้ามา ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และแววตาอยากรู้อยากเห็น “อรุณสวัสดิ์จ้ะลูก ๆ” เสียงคุณแม่เอ่ยทักก่อนจะเดินตรงมาหา รินรีบลุกขึ้นยืนทันที ไหว้ด้วยมารยาทงดงาม “สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ มาตั้งแต่เช้าเลย” “อยากเซอร์ไพรส์ พ่อกับแม่อยากเห็นว่าวันหยุดลูก ๆ อยู่กันยังไงบ้าง” คุณพ่อหัวเราะเบา ๆ ก่อนเดินไปนั่งลงบนโซฟา คิงส์เงยหน้าจากมือถือช้า ๆ สีหน้าไม่แปลกใจ... แต่ชัดเจนว่าไม่พอใจนัก “กาแฟมั้ยครับ” เขาถามเสียงเรียบ “เอาสิลูก ว่าแต่...อยู่กันเป็นไงบ้างสองคน?” คุณแม่ถามพลางเหลือบตามองไปยังรินที่นั่งลงอีกครั้ง ทุกอย่างเงียบไปชั่วขณะ...ราวกับทุกอย่างหยุดหายใจ ก่อนที่รินจะหันมายิ้มอ่อน ๆ แล้วตอบเสียงใส “ก็ดีค่ะ พี่คิงส์ดูแลรินดีมาก ๆ เลยค่ะ” “เอาใจใส่ทุกอย่าง ไม่เคยปล่อยให้รินลำบากเลย” คิงส์ที่เพิ่งยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มถึงกับหยุดชะงักกลืนลงคอแทบไม่ทัน “เหรอลูก ดีจัง พ่อดีใจนะที่ได้ยินแบบนี้” คุณพ่อยิ้มกว้างหันไปมองคิงส์ที่ยังนั่งนิ่ง “บอกแล้วแค่เปิดใจกัน ทุกอย่างก็จะดีเอง” “ใช่แล้วลูก รินเองก็น่ารัก เรียบร้อย สวยมาก อยู่เป็น” คุณแม่หันไปจับมือรินเบา ๆ “แม่เห็นแล้วก็อยากอุ้มหลานไว ๆ เลยนะเนี่ย” “หวังว่าจะไม่ต้องรอนานใช่มั้ยคะ คิงส์?” คำถามสุดท้ายนั้นแรงพอจะทำให้คิงส์กระพริบตาช้า ๆ มือที่วางบนหน้าขากำแน่นนิด ๆ ใต้โต๊ะ “ก็...มันต้องใช้เวลา…” เขาตอบเสียงเบา ริมฝีปากตึงๆ ไม่สบตาใคร รินหันมายิ้มอีกครั้ง “รินไม่รีบค่ะคุณแม่ ยังไงก็ได้ รินพร้อมปรับตัวเสมอ” “พี่คิงส์ก็ค่อยๆ ไปตามจังหวะของเขานั่นแหละค่ะ” ทุกคำพูดของริน... คือการ “รักษาหน้าคิงส์” แต่กลับเป็นมีดบาง ๆ ที่กรีดตรงความรู้สึกเขาอย่างแม่นยำ ทำเลวใส่เธอแค่ไหน... เธอกลับเลือกปกป้องเขาต่อหน้าคนอื่น ทั้งที่เขาไม่เคยแม้แต่จะ “ปกป้องใจเธอ” เลยด้วยซ้ำ “แม่ดีใจนะที่เห็นสองคนอยู่กันดี” คุณแม่ยิ้มกว้าง “แบบนี้แหละชีวิตคู่ เดี๋ยวรักก็ตามมาเอง” “ถ้ามีหลานมาให้สักสองสามคน จะได้ปิดจ็อบ!” คุณพ่อหัวเราะเอิ๊กอ๊าก รินหลบตาเล็กน้อย หน้าแดงขึ้นนิด ๆ ส่วนคิงส์...ยังนิ่ง เหมือนคนกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดอะไรบางอย่าง หลังพ่อแม่กลับไป รินนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ ส่วนคิงส์ยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น สายตาเหม่อมองไปที่แก้วกาแฟของตัวเอง เสียงของรินเมื่อครู่...