"ถ้ารู้ตัวว่าชอบอะไรเข้าแล้วทำไมถึงต้องรอ...ทำไมต้องรอแล้วปล่อยให้โอกาสสูญเปล่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนั้นไม่ใช่ของเราถ้าหากว่าเรายังพยายามวิ่งเข้าหามันไม่มากพอ..."
"ใช่...ยังไงฉันก็ต้องทำให้เขาหันมาชอบฉันให้ได้"
•••
"ทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบบาทค่ะ" เสียงหวานที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ยิ้มบอกลูกค้าตรงหน้าที่หลั่งใหลกันเข้าพร้อมกันจนต้องยืนเรียงคิวกันยาวเนื่องจากเวลานี้เป็นเวลาเลิกงานของใครหลายๆ คนก็เลยเป็นช่วงที่ลูกค้าเข้าเยอะกว่าเวลาปกติ แน่นอนว่าเป็นเวลาที่ตรงกับเธอเข้างานพอดี...เหตุการณ์เร่งรีบในการรับออเดอร์เช่นนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเธอไปแล้ว
"รับมาพอดีนะคะ กรุณานั่งรอคิวทางฝั่งนั้นได้เลยค่ะ ขอบคุณที่อุดหนุนนะคะ" นารายิ้มบอกอีกครั้งโดยที่หน้าเคาน์เตอร์จะมีนุ่นและพนักงานสาวอายุเท่ากับเธออีกหนึ่งคนที่คอยทำหน้าที่ทำตามออเดอร์ที่ถูกสั่งไว้
"หนูช่วยค่ะพี่นุ่น" หลังจากที่เธอทำการเคลียร์ออเดอร์เสร็จ เจ้าของใบหน้าสวยก็ไม่วายที่จะเข้าไปช่วยปุยนุ่นที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการทำกาแฟ
"เอาสิ..." ปุยนุ่นขยับออกเล็กน้อยเพื่อให้คนตัวเล็กได้ช่วย
"นาราลูกค้ามา" จนกระทั่งเสียงของพนักงานอีกคนจะทำให้ร่างเล็กชะงักออกชั่วครู่แล้วยกหน้าที่ที่กำลังทำส่งให้เจ้าของพร้อมกับหันกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
"รับอะไรดะ...ดีคะ?" ริมฝีปากเล็กที่กำลังเอ่ยถามอย่างฉะฉานพร้อมกับรอยยิ้มหวานในตอนแรกกลับต้องอึกอักสั่นเล็กน้อยเมื่อคนตรงหน้ากลับเป็นคนคนเดียวกับคนที่ช่วยเธอจากรถชนในวันนั้นและคนเดียวกับที่เธอวิ่งไปส่งกาแฟเกือบไม่ทัน
"ดอปปิโอไม่หวาน" เสียงทุ้มเอ่ยเปล่งขึ้นถึงความต้องการของตัวเองโดยที่แสดงออกถึงความเย็นชาและเสียงเข้มราวกับชนิดของกาแฟที่เขาเอ่ยสั่ง
"เอ่อ...ขมแย่เลยนะคะ" ไม่วายที่เจ้าของร่างเล็กจะยิ้มแห้งบอกด้วยความหวังดีเพราะชนิดของกาแฟที่เขาสั่งมันก็เข้มพอแล้วและถ้าหากไม่เติมความหวานเข้าไปอีกมันคงจะเกิดความขมน่าดู...เธอไม่เคยเจอคนสั่งกาแฟแบบมานี้มาก่อน
"..." คนตรงหน้านิ่งไม่เอ่ยตอบอะไรเลือกที่จะปรายตาไปมองเธอนิ่ง
"ค ค่ะ...ทั้งหมด..."
"ไม่ต้องทอน" ไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยอะไรมือหนาจัดการยื่นธนบัตรสีม่วงไปทำเอาคนตัวเล็กถึงกับตาโตขึ้นเพราะเพียงค่ากาแฟที่เขาสั่งไปยังมีราคาไม่ถึงครึ่งที่เขาจ่ายมาด้วยซ้ำ
"มะ..."
