วันแต่งงานถูกจัดขึ้นแบบเรียบง่ายมันเกินที่ฉันคิดไว้ด้วยซ้ำสำหรับเด็กสาวที่เพิ่งเรียนจบ งานแต่งของฉันกับพี่ฟ่าจัดขึ้นหลังจากวันรับปริญญาบัตรทันที เล่นเอาเหนื่อยเพราะไม่มีเวลาได้พักผ่อน แต่ก็สู้ตายนะ.. จะมีผัวเป็นของตัวเองแบบถูกกฎหมายจริงๆนี่ ตื่นเต้นชะมัดเลยแม้จะเป็นงานกลางวันแต่ทุกอย่างถูกจัดสรรอย่างที่ใจต้องการ งานแต่งริมทะเล ที่มีแต่คนสำคัญในชีวิตเพียงเท่านั้น สิ่งหนึ่งที่ฉันกับพี่ฟ่าคิดตรงกันคืองานแต่งที่ไม่ต้องการความยิ่งใหญ่ มีโต๊ะของแขกเพียงไม่กี่โต๊ะ และคนสำคัญในชีวิต…ชายกระโปรงชุดแต่งงานเปียกน้ำทะเลแต่ชวนมองราวกับหางของปลายกยูงที่ฉายแสงระยิบระยับ“เหนื่อยไหม”“เพลียค่ะ แต่ใจสู้นะ^^”ฉันแทบจะลืมไปหมดเลยในทุกขั้นตอนของวันนี้ พี่ฟ่าเกลี่ยเส้นผมให้ฉันอย่างเบามือ“เจ้าบ่าวของหนู หล่อที่สุด”“หล่อมากไหม?”“ก็บอกอยู่ว่าที่สุด^^”เสียงเพลงเอื่อยๆประสานกับเสียงคลื่นที่สาดซัด หลายครั้งที่ฉันกับพี่ฟ่ามองออกไปแบบสุดลูกหูลูกตา“ฉันจะดูแลเธอให้ดีที่สุด” ร่างสูงพูดขึ้นมาพร้อมกับบีบมือบางๆ แววตาที่เต็มไปด้วยความสุข“หนูก็จะเป็นภรรยาที่ดีของพี่นะ” ฉันอยากจะให้โลกนี้มีเพียงแค่เราสองคน ทั้งอั
พรืดดดด~ เสียงรูดซิปดังขึ้น ฉันยืนมองตัวเองที่หน้ากระจก พี่ฟ่ายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง เขาพรมจูบต้นคอฉันเบาๆ“เลื่อนเวลาได้ไหม?”“ไม่ได้ค่ะ พี่บอกว่ามันคือดินเนอร์ที่แสนพิเศษสำหรับเรา”“..แต่ฉันยังกินเธอไม่อิ่มเลย”คลอเคลียกันอยู่พักใหญ่ แล้วก็เป็นฉันนี่แหละที่บังคับให้ยุติทุกอย่าง“แต่ว่าหนูหิวข้าวแล้ว หิวมากๆ หิวมากมากมากมากกกกกก”“….”“เพราะเสียพลังงานกับพี่ไปตั้งเยอะ” ฉันประคองหน้าพี่ฟ่าและจุมพิตที่ริมฝีปาก แม้อีกฝ่ายจะพยายามทำมากกว่าจุมพิตน่ารักๆก็ตาม เพราะมืออุ่นๆนี่ คลอเคลียแถวๆราวนมซะแล้ว“ไม่ได้จริงๆเหรอ?”“ไม่ได้แล้วค่ะ หนูอยากจะเห็นแล้วนะดินเนอร์ที่พี่ว่า”“..โอเค”เสียงนุ่มขานรับ คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าห้านาทีหลังจากที่ฉันเข้าห้องน้ำไปมันเกิดอะไรขึ้น ก็สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกไปเลยสิคะ! ไม่ว่าที่ไหนก็ดูเหมือนจะไม่ใช่อุปสรรคสำหรับหนุ่มนิ่งขรึมที่แสนอบอุ่นคนนี้“อารมณ์ดีแล้วใช่ไหม”“อื้ม^^”เราเตรียมตัวสำหรับการไปดินเนอร์คืนนี้ พี่ฟ่าอยากให้ฉันใส่ชุดสีขาวครีมๆ ฉันก็ใส่มัน พี่ฟ่าอยากให้ฉันใช้ลิปสติกสีไหน กลิ่นไหน ฉันก็ใช้มันแต่งหน้าในคืนนี้ตลอดเส้นทางที่เดินทาง แม้รู้อยู่แล้วว่ามันคงไม่
