LOGIN"เดี๋ยวนี้"
เสียงที่เปล่งออกไปเด็ดขาด แต่ร่างที่ยืนอยู่หน้าอินเตอร์คอมสั่นเทา ในชุดคลุมอาบน้ำตัวบาง ความเงียบที่ตอบกลับมาบีบคั้นหัวใจ นานราวกับชั่วนิรันดร์ ลลิลกำลังจะกดซ้ำ
"คุณทัศไม่ว่าง" เสียงของเดชตอบกลับมา เย็นชา และไร้ความรู้สึก
"ได้โปรด!" ลลิลตะโกนกลับไป ความอัปยศหายไป เหลือเพียงความกลัวตาย "ฉันมีเรื่อง...เรื่อง 'ข้อเสนอ' ใหม่"
"เรื่องที่จะเป็น 'ประโยชน์' กับเขามากกว่า!" ร่างบางใช้คำที่รู้ว่าอีกฝ่ายให้ความสำคัญผลประโยชน์มากแค่ไหน
ความเงียบเข้ามาอีกครั้ง ไม่นานนักก็มีเสียง
คลิก
เสียงปลดล็อกประตูดังขึ้น เดชยืนอยู่ที่หน้าประตู สายตารำคาญใจ "คุณทัศกำลังจะไปงานเลี้ยง เธอมีเวลาหนึ่งนาทีเท่านั้น"
งานเลี้ยง! คำคำนั้นเหมือนค้อนทุบลงกลางอก ไม่ใช่พรุ่งนี้! คือ 'คืนนี้!' เส้นตายคือตอนนี้ ความจริงที่รู้นี้ทำลายสติที่เหลืออยู่ของลลิลจนหมดสิ้น
ร่างบางไม่สนใจสายตาของเดช ไม่สนใจชุดคลุมอาบน้ำที่ใส่อยู่ ไม่สนใจเท้าเปล่า
ลลิลวิ่งสวนร่างของเดชเข้าไป มุ่งหน้าไปยังห้องที่ใหญ่ที่สุด ห้องที่ร่างบาง 'เดา' ว่าเป็นห้องทำงานของเจ้าของเพนต์เฮาส์ เดชไม่ห้าม เพียงแค่เดินตามมาอย่างเงียบๆ เหมือนคุมนักโทษ ที่กำลังวิ่งไปสู่ลานประหาร ด้วยตัวเอง
ปัง!
ลลิลผลักประตูเข้าไป กลิ่นโคโลญจน์ กลิ่นซิการ์จางๆ และกลิ่นของ 'อำนาจ' ปะทะใบหน้าทันที ภาพที่เห็นทำให้ร่างบางชะงัก
ณ ใจกลางห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับห้องทำงาน ร่างสูงสง่ากำลังแต่งตัว ธนาทัศยืนหันหลังให้ประตู สวมเพียงกางเกงสแลคขายาวสีดำ แผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยมัดกล้ามไร้ที่ติ มันคือแผ่นหลังของผู้ล่า ที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบ
ร่างสูงรู้ว่าลลิลเข้ามา เงาสะท้อนในกระจกบานใหญ่บอกทุกอย่าง แต่บุรุษผู้นั้นไม่หันมา การเพิกเฉยของร่างสูงคือการตอกย้ำอำนาจ มือใหญ่เอื้อมไปหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมใส่อย่างเชื่องช้า จงใจทิ้งให้ลลิลยืนสั่นอยู่กลางห้อง จงใจเพิกเฉยราวกับร่างบางเป็นเพียงอากาศธาตุ
ลลิลยืนตัวแข็งทื่อ อับอายในชุดคลุมอาบน้ำที่หลุดลุ่ย เปรียบเทียบกับร่างสูงที่กำลังสวมเกราะแห่งอำนาจ ความแตกต่างของสถานะชัดเจนจนน่าสมเพช ร่างสูงกำลังจะไป...ไป 'ขาย' ร่างบางคืนนี้ ตนเองต้องทำให้ร่างสูงสนใจ!