"ไปส่งที่เดิม" ร่างเล็กที่กำลังจะเอ่ยปฏิเสธทว่ากลับถูกเสียงของเขาขัดขึ้น ทันทีที่เขาพูดจบร่างหนาก็หมุนตัวเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความเหว่อของหญิงสาวตัวเล็กที่ตั้งใจจะเอ่ยขอบคุณในเรื่องที่ค้างคาตั้งแต่เห็นหน้าเขาทว่ากลับทำอะไรไม่ถูกสักอย่างเมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อดูดี...เธอพลาดอีกแล้ว
"คราวนี้ต้องพูดออกมาให้ได้นารา!..." เจ้าของร่างเล็กยืนยิ้มให้กำลังใจตัวเองอยู่หน้าตึกสูงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านกาแฟหลังจากที่ขอทำหน้าที่มาส่งกาแฟให้ลูกค้าอีกเช่นเคย ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจว่ายังไงแล้วครั้งนี้เธอต้องพูดคำว่าขอบคุณออกมาให้ได้เพื่อไม่ให้มีอะไรค้างคาอยู่ในใจอีก
"มาส่งกาแฟให้คุณเรย์ รัตนพัฒน์ค่ะ" เธอเดินเข้าไปบอกกับพนักงานที่ประชาสัมพันธ์ด้วยท่าทีมั่นใจผิดกับครั้งแรกที่เคยมาเพราะคราวนี้เธอถามข้อมูลมาเป็นอย่างดีแล้ว
"ชั้นสิบห้า ลิฟต์อยู่ทางนี้ค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ" นารายิ้มตอบพนักงานสาวพร้อมกับสาวเท้าเล็กเดินไปกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นเป้าหมาย
ตึก
ตึก
"ว้าว!...สวยจัง" คนตัวเล็กที่มองไปรอบๆ บริษัทด้วยความตื่นเต้นเนื่องจากความหรูหราจากการตกแต่งและความสะอาดที่ดูเหมือนว่าชั้นนี้จะมีเพียงแค่ห้องทำงานของผู้ตำแหน่งสูงๆ ทั้งนั้น
"เอ่อ...ขออนุญาตค่ะ หนูเอากาแฟมาส่งค่ะ" นาราเอ่ยบอกด้วยท่าทีอึกอักกับเจ้าของร่างหุ่นดีอีกคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างตั้งใจ
"อ้าว...น้องคนเมื่อวานนี่ กาแฟของบอสใช่ไหมคะ"
"ใช่ค่ะ"
"งั้นเอาวางไว้เลย...ขอบใจมากนะเรา" ลดาเอ่ยตอบพร้อมกับรอยยิ้มผิดกับอีกคนที่เอาแต่ชะเง้อหน้าพยายามที่จะมองเข้าไปข้างในห้องหมายจะหาตัวของร่างหนาอีกคน
"มีอะไรหรือเปล่า?..." จนเลขาสาวต้องเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
"อ อ๋อ...ไม่มีอะไรค่ะ...พี่พอจะมีกระดาษโน๊ตกับปากกาให้หนูยืมไหมคะ" นาราที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองชั่วครู่ก็เอ่ยบอกกับเลขาสาวตรงหน้าทันทีที่เธอคิดอะไรบางอย่างออก
"มีสิ...นี่จ้ะ" ซึ่งลดาเองก็ยื่นสิ่งที่เธอต้องการอย่างรวดเร็ว
"..." ก่อนที่คนตัวเล็กจะรับมาพร้อมกับขีดเขียนลงบนกระดาษโน๊ตไว้แล้วแปะลงที่แก้วกาแฟตามด้วยหย่อนใบธนบัตรสีม่วงใบเดิมลงในถุงกาแฟตามมา
"ขอบคุณนะคะพี่คนสวย" ทันทีที่ทำทุกอย่างตามที่ต้องการเสร็จนาราก็ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณลดาไว้ก่อนที่จะหมุนตัวเดินกลับไปอย่างอารมณ์ดีต่างจากลดาที่ขมวดคิ้วยุ่งด้วยความงุนงงในการกระทำของเธอ ทว่าเธอก็ยอมยกถุงกาแฟที่แปะแผ่นโน๊ตและธนบัตรเข้าไปในห้องเจ้านายแต่โดยดี
ก็อก ก็อก ก็อก!
"ขออนุญาตค่ะ กาแฟที่สั่งได้แล้วค่ะบอส" หลังจากที่จัดการวางเสร็จทุกอย่างเลขาสาวก็หมุนตัวหมายจะเดินออกไปทว่า...