มันยังวนอยู่ในหัวเขา “พี่คิงส์ดูแลรินดีมากค่ะ” “ไม่เคยปล่อยให้รินลำบากเลย...” เขาไม่ได้รู้สึกภูมิใจเลยกลับรู้สึกเหมือนถูก ตอกหน้า แบบที่ไม่มีใครเคยกล้าทำมาก่อน เธอไม่ฟ้อง ไม่ร้อง ไม่แม้แต่จะบ่นกับพ่อแม่เขา เธอแค่ “อยู่เป็น” … แต่มันเจ็บฉิบหายสำหรับคนที่พึ่งตระหนักว่า…เขานี่แหละ คือไอ้เหี้ยในเรื่องทั้งหมด บรรยากาศในห้องนั่งเล่นกลางบ้านยังคงอบอุ่นจากแสงแดดอ่อน ๆ ยามสาย บนโต๊ะอาหารมีแก้วน้ำส้มวางอยู่ฝั่งหนึ่ง กาแฟดำที่เย็นลงแล้วอยู่อีกฝั่ง คิงส์ยังนั่งอ่านเอกสารที่แม่บ้านเพิ่งนำมาให้ ส่วนรินนั่งกินของว่าง มือวางตัก สายตาก้มต่ำ เงียบ... เงียบ…แต่เหมือนทุกอย่าง “นิ่งเกินไป” จู่ ๆ เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง แม่บ้านเดินไปเปิด แล้วกลับมาพร้อมกับพนักงานชายในชุดสูทเข้มถือแฟ้มหนา ชายหนุ่มรีบโค้งตัวเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงนอบน้อม “สวัสดีครับท่านประธาน ขอโทษที่รบกวนครับ เอกสารอนุมัติเร่งด่วนนำมาส่งให้เซ็นครับ” คิงส์พยักหน้า “วางไว้ที่โต๊ะนั่น” พนักงานเดินเข้ามาใกล้ ก่อนเหลือบเห็นรินที่นั่งอยู่ หญิงสาวกำลังจะลุกขึ้นเพื่อหลีกทางเพราะรู้ว่าเรื่องงานไม่ควรอยู่ใกล้ แต่ยังไม่ทันจะลุก... “นั่งลง” เสียงทุ้มต่ำของคิงส์ดังขึ้น รินชะงัก เงยหน้าขึ้นสบตาเขาเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงตามเดิมเงียบ ๆ พนักงานชายที่เห็นทุกอย่างก็รู้สถานการณ์ในทันที รีบหันมาไหว้รินทันที “สวัสดีครับคุณผู้หญิง” คำเรียกนั้น...ทำให้รินเบิกตากว้างเล็กน้อย ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ แต่เธอก็ยกมือไหว้ตอบอย่างนอบน้อม “ไม่ต้องเกรงใจค่ะ เชิญทำงานของคุณเลย” พนักงานชายยิ้มแห้ง ๆ เหงื่อผุดบนหน้าผากแม้อากาศในบ้านจะเย็นเฉียบ เขาเปิดแฟ้ม ส่งเอกสารให้คิงส์ทีละแผ่น พร้อมอธิบายอย่างละเอียด รินนั่งฟังเงียบ ๆ ไม่ออกความคิดเห็นใดๆ แต่เธอไม่ได้มองงาน เธอกำลัง “มองเขา” มองคิงส์เวลาทำงานอย่างจริงจัง คิงส์รับเอกสารมาเซ็นทีละแผ่น ดวงตานิ่งเย็น สีหน้าเคร่งขรึม ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเล็กน้อย เวลานี้เขาเป็น “ราชันย์ อัครเวทิน” เจ้าของไทยแบงค์ ไม่ใช่พี่คิงส์คนปากร้ายใจร้ายที่ฉีกเสื้อเธอเมื่อคืน เขาหล่อแบบผู้ชายอันตราย...