ธนาทัศติดกระดุมเสื้อเสร็จ ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ เพื่อสวมรองเท้า ดวงตาคมกริบมองมาที่ร่างบาง นิ่ง เย็นชา
"ฉันให้เวลาเธอ"
ไม่ใช่คำถาม แต่คือการรอ...รอ 'ข้อเสนอ' ที่ลลิลอ้างกับเดช
แต่คำพูดไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ร่างบางเลือกที่จะ 'กระทำ' ศักดิ์ศรีทั้งหมดถูกโยนทิ้งไปตั้งแต่หน้าประตู เวลากำลังจะหมด ร่างสูงจะลุกขึ้นและจากไป หญิงสาวก้าวไปหา เดินผ่านพรมราคาแพง เท้าเปล่าสัมผัสความนุ่มแต่ใจสั่นระรัว
ร่างบางไม่ได้หยุดที่แทบเท้า ลลิลแทรกตัวเข้าไประหว่างเข่าของธนาทัศแล้วปีนขึ้นไปบนตักก่อนจะนั่งคร่อมลง บนต้นขาที่แข็งแกร่งของร่างสูง
เหมือนสัตว์เลี้ยงที่ยอมสยบ ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน ร่างของลลิลในชุดคลุมอาบน้ำ เบียดชิด กับร่างของธนาทัศในชุดเสื้อเชิ้ตที่ยังไม่ได้เก็บชาย
มือที่กำลังเลือกเนกไทของธนาทัศหยุดนิ่ง นี่คือสิ่งที่ร่างสูงไม่ได้สั่ง ดวงตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อย อ่านไม่ออก แต่...ร่างสูงไม่ได้ผลักออก
ลลิลสบตาระยะประชิด น้ำตาคลอ เสียงสั่น
"คุณทัศ...ได้โปรด" ร่างบางอ้อนวอน "อย่า...อย่าส่งฉันให้คนอื่น...ฉันยอมทำทุกอย่าง...ฉันจะเป็นของคุณ...แต่อย่าส่งฉันให้...ใครเลยนะคะ"
ธนาทัศมองนิ่ง ความสิ้นหวังในดวงตาคู่นั้นชัดเจน จนน่าสมเพช ร่างสูงไม่สะทกสะท้านต่อคำอ้อนวอน
"แล้วเธอมีอะไรมาแลกเปลี่ยน?" เสียงเรียบ ย้ำคำถามเดิมจากในตรอกมืด "พิสูจน์สิ"
คำสั่งนั้นเย็นเยียบ ลลิลไม่มีคำตอบ มีเพียงการกระทำ ร่างบางโน้มตัวไปข้างหน้า ริมฝีปากที่สั่นเทาประทับลงบนริมฝีปากของร่างสูง มันไม่ใช่จูบที่ดูดดื่ม แต่เป็นเพียงสัมผัสที่เงอะงะและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ธนาทัศไม่จูบตอบ ร่างสูงแค่ 'รับ' มัน ดวงตาคมกริบจ้องมอง 'ความหวาดกลัว' ที่ฉายชัดในดวงตาที่ปิดไม่สนิทของลลิล แล้วมือใหญ่ก็คว้าเข้าที่ท้ายทอยของร่างบาง 'ควบคุม' เปลี่ยนการวิงวอนให้กลายเป็นการ 'ลงทัณฑ์'
และในวินาทีต่อมา ร่างสูงก็ผลักร่างบางร่วงลงจากตัก กระแทกลงไปคุกเข่าบนพื้นระหว่างขาสองข้างของธนาทัศ สถานะถูกตอกย้ำ
"แค่นี้เหรอ 'ข้อเสนอ' ของเธอ" ธนาทัศมองกดลงมา
"ฉันยังไม่เห็นว่ามัน 'มีประโยชน์' มากกว่าส่วนลดอาวุธนั่นตรงไหน"
ลลิลเข้าใจความหมาย ชุดคลุมอาบน้ำหลุดลุ่ย ร่างบางก้มลงมอบความปรารถนาด้วยมือที่สั่นเทาและความอัปยศ
มันคือการกระทำที่เงอะงะ สิ้นหวัง ร่างบางสั่นเทาจนทำอะไรไม่ถูก ริมฝีปากที่สั่นเทา แตะต้องแก่นกายร้อนนั้น อย่างกล้าๆ กลัวๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม ด้วยความอัปยศ
"เลิกเล่นสักที"
เสียงทุ้มนั้นเอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจนิดๆ ทำให้หญิงสาวต้องค่อยๆ ใช้ปากของตนเองครอบงำสิ่งนั้นทีละนิด ทีละนิด แต่ด้วยความใหญ่และยาวนั้นเองจึงทำให้สำลักจนหน้าแดงก่ำ แต่ร่างบางก็ไม่ได้หยุดและทำต่อไป
ศีรษะมนของลลิลขยับขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไปจนทำให้ทัศรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ฝ่ามือหนาของชายหนุ่มเลื่อนมากอบกุมที่เรือนผมนุ่มสลวย ออกแรงบังคับให้อีกฝ่ายเป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ
เวลาผ่านไปไม่นานหลังจากที่ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ท่ามกลางความเงียบงันก็เริ่มมีเสียงครางต่ำในลำคอเคล้าคลอไปกับเสียงเฉอะแฉะจากส่วนล่าง จนในที่สุดน้ำสีขาวขุ่นก็ถูกปลดปล่อยออกมาเต็มโพรงปากเล็กๆ ของคนบนพื้น จนมันไหลย้อยออกมาตามมุมปาก
"กลืนลงไปให้หมดซะ"
เสียงดนตรีคลาสสิกและเสียงผู้คนจอแจจากงานเลี้ยงจางหายไปทันทีที่ประตูบานหนักของปีกบริการปิดลง ทิ้งไว้เพียงเสียงฝีเท้าของเดชที่ดังเป็นจังหวะ และเสียงลากร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของลลิลมือขวาคนสนิทของธนาทัศไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากประโยคสุดท้ายที่แสนเยือกเย็นนั้น มือที่บีบต้นแขนของร่างบางไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก ลากหญิงสาวผ่านโถงทางเดินที่สว่างจ้า ตรงไปยังประตูทางออกฉุกเฉินความอัปยศแล่นริ้วไปทั่วร่าง ลลิลไม่ได้ถูกลากกลับเข้าไปในงานเลี้ยง ไม่ได้ถูกประจานต่อหน้าแขกเหรื่อ แต่นี่อาจจะเลวร้ายกว่า การถูกลากเหมือนซากสัตว์ที่ไร้ค่าออกทางประตูหลัง ตอกย้ำสถานะ 'ทรัพย์สิน' ที่เสียหายของร่างบางเท้าเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและคราบดิน ก้าวสะเปะสะปะไปบนพื้นปูนเย็นเฉียบ ชุดราตรีสีแดงสดที่เคยงดงาม ตอนนี้ขาดวิ่นและเปรอะเปื้อนจนดูน่าสมเพชเดชลากร่างบางมาจนถึงลานจอดรถด้านหลังที่มืดสลัว รถลีมูซีนสีดำสนิทคันเดิมจอดรออยู่ เครื่องยนต์ติดอยู่ แต่เงียบกริบราวกับสัตว์ร้ายที่รอคอยเหยื่อประตูหลังฝั่งหนึ่งถูกเปิดออกโดยคนขับรถที่ยืนรออย่างนอบน้อม เดชไม่พูดพร่ำทำเพลง มือหนาผลักร่างที่ไร้วิญญาณของลลิลเข้าไปด้านในอย่างไ
รั้วเหล็กตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ห่างออกไปเพียงไม่กี่สิบก้าว ลมหายใจของลลิลขาดห้วง ร่างกายที่บอบช้ำจากเมื่อคืนก่อนถูกผลักดันด้วยสัญชาตญาณเฮือกสุดท้าย เท้าเปล่าที่เหยียบย่ำบนหญ้าเปียกชื้นไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกต่อไปความหวัง...มันคือสิ่งเดียวที่ขับเคลื่อนร่างบางในตอนนี้อีกแค่สิบก้าว...