ครืดดดด ครืดดดด ~
เสียงโทรศัพท์ของตาบ้าตรงหน้าฉันดังขึ้น นั้นจึงทำให้เขาผละสายตาออกจากฉันแล้วล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง โชคดีที่เสียงเรียกเข้าทำให้ฉันได้พักสายตาขึ้นมา เพราะตลอดที่เรือออกจากฝั่งเราสองคนก็จดจ้องกันอย่างไม่วางตา แม้ลมทะเลจะปะทะใบหน้าทำให้เคืองตาแค่ไหนแต่ฉันก็สู้ไม่หวั่นด้วยคนแพ้ที่ต้องไม่ใช่ฉัน
ได้โอกาสที่เพื่อนคุณดีแลนคุยโทรศัพท์ฉันก็รีบเดินหนี หันไปมองยัยปลายฝนก็สวีทหวานอย่างไม่เกรงใจใคร ฉันจึงเลือกที่จะเดินไปเกาะระเบียงอีกฝั่งเพื่อชมทะเลที่กว้างไกล
แต่แล้ว…
"ยืนคนเดียวแบบนี้ตั้งใจจะอ่อยใครอีกล่ะ ฉันหรือไอ้ดีแลน?" ฉันกรอกตาอีกครั้ง เสพบรรยากาศได้ไม่ถึงนาทีก็ได้ยินเสียงแขวะของใครอีกคนดังขึ้นข้าง ๆ คำพูดคำจาแบบนี้ไม่มีใครเลยนอกจากไอบ้านั้นที่เป็นศัตรูตลอดทาง
"ถามจริงเหอะ นายเป็นไรมากปะ?" ฉันเริ่มทนไม่ไหวแล้วนะ ไม่ชอบก็ไม่ควรมายุ่งกันไหม ทำไมถึงตามหลอกตามหลอนเป็นเจ้ากรรมนายเวรให้ได้
"หรือไม่จริง?"
"ฉันจะพูดให้นายเคลียร์แบบชัด ๆ นะ คุณดีแลนเขาเป็นแฟนเพื่อนของฉัน เป็นเจ้านายฉัน ฉันไม่เคยคิดอะไรกับเขา ส่วนนาย…" ฉันไล่สายตามองเรือนร่างเขา ก่อนที่จะยกยิ้มเหยียดอย่างที่เขาเคยทำกับฉัน
"ฉันไม่เคยอ่อยนาย ฉันไม่เคยสนใจในตัวนาย คนแบบนายไม่ใช่สเปกฉันเลยสักนิด และขอย้ำอีกครั้ง…ดูปากฉันนะ…ฉันไม่ชอบนาย และจะไม่มีทางชอบนายเด็ดขาด จบนะ?" ฉันเน้นทุกคำทุกประโยคที่เพิ่งพูดใส่เขา จะได้เข้าใจมากขึ้นเสียทีว่าคนอย่างฉันไม่ได้พิศวาทอะไรในตัวเขาเลย สักนิดก็ไม่มี
"ทำไมคนแบบฉันมันทำไม?" มือฉันถูกกระชากจากคนที่เริ่มจะหัวร้อน ทำไมฉันถึงหนีไอบ้านี่ไม่พ้นสักทีนะ
"ปล่อย…" ฉันกดเสียงเรียบแล้วพยายามบิดข้อมือให้พ้นจากการเกาะกุม แต่ไอมือตุ๊กแกก็เกาะหนึบไม่ยอมปล่อย กำมือฉันไว้แน่นกว่าเดิมจนเลือดแทบไม่เดิน
"ฉันถามว่าคนแบบฉันมันทำไม ทั้งหล่อทั้งรวยสาว ๆ อยากได้เป็นผัวทั้งนั้น" มีสาว ๆ เข้าหาจนเคยตัว จนคิดว่าผู้หญิงบนโลกต้องชอบเขาหรือไงกัน
"ให้มีนายเป็นผัว ฉันยอมมีผัวเป็นหมาดีกว่า" ไอ้คุณเจโรมบีบข้อมือฉันกรอดพร้อมกับเลือดขึ้นหน้า คิดว่าทำแค่นี้แล้วยัยน้ำอิงจะยอมหรือไง ที่พูดออกมาทุกคำล้วนมาจากใจทั้งสิ้นเลย
"ไม่เคยมีใครปฏิเสธฉันได้เท่าเธอเลย" ร่างสูงกดเสียงต่ำ ขณะที่มือหนาก็บีบแน่นขึ้นกว่าเดิม
"แล้วก็จำไว้ให้ดี ฉันชื่อน้ำอิง คนที่ปฏิเสธนายคนแรก ท่องให้ขึ้นใจซะ" ถามว่าเจ็บมือไหม โคตรเจ็บแต่ไม่อยากยอมแพ้ จนไอ้คุณเจโรมเริ่มบีบแน่นขึ้น แน่นเสียจนกระดูกฉันจะหักคามือเขาจนต้องพยายามบิดให้หลุดพ้น
"ปล่อยมือฉันนะ!"
