LOGIN"ฉันทำแต่เรื่องผลประโยชน์เท่านั้น...เธอจะเอาอะไรมาแลกกับชีวิต?" เมื่อเด็กสาวบ้านนอกที่เพิ่งหนีเข้ากรุงอย่าง ลลิล ต้องเลือกระหว่างความตาย หรือการยอมเป็น 'สิ่งของ' ของมาเฟียผู้ไร้หัวใจอย่าง ธนาทัศ หญิงสาวเสนอ 'ร่างกาย' เพื่อเอาชีวิตรอด แต่เขาไม่ได้ต้องการแค่นั้น... เขาต้องการ 'ทายาท'
View Moreเสียงหอบหายใจของลลิลดังกระแทกความเงียบของตรอก ดังเสียดยิ่งกว่าความเจ็บปวดแสบร้อนที่ฝ่าเท้าเปลือยเปล่า
ร่างบางไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังวิ่งไปไหนรู้แค่ว่าต้องไปให้พ้น
จากเสียงหัวเราะหยาบคายที่ไล่ตามหลัง จากน้ำครำเย็นเฉียบที่สาดกระเซ็นขึ้นมาตามหน้าแข้งทุกย่างก้าว และจากกลิ่นเหม็นเปรี้ยวของกองขยะที่เพิ่งวิ่งชนจนล้มคะมำเมื่อครู่
ร่างกายที่บอบช้ำประท้วงด้วยความเหนื่อยล้า...ปอดดวงน้อยแสบร้อนราวกับมีไฟลน
นี่เหรอ...กรุงเทพฯ?
เมืองสวรรค์ที่หญิงสาววาดฝันไว้ในหัวตลอดหลายปีที่หนีความจริง เมืองที่ปักหมุดไว้ว่าจะเป็นที่เริ่มต้นชีวิตใหม่ กลับต้อนรับด้วยมุมที่มืดมิดและน่าสะพรึงกลัวที่สุด แต่ถึงที่นี่จะเป็นนรก...มันก็ยังดีกว่านรกขุมที่เพิ่งหนีออกมา
เสียงของ 'น้าเข้ม' ญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ ยังคงดังก้องอยู่ในหัว ใบหน้าที่เมามายและดวงตาละโมบที่มองร่างบางเหมือน 'สินค้า' ไม่ใช่หลานสาว
"เกิดมาสวยก็ใช้ให้มันเป็นประโยชน์สิ! อย่าโง่!"
'ประโยชน์' ที่หมายถึงการถูกขาย ถูกส่งตัวไปเป็นของเล่นของพวกเจ้าหนี้บ่อนการพนัน
ความทรงจำที่ไร้พ่อแม่ การถูกเลี้ยงดูอย่างตามมีตามเกิดในหมู่บ้านชาวประมง การถูกมองเป็น 'ภาระ' มาตลอดชีวิต จนกระทั่งเติบโตเป็นสาว และภาระนั้นกำลังจะถูกเปลี่ยนให้เป็น 'เงิน'
ไม่!...ลลิลไม่ยอม
"เฮ้ย! มันอยู่นั่น!"
เสียงตะโกนหยาบๆ ดังขึ้นไม่ไกล ทำให้ร่างทั้งร่างของลลิลสะดุ้งสุดตัว หัวใจดวงน้อยหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม พวกมันตามมาทันแล้ว!