อัลฟ่าแทบจะเป็นแฟนตัวอย่าง แม้ว่าเขาจะอยู่ที่มอกับคาร์เตอร์แล้วตั้งนานสองนาน แต่ก็ไม่ละลาบละล้วงเวลาของธิชาและบุ๊คเลยสักนิดแม้คาร์เตอร์จะไม่ค่อยเข้าใจว่าอัลฟ่าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรก็เถอะ แต่เขาเองก็ยอมเดินตามหลังสองสาวที่กำลังสนุกกับการกินขนม ของหวานแล้วเม้ามอยตามประสาโดยเว้นระยะห่าง“แบบนี้นี่คือมึงมั่นใจแล้ว? ก่อนหน้านี้กูเคยได้ยินมึงพูด.. ก็แบบทำนองที่ไม่ได้รักบุ๊ค แต่ต้องแต่งงานด้วย” คาร์เตอร์ล้วงกระเป๋ากางเกง “ตอนนี้คงไม่มีความคิดนั้นแล้วมั้ง?”“อืม ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็กู่ไม่กลับ”“…นี่แหละนะ เส่นห์ของผู้หญิง กว่าจะรู้ว่าถูกอีกฝ่ายมัดใจจนแทบหายใจไม่ออก ก็โดนมัดไปทั้งตัว”“แล้วมึงกับธิชานี่ยังไง”“ก็ไม่ยังไง.. ก็คงเป็นคนนี้แหละ”“ธิชาคงกรี๊ดคอแตก ถ้าได้ยินมึงพูด”“ไม่หรอก ถ้าไม่เว่อร์พอ” ผมเดินตามหลังสองสาวไปเรื่อยก็แค่ถ่วงเวลา เพราะเย็นนี้มีมื้อสำคัญ ซึ่งไอ้คนข้างๆผมมันก็รู้แล้วละ“ไหนๆมึงก็มาถึงขั้นนี้แล้ว” คาร์เตอร์ตบไหล่คนเป็นเพื่อน “ก็ไปให้สุด เดี๋ยวไอ้โซลคาบไปแดก”นัดที่ผมนัดบุ๊คเอาไว้.. มันไม่ใช่แค่นัดธรรมดาๆ“ตายละ! นี่เพลินจนลืมเวลาเลยนะเนี่ย!”“รีบร
มหาวิทยาลัย“หื้มมม ผู้ดีแบบนี้จะหาได้จากนี้ไหนอีกไหมอะ”“อย่ามา พี่เตอร์มีอะไรไม่ดีตรงไหนบ้าง?”“ก็ดีมากๆนั่นละนะ แต่ก็อยากได้แบบนี้ด้วย” ธิชาถ่ายรูปสเต็กในกล่อง คาดได้ง่ายๆว่าต้องส่งไปให้พี่เตอร์อย่างแน่นอน เพรานั่งจิ้มโทรศัพท์มือเป็นระวิง“อะไร? สเต็ก? เนื้อวากิวหรือเปล่า? เป็นฉันนะฉันใช้เนื้อวากิวแล้วบอกก่อน เนื้อเกรดดี ย่างด้วยอุณหภูมิกำลังดี สุกแบบมีเดียมแรร์” โซลชะเง้อหน้ามองกล่องอาหารของฉัน นึกหมันไส้ขึ้นมาก็เลยตักเนื้อสเต็กยัดปากแม่มเลย“โอ้ย!”“อร่อยไหม?” ปากเคี้ยวตุ้ยๆจากช้าๆค่อยเป็นเร็วขึ้น ดวงตาเป็นประกายกับรสชาติของเนื้อก้อนแรกในวันนี้“ไม่ใช่วากิว แต่อร่อยสุดๆเลยใช่ไหมละ^^”“….” โซล บู้ปากใส่ ก่อนจะคว้าน้ำเปล่าไปดื่ม โซลก็คนดีคนนึงนั่นแหละนะ ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร แม้นิสัยจะต่างกับพี่ฟ่าสุดขั้วก็เถอะ ยังนึกถึงทุกวันนี้เลยว่าเป็นเพื่อนกันได้ยังไง“นายมีอะไรจะสู้กับพี่ฟ่าของฉันอีกไหม^^”“ฉันสู้ได้ทุกอย่างรู้ไว้เลย แค่กับเธอฉันไม่คิดจะสู้แล้วก็แค่นั้น”“พูดจริง?”“จริ๊งงง!”“ไม่หนักแน่นเลยนะนายเนี่ย”“หนักแน่นให้เขางอก กูยอมเจ็บคนเดียวยังจะดีซะกว่า หน้าหล่อๆแบบนี้ ซิกแพคแน่นขนา
ฉ่าาา~ฉันนั่งท้าวคางแกว่งเท้าดุ๊กดิ๊กอยู่หน้าเค้าน์เตอร์ กลิ่นเนื้อที่จี่ลงไปกับกะทะ นาทีที่ความร้อนกำลังแผดเผาเนื้อหนังจนเกิดเสียง กลิ่นหอมๆก็ตามมา“หอมมม~”แต่อยู่ๆพีี่ฟ่าเขาก็วางมือจากการทำสเต็ก เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนที่สวมอยู่แล้วเดินออกมายืนข้างๆฉัน“ค๊ะ?”“หอมสิ” แล้วก็สอดมือกับกระเป๋าผ้ากันเปื้อน เอนตัวให้หน้าฉันจุ๊บแก้มเขาได้“เอาสิ เดี๋ยวเนื้อไหม้”“..หนูไม่ได้หมายถึงหอมแบบนี้ หนูหมายถึงเนื้อที่พี่ทำมันหอม =///=““เข้าใจผิดเหรอเนี่ย แย่จัง” แต่ก็ทำถึงขนาดนี้แล้ว ฉันก็เลยคว้าต้นคอของพี่เขาซะเลย ก็หอมแก้มไปฟอดสองฟอด หน้านิ่งหน้าตายก็พอที่มีเลือดฟาดอยู่ที่พวงแก้ม“..ค่อยน่าทำอาหารต่อหน่อย”อัลฟ่าเดินกลับไปหน้าเตา เขาทำอาหารให้คนตัวน้อยทุกมื้อเท่าที่จะทำได้ แทบจะไม่ปล่อยเวลาว่างอันน้อยนิดให้เสียเปล่า“เอาสปาเกตตี้ด้วยไหม?”“พี่จะขุนให้อ้วนเลยหรือไง?”“อ้วนอีกนิดก็ดี เอวเธอจะหักอยู่แล้วเวลาฉันกระแทกแต่ละครั้ง”“ชิ๊! ก็ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงอ้วนนิ”“ผู้ชายที่เธอว่า คนไหน?”“อ้าวก็ หมายถึงรวมๆไง ผู้ชายอะชอบบ่นว่าแฟนผอม อ้วนยังไงก็รัก แต่ก็ชอบแอบมองผู้หญิงหุ่นสวยๆนมตู้มๆอยู่เรื่อย”สเต
เวลาหนึ่งปีที่ผ่านมามันไวมากๆจริงๆ ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อถึงเวลา ฉันนั่งมองพี่ฟ่าเซนต์เอกสาร ไล่อ่านมันทุกแฟ้มทุกหน้าราวกับไม่ต้องการให้มีอะไรตกหล่น นิ้วนางข้างขวาของเรามันคือสัญลักษณ์แห่งการจับจอง “..ขออนุญาตกวน เหนื่อยไหม?”“เอาอะไรมาเหนื่อยแค่เซนต์เอกสาร”“แต่ว่ามัน กองเท่าภูเขาเลยนะ” ฉันหยิบแฟ้มเอกสารดูอย่างวิสาสะ ก่อนจะถูกแย่งออกไปจากมือและถูกรวบเอวให้นั่งบนตักหนาๆที่ฉันเคยนั่งพรุ่บ!“อ๊ะ!”“..เอาเธอเหนื่อยกว่าเยอะเลย”“พี่ฟ่า!”“แต่จะว่าไป ก็ไม่เหนื่อยขนาดนั้นนะ” ร่างน้อยนั่งหุบไหล่ห่อตัวตามประสาคนขี้อายก่อนจะใช้สายตาเหลือบมองอัลฟ่าที่ใช้คางเกยไหล่บางๆของเธอ มือก็ไม่หยุดเซ็นต์เอกสาร“เปิดหน้าต่อไปให้หน่อย”“..เปิดเองสิ”“ทำหน้าที่เมียให้มากกว่าเรื่องบนเตียงไม่ได้หรือไง? หื้ม?” เสียงหื้มที่พูดชวนใจสยิว คนตัวน้อยเม้มปากก่อนจะมองออกไปที่ประตู ในจังหวะที่ถูกอัลฟ่าจุมพิตที่ต้นคอเบาๆ และเริ่มไล้ลิ้มชิมรสด้วยปลายลิ้นแม้จะอยากให้พี่เขาทำงานมากกว่า แต่ร่างกายมันก็ดันชอบซะงั้นมือที่จับปากกาก็เปลี่ยนเป็นลูบไล้ต้นขา ไล่สูงขึ้นที่เอว และกำลังจะปลดกระดุมนักศึกษาด้วย“พี่คะ นี่มันที่ทำงา