"คิดว่าด่าฉันแล้วฉันจะยอมให้เธอหนีไปง่าย ๆ หรือไง"
"ไอ้คุณเจโรม! ปล่อยฉันนะ!" คราวนี้ฉันตะโกนลั่นกว่าเดิม ลั่นขนาดที่เสียงคลื่นทะเลก็เอาฉันไม่อยู่ และเหมือนว่าคู่รักที่สวีทหวานแหววจะได้ยินด้วย ปลายฝนจึงรีบเดินมาหาฉัน ไอบ้าตรงหน้าจึงยอมปล่อยมือ
"ฝนแกช่วยฉันด้วย ไอบ้านี่คอยตามฉันอยู่ได้" ฉันรีบหันไปฟ้องเพื่อน แยกเขี้ยวใส่อย่างอาฆาตจนคนตรงหน้าต้องถอดแว่นกันแดดออกมา
"เรียกฉันไอ้ไม่พอยังหาว่าฉันบ้าอีกเหรอ!?"
"ก็นายมาลุ่มล่ามกับฉันก่อนทำไม ฉันจะไปหาเพื่อน!"
"คิดว่าฉันอยากยุ่งกับเธอมากหรือไง!" เราจ้องหน้ากันจนตาแทบจะถล่นออกมา ศึกทางสายตาเกิดขึ้นอีกครั้ง และแน่นอนว่าครั้งนี้ฉันก็ไม่ยอมอีกเช่นเคย
จนปลายฝนต้องรีบห้ามปราม…
"ใจเย็น ๆ ก่อนน้ำอิง เรารีบลงไปหาอะไรกินดีกว่า แกคงหิวแล้วใช่ไหมล่า ~"
"ฉันไม่หิว" ฉันตอบเพื่อนเสียงแข็ง ไม่ยอมละสายตาจากไอบ้านั้น
"ไปเถอะ ด้านล่างมีของที่แกชอบเยอะเลย ไปนะ ฉันก็หิวแล้วเหมือนกัน" ปลายฝนพยายามดึงมือให้ฉันเดินตาม ขณะที่เท้าฉันก็ก้าวตามเพื่อนพร้อมกับสายตาที่ทิ้งท้ายว่าศึกนี้ต้องไม่จบง่าย ๆ
"หึ้ย เพราะไอบ้านั้นทำให้ทริปทะเลของฉันหมดสนุกเลย หงุดหงิดชะมัด" ความโมโหทำให้ฉันรีบนั่งลงด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด ก่อนที่จะกระดกดื่มน้ำสัปปะรดหมดแก้วในรวดเดียวเพื่อดับความร้อนรุ่มในร่างกาย
"ไอบ้าที่แกพูดถึงเขาเป็นมาเฟียนะน้ำอิง"
"มาเฟียแล้วไง ฉันไม่แคร์! แล้วผัวแกก็เหมือนกัน ตั้งใจพาไอ้โจรนั้นมาแยกคู่เราชัด ๆ" ใหญ่คับฟ้าแค่ไหนลูกกำนันพลคนนี้ก็ไม่ยอม