น่ากลัวแต่โคตรมีอำนาจ หลังเซ็นเสร็จทุกแผ่น พนักงานโค้งตัวอีกครั้ง “ขอบคุณครับท่านประธาน ขอบคุณครับคุณผู้หญิง” คิงส์ไม่ได้พูดอะไรแต่สายตาเขาก็หันกลับมามองรินอีกครั้งหนึ่งก่อนพูดเสียงเรียบ “วันหลังไม่ต้องลุกออกไป เข้าใจมั้ย” รินสบตาเขาหัวใจเต้นแรงแปลก ๆ “ค่ะ” เพียงคำเดียวสั้น ๆ แต่เสียงนั้นสั่นกว่าที่ควรจะเป็น ประตูปิดลงหลังพนักงานเดินออกเหลือเพียงความเงียบในห้องอีกครั้ง รินนั่งนิ่ง ดื่มน้ำส้มช้า ๆ ไม่รู้จะพูดอะไรคิงส์ยังนั่งเหมือนเดิม หยิบกาแฟขึ้นจิบ...ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ “เขาเรียกเธอว่าอะไรนะ?” รินหันไปมอง เห็นเขายกคิ้วมองมา “คุณผู้หญิงเหรอ?” “ค่ะ...เขาคงเกรงใจ...” “อืม...” เขาพยักหน้าเบา ๆ แต่สายตานั่นยังไม่หลบ “แล้วเธออยากให้คนอื่นเรียกแบบนั้นหรือเปล่า?” รินชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงเบา “แล้วแต่พวกเขาเถอะค่ะ” เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ยิ้มนิดเดียวที่มุมปาก...เหมือนจะพอใจแต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ ช่วงเช้าผ่านไป... รินเริ่มมีที่ยืนในบ้านหลังนี้ แม้จะเป็นแค่เงาเงียบ ๆ ที่นั่งอยู่ข้างเขาแต่มันก็ “ขยับใกล้” ไปอีกนิด ในขณะที่หัวใจของเขา...เริ่มไม่แน่ใจว่าอยากให้เธอนั่งอยู่ข้าง ๆ หรืออยากให้เธอ "ย้ายมาอยู่ในใจ" สักที หลังจากพนักงานกลับไป บรรยากาศในบ้านกลับมาสงบอีกครั้ง คิงส์ยังนั่งอ่านเอกสารเงียบๆ ส่วนรินลุกขึ้นเอาแก้วน้ำส้มไปเก็บในครัว จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจากกระเป๋าเธอหน้าจอขึ้นชื่อว่า “คุณแม่” รินรีบรับทันทีด้วยสีหน้าสว่างขึ้นเล็กน้อย “ฮัลโหล~ แม่ค่ะ...คิดถึงจังเลย~” เสียงอ่อนโยนของแม่เธอดังแว่ว ๆ จากปลายสาย “แม่กับพ่อแค่อยากโทรมาถามว่าหนูโอเคมั้ยลูก อยู่กับคิงส์แล้วมีความสุขรึเปล่า?” รินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปยังโถงฝั่งห้องหนังสือ เพื่อพูดคุยให้เป็นส่วนตัว เธอไม่รู้เลย...ว่าทันทีที่เธอลุกเดินออกไป คิงส์เงยหน้าขึ้นจากเอกสารและลุกตามไปเงียบ ๆ เขาหยุดยืนหลบตรงมุมผนัง ไม่ให้เธอเห็น ระยะห่างไม่ถึงห้าเมตร แต่เธอไม่มีทางรู้ว่าเขา “แอบฟังอยู่” เสียงของรินแว่วออกมาเบา ๆ แต่ชัดทุกคำ “รินสบายดีค่ะคุณแม่คุณพ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงเลย” “ที่นี่สะดวกมากเลยนะคะ บ้านใหญ่ แอร์เย็น อาหารดี เสื้อผ้าจะใส่ยังไงก็ได้ ไม่มีใครว่าอะไรเลย” “พี่คิงเขา...