อีกห้าก้าว... มือเล็กยื่นออกไปข้างหน้า ปลายนิ้วสั่นเทาเกือบจะสัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบของโลหะธาตุแห่งอิสรภาพแต่แล้วร่างบางที่พุ่งทะยานก็หยุดชะงักกะทันหันราวกับชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็นไม่ใช่กำแพง แต่เป็นเงาร่างหนึ่งที่ก้าวออกมาจากเงามืดของต้นไม้ใหญ่ เงามืดที่ลลิลกำลังจะใช้เป็นที่หลบซ่อนนั่นเองร่างหนาไม่ได้วิ่งไล่ตาม ไม่ได้รีบร้อน ชายคนนั้นเพียงแค่ก้าวออกมา 'ยืนขวาง' อย่างใจเย็น ราวกับยืนรออยู่ตรงนั้นนานแล้วร่างที่กำลังพุ่งทะยานชะงักกึก ร่างกายเสียหลักเกือบล้มลงบนพื้นหญ้าที่ลื่นชื้น หัวใจที่เคยเต้นรัวด้วยความหวัง หล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม และหยุดเต้นไปชั่วขณะแสงจันทร์สลัวสาดส่องลงมาเผยให้เห็นใบหน้าที่เรียบเฉย ไร้ความรู้สึกแต่ลลิลจดจำได้แม่นยำ'เดช'มือขวาคนสนิทของธนาทัศความหวังทั้งหมดที่เคยลุกโชน
ลลิลยืนนิ่งเป็นตุ๊กตาประดับห้อง แก้วแชมเปญในมือสั่นระริกจนของเหลวสีอำพันเกือบจะกระฉอกออกมา มืออีกข้างกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความเจ็บปวดทางกายเทียบไม่ได้เลยกับความอัปยศที่แผดเผาอยู่กลางอกคำพูดของธนาทัศยังคงดังก้อง 'เห็นไหม เธอมี 'ประโยชน์' แล้ว'ประโยชน์...คำนี้ช่างน่ารังเกียจ ประโยชน์ของร่างบางคือการถูกใช้เป็นเครื่องมือตบหน้าคนอื่น คือการถูกตีตราต่อหน้าสาธารณะด้วยจูบที่ไร้ความรู้สึก จูบที่อ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของอย่างป่าเถื่อนลลิลเหลือบมองร่างสูงที่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มกลับเข้าสู่บทบาทนักธุรกิจผู้ทรงอำนาจได้อย่างไร้รอยต่อ พูดคุย หัวเราะเบาๆ กับกลุ่มนักการเมือง โดยไม่หันมามอง 'ถ้วยรางวัล' ที่เพิ่งใช้งานไปแม้แต่น้อยร่างสูงคงคิดว่าลลิลสิ้นฤทธิ์แล้ว คงคิดว่าการ 'ซื้อขาด' ในคืนนั้น และการ 'ลงทัณฑ์' ด้วยจูบเมื่อครู่ ได้ทำลายศักดิ์ศรีของร่างบางจนหมดสิ้นแล้วใช่...ศักดิ์ศรีของลลิลถูกขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี แต่มันไม่ได้ดับไฟในใจของหญิงสาว มันกลับจุดไฟแห่งความเกลียดชังและความปรารถนาที่จะหนีให้ลุกโชนขึ้นมาแทน'ฉันต้องหนี'ความคิดนั้นชัดเจนยิ่งกว่าครั้งไหนร่างบางกวาดสายตามองไปรอบห้อ
เท้าเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนครูดไปกับพื้นปูนเย็นเฉียบของลานจอดรถ ลลิลไม่มีเวลาแม้แต่จะทรงตัว ร่างบางถูกลากกึ่งจูงให้ก้าวตามแผ่นหลังกว้างของธนาทัศที่เดินนำลิ่วไปยังลิฟต์ส่วนตัวบรรยากาศภายในกล่องเหล็กนั้นน่าอึดอัดยิ่งกว่าในรถ หญิงสาวยืนตัวสั่นอยู่มุมหนึ่ง โดยมีเดชยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ ขณะที่ร่างสูงของผู้เป็นนายยืนกอดอกนิ่งมองตัวเลขชั้นที่เลื่อนขึ้นอย่างใจเย็นติ๊งประตูลิฟต์เปิดออกยังชั้นเซฟเฮาส์ร่างบางถูกกระชากออกจากลิฟต์ และถูกผลักอย่างแรงจนร่างทั้งร่างปลิวเข้าไปในห้องนอน หญิงสาวเสียหลักล้มลงบนเตียงนุ่มอย่างไม่ออมแรงความทรงจำอันเลวร้ายจากสถานที่แห่งนี้หวนกลับมาจู่โจมทันทีปัง!เสียงประตูห้องปิดตามหลัง พร้อมเสียงล็อกอัตโนมัติที่ดังสนั่น ลลิลสะดุ้งสุดตัว รีบตะเกียกตะกายทรงตัวลุกขึ้นนั่งดวงตาทั้งสองข้างฉายแววความกลัวออกมาอย่างปิดไม่มิด เมื่อเห็นร่างสูงสง่าของธนาทัศก้าวตามเข้ามาในห้อง ร่างบางพยายามที่จะถอยหลังหนีไปอีก จนกระทั่งแผ่นหลังบอบบางแนบสนิทกับหัวเตียงชายหนุ่มปลดเนกไทสีดำออกจากลำคอแกร่งอย่างเชื่องช้า"นี่คือโทษสำหรับการหลบหนีของเธอ"ธนาทัศไม่พูดเปล่า ร่างสูงจับข้อมือเล็กไว้
แทนที่จะเดินหนี ธนาทัศกลับจูงลลิล ลากผ่านฝูงชนที่แหวกทางให้ เหมือนคลื่นทะเลที่แยกออกให้พญาราชสีห์เดินผ่าน เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นรอบทิศทาง ตอกย้ำสถานะ 'ของเล่นชิ้นใหม่'ทุกย่างก้าวหัวใจของลลิลหล่นวูบ'โกหก!' ความคิดนั้นเหมือนฟ้าผ่า 'กำลังจะส่งมอบฉันเดี๋ยวนี้!'ร่างบางพยายามดึงแขนกลับ ต้านทานแต่ไร้ผล มือใหญ่ของธนาทัศ บีบลงบนแขนเล็ก แน่นเหมือนคีมเหล็ก เป็นการเตือน 'อยู่นิ่งๆ' คำขู่เมื่อคืนดังก้องในหัวทั้งคู่มาหยุดตรงหน้าชายแก่ร่างท้วมคนนั้น"อา...สวัสดี คุณทัศ ผู้ยิ่งใหญ่" ชายแก่หัวเราะ เสียงดังกลบเสียงดนตรี สายตาตะกละตะกรามยังคงไม่ละไปจากลลิล"และนี่คงเป็น..." ชายแก่หันมามองลลิล ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า "ดอกไม้ที่งดงามที่สุดในคืนนี้"ชายแก่พยายามจะคุยกับลลิลโดยตรง "ไม่ทราบว่าดอกไม้นี้ ชื่ออะไร"ลลิลก้มหน้าเม้มปากแน่น ร่างบางสั่นสะท้านด้วยความกลัวจนควบคุมไม่ได้ ธนาทัศยิ้ม แต่ตาไม่ยิ้ม ร่างสูงตอบราวกับลลิลไม่มีตัวตน "เด็กคนนี้ไม่มีชื่อหรอกครับ เจ้าสัว""แต่มี 'ราคา'"คำว่า 'เจ้าสัว' ทำให้ร่างบางยิ่งสั่นสะท้าน นี่คือชายแก่ที่ร่างสูงพูดถึงในห้องทำงาน คนที่ร่างบางเกือบถูก 'ขาย' ให้"ยอดเยี
แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านม่านหนา ลลิลลืมตาขึ้นบนพื้นกระเบื้องที่เย็นเฉียบ ร่างกายยังคงเปลือยเปล่าใต้ชุดคลุมอาบน้ำที่ชื้นแฉะ ร่างกายปวดร้าว โดยเฉพาะความระบมช้ำ ณ จุดเร้นลับที่ถูกย่ำยีเมื่อคืน ทำให้ทุกการขยับตัวคือความทรมาน จิตใจ ว่างเปล่า'รอดแล้ว' ความคิดนั้นแวบเข้ามา 'อย่างน้อยก็ไม่ถูกขาย' ร่างบางจำคำพูดของธนาทัศได้'ฉันตกลง' แต่ความโล่งใจนั้นถูก 'ราคา' ที่ต้องจ่ายกลบจนหมดสิ้นคลิกเสียงปลดล็อกดิจิทัลดังขึ้น ตรงเวลา ลลิลสะดุ้ง แต่ไม่ได้ซ่อนตัว 'ทีมงาน' ชุดเดิม ผู้หญิงในชุดยูนิฟอร์มหน้าหุ่นยนต์สองคน ก้าวเข้ามา ครั้งนี้ ลลิล 'ไม่ต่อสู้' ร่างบางรู้แล้วว่ามันไร้ประโยชน์หญิงสาวยอมเป็น 'ตุ๊กตาไร้ชีวิต' ฝืนพยุงร่างลุกขึ้น ไม่ขัดขืน ยืนนิ่ง ปล่อยให้สายตาเย็นชาเหล่านั้นสำรวจ ปล่อยให้พวกนั้นจับร่างอาบน้ำอุ่นอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่การขัดล้างที่เจ็บแสบ แต่คือการ 'บำรุง' อีกครั้งตามที่เดชสั่งโลชั่นและน้ำมันหอมราคาแพงถูกชโลมลงบนผิว เหล่าผู้รับใช้นวดวนโลชั่นอย่างเป็นกลาง ไร้อารมณ์ มือเย็นชาเหล่านั้นไม่สนใจ แม้จะต้องสัมผัสโดนรอยแดงเป็นจ้ำๆ บริเวณซอกคอและหัวไหล่ ร่องรอยความเป็นเจ้าของที่ธนาทัศขบเม้มทิ้ง