สัญชาตญาณดิบสั่งให้ร่างบางตะเกียกตะกายอีกครั้ง เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายถูกใช้พุ่งตัวเลี้ยวเข้ามุมตึกถัดไป ทว่าปลายทางคือความสิ้นหวัง กำแพงอิฐสูงตระหง่านปิดทึบ
...ทางตัน…
ขาทั้งสองข้างของลลิลทรุดลงกับพื้นเปียกแฉะทันที ความหวังริบหรี่ที่เคยมีดับวูบลงเหมือนเปลวเทียนต้องลม หญิงสาวมองกำแพงตรงหน้าราวกับมันเป็นคำพิพากษา
หมดแรงแล้ว...หนีต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ
เงาร่างใหญ่สามร่างเดินเข้ามาปิดปากตรอกที่ลลิลเพิ่งเลี้ยวเข้ามา แสงไฟนีออนสีชมพูที่กะพริบจากร้านค้าฝั่งตรงข้ามถนน สาดส่องให้เห็นรอยยิ้มแสยะน่าขยะแขยงของพวกมัน พวกอันธพาลที่น้าเข้มส่งมา
"จะรีบไปไหนอีหนู" ชายที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าก้าวเข้ามาใกล้ ย่อตัวลงมองร่างที่สั่นเทาด้วยสายตาโลมเลีย "น้าเข้มเขาคิดถึง บอกให้พากลับไปดีๆ"
ลลิลถอยกรูดจนแผ่นหลังบอบบางแนบสนิทกับกำแพงเย็นเฉียบ หญิงสาวส่ายหน้าทั้งน้ำตา น้ำตาแห่งความอัปยศและความกลัว
"ไม่...ไม่กลับ"
"ไม่กลับ ก็ต้องกลับ!"
เสียงนั้นกระแทกใส่หน้า มือหยาบกร้านกระชากต้นแขนของลลิลอย่างแรงจนร่างทั้งร่างปลิวไปตามแรง เสื้อยืดราคาถูกที่ใส่วิ่งมาตลอดทางขาดวิ่น เผยผิวเนื้อขาวเนียนตัดกับความโสโครกของตรอก
"เฮ้ย สวยนี่หว่าถึงว่าน้าเข้มมึงหวง" ชายอีกคนหัวเราะในลำคอ
ความอัปยศพุ่งขึ้นมาจุกที่อก ลลิลกรีดร้องสุดเสียง แต่เสียงกรีดร้องถูกกลบอย่างง่ายดายด้วยเสียงดนตรีอึกทึกที่ดังกระหึ่มจากบาร์ฝั่งตรงข้ามถนน ไม่มีใครได้ยิน ไม่มีใครสนใจดอกไม้ริมทางที่กำลังจะถูกขยี้
มือที่สอง...มือที่สาม...เริ่มลูบไล้ไปตามร่างกายที่สั่นเทา
'ไม่' ความคิดนั้นแหลมคมยิ่งกว่าความกลัวใดๆ 'ยอมตายดีกว่า'
ในวินาทีที่ชายหัวหน้าก้มหน้าลงมาเพื่อจะสูดดมซอกคอ สัญชาตญาณเฮือกสุดท้ายก็สั่งการ ลลิลรวบรวมแรงทั้งหมด อ้าปาก และฝังคมฟันลงบนมือหยาบกร้านนั้นอย่างจงเกลียดจงชัง!
"โอ๊ย! อีเหี้ยนี่!"
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือหนักๆ ฟาดลงบนใบหน้าจนชาหนึบ โลกทั้งใบหมุนคว้าง รสคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วปาก ลลิลล้มลงกองกับพื้นเปียกแฉะ ร่างกายสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง
"มึงกล้ากัดกูเหรอ! " ชายคนนั้นคำรามอย่างเดือดดาล เงื้อมือขึ้นสูงเตรียมจะตบซ้ำ แต่แล้ว…
เอี๊ยดดดดด!