"พี่เขาชื่อเจโรม"
"โจรนี่แหละ นิสัยโจรชัด ๆ"
"โจรขโมยหัวใจเหรอ?" ฉันหันขวับมองเพื่อนที่เพิ่งพูดจบ กดเสียงให้ต่ำลงจนเธอยิ้มแห้ง ๆ ออกมา
"ปลายฝน…"
"ฉันไม่เอาเรื่องที่แกปล่อยให้ฉันต่อสู้กับไอ้โจรนั้นสองต่อสองแล้วหนีแอบไปสวีทกันก็ดีแค่ไหนแล้วนะ"
"ไม่ได้สวีทสักหน่อย -,-"
"เหรอ…เห็นโอบเอวกันแน่นเลย คิดว่าอยู่กันสองคนไง้"
"โอ๋ ๆ น่า มาเที่ยวต้องห้ามโกรธนะ ดูนั้นสิทะเลสวยสุด ๆ ไปเลย ~"
"ไม่เนียนเลย…" สุดท้ายฉันก็ยิ้มออกเพราะเพื่อนตัวดี ใช้พลังงานไปกับไอ้โจรเยอะแล้วกระเพาะก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นมา ฉันกับปลายฝนนั่งทานอาหารอยู่ที่ชั้นล่างแค่สองคน เวลาที่ไม่มีไอบ้านั้นตามรังควานชั่งมีความสุขเสียจริง กินอะไรก็อร่อยไปหมด วิวทะเลสวยขึ้นเป็นกอง
"แน่ใจนะว่าไม่ไปด้วยกัน"
"ไม่อะ ไปแล้วก็ต้องมาต่อสู้กับไอ้โจรนั้น ฉันหนีไปนอนดีกว่า" ปลายฝนพยายามชวนให้ฉันขึ้นชั้นดาดฟ้าอีกครั้งแต่ฉันไม่ยอม บนเรือลำใหญ่มีห้องนอนอยู่ด้วยฉันคิดว่าทานเสร็จแล้วแอบหนีไปงีบในห้องน่าจะมีความสุขกว่าการเจอหน้าคนที่ไม่อยากเจอ
ระหว่างที่จะเข้าไปฉันชะงักเมื่อเห็นบอดี้การ์ดที่มากับคุณดีแลนด้วย เขายืนอยู่ท้ายเรือสองสามคนพร้อมกับอะไรบางอย่างในมือที่ทำให้ฉันเริ่มสนใจ
ฉันเปลี่ยนเส้นทางเดินไปหาพี่การ์ดคนนั้น พอเขาเห็นฉันก็รีบถอยหลังกรูราวกับฉันเป็นคนน่ากลัว
"นี่ฉันไม่ใช่ผีนะ" ฉันเอ่ยจนพวกเขามองหน้ากัน และหนึ่งในนั้นก็เอ่ยตอบเป็นคนที่มากับยัยปลายฝนที่สนามบินครั้งนั้น
"คุณน้ำอิงมาท้ายเรือมีอะไรหรือเปล่าครับ?"