เอ่อ...ดูแลดีริน จริงๆ ค่ะ เตียงพี่คิงส์กว้างมากนอนสบายมากค่ะแม่” “พี่คิงส์เป็นคนเงียบๆ ค่ะ แต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีเลย” “เขาไม่เคยบังคับ ไม่เคยทำให้รินลำบากเลยซักนิด” เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ดังแทรกในประโยคถัดมา “เมื่อเช้าเขายังบอกว่าจะพาออกไปเที่ยวนู่นนี่อีกแน่ะ คงกลัวรินเบื่อ ฮ่าๆ” “รินมีความสุขค่ะ... มากๆ เลย” “แม่ไม่ต้องห่วง รักแม่นะคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสดใสและมั่นใจ แต่...น้ำตาเล็ก ๆ กลับเอ่อคลอที่หางตาในตอนที่พูดคำว่า "หนูมีความสุขค่ะ" คิงส์ยืนเงียบอยู่มุมกำแพง หัวใจของเขากลับเต้นแรงแปลก ๆ จนรู้สึกได้ ‘กลัวรินเบื่อ’ เหรอ? เขาเคยพูดงั้นไปเมื่อไหร่หรือรินแค่พูดให้พ่อแม่สบายใจ? คิงส์กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ เหมือนอะไรบางอย่างจุกอยู่กลางอกโดยไม่มีสาเหตุ เขาหันหลังกลับช้า ๆ ก้าวเดินหนีออกจากตรงนั้นทันทีก่อนที่รินจะหันมาเห็นว่าเขาแอบฟังอยู่ ความเงียบของเขาไม่ได้เกิดจากความเฉยชาแต่เป็นความรู้สึก “ผิดแปลก” ที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคำพูดพวกนั้นมันถึงได้...“บีบใจ” ขนาดนี้ รินวางสายลงเงียบๆ เช็ดน้ำตาหยดน้อย ที่คลออยู่มุมตา “พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงรินนะค่ะ” เธอกระซิบกับตัวเองเบาๆ หันกลับเพื่อจะเดินขึ้นไปห้องนอนและไม่รู้เลยว่าผู้ชายคนนั้น...กำลังเริ่มสับสนในความรู้สึกของตัวเองอย่างเงียบ ๆ บันไดวนของคฤหาสน์อัครเวทินเงียบสนิท มีเพียงเสียงฝีเท้าหนึ่งคู่เดินเนิบช้าขึ้นมา คิงส์ วางแก้วกาแฟลงในครัวหลังได้ยินเสียงรินคุยโทรศัพท์จบไปสักพัก เขาเดินขึ้นมาชั้นบนด้วยสีหน้าที่ไม่เฉยชาเหมือนทุกวัน แต่เหมือน...กำลังลังเลอะไรบางอย่าง มือใหญ่ผลักประตูห้องเบา ๆ ในห้องนอนใหญ่สุดหรู สว่างด้วยแสงแดดอ่อน ๆ จากผ้าม่านถูกรวบไว้ กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ในห้องยังเป็นกลิ่นที่เขาจำได้ดี — กลิ่นหอมสะอาดอ่อน ๆ ที่เป็นของริน เธอนอนอยู่บนโซฟาเบดด้านข้างเตียง ในมือเธอมีหนังสือเล่มหนึ่ง ดวงตากำลังไล่ตัวอักษรทีละบรรทัด แต่สีหน้าเธอกลับนิ่งสงบเกินจริง...