แทนที่จะเดินหนี ธนาทัศกลับจูงลลิล ลากผ่านฝูงชนที่แหวกทางให้ เหมือนคลื่นทะเลที่แยกออกให้พญาราชสีห์เดินผ่าน เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นรอบทิศทาง ตอกย้ำสถานะ 'ของเล่นชิ้นใหม่'ทุกย่างก้าวหัวใจของลลิลหล่นวูบ'โกหก!' ความคิดนั้นเหมือนฟ้าผ่า 'กำลังจะส่งมอบฉันเดี๋ยวนี้!'ร่างบางพยายามดึงแขนกลับ ต้านทานแต่ไร้ผล มือใหญ่ของธนาทัศ บีบลงบนแขนเล็ก แน่นเหมือนคีมเหล็ก เป็นการเตือน 'อยู่นิ่งๆ' คำขู่เมื่อคืนดังก้องในหัวทั้งคู่มาหยุดตรงหน้าชายแก่ร่างท้วมคนนั้น"อา...สวัสดี คุณทัศ ผู้ยิ่งใหญ่" ชายแก่หัวเราะ เสียงดังกลบเสียงดนตรี สายตาตะกละตะกรามยังคงไม่ละไปจากลลิล"และนี่คงเป็น..." ชายแก่หันมามองลลิล ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า "ดอกไม้ที่งดงามที่สุดในคืนนี้"ชายแก่พยายามจะคุยกับลลิลโดยตรง "ไม่ทราบว่าดอกไม้นี้ ชื่ออะไร"ลลิลก้มหน้าเม้มปากแน่น ร่างบางสั่นสะท้านด้วยความกลัวจนควบคุมไม่ได้ ธนาทัศยิ้ม แต่ตาไม่ยิ้ม ร่างสูงตอบราวกับลลิลไม่มีตัวตน "เด็กคนนี้ไม่มีชื่อหรอกครับ เจ้าสัว""แต่มี 'ราคา'"คำว่า 'เจ้าสัว' ทำให้ร่างบางยิ่งสั่นสะท้าน นี่คือชายแก่ที่ร่างสูงพูดถึงในห้องทำงาน คนที่ร่างบางเกือบถูก 'ขาย' ให้"ยอดเยี
แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านม่านหนา ลลิลลืมตาขึ้นบนพื้นกระเบื้องที่เย็นเฉียบ ร่างกายยังคงเปลือยเปล่าใต้ชุดคลุมอาบน้ำที่ชื้นแฉะ ร่างกายปวดร้าว โดยเฉพาะความระบมช้ำ ณ จุดเร้นลับที่ถูกย่ำยีเมื่อคืน ทำให้ทุกการขยับตัวคือความทรมาน จิตใจ ว่างเปล่า'รอดแล้ว' ความคิดนั้นแวบเข้ามา 'อย่างน้อยก็ไม่ถูกขาย' ร่างบางจำคำพูดของธนาทัศได้'ฉันตกลง' แต่ความโล่งใจนั้นถูก 'ราคา' ที่ต้องจ่ายกลบจนหมดสิ้นคลิกเสียงปลดล็อกดิจิทัลดังขึ้น ตรงเวลา ลลิลสะดุ้ง แต่ไม่ได้ซ่อนตัว 'ทีมงาน' ชุดเดิม ผู้หญิงในชุดยูนิฟอร์มหน้าหุ่นยนต์สองคน ก้าวเข้ามา ครั้งนี้ ลลิล 'ไม่ต่อสู้' ร่างบางรู้แล้วว่ามันไร้ประโยชน์หญิงสาวยอมเป็น 'ตุ๊กตาไร้ชีวิต' ฝืนพยุงร่างลุกขึ้น ไม่ขัดขืน ยืนนิ่ง ปล่อยให้สายตาเย็นชาเหล่านั้นสำรวจ ปล่อยให้พวกนั้นจับร่างอาบน้ำอุ่นอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่การขัดล้างที่เจ็บแสบ แต่คือการ 'บำรุง' อีกครั้งตามที่เดชสั่งโลชั่นและน้ำมันหอมราคาแพงถูกชโลมลงบนผิว เหล่าผู้รับใช้นวดวนโลชั่นอย่างเป็นกลาง ไร้อารมณ์ มือเย็นชาเหล่านั้นไม่สนใจ แม้จะต้องสัมผัสโดนรอยแดงเป็นจ้ำๆ บริเวณซอกคอและหัวไหล่ ร่องรอยความเป็นเจ้าของที่ธนาทัศขบเม้มทิ้ง
"ถอดเสื้อผ้าออกซะ"หญิงสาวช้อนตามองอย่างไม่เข้าใจ ในใจได้แต่คิดว่าสิ่งที่ทำเมื่อสักครู่นี้มันยังไม่พออีกเหรอ แต่สุดท้ายเมื่อเห็นสายตาเอาจริงเอาจังนั้น ร่างบางก็ไม่อาจปฏิเสธได้ใช้เวลาเพียงไม่นานร่างทั้งร่างของหญิงสาวก็เปลือยเปล่าต่อหน้าของร่างสูง มือเล็กๆ ทั้งสองข้างนั้นพยายามยกขึ้นมาปิดจุดสงวนของตัวเองด้วยความเขินอายสายตาของชายหนุ่มจ้องมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอย่างต้องการประเมินอะไรบางอย่างก่อนที่จะลุกขึ้นเต็มความสูง จับตัวของหญิงสาวพลิกตัวให้หน้าแนบไปกับกำแพงเย็น สองแขนถูกไพล่เอาไว้ทางด้านหลังและมีทัศประกบอยู่นิ้วเรียวของชายหนุ่มไล้ไปตามผิวเนียนนั้นอย่างเชยชมตั้งแต่ท้ายทอยไล้มาหลังและหยุดอยู่ที่ร่องสวาทของร่างบางธนาทัศค่อยๆ ดุนดันนิ้วของตัวเองเข้าไปในนั้นอย่างช้าๆ ชักนิ้วเข้าออกเพื่อขยายรูนั้นเพื่อรอรับสิ่งที่ใหญ่กว่าหลายเท่าตัว นิ้วที่ถูกสอดใส่เข้าไปนั้นค่อยๆ ถูกเพิ่มขึ้นเป็นสองนิ้ว และจบด้วยสามนิ้วลลิลบิดเร้าสะโพกไปมาด้วยความเสียวซ่านที่อีกฝ่ายมอบให้ ยามที่ปลายนิ้วนั้นกดลงที่จุดกระสันภายใน มันทำให้เสียงครางหวานที่พยายามกดเก็บเอาไว้หลุดลอดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ใช้เวลาอยู่นานกว่า
"เดี๋ยวนี้"เสียงที่เปล่งออกไปเด็ดขาด แต่ร่างที่ยืนอยู่หน้าอินเตอร์คอมสั่นเทา ในชุดคลุมอาบน้ำตัวบาง ความเงียบที่ตอบกลับมาบีบคั้นหัวใจ นานราวกับชั่วนิรันดร์ ลลิลกำลังจะกดซ้ำ"คุณทัศไม่ว่าง" เสียงของเดชตอบกลับมา เย็นชา และไร้ความรู้สึก"ได้โปรด!" ลลิลตะโกนกลับไป ความอัปยศหายไป เหลือเพียงความกลัวตาย "ฉันมีเรื่อง...เรื่อง 'ข้อเสนอ' ใหม่""เรื่องที่จะเป็น 'ประโยชน์' กับเขามากกว่า!" ร่างบางใช้คำที่รู้ว่าอีกฝ่ายให้ความสำคัญผลประโยชน์มากแค่ไหนความเงียบเข้ามาอีกครั้ง ไม่นานนักก็มีเสียงคลิกเสียงปลดล็อกประตูดังขึ้น เดชยืนอยู่ที่หน้าประตู สายตารำคาญใจ "คุณทัศกำลังจะไปงานเลี้ยง เธอมีเวลาหนึ่งนาทีเท่านั้น"งานเลี้ยง! คำคำนั้นเหมือนค้อนทุบลงกลางอก ไม่ใช่พรุ่งนี้! คือ 'คืนนี้!' เส้นตายคือตอนนี้ ความจริงที่รู้นี้ทำลายสติที่เหลืออยู่ของลลิลจนหมดสิ้นร่างบางไม่สนใจสายตาของเดช ไม่สนใจชุดคลุมอาบน้ำที่ใส่อยู่ ไม่สนใจเท้าเปล่าลลิลวิ่งสวนร่างของเดชเข้าไป มุ่งหน้าไปยังห้องที่ใหญ่ที่สุด ห้องที่ร่างบาง 'เดา' ว่าเป็นห้องทำงานของเจ้าของเพนต์เฮาส์ เดชไม่ห้าม เพียงแค่เดินตามมาอย่างเงียบๆ เหมือนคุมนักโทษ ที่กำลั
ห้าวัน...ห้าวันที่ผ่านไปเหมือนห้าศตวรรษ เวลาในกรงทองแห่งนี้เดินเชื่องช้าจนน่าประหลาด ร่างบางใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวกิจวัตรของลลิลมีเพียงการตื่นขึ้นมาบนเตียงที่นุ่มเกินไป อาหารยังคงถูกส่งเข้ามาผ่านช่องเล็กๆ ช่องเดิม เวลาเดิม แต่ 'เจ้าของร่างสูง' ไม่เคยกลับมาเลย นับตั้งแต่วันนั้น วันที่เรียกว่า 'ตรวจสอบสินค้า'อาหารรสเลิศ แต่ลลิลกลืนไม่ลง ร่างบาง..มองตัวเองในกระจกอีกครั้ง แก้มตอบลง ผิวซีดเผือด รอยฟกช้ำจางหาย แต่แววตาว่างเปล่า ร่างกายนี้ซูบผอม อ่อนแอ ทั้งร่างกาย และจิตใจ'นางบำเรอ' คำที่ชายผู้นั้นพูดทิ้งไว้ มันหมายความว่าอะไร ถ้า 'เจ้าของ' ไม่เคยมาหาหรือว่า... ความคิดที่น่ากลัวที่สุดผุดขึ้นมาหรือ 'นางบำเรอ' ไม่ได้มีไว้สำหรับเจ้าของร่างสูงเพียงคนเดียวความคิดนั้นทำให้ร่างบางสั่นสะท้าน และในจังหวะที่ตกอยู่ในห้วงของความคิดนั้นคลิกเสียงประตูหน้าถูกปลดล็อก ไม่ใช่ช่องส่งอาหาร ร่างบางสะดุ้งสุดตัว หัวใจหยุดเต้น ชายหนุ่มกลับมาแล้วร่างบางวิ่งสัญชาตญาณสั่งให้ซ่อนตัว ลลิลพุ่งไปแอบหลังบานประตูไม้หนา ที่เปิดค้างเชื่อมไปยังห้องนอน ตัวสั่นเทา กลั้นหายใจเสียงฝีเท้าดังเข้ามา ไม่ใช่คนเดียว"นายครับ" เส
รถหยุดนิ่งในลานจอดรถใต้ดินที่มืดและไร้สรรพเสียง ร่างบางถูกกระชากลงจากรถอีกครั้ง ถูกลากเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัว ความเร็วของลิฟต์ทำให้หูอื้อติ๊ดประตูเหล็กหนักๆ เปิดออก ลลิลถูกผลักเข้าไปด้านในปัง!เสียงล็อกอัตโนมัติดังสนั่น ปิดกั้นทางหนีทุกเส้นทางที่นี่ไม่ใช่คุก แต่มันคือเพนต์เฮาส์หรู คือ 'กรงทอง' คือ 'เซฟเฮาส์'ลลิลสำรวจห้องอย่างหวาดกลัว ทุกอย่างหรูหราจนน่าอึดอัด พื้นหินอ่อนเย็นเฉียบใต้ฝ่าเท้าที่บอบช้ำ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นมีราคา แต่กลับไร้ชีวิตชีวา ทุกอย่างเป็นสีขาว เทา และดำ เหมือนตัวตนของธนาทัศกระจกบานใหญ่จรดเพดาน เผยให้เห็นแสงไฟระยิบระยับของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน สวยงาม แต่เป็นความสวยงามที่ลลิลไม่มีวันได้สัมผัสร่างบางเดินเข้าห้องน้ำ น้ำอุ่นที่ไหลรดร่าง ชะล้างคราบเลือดและสิ่งโสโครกจากตรอก ลลิลขัดถูผิวเนื้ออย่างแรง ขัดจนแดง ขัดราวกับจะลบรอยสัมผัสของพวกอันธพาล ลบความทรงจำในตรอก และลบสายตา 'ประเมินค่า' ของธนาทัศลลิลมองเงาสะท้อนในกระจก รอยฟกช้ำม่วงเขียวปรากฏชัดบนผิวเนื้อที่ขาวจัด ร่องรอยจากพวกอันธพาล ร่องรอยจากการถูกกระชากขึ้นรถ 'สินค้ามีตำหนิ' ความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัวเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายจ
Comments