LOGINเธอเลือกเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งตามที่อยู่ของบริษัทที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานวันนี้ วันดีๆ ที่ต้องสวย ต้องสดใหม่ ให้ทุกคนเห็นว่าเธอพร้อมและเหมาะสมขนาดไหนในตำแหน่งที่จะมอบให้ เอาไว้ถ้าได้งานแล้วค่อยนั่งรถประจำทางมาก็ได้
ลินดาจ่ายเงินให้โชเฟอร์เสร็จเรียบร้อยเมื่อถึงที่หมาย เธอลงจากรถมายืนหน้าบ้านเลขที่ตามที่อยู่ที่ฝ่ายบุคคลให้ไว้ เธอพยายามมองหาป้ายชื่อบริษัท ซึ่งตรงไหนก็ไม่เห็นมี ใช่แน่เรอะ เธอถามตัวเองในใจเพราะดูยังไงนี่มันก็บ้านคนชัดๆ ลินดาลองกดกริ่งดู
สักพักประตูเล็กกลางรั้วเหล็กทาสีเหลืองมัสตาร์ดจึงเปิดออก
“สวัสดีครับ” ผู้ชายคนหนึ่งโผล่หน้าออกจากประตูมา เขายังหนุ่มมาก ลินดาประเมินจากหน้าตาแล้วเขาก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ
“สวัสดีค่ะ ฉันมาสัมภาษณ์งาน ไม่รู้มาผิดที่รึเปล่า ไม่ทราบนี่ใช่บริษัทอาย โอเพนนิง มีเดียรึเปล่าคะ” เธอถามเขาอย่างไม่แน่ใจ
“อ้อ ใช่ครับ เชิญข้างในก่อนนะ” เขาเปิดประตูอ้าออก แล้วผายมือเชื้อเชิญลินดาเข้าไปในบ้านอย่างยินดีต้อนรับ
“ขอบคุณค่ะ”
“งงใช่ไหม ตอนมาถึง” เขาถอดรองเท้าไว้หน้าประตูอีกบานด้านในของรั้วเมื่อเข้ามาถึงตัวบ้านแล้ว แล้วหันมาถามเธอ
“ใช่ค่ะ งงนิดนึง” เธอตอบเขา
“เหมือนกันเลย” เขาตอบกลับมาแล้วยิ้มให้ โดยไม่ได้อธิบายว่าที่บอกเหมือนกันนี่คือมันเหมือนกันยังไง ลินดาถอดรองเท้าส้นสูงไว้ใกล้ๆ รองเท้าผ้าใบที่เขาถอดไว้ เธอเดินตามเขาเข้าไปข้างใน
ลินดาสังเกตทุกสิ่งรอบตัวตั้งแต่ประตูรั้ว เลยเข้ามาจนถึงสวนหย่อมเล็กๆ ที่อยู่ทางซ้ายมือซึ่งก็ถือว่ากว้างใหญ่พอประมาณหากเทียบว่านี่คือบ้านคน ไม่ใช่สำนักงานใหญ่โตกลางกรุงเหมือนที่อื่นๆ ตรงหน้าประตูที่เธอถอดรองเท้าไว้ มีขวดเบียร์เปล่าวางอยู่ ข้างในมีก้นบุหรี่กองกันอยู่หลายตัว
“รอตรงนี้เดี๋ยวหนึ่งนะครับ ผมจะโทรหาคุณเบลให้” เธอพยักหน้าแล้วส่งยิ้มไป เขาเดินเข้าห้องประตูกระจกบานเลื่อนไปหยิบโทรศัพท์บ้านแบบไร้สายที่วางไว้บนโต๊ะตรงมุมห้องนั้น ลินดานั่งลงคอยที่โซฟา เธอยังไม่หยุดสำรวจทุกสิ่งรอบข้าง
ในห้องที่เขาเดินเข้าไปโทรศัพท์ มีจอคอมพิวเตอร์สี่จอ วางเรียงแยกกันเป็นคู่ มีซีพียูสองตัวแยกพอดีชุดกันเป็นซีพียูหนึ่งตัวต่อสองจอ ประตูกระจกบานเลื่อนเป็นสีดำคล้ายติดฟิล์มกันแสงซึ่งเธอยังไม่แน่ใจว่าเป็นฟิล์มหรือสีของกระจกกันแน่ ด้านนอกห้องคอมพิวเตอร์นั้นมีโต๊ะทำงานสองตัว ตัวหนึ่งอยู่ใกล้กับโซฟาตัวที่เธอนั่งคอย และอีกตัวอยู่ถัดไปในแนวเดียวกันโดยมีชั้นวางของกั้นอยู่แบบหยาบๆ ที่นี่ไม่มีตรงไหนให้อารมณ์สำนักงานเลยแม้แต่น้อย มันเหมือนบ้านพักอาศัยที่มีคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องเท่านั้น เธอยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าจะชอบที่นี่ไหม มันยังเร็วเกินไป