"เดี๋ยว...นี่มันคืออะไร?..." ทันทีที่ใบหน้าคมคายเงยหน้าขึ้นมาพบแผ่นโน๊ตสีโดดเด่นที่ถูกแปะไว้เขาก็รีบเอ่ยถามเลขาสาวในทันที
"เอ่อ...ฉันก็ไม่ทราบค่ะ น้องที่มาส่งกาแฟแปะเอาไว้ค่ะ"
"..." ประธานบริษัทก็นิ่งเหลือบสายตาไปมองยังถุงกาแฟอีกครั้ง
"เอ่อ...บอสต้องการอะไรอีกไหมคะ"
"ไม่มี...ไปได้" เรย์เอ่ยบอกเสียงนิ่งโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่แก้วกาแฟจากร้านของเพื่อนสนิท มือหนาจัดการหยิบธนบัตรใบห้าร้อยออกมาจากถุงพร้อมกับขมวดคิ้วยุ่งเป็นปมด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนที่เขาจะแกะแผ่นโน๊ตที่ติดอยู่กับแก้วกาแฟออกมาอ่าน
"กาแฟแก้วนี้หนูขอเป็นคนเลี้ยงพี่เองนะคะ ในฐานะที่พี่เป็นคนช่วยชีวิตหนูจากอุบัติเหตุวันนั้น ขอบคุณมากนะคะพี่เรย์ ปล.หนูชื่อนาราค่ะ ><"
"เด็กอะไรแก่แดดชะมัด..." ทันทีที่อ่านข้อความในโน๊ตจบเรย์ก็ส่ายหัวให้พร้อมกับทิ้งแผ่นโน๊ตนั้นลงในถังขยะอย่างไม่สนใจใยดี มือหนาจัดการคว้าแก้วกาแฟมากระดกดื่มด้วยใบหน้าเรียบนิ่งและเคร่งเครียดอยู่กับเอกสารที่เป็นปัญหา
อีกด้าน
"เป็นอะไรนารา...พี่เห็นเรายิ้มไม่หุบเลยนะ" ปุยนุ่นเอ่ยถามขึ้นเมื่อตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มทั้งเธอและพนักงานอีกสองคนต่างพากันทำความสะอาดกันอย่างขะมักเขม้นเพื่อเตรียมจะเลิกงาน
"นารายิ้มอยู่เหรอคะ..." ทว่าร่างเล็กกลับเอียงคอตอบคำถามด้วยรอยยิ้มหวานอีกเช่นเคย
"นี่ไง...ขนาดตอนถามพี่ เรายังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย ไปทำอะไรมา"
"เปล่าค่า~"
"แค่มีความสุขนิดหน่อยค่ะ" ว่าแล้วเธอก็บิดตัวม้วนไปมาด้วยความเขินอายทันทีที่ใบหน้าหล่อคมคายของคนที่ช่วยชีวิตไว้ในวันนั้นจะวิ่งแล่นเข้ามาในหัวของเธอ
"เป็นเอามากนะเนี่ย...ไปกลับกันได้แล้วแหละ" ปุยนุ่นเอ่ยขึ้นหลังจากที่จัดการอะไรเสร็จ ซึ่งนาราเองก็รีบสะพายกระเป๋านักเรียนแล้วเดินออกจากร้านไปตามคนอื่นๆ แต่แล้วเท้าเล็กที่กำลังจะเดินกลับบ้านก็ต้องชะงักนิ่งไปเมื่อ...
"พี่เพลิง..."