แบบที่คนที่ไม่อยากให้ใครเห็นว่า "กำลังเศร้า" คิงส์ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้ามาเงียบ ๆ แล้วหยุดยืนใกล้ปลายเท้าเธอ “นอนโซฟาอีกแล้ว?” เขาคิดในใจ เขาชะงักไปชั่ววินาทีไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะนั่งลงบนเตียงที่อยู่ไม่ไกลจากเธอ “เมื่อกี้คุยกับใคร?” เขาถามเสียงเรียบ แต่แววตามองเธออย่างพิจารณา “แม่ค่ะ...โทรมาถามว่ารินมีความสุขรึเปล่า” เธอตอบด้วยเสียงเรียบ ๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่ดวงตาคู่นั้นกลับยังแดงจาง ๆ จากการเช็ดน้ำตาเมื่อครู่ “แล้วตอบว่าไง” “ก็บอกว่าพี่คิงใจดี ดูแลดี อยู่ด้วยแล้วสบายค่ะ” เธอหัวเราะเบา ๆ พลางก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ คิงส์หันมามองเธอด้วยสายตาอ่านยากเขานิ่งอยู่พักหนึ่ง... ก่อนจะถามอีก “แล้วตรงนั้น มันไม่อึดอัดเหรอ?” รินยกมือแตะโซฟาเบา ๆ แล้วยิ้มอ่อน “ไม่ค่ะ” “ที่เตียงนั่นน่ะ… มันไม่เคยเป็นของรินอยู่แล้ว” ประโยคนั้นมันดังพอจะทำให้คิงส์รู้สึกเหมือนโดนกระแทกด้วยอะไรบางอย่าง มันไม่ใช่คำประชด ไม่ใช่คำพูดตัดพ้อ แต่มันคือ... “ความจริง” ที่พูดด้วยรอยยิ้ม เธอไม่ได้เรียกร้อง... ไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้อ้อนวอน เธอแค่อยู่ของเธอเงียบ ๆ ในมุมเล็ก ๆ ที่เธอ "คิดว่าเหมาะสม" คิงส์ลุกขึ้นทันทีโดยไม่พูดอะไร แต่ก่อนจะเดินออกจากห้อง เขาหยุดหันกลับมามองเธออีกครั้ง เธอก็ยังอ่านหนังสือ...เหมือนไม่รับรู้ว่าคำพูดของเธอเมื่อครู่ ได้ทิ้งรอยบางอย่างไว้ในใจเขาแล้ว “คืนนี้…ขึ้นมานอนบนเตียงกับพี่น่ะ” เขาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกจากห้องบทที่46 ตอนพิเศษ2 NCแม้แดดในอาวีญงจะร้อนอบอ้าวในบางจุด แต่ลมเย็นจากแม่น้ำโรนที่ไหลเลียบเมืองเก่า ทำให้สายนี้ดูสดใสกว่าทุกวัน รินที่อุ้มกล้องขึ้นบ่าตัวเองอย่างคล่องแคล่วกำลังเดินอยู่บนสะพาน Pont Saint-Bénézet หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า “สะพานอาวีญง” พร้อมเจ้าตัวเล็กฝาแฝดที่อยู่ในรถเข็นคู่กัน สีหน้าตื่นตาตื่นใจมองซ้ายขวาตลอดเวลา“ป๊าาา! ปลาาาา!”เสียงแฝดน้อยคนโตส่งเสียงใส ขณะที่ชี้นิ้วไปทางแม่น้ำเบื้องล่าง คิงส์เดินอยู่ข้างๆก้มลงมองลูกแล้วยิ้ม“เห็นปลาเหรอลูก”ส่วนริน... ไม่แม้แต่จะหันมอง เพราะเธอกำลังหมุนกล้องหามุม แสงย้อน เงาตก กระจกสะท้อน ครบทุกเทคนิค“ริน... เมมเต็มยังอะ กล้องน่ะ?” คิงส์ยิ้มกวนๆ เอามือดันหลังเธอเบาๆ“ยัง! กล้องนี้ 1TB เลยนะพี่! ยังไม่เต็มง่ายๆหรอก” เธอพูดพลางหันมายิ้มตาเป็นประกาย แล้วก็ก้มลงถ่ายลูกชายต่อ “ป๊าอุ้มลูกหน่อย อยากได้ภาพที่เห็นสะพานกับสองแสบข้างหน้า”“แสบเหรอเรา” คิงส์อุ้มลูกขึ้นสองข้าง “ถ้างั้นแสบสองชั้นเลยนะ ลูกใครวะเนี่ย หน้าเหมือนพ่อด้วยแฮะ”รินหัวเราะ ก่อนจะยกกล้องขึ้นมาอีกครั้ง แล้วคลิก... คลิก... คลิก… ไม่หยุดหลังจากเดินเที่ยวรอบเมืองเก่า ชมกำแ
บทที่45 ตอนพิเศษพระอาทิตย์เพิ่งลาลับฟ้าไปไม่นาน เมื่อเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของ “ราชันย์ อัครเวทิน” ล้อหมุนออกจากรันเวย์เป็นเส้นทางมุ่งหน้าสู่ปลายทางในฝันของภรรยาสุดที่รัก ปารีส ประเทศฝรั่งเศสในห้องโดยสารสุดหรูที่ตกแต่งด้วยสีครีมทองแบบคลาสสิก พร้อมเตียงนุ่มๆ และโซฟากว้าง มีเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กน้อยสองคนดังไม่ขาดช่วง“คิริน นั่นอะไรอะลูก?”รินถามเบาๆ พลางชี้ไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ของเครื่องบินที่เห็นเพียงทะเลและดวงดาวในยามค่ำคืน“...มืด!”คิรินตอบเสียงแหลม“มืดดดด~” ไคล์พูดตามแล้วหัวเราะออกมาคิงส์หัวเราะเบาๆ พลางหันไปบอกภรรยาที่ตอนนี้นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างลูก“รินอยากไปปารีสไม่ใช่เหรอ พี่ไม่เคยเห็นรินอยากไปที่ไหนขนาดนี้เลยนะ...”รินหันมามองเขาพร้อมยิ้มกว้างในแววตาวิบวับเหมือนเด็กได้ของขวัญ“รินเคยฝันไว้มาตั้งแต่สมัยเรียนค่ะ ว่าอยากมานั่งกินครัวซองต์ริมแม่น้ำแซน อยากเห็นหอไอเฟลด้วยตาตัวเอง แล้วก็...ถ้าได้มาพร้อมครอบครัว มันคงเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตเลย”คิงส์มองเธอนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอื้อมไปจับมือนุ่มของเธอมากุมไว้แน่น“งั้นทริปนี้ ทำให้เป็นที่พิเศษสุดเลยนะครับ... ไม่ใช่แค่
บทที่44 จบNC“พี่คิงส์…”“หืม?”รินถอนหายใจเบาๆ ขณะนั่งอยู่ปลายเตียง พูดกับคิงส์ที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสบายๆ“รินว่าจะหาพี่เลี้ยงเพิ่มอีกคนค่ะ… เด็กแฝดเริ่มซนมากขึ้นทุกวัน พี่ๆ สามคนก็เหนื่อยกันน่าดู”คิงส์ที่กำลังนั่งพิงหัวเตียง หันมามองเธอด้วยสายตานิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยความสนใจ ก่อนจะถามกลับเสียงทุ้ม“แค่พี่เลี้ยงเพิ่มเหรอ? ไม่มีอะไรอยากเพิ่มอีกแล้วเหรอครับ?”รินเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วเงยหน้าสบตาเขา“…รินอยากมีลูกอีกค่ะ”คำพูดสั้นๆ นั้นทำให้หัวใจของราชันย์เต้นแรงขึ้นทันที เขาไม่พูดอะไรต่อ แต่ลุกขึ้นมายืนตรงหน้าเธอ ใช้ปลายนิ้วเชยคางภรรยาขึ้นอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเขาหนักแน่น ร้อนแรง และเต็มไปด้วยแรงปรารถนา“พูดเองนะ… งั้นก็อย่ามาห้ามพี่แล้วกัน”ทันทีที่พูดจบ เขาก็โน้มตัวลงจูบริมฝีปากของรินทันที จูบแรกนั้นแผ่วเบาและอ่อนโยน… ก่อนจะกลายเป็นจูบที่ดูดดื่มและดุดันขึ้นทุกวินาที ริมฝีปากของเขาทำงานอย่างแนบแน่น สลับกับเสียงหายใจที่เริ่มหนักและถี่ขึ้นทุกทีมือของคิงส์ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของภรรยา ขณะที่อีกมือหนึ่งเลื่อนมาเกาะเกี่ยวที่เอวบาง ก่อนจะดึงรินเข้ามาแนบชิดกับร่างกายของ
บทที่43 ทำบุญเช้าวันอาทิตย์หลังงานวันเกิดของแฝดได้ไม่นาน…ท้องฟ้าในเช้าวันนั้นใสกว่าทุกวัน รินตื่นเช้ากว่าปกติ ทั้งที่เมื่อคืนเพิ่งนอนดึกหลังกล่อมเด็กแฝด ร่างบางในชุดเรียบสุภาพยืนเงียบๆ หน้ากระจก ดวงตากลมโตมองสะท้อนเงาตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบางๆ กับตัวเอง“วันนี้รินจะพาลูกไปทำบุญให้พ่อกับแม่นะคะ”เสียงกระซิบเบาๆ ที่ไม่มีใครได้ยิน นอกจากตัวเธอเองไม่นานนัก ทั้งครอบครัวก็ออกเดินทาง รินพาคิงส์ ลูกแฝด พี่เลี้ยงทั้งสาม รวมถึงพ่อแม่สามีขึ้นรถไปยังวัดชื่อดังในย่านพระรามเก้า เธอเตรียมของทำบุญมาล่วงหน้าหลายวัน ทั้งของถวายสังฆทาน ชุดผ้าไตร เครื่องอัฐบริขาร รวมไปถึงอาหารเลี้ยงพระและทำทานแก่คนยากไร้ เรียกได้ว่าเป็นงานบุญใหญ่ที่ตั้งใจจัดขึ้นเพียงเพื่อพ่อแม่ของเธอที่ล่วงลับไปแล้วเมื่อถึงวัด ทุกคนแต่งกายเรียบสุภาพ รินอุ้มคิรินไว้ในอ้อมแขน ส่วนคิงส์ก็อุ้มไคล์เดินเคียงข้างกันเข้าไปในโบสถ์ บรรยากาศเงียบสงบ แสงแดดที่สาดผ่านลายไม้ของหน้าต่างบานใหญ่ทำให้ภาพภายในโบสถ์ยิ่งดูอบอุ่นศักดิ์สิทธิ์พิธีกรรมเริ่มต้นขึ้น พระสงฆ์เริ่มสวดมนต์ ท่ามกลางเสียงสวด รินก็ยกมือไหว้หลับตานิ่ง กุมมือลูกไว้ทั้งสองข้าง
บทที่42 สองแฝดเช้าแรกของวันเกิดครบรอบ 1 ขวบของแฝดน้อยในบ้านอัครเวทิน เรียกได้ว่าเริ่มต้นด้วยเสียงโหวกเหวกของเหล่าพี่เลี้ยงที่แทบจะวิ่งเป็นลมวนรอบบ้านกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดีนัก เพราะแฝดน้อยทั้งสอง ไคล์กับคิริน ดันตื่นเช้ากว่าปกติ แถมยังตื่นมาแบบโหมด “นักสำรวจ” เต็มกำลัง พลังงานทะลุปรอท!“ไม่เอาาา คิริน อย่าดึงผมพี่ไคล์!!” เสียงหวีดเบาๆ ของพี่เลี้ยงคนหนึ่งดังขึ้น ขณะพยายามแยกตัวน้อยที่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันตั้งแต่ยังอยู่ในเตียงเด็ก!“แง๊งงงงงงงงง!!” ไคล์ก็ไม่ยอม แถมยังโวยเสียงดังแล้วหยิบตุ๊กตาหมีประจำกอดแน่นพลางชี้หน้าคนน้องอย่างเอาเรื่องคิรินไม่พูดพร่ำทำเพลง อ้าปากจะงับตุ๊กตาพี่ทันที นี่มันศึกย่อมๆ แต่เช้าเลยจ้าพี่เลี้ยงทั้งสามที่เพิ่งจะได้ยกแก้วกาแฟไปครึ่งเดียวพากันวิ่งวุ่นไปรวบตัวแฝดแยกออกจากกัน แล้วจู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากชั้นบน...“เสียงอะไรแต่เช้า หืม?” คิงส์เดินลงบันไดมาพร้อมรอยยิ้มกร้าวใจ หัวฟูหน่อยๆ เพราะเพิ่งตื่น“คุณพ่อขาาาา มาช่วยหน่อยค่า แฝดกำลังเปิดศึก!” พี่เลี้ยงคนหนึ่งตะโกนลั่น“โอเคๆ พ่อมาแล้วครับ ใครแกล้งใครก่อนเนี่ย หื้มม ไคล์? หรือคิริน?”สองแฝดหยุดเลยทันท
บทที่41 ป๊ะป๊า ม๊ะม๊า...แม่เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปบรรยากาศภายในห้องทำงานส่วนตัวของประธานใหญ่ไทยแบงค์ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมโซฟาตัวใหญ่ในมุมห้องวางเบาะนุ่มสำหรับเจ้าตัวแฝดไว้เรียบร้อย พี่เลี้ยงสองคนกำลังสาละวนกับของเล่น เสียงกุ๊งกิ๊งของโมบายแขวนกับเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กๆ ดังแทรกเสียงเอกสารพลิกไปมาของคิงส์รินนั่งข้างสามี บนโต๊ะเล็กมีน้ำผลไม้กับขนมสำหรับเธอ และข้าวบดสำหรับลูก ๆ เธอกำลังหยิบช้อนป้อนแฝดคนโตอยู่ ขณะคิงส์อ่านเอกสารสำคัญบนตัก พร้อมๆ กับใช้มือลูบหัวลูกชายคนเล็กที่กำลังนั่งพิงหมอนอย่างสบายใจ“อ้าปากครับ…งั่ม~”รินป้อนข้าวแฝดคนโต ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ เมื่อลูกชายอ้าปากรับอย่างว่าง่าย“ดีมากเลยครับคนเก่งของแม่”คิงส์เงยหน้าขึ้นจากเอกสาร ยิ้มมุมปาก“แฝดบ้านนี้กินเก่งเหมือนแม่แหง ๆ เลย”“อ้าว! ใครบอกคะ พี่ต่างหากที่กินเก่งจนลูกซึมซับ”ทันใดนั้นเอง...เสียงแผ่ว ๆ แต่ชัดเจนก็ดังขึ้นมาจากเจ้าตัวเล็กฝั่งซ้ายที่กำลังดูดนิ้วอยู่“ปะ…ป๊า…”รินกับคิงส์หันขวับมองหน้ากันทันที!“เมื่อกี้พี่ได้ยินใช่มั้ยคะ!? ลูกพูดว่า ‘ปะป๊า’ !!” รินเสียงตื่นเต้นจนมือไม้สั่นคิงส์แทบทำเอกสารหล่น รีบยื่นหน้าไปใกล้