“ดื่มน้ำก่อนนะครับ” ชายหนุ่มคนเดิมนั้นส่งน้ำมาให้เธอหนึ่งแก้ว ลินดากล่าวขอบคุณแล้วรับแก้วน้ำมาโดยกำลังสงสัยอยู่ว่าเขาออกจากห้องคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่ตอนไหนกัน
“คุณเบลกำลังมาแล้ว จอดรถอยู่ครับ” เขาบอกกับลินดา
“อ้อ ขอบคุณมากค่ะ คุณเบลคงเป็นฝ่ายบุคคลที่จะสัมภาษณ์ฉันใช่ไหมคะ” ลินดาถามเขา
“จะเป็นคนที่สัมภาษณ์คุณน่ะใช่ แต่ใช่ฝ่ายบุคคลไหม อันนี้ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน” เขาตอบให้เธอได้สงสัยต่ออีกขยัก
“อ้อ ตายจริง ขอโทษที ผมชื่อโฟล์คครับ ลืมแนะนำตัวไปซะได้ คุณล่ะครับ”
“ลินดาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“เช่นกันครับ” เขาพยักหน้าคล้ายๆ จะขอตัวก่อนจะเดินไปทางห้องคอมพิวเตอร์ แล้วหันกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
“ลินดานี่เป็นชื่อเล่นหรือชื่อจริงครับ ผมดันแนะนำตัวเองเป็นชื่อเล่นไป”
“ทั้งชื่อเล่นชื่อจริงเลยค่ะ ชื่อเดียวกัน จะเรียกลินก็ได้ถ้ามันยาวไปนะ” เธอยิ้มให้เขา
“งั้นเรียกลินดานี่แหละ ผมชอบ” เขาเลิกคิ้วขึ้นเหมือนเอะใจอะไรขึ้นมา ลินดาเลิกคิ้วตามเขา
“ผมหมายถึงชอบชื่อนี้นะ มันหวานๆ ดูเป็นผู้หญิงๆ ดี” ตอนนี้โฟล์คหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย แต่ลินดาไม่คิดอะไร
“ขอบคุณค่ะ ฉันก็ชอบชื่อโฟล์ค พอดีชอบรถโฟล์คด้วย”
“ครับ เหมือนกันอีกแล้ว แต่ผมชอบรถโฟล์ค เพราะตัวเองชื่อโฟล์ค” ทั้งคู่หัวเราะ ถ้าโฟล์คต้องเป็นเพื่อนร่วมงานของเธอ เธอก็สบายใจไปอย่างแล้ว เพราะเขาเป็นมิตรและน่ารักมาก
“คุณเบลมาโน่นแล้ว โชคดีนะครับ หวังว่าจะได้ร่วมงานกัน” เขาอวยพรให้เธอ
“ขอบคุณมากค่ะ สมพรปากนะ” ลินดาขยับตัวนั่งให้เข้าที่เข้าทาง เธอไม่รู้จะทำตัวให้เป็นทางการกว่านี้ยังไงแล้ว ในเมื่อสถานที่มันทำให้รู้สึกเหมือนมาเที่ยวบ้านใครสักคนที่ไม่รู้จักเสียมากกว่า หากว่าที่นี่เป็นออฟฟิศจริงๆ เหมือนอย่างที่อื่น เธออาจจะรู้สึกพร้อมกว่านี้ก็ได้
“สวัสดีค่ะ เอ่อ...” ลินดาชะงักไปเมื่อลุกขึ้นแล้วได้เห็นเบลที่เดินเข้าประตูมา
“สวัสดี ผมเบลครับ คุณลินดาใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ” ลินดาตอบเขา แววตาของเธอบ่งบอกว่ากำลังประหลาดใจ เบลก็รู้ดี เขาอมยิ้มเหมือนรู้ทันความคิดของเธอ
“เดินทางมานี่สะดวกไหมครับ” เขาถามเธอโดยวางกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะไปพร้อมกัน เบลตัวสูงมาก เขาสวมเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงยีนส์เดนิมทรงตรง ดูธรรมดาๆ แต่ก็เรียบโก้อย่างพอดิบพอดี เขาสวมถุงเท้าเดินเข้าออฟฟิศมา แน่นอนว่าต้องถอดรองเท้าไว้หน้าบ้านเหมือนที่เธอกับโฟล์คทำ