"พี่ชื่ออะไรแล้วนะ?" ชายชุดดำชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วฉันก็พยักหน้าตอบ
"อีธานครับ"
"ฉันเรียกพี่อีธานนะคะ" ฉันยกยิ้ม แต่พี่อีธานไม่ยิ้มตอบ สงสัยคงจะงงว่าฉันต้องการอะไร
"คะ ครับ"
"ไหน ๆ เราก็สนิทกันแล้ว ฉันดื่มด้วยได้ไหมคะ?" นั้นคือสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันเห็นพี่อีธานถือกระป๋องเบียร์จึงแวะมาทักทาย ด้วยความที่พ่อสอนมาดีจะขอของจากคนแปลกหน้าก็กลัวว่าเขาจะหาว่าเสียมารยาทได้ ฉันจึงต้องทำความรู้จักกันให้สนิทกันก่อนแล้วค่อยขอแค่นี้ก็มีมารยาทขึ้นมาแล้ว
"อันนี้เหรอครับ?" พี่อีธานชูกระป๋องเบียร์ ฉันพยักหน้าหงึกแล้วยิ้มแป้น
"นี่ครับ" ทันทีที่ได้มาคนที่ยังหัวร้อนอย่างฉันก็รีบเปิดแล้วกระดกใส่ปากในทันที ไม่ได้เว้นจังหวะหายใจแค่ยกดื่มหนึ่งครั้งฉันก็ดื่มจนหมดกระป๋อง เป็นวิธีการดับอารมณ์ร้อนที่ได้ผลดีเลยทีเดียว
"คุณน้ำอิงดื่มเก่งนะครับ" พี่อีธานสีหน้าดูอึ้งกับการโชว์สเต็ปคอของฉัน ฉันไม่ได้ดื่มเก่งอะไรมากหรอกเพียงแต่วันนี้โมโหคนมาจึงไม่ค่อยได้ยั้งใจ
"ฉันขออีกสองกระป๋องได้ไหมคะ?"
"ครับ"
"ขอบคุณค่ะ" ฉันฉีกยิ้มกว้างให้คนที่ใจดี ก่อนที่จะถือกระป๋องเบียร์เดินกลับเข้ามาเพื่อเข้าห้องพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มร้อนวูบวาบ
"ซ่าฉิบหายน้ำอิง" ฉันบ่นกับตัวเอง เริ่มรู้สึกได้แล้วว่าตัวเองเริ่มไม่เหมือนเดิม จึงรีบสาวเท้าเข้าไปในห้องนอนขืนยังเมาอยู่ข้างนอกมีหวังได้ตกเรือตายเป็นผีเฝ้าทะเลแน่นอน
"ว้าว…สวยสุด ๆ" ฉันวางกระป๋องเบียร์ไว้ข้างเตียงแล้วรีบเกาะขอบหน้าต่างในห้องนอนเพื่อชมวิวทะเล มันสวยมาก…มากเสียจนฉันคิดว่ามุมนี้เหมาะกับการดื่มเบียร์คนเดียวสุด ๆ ไปเลย
ฉันหันไปจะหยิบเบียร์ที่เพิ่งวางไม่นานแต่มันกลับไม่มีตั้งไว้ที่เดิม หายไปไหนทั้งที่เพิ่งจะวางไป
แต่เมื่อหันหลังจึงเข้าใจได้ในทันที…
"นาย!"
"ไงยัยขี้เมา" ไอ้คุณเจโรมยกยิ้มกริ่ม ในมือเขาถือกระป๋องเบียร์ของฉันแล้วยักคิ้วใส่ ไอบ้านี่ตามหลอกหลอนอีกครั้งแล้ว…
"ยินดีด้วยนะคะ เป็นลูกสาวทั้งคู่เลยค่ะ" ฉันเผยยิ้มกว้างในตอนที่ได้ยินคุณหมอบอกเพศลูก ระหว่างที่เรากำลังอัลตราซาวด์ดูเจ้าก้อนในท้องพี่โรมก็จับมือไว้แน่น ใช่แล้ว…ฉันได้ลูกแฝดหญิงทั้งสองคน คราวนี้บ้านหลังใหญ่ก็จะไม่เหงาแล้วดังไปด้วยเสียงร้องไห้โวยวายหัวเราะกำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต อีกสี่เดือนเราก็จะได้เจอกันแล้วนะลูกรักของแม่…ฉันปรายมองพ่อของเขาที่กำมือฉันไว้แน่น เห็นลูกผ่านเครื่องหน้าจอเล็ก ๆ เขาก็พลอยบ่อน้ำตาตื้นอีกครั้ง ช่วงนี้คุณพ่อเขาอ่อนไหวง่ายมาก ถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองฉันจะไม่มีทางเชื่อว่าเขาเคยเป็นเพลย์บอยมาก่อน"เจ้าหนูน้อยทั้งสองคนปกติมากเลยค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หมอจะจ่ายวิตามินให้คุณแม่แทนนะคะ""ขอบคุณค่ะคุณหมอ" แล้วเราสองคนก็ออกมารอหน้าห้องตรวจ หลังจากรู้เพศคนตัวโตก็เงียบไม่ยอมพูดอะไร เพียงแต่จับมือฉันตลอดเวลาและรับรู้ถึงความเย็นจากฝ่ามือหนา"พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่พูดอะไรเลย" พอฉันถามจบพี่โรมก็หันมามอง นัยน์ตาคู่คมกำลังจริงจังเหมือนมีอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจ"เหมือนเวรกรรมจะตามทันฉันแล้ว""คะ?" ฉันเลิกคิ้วขึ้น ไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะสื่อถึงอะไร"มีลูกสาวฉันต้องเป็นบ้าแน่น้ำอ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่างานแต่งงานถูกจัดขึ้นภายในเดือนเดียวหลังจากวันสู่ขอ โดยทางเจ้าบ่าวจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมเหลือเพียงแค่เจ้าสาวที่มาเข้าร่วมงานเท่านั้น"ส่วนใหญ่เสร็จหมดแล้วครับ" คืนสุดท้ายก่อนงานจะเริ่มขึ้นเจโรมเดินมาตรวจงานด้วยตัวเอง ทุกที่จะต้องไม่มีความผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้นและจะต้องออกมาดีที่สุดสมฐานะเจ้าสาวคนสวยของเขาเท่านั้น"มีคนจะคุยกับนายครับ" เลขาส่วนตัวยื่นโทรศัพท์เครื่องตัวเองให้เจ้านายที่กำลังตรวจตรา แต่เขาทำท่าไม่สนเพราะงานแต่งงานถือว่าเป็นงานสำคัญที่เขาละสายตาไม่ได้"ไม่ว่าง ลงคิวไว้ถ้ารีบก็ยกเลิกไปซะ" เจโรมตอบแค่นั้น วันนี้เขาทำงานมาทั้งวันเพื่อจะจัดการงานที่บริษัทให้จบไม่รบกวนชีวิตหลังแต่งงานหนึ่งสัปดาห์ที่เขาจะใช้กับเมียทั้งวันทั้งคืน ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาค่ำมากแล้วถึงเวลาที่เขาจะให้เวลากับงานสำคัญในชีวิตบ้าง"ที่สั่งไว้ไม่ใช่ดอกนี้ เอาไปเปลี่ยน" เจโรมชี้นิ้วใส่ดอกไม้ริมทางเดินเข้างาน เขาขมวดคิ้วไม่พอใจ ก่อนที่ออแกไนซ์ของงานจะรีบวิ่งมาแก้ไขทันที"นายครับ…""บอกให้ลงคิวไว้ไง!" เจโรมหันไปเสียงดังใส่เลขาที่วอแวไม่เลิก"คุณน้ำอิงบอกว่าโทรหานายไม่ติดครับ ถ้าอย
ในวันหยุดสัปดาห์นี้ฉันเลือกที่จะกลับบ้านเกิดตัวเองเพราะวันนี้จะเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต นั้นคือวันที่พี่โรมจะเข้ามาสู่ขอฉันจากพ่อและแม่เพื่อใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามขนบธรรมเนียม"น้ำอิงแต่งตัวเสร็จหรือยัง" เสียงดังจากนอกประตูทำให้ฉันเปิดออกมา เป็นคุณนายน้ำหวานที่แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยเดินมาตามฉันที่เอาแต่กกตัวอยู่แต่ในห้อง"เป็นอะไรไป ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย""แม่…หนูกลัว" ฉันโน้มตัวกอดแม่ไว้แน่น ทั้งกลัวและตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบ"มีอะไรต้องกลัว ไม่เชื่อใจตาโรมอีกเหรอ?""เปล่าค่ะ หนูกลัวพ่อไม่ให้แต่ง" พ่อคาดเดาอารมณ์ยากมากแค่ไหนฉันรู้ดี ถึงจะออกปากอนุญาตให้คบกันแล้วฉันก็ยังวิตกอยู่ดี"นี่...ยัยลูกสาว จำไม่ได้หรือไงว่าพ่อแกน่ะเป็นคนบอกให้เขารีบมาขอเร็ว ๆ แบบนี้จะไม่ให้แต่งได้ยังไง""ก็จริง หนูลืมไปเลย" ฉันผละกอดแม่หลังจากคิดตามคำพูด ก่อนหน้าพ่อฉันก็พูดเองว่าเสร็จธุระก็รีบมาขอ และตอนนี้พี่โรมก็ดูจะจัดการปัญหาทุกอย่างได้แล้ว เป็นมาเฟีย เป็นประธานบริษัทรับช่วงต่อ บททดสอบจากคนเป็นพ่อฉันก็ผ่านแล้ว ไม่มีอะไรที่ฉันจะต้องกลัวอีก"อยากมีผัวจนลืมเลยหรือไง...""แม่!!!" แล
น้ำอิงถูกคนของแม่เจโรมมารับใต้คอนโดแต่เช้า ล่วงหน้ามาก่อนงานจะเริ่ม ส่วนคนตัวโตจะตามมาทีหลังเมื่อใกล้เริ่มงาน"แม่พี่อิงออกมาแล้ว~" นอกจากจะมีเธอแล้วยังมีจีเซลและบีน่าที่มาทำสวยพร้อมกัน ณ ห้องที่ถูกเตรียมเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ทันทีที่น้ำอิงเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดสองสาวก็พากันตกตะลึงในความสง่าของเธอทั้งหน้าองค์ทรงเครื่องที่เพรียบพร้อมเมื่ออยู่บนใบหน้าที่สวยธรรมชาติก็ยิ่งทำให้สวยไปใหญ่"พี่สะใภ้สวยมาก~" จีเซลยิ้มชม"จริง เหมือนน้าสมัยสาว ๆ" เสริมด้วยบีน่าอีกคนที่อวยแฟนของลูกชายไม่หยุด"คุณน้ากับจีก็สวยเหมือนกันค่ะ""เอาเป็นว่าเราสวยกันทุกคน งั้นรีบลงไปกันเถอะ แม่ต้องลงไปรับแขกแล้ว""น้ำอิงมากับแม่นะ วันนี้แม่จะแนะนำลูกสะใภ้ให้ทุกคนรู้จัก" สรรพนามของบีน่าเริ่มเปลี่ยน จากคุณน้าอยู่ดี ๆ อยู่ ๆ เธอก็กลายเป็นคุณแม่อีกคนที่เห่อลูกสาวคนใหม่เอามาก"พี่อิงซ้อมยิ้มไว้เลยนะคะ วันนี้น่าจะต้องใช้ทั้งคืน""งานเล็ก ๆ ไม่ใช่เหรอ?" เจโรมบอกมาอย่างนั้น รู้กันแค่ในวงศ์ตระกูลคงจะไม่เท่าจีเซลพูดมาหรอก"งั้นเราลงไปดูกันค่ะ ว่างานเล็กจริงไหม" ว่าแล้วน้ำอิงก็ลงมาชั้นล่างพร้อมกับสองสาว จีเซลทำให้เธอเริ่มประหม่
"สรุปแล้วเรื่องที่บอกว่าจะเข้ารับตำแหน่งคือเรื่องจริงเหรอ…" ฉันนั่งมองคนที่ใส่เสื้อสูทเนี๊ยบกว่าทุกวัน ก่อนที่จะเดินเข้าไปช่วยเขาผูกเนกไทให้เพื่อความรวดเร็ว"อืม…วันนี้ประชุมแต่งตั้งประธานคนใหม่ของบริษัท""ว้าว…จะมีแฟนเป็นประธานบริษัทแล้วเหรอเนี่ย อิจฉาตัวเองสุด ๆ""ฉันในเสื้อสูทแบบนี้ยังได้อารมณ์เธออยู่อีกไหม" แต่ไม่ว่าจะแต่งตัวยังไงคนขี้เล่นก็ยังคงกวนเหมือนเดิม แค่อยู่ในลุกที่แตกต่างออกไปเท่านั้นเอง"เสื้อก็ดูดีอยู่นะ แต่ดูหน้าแล้วเฉย ๆ" ฉันย่นจมูกใส่เขา ตอบกวนไปงั้นทั้งที่จริงแล้วก็แอบหวีดในความเท่ของแฟนตัวเองตั้งแต่แรก"หาเรื่องเสียตัวแต่เช้า" ความแววตาเจ้าเล่ห์นั้นทำให้ฉันรีบถอยหลัง ทั้งที่จะเข้างานอยู่แล้วเขาก็ยังเล่นอยู่ได้"พอเลย ท่านประธานจะเข้างานสายตั้งแต่วันแรกไม่ได้นะคะ""งั้นเก็บไว้คืนนี้แล้วกัน อย่าลืมว่าเธอยังมีนัดชุดเมดอีกชุดนะ ขอเด็ดกว่าเมื่อคืนนะ ถือว่าเป็นของขวัญการเลื่อนตำแหน่งของฉันด้วย""พี่นี่มุ่งแต่เรื่องบนเตียงจริง ๆ" ฉันถึงกับส่ายหัว เอะอะก็พาลงต่ำตลอด"มีให้เลือกสองสีสีดำเปิดบนสีแดงเปิดล่าง" แต่ก็ไม่ได้บอกว่าฉันเองไม่ได้ชอบ เหมือนว่าจะเริ่มติดนิสัยหื่นไปจาก
ก็อก ๆ"อิงรีบตื่นเร็วเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!" ฉันงัวเงียขยี้ตาเพราะเสียงของคนเคาะประตูรัว ๆ เสียงนั้นคือเสียงแม่ฉันเองฉันจำได้ฟังดูร้อนรนแปลก ๆ จนฉันต้องรีบเดินไปเปิดประตู"มีอะไรคะแม่""ตาโรมจะถูกพ่อแกไล่ออกจากบ้านแล้ว""ฮะ ฮ้ะ!?" ฉันถึงกับเบิกตาโตได้สติขึ้นมาทันควัน ก่อนที่จะรีบวิ่งตามแม่ด้วยชุดนอนแล้วได้ยินเสียงของกระเป๋าที่ถูกโยนใส่พี่โรม"เกิดอะไรขึ้นคะพ่อ ทำไมพ่อต้องไล่พี่เขาด้วย" ฉันรีบยืนไปขวาง ไหนว่าความสัมพันธ์มันดีขึ้นเรื่อย ๆ ทำไมถึงจบแบบนี้ได้"ฉันให้มันเก็บของตั้งแต่เมื่อคืน มันก็ไม่ยอมทำจนต้องใช้ให้ไอโป่งทำให้""ลุงให้ผมอยู่นะครับ ถ้าผมทำอะไรผิดไปผมขอโทษครับ""นั้นสิคุณ ที่ผ่านมาตาโรมก็ทำดีมาตลอดไม่ใช่เหรอ""เพราะมันทำดีมาตลอดนี่แหละถึงต้องให้มันกลับไป""ฮ้ะ!?" ทั้งฉันแม่และพี่โรมเลิกคิ้วงุนงงพร้อมกัน ตกลงมันหมายความว่ายังไงกันแน่"ฉันอนุญาตให้แกคบกับลูกสาวฉันต่อได้" "ลุง!/พ่อ!/คุณ!" เราสามคนเบิกตาโตเรียกพ่อคนละสรรพนามอย่างไม่ต้องนัดหมาย ให้ตายเถอะนี่มันเป็นข่าวดีในรอบสัปดาห์เลย ในที่สุดก็มีวันที่เขาเอาชนะใจพ่อฉันได้สักที"แต่ก็ไม่ได้แปลว่าแกจะทำอะไรก็ได้ ถ้าอยากอยู่ด้วยก