"พี่บังเอิญผ่านมาพอดี เห็นร้านเรายังเปิดไฟอยู่ก็เลยว่าจะรับกลับบ้านด้วยกัน" เพลิงที่อยู่ในชุดลำลองปกตินั่งสบายๆ บนรถจักรยานยนต์คันเดิมในตอนเช้าเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกยิ้มบางๆ อย่างใจดี
"พี่เพลิงรอนานแล้วเหรอ ความจริงไม่ต้องแวะรับหนูก็ได้ แหะ!...หนูเกรงใจ" นารายิ้มแห้งเล็กน้อยก่อนที่จะสาวเท้าเล็กเดินเข้าไปหาเพลิง
"เกรงใจอะไร บอกแล้วไงว่าผ่านมาพอดี" ว่าแล้วร่างหนาก็ยื่นหมวกกันน็อกให้เธอพร้อมกับขึ้นคร่อมรถไว้
"ยังไงก็ขอบคุณนะคะพี่เพลิง"
เมี๊ยว ~"ริวจินอย่าทำพี่ครับ" นารารีบวางถ้วยที่อยู่ในมืออย่างไว เธอรีบวิ่งไปหาริวจินลูกชายคนเดียววัยสองขวบที่กำลังหยุมหัวแมวสุดห่วงของเธอจนขนแมวติดเต็มมือเล็ก"ฟู ฟู~" เด็กน้อยพูดไม่ชัดหัวเราะร่าพร้อมกับชี้ไปทางถ้วยฟูที่อยู่ในอ้อมกอดของนาราที่กำลังปลอบขวัญ"ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ ถ้วยฟูเจ็บนะลูก" นารารีบเอ่ยอธิบาย"เจ็บ เจ็บ ฟูเจ็บ" ริวจินยื่นมือป้อม ๆ ไปลูบหัวเจ้าแมวขนเบา ๆ"ใช่ค่ะ ต้องลูบเบา ๆ แบบนี้นะ ไม่ดึงแรง ๆ แบบเมื่อกี้แล้วนะคะ""ลูบ ๆ" เด็กน้อยสองขวบพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนที่จะเลื่อนไปนั่งตักผู้เป็นแม่แล้วเล่นอยู่กับถ้วยฟู โดยที่มีนาราคอยยิ้มให้กับความอ่อนโยนของลูกชายที่อธิบายไปครั้งเดียวก็สามารถเข้ากับแมวสุดรักของเธอได้เป็นอย่างดี"หม่ามี๊ค้าบ~" จนกระทั่งเจ้าของใบหน้าสวยที่ก้มมองลูกชายในตอนแรกต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของใครอีกคนที่วิ่งเข้ามาพร้อมกับตะโกนเรียกเธอเสียงดัง และคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก..."รันกลับมาแล้วค้าบ" ลูกชายคนโตวัยห้าขวบอย่างรันเวย์ที่โผล่เข้ากอดผู้เป็นแม่หลังจากที่กลับมาจากโรงเรียนโดยที่มีเรย์เป็นคนไปรับลูกชายถึงที่ด้วยตัวของเขาเอง"ไปโรงเรียนมาสนุกไหมครั
@Tiger_Groupผลั่ก!"การ์ดมึงมาทำไมเยอะแยะ วันนี้มีเรื่อง?" เรย์ที่ผลักประตูเข้ามาเอ่ยถามกับเพื่อนที่นั่งทำงานอยู่บนโต๊ะ ก่อนที่เขาจะพาตัวเองไปนั่งที่ตรงข้ามเพื่อน"ก็มึงบอกให้กูช่วยเรื่องใหญ่ ที่ไหน คนของกูพร้อมแล้ว" ไทเกอร์เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาวางปากกาลงแล้วลุกขึ้นเตรียมถอดสูทของผู้บริหารสลัดคราบเป็นมาเฟียเพื่อช่วยปัญหาให้เพื่อน"มึงไม่ต้องไปหรอก" เรย์เอ่ยบอกทำให้มือหนาที่กำลังถอดสูทชะงัก หันกลับมามอง"เรื่องใหญ่กูจะไม่ไปได้ยังไง""กูขอการ์ดแปดเก้าคนก็พอ""??""มันไม่ใช่เรื่องของกู แต่เป็นเรื่องของลูกกู""ลูกมึง? ใครทำอะไรหลานกู ไอเฮี้ย...การ์ดแค่นั้นไม่พอ กูจะกระทืบมันด้วยตีนกูเอง" ผู้บริหารในคราบมาเฟียถอดสูททิ้งอย่างไม่ไยดี ดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำไม่มีความล้อเล่นเมื่อรู้ว่าปัญหาเกิดขึ้นกับหลานรักที่ยังไม่ลืมตาดูโลกของตัวเอง"ไม่มีใครทำอะไรหลานมึงหรอก มีแต่หลานมึงที่ทำกู" แต่แล้วประโยคของเรย์ก็ทำให้เพื่อนชะงักอีกรอบ เรย์เกือบหลุดขำกับท่าทางของไทเกอร์แต่ก็ดีใจอยู่ไม่น้อยที่เพื่อนเป็นห่วงลูกเขาขนาดนี้"ไอสัสเรย์...มึงพูดให้มันเคลียร์ดิ ตกลงใครทำอะไรหลานกู""หึ หลานมึงกำลังงอแ
"ที่นี่บรรยากาศดีมากเลยนะคะ" ดวงตากลมโตกวาดไปมองรอบๆ เกาะที่มีน้ำสีฟ้ากว้างใหญ่ วันนี้เป็นวันฮันนีมูนวันแรกที่ตกลงกันว่าจะมาเป็นบ้านบนเกาะส่วนตัวของเรย์ที่ซื้อไว้ โดยที่บนเกาะนี้มีแค่เขากับเธอเพียงสองคนเท่านั้น"ชอบไหม แด๊ดซื้อเพื่อหนูเลยนะ" ร่างสูงโปร่งเดินมากอดภรรยาสาวจากด้านหลัง เกยคางไว้บนไหล่มน ก่อนที่จะฝั่งจมูกไว้กับแก้มนุ่มนิ่มไปฟอดใหญ่"ชอบมากเลยค่ะ" มือบางเลื่อนไปกุมมือของเรย์ไว้อีกที หันไปหอมแก้มสากเป็นของขวัญตอบแทน"ทำไมถึงเลือกที่นี่เหรอคะ""เพราะแด๊ดรู้ว่าหนูชอบทะเล""แด๊ดรู้ด้วยเหรอคะ หนูไม่เคยบอกใครเลยนะคะ""เมียทั้งคน จะไม่รู้ได้ยังไงกัน หื้ม..." จมูกโด่งถูไถ่กับแก้มนิ่มอย่างหยอกล้อ ขณะที่อีกคนกลับยิ้มออกมาแก้มแทบแตกกับความดูแลเอาใจใส่ที่ยังคงเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด"แด๊ดดี้ขา...""หื้ม?""แด๊ดดี้ยังอยากมีเจ้าตัวเล็กอยู่ไหมคะ" คำถามของนาราทำให้ร่างสูงชะงักการกระทำ ก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปมองเธออย่างรวดเร็ว"แด๊ดแล้วแต่หนูครับ ถ้ามีแล้วหนูต้องเจ็บ แด๊ดก็ไม่อยากมี" ครั้งหนึ่งเธอเคยบอกกับเรย์ว่าการคลอดบุตรมันเจ็บมากสำหรับผู้หญิง นั้นจึงทำให้เรย์จำและยอมไม่มีเจ้าตัวเล็กดรกว่าใ
"ฮาโหลครับ" มือหนายกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู ขณะที่ดวงตาคมกวาดมองไปข้างหน้าเพื่อตรวจเช็คในสิ่งที่เขากำลังทำ(ทำไมเสียงดังจังเลยคะ แด๊ดไม่ว่างเหรอ?) ปลายสายเอ่ยขึ้นทำให้ร่างสูงรีบเดินออกจากที่ที่ทำให้เสียงดัง ก่อนที่จะเอ่ยอีกครั้ง"ว่างครับ แด๊ดว่างคุยกับหนูตลอด" เรย์รีบกรอกเสียงหวาน(แล้วแด๊ดอยู่ไหนคะ ทำไมดึกป่านนี้แล้วถึงยังไม่ถึงห้องอีกล่ะคะ)"อยู่โรงแรมครับ มาดูที่จัดงานแต่งของเรา" บรรยากาศรอบ ๆ ที่ประดับประดาด้วยของสวยงามมากมายใกล้เสร็จแล้วเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ซึ่งเกิดจากการวางแผนและดูงานของเรย์ที่ตั้งใจทำทั้งหมด(หื้ออ? ดึกป่านนี้เลย เกิดปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ) นาฬิกาบอกเวลาเป็นเที่ยงคืนแล้วทำให้นาราเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจและเป็นห่วง"เปล่าครับ ไม่ได้มีปัญหาอะไร แด๊ดแค่ไม่อยากกลับคอนโด"(ทำไมล่ะคะ โหมงานหนักไม่ดีเลยนะคะ)"แด๊ดไม่อยากกลับไปอยู่คนเดียว แด๊ดคิดถึงหนู"(ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลย~) คำตอบของเรย์ทำให้นาราถึงกับหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้ พึ่งจะผ่านไปแค่คืนเดียว ว่าที่เจ้าบ่าวก็ทนไม่ได้เสียแล้ว"ไม่ตลกเลยนะ หัวเราะมาก ๆ แด๊ดไปฉุดถึงบ้าน" เรย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาพยายามหาอย่า
"ไอเสือ!...มึงอย่าเทน้ำหนักลงมาฝั่งกูเยอะดิ เห็นไหมจะล้มอยู่แล้วเนี่ย""ก็ตัวแม่งหนักชิบหาย กูจะล้มแล้ว""แม่ง...ไม่น่ามอมมันเลย ความลับก็ไม่รู้ เสือกต้องแบกกลับบ้านอีก""กูไม่น่าเชื่อมึงแต่แรกไอสัส" เสียงทุ้มของเพื่อนสนิทสองคนที่กำลังถกเถียงกันถึงเพื่อนอีกคนที่สลบคอพับในร้านเหล้าหรูหราด้วยฝีมือการมอมเพื่ออยากรู้ความลับของคนปากแข็งที่ไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟังเลยสักอย่าง แต่แล้วแผนก็ต้องพังทลายเพียงเพราะคนปากแข็งดื่มหนักเกินจนภาพตัดไม่ทันจะเอ่ยปากคายความลับที่อยู่ข้างใน ฝีเท้าหนักเดินโซเซแบกปีกเพื่อนคนละข้างด้วยท่าทีทุลักทุเลกดรหัสเข้าไปข้างในห้องคอนโดหรูชั้นสูงสุด"ฟู่ววว ถึงสักที" ก่อนที่จะจัดการโยนร่างตัวโตแสนหนักอึ้งทิ้งลงบนเตียงนุ่มพร้อมกับพ่นลมหายใจไล่ความเหน็ดเหนื่อย"เอาไงต่อ กลับเลยไหม" เมฆเอ่ยกับไทเกอร์ ปรายตามองสภาพเพื่อนที่นอนหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเกินขนาด"หาผ้าเช็ดมันหน่อยก็ดี รู้สึกผิดอยู่นิดนึง" ไทเกอร์เอ่ยตอบ เขาเป็นคนทำให้เรย์ตกอยู่ในสภาพนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะดูแลเพื่อนสนิทลบล้างความผิด"เออๆ เดี๋ยวกูไปหาผ้าก่อน" ว่าจบเท้าหนักของเมฆก็เดินหมุนตัวออกจากห้
สามปีผ่านไป"บัณฑิตยิ้มหน่อยครับ" เสียงของชายหนึ่งในนั้นพูดขึ้น ก่อนที่จะใช้กล้องถ่ายรูปส่องไปทางคนตัวเล็กน่ารักที่อยู่ในชุดครุยยืนอยู่หน้าซุ้มถ่ายรูปพร้อมกับดอกไม้ชาอโตหนึ่งช่อและตุ๊กตาหมีหนึ่งตัว"ค่ะ" นารายิ้มหวานตามคำบอก เปลี่ยนท่าทางสองสามท่าเพื่อให้ช่างภาพที่เรย์จ้างได้ทำงานอย่างเต็มที่"แปปหนึ่งนะคะ" นาราเอ่ยกับช่างภาพคนเดิม ก่อนที่จะเดินเร็วๆ เข้าไปหาผู้เป็นยายและน้าที่ยืนยิ้มให้เธออยู่อีกฝั่ง รวมไปถึงอรที่มาร่วมแสดงความยินดีกับแฟนของลูกชายด้วย บรรยากาศของวันงานรับปริญญาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความภาคภูมิใจของคนในครอบครัวรวมไปถึงตัวเธอเอง จึงอยากจะเก็บภาพความทรงจำเหล่านี้ไว้เพื่อจะได้ย้อนกลับมาดูว่ามันช่างมีความสุขมากแค่ไหน"ถ่ายรูปกันค่ะ" นาราเดินไปอยู่ระหว่างกลางของยายบัว อร และเพลงพิณ ก่อนที่จะให้ทั้งสามมองไปทางกล้องถ่ายรูปแล้วฉีกยิ้มหวานอย่างมีความสุขเป็นที่สุด ในที่สุดมันก็มีวันนี้สักที วันที่เธอได้ทำตามความฝันและภูมิใจในตัวเองมากที่สุด"ยินดีด้วยนะลูก หนูเก่งมากเลย" อรเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ยื่นกล่องของขวัญแทนใจให้แฟนลูกด้วยความยินดีปรีดา"ขอบคุณค่ะคุณน้า""เรียนจบแล้วนะเอ็ง โตเ