“วันนี้นั่งแท็กซี่มาค่ะ ก็คงเรียกได้ว่าสะดวก” เธอตอบเขา
“รอไม่นานใช่ไหมครับ”
“ไม่เลยค่ะ ฉันมาถึงก่อนเวลาเอง ไม่มีปัญหาเลย”
“ดีเลยครับ งั้นเราเริ่มสัมภาษณ์กันเลยดีไหม” เขานั่งลงบนโซฟาตัวถัดไปที่วางทำมุมกับโซฟาตัวที่เธอนั่งอยู่
“ได้ค่ะ” ลินดาขยับตัวบนโซฟาอีกครั้ง คุณเบลนั่งโน้มตัวมาข้างหน้า วางศอกลงบนเข่าขณะเปิดดูเอกสารต่างๆ ที่ลินดาเตรียมมา ลินดามองดูเขาเปิดไล่ดูประวัติการศึกษาและเรซูเมของเธอทีละบรรทัดอย่างละเอียด เขามีนิ้วมือที่เรียวยาวสวย เมื่อเขานั่งอยู่ใกล้ๆ และใช้สมาธิกับสิ่งที่ทำอยู่ ลินดาจึงได้สังเกตเห็นองค์ประกอบใบหน้าของเขาแบบชัดๆ โดยที่ไม่ต้องตั้งใจอะไรมากมาย เขาเป็นผู้ชายคิ้วหนา ดวงตาค่อนข้างโตแต่ลึก แนวกรามใบหน้าของเขาชัดเจนอย่างที่เรียกกันว่าเครื่องหน้ามีมิติ จมูกก็โด่งผิดกับคนเชื้อชาติเดียวกัน จะเรียกว่าหล่อก็ไม่เชิง แต่โดยรวมเขาดูดีมีเสน่ห์ทีเดียว
“โปรไฟล์ใช้ได้เลยนะครับ” เขาพูดลอยๆ โดยที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเธอ
“ภาษาดีด้วย ปกติเป็นคนชอบทำงานกับข้อมูลหรือชอบงานที่ได้เจอคนครับ” เขาวางเอกสารลงบนโต๊ะกลางของชุดโซฟา
“ฉันทำได้ทั้งสองแบบค่ะ อย่างงานปัจจุบันที่ทำอยู่ก็ต้องเจอคน ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่วันว่างๆ ฉันก็อ่านหนังสือเงียบๆ ดูหนังฟังเพลงคนเดียวที่ห้องได้ทั้งวันเหมือนกัน”
“แอมบิเวิร์ทสินะ”
“อะไรนะคะ”
“แอมบิเวิร์ท คนที่ทำได้ทั้งอยู่คนเดียวและอยู่กับคนหมู่มากน่ะ ไม่เป็นไรครับ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สรุปคือทำได้ทั้งสองแบบนะ”
“ค่ะ” ลินดาตอบสั้นๆ เธอเริ่มไม่มั่นใจเมื่อเขารู้เสียแล้วว่าเธอไม่รู้จักคำนั้น
“บริษัทเราจะผลิตสื่อต่างๆ ส่งช่องโทรทัศน์เพื่อออกอากาศ ตอนนี้กำลังจะทำรายการท่องเที่ยวเชิงสารคดี หากว่าจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศไม่ทราบจะสะดวกไหมครับ”
ลินดาเงียบไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามนี้ เธอพยายามคิดให้เร็วที่สุด
“น่าจะได้ค่ะ” เธอตอบไปด้วยความมั่นใจเป็นศูนย์
“ครับ แล้วเราจะติดต่อไปนะ”
“ตกลงไหม” เบนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของลินดา แล้วขยับเข้ามาใกล้จนเธอสังเกตเห็นได้กระทั่งไรขนตาของเขา “เป็นฟรีแลนซ์แล้วฉันจะเสียโอกาสอย่างอื่นไหมคะ” เธอยังพะวงอยู่กับเรื่องงาน ทั้งที่ใจก็สะท้านแค่เพียงเพราะสายตาของเขา “ไม่เลย เหมือนเดิมทุกอย่าง แค่คุณจะมีเวลาว่างมากขึ้น หรืออยู่บ้านแล้วกลัวจะเหงาล่ะ” “ไม่หรอกค่ะ ฉันเป็นคนติดบ้าน ถึงจะไม่ใช่บ้านจริงๆ ก็เถอะ อยู่มาจนชินแล้ว” ลินดาตอบเขา “งั้นตกลงนะ” ลินดายังทำหน้าตาเหมือนครุ่นคิด “คุณเบลว่ายังไงบ้างเหรอคะ” “ก็เขาเป็นคนเสนอเอง แล้วจะว่าอะไรได้ล่ะ” ลินดาดีใจที่เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้ เธอชอบเบนมาก และชอบงานที่ทำมากด้วย เบนยังรอให้เธอยืนยันคำตอบ เขารอให้เธอไตร่ตรองทุกอย่างในใจให้เสร็จสิ้น “ก็ได้ค่ะ ฉันจะเป็นฟรีแลนซ์” เบนยิ้มแล้วพยักหน้า “แล้วอีกเรื่องล่ะ” “อีกเรื่อง...” ลินดาทำทีเป็นข้องใจ ทั้งที่ก็รู้เต็มอกว่าเขาหมายถึงอะไรกัน “ให้ผมลองคบกับคุณได้ไหม” เบนไม่ปล่อยมือเธอเลยตั้งแต่เขาเอื้อมมือมากุมมันเอาไว้ เขาเริ่มบีบมือเธอเบาๆ คล้ายว่า
“ขอบใจมากนะหนู ฉันก็กลัวหนูจะตกใจที่ฉันทำเสียงดัง” คุณป้าชั้นสี่ยังไม่วายจะเกรงใจลินดา “ไม่เป็นไรเลยค่ะคุณป้า” “ว่าแต่หนูชื่ออะไรล่ะ” คุณป้าพยายามชวนลินดาคุย “ชื่อลินดาค่ะ คุณป้าล่ะคะ” “ชื่อป้ากานต์” “คุณไม่เคยคุยกันเลยเหรอครับ” เบนถามออกมาด้วยความสงสัย เขาดูไม่รีบเร่งแม้แต่น้อยเลยเมื่ออยู่หลังพวงมาลัยรถ ทั้งที่ก่อนนี้เขาแทบจะตะเบ็งเสียงใส่ลินดาเมื่อเธอทำทีลังเลใจที่ต้องล้วงกระเป๋ากางเกงของเขาเพื่อเอากุญแจรถออกมาสตาร์ท “ก็แค่ทักทายกันตามประสาค่ะ เราอยู่กันเงียบๆ เลยที่อะพาร์ตเมนต์นี้” “แปลกดีแฮะ” เบนออกความเห็นตามความรู้สึก “ไม่แปลกหรอก ถ้าคนแบบเดียวกันบังเอิญมาอยู่ที่เดียวกันน่ะ” คุณป้ายังทำหน้าตาเหยเกเล็กน้อย เบนคอยสลับมองดูเธอจากกระจกมองหลัง “เจ็บมากไหมครับ อีกเดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้มันเลยช่วงเวลาเร่งรีบบนท้องถนนมาแล้ว รถก็เลยไม่ติด” “โชคดีที่คุณมาพอดี ฉันวิ่งลงมาหาคนช่วย เจ้าของอะพาร์ตเมนต์ก็ไม่อยู่อีก ไม่งั้นก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน ขอบคุณมากนะคะคุณเบน” ลินดาขอบคุณ
“โฟล์ค” เขาหันไปมองตามเสียงเรียก “ครับพี่ เอ้ยคุณเบล” เบลส่ายหน้า เขาไม่ได้หน่ายใจเลยที่โฟล์คเผลอเรียกเขาว่าพี่ แต่มันเป็นเพราะโฟล์คไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่เสียทีนี่ล่ะที่เบลชักจะรำคาญใจ “เมื่อวานเป็นไงบ้าง” “ผมน่ะเหรอ ก็ดีนี่ครับ ก็กลับบ้านไปอยู่กับน้องตามปกติ” “คุณก็รู้ว่าผมหมายถึงเรื่องอะไรนะ” โฟล์คยิ้มแห้งๆ เมื่อเบลถามจี้อย่างนั้น “พอผมพาคุณเบนไปบ้านลินดาแล้วผมก็กลับเลยครับ คงไม่ใช่ธุระกงการอะไรจะอยู่ต่อ” “ไปถึงบ้านเลยเหรอ” “ครับ ที่อะพาร์ตเมนต์เธอน่ะ” เบลนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวที่ว่างอยู่ข้างโฟล์ค “เราคุยกันแบบพี่น้องเลยได้ไหม ยังไงผมก็มองคุณแบบนั้นมานานแล้ว” “ได้ครับพี่” โฟล์ครอฟัง “ถ้านายเป็นฉัน นายจะทำยังไง” เบลเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้คุยกับโฟล์คทันที เขาสะดวกแบบนี้อยู่แล้ว “ถ้าผมเป็นพี่น่ะเหรอ ผมก็คงทำอย่างที่พี่ทำเมื่อวานนั่นล่ะ ไปไล่ลินดาออกได้ยังไง ตลก ผมไม่เคยเจอ” “ลินดาก็ยังไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังใช่ไหม” เบลถามต่อ “ยังเลยครับ” “นายอยากใ
ลินดาจัดการความรู้สึกของตัวเองได้ดีเยี่ยม เธอเลิกคิดเรื่องเบนไปแล้ว แม้ว่าบางครั้งยังต้องใช้การเลี่ยง ใช้การหลบหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้ความรู้สึกเดิมๆ เริ่มกลับมาอีก ประกอบกับช่วงตัดต่องานที่เธออาจจะต้องช่วยโฟล์คดูรายละเอียด เธอจึงไม่ค่อยว่างให้เขาเรียกไปคุยเพื่อล้อเล่นกับความรู้สึกอีก ยังไงแล้วเจ้านายสายตรงของเธอก็คือคุณเบล เธอแคร์แค่เขาก็คงจะพอ “พรุ่งนี้เงินเดือนออกแล้วนะ” โฟล์คเอ่ยขึ้น “อ้อ ใช่ จริงด้วย ฉันต้องเลี้ยงข้าวคุณแล้วสิ จะกินอะไร คิดไว้เลยนะ” “อยากกินร้านเดิมนั่นล่ะ” “ร้านอาหารเวียดนามเหรอ” “ใช่เลย” “ไม่มีปัญหา”สองสามสัปดาห์มานี้ ลินดาปรับตัวได้ดีมากๆ ทั้งที่เธอกลัวใจตัวเองแทบแย่ หลังจากได้เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น จากช่วงแรกที่เธอต้องเขินอายเวลาที่เจอคุณเบน มันก็เปลี่ยนเป็นความอับอายในความโง่เง่าของตัวเองแทน ลินดาเลือกที่จะแก้ไขสถานการณ์อย่างคนที่เป็นผู้ใหญ่ เธอบอกตัวเองบ่อยๆ ว่ามันเรื่องเล็กนิดเดียว แค่เข้าใจผิดกันไป คุณเบล คือเจ้านายที่มีสิทธิ์ชี้ขาดในตัวเธอ ดูเขาก็พอใจการทำงานของเธอออกจะตายไปลินดาช่วยโ
ลินดาพยายามรวบรวมสติ พูดย้ำกับตัวเองในใจว่าเธอมาที่นี่เพื่อทำงานหาเงิน อยู่ที่นี่ดีออกจะตายไป ทั้งได้ทำงานที่ไม่น่าเบื่อ ไม่ต้องเข้ากะเข้าเวร ไม่ต้องเจอลูกค้าหยิ่งผยองมารยาทแย่ เพื่อนร่วมงานก็ดี ทั้งโฟล์คและทุกๆ คนแม้แต่แม่เจ้านาย แต่เธอเองต่างหาก ที่ปล่อยใจให้คิดอะไรที่ไม่ควรคิด คุณเบนก็คงเป็นของเขาอย่างนั้น เผลอๆ เขาอาจจะทำอย่างนี้กับทุกคนโดยที่ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยมากไปกว่าความเป็นเจ้านายและลูกน้อง ดูสิ แฟนเขาสวยหุ่นดีอย่างกับนางแบบนางละคร เหมือนนางฟ้านางสวรรค์ที่ลอยลงมารับคุณเบนกลับจากสนามบิน ป่านนี้พวกเขาคงหยอกเย้ากันหวานชื่น เธอกล้าดียังไงไปคิดว่าคุณเบนจะมีใจด้วย เธอมันใคร ลินดา ลินดาเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุค แล้วโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นก็ลงชื่อเข้าใช้ให้เธอโดยอัตโนมัติตามที่ได้ตั้งค่าเอาไว้ มีหน้าต่างกระพริบขึ้นมา เธออมยิ้มน้อยๆ ออกมาแม้ในใจจะกำลังเหี่ยวแห้ง โฟล์คทักมาแล้ว เธอดีใจจริงๆ “กลับมาแล้วเหรอ” โฟล์คถาม “หมาดๆ เลย พอดีวางแผนผิดพลาดนิดหน่อย” “โดนดุรึเปล่า” โฟล์คถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่โดนตรงๆ แต่โดนอ้อมๆ หลายรอบอยู
ตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่อง ลินดานอนแทบไม่หลับ แม้จะอ่อนล้าสักแค่ไหนทั้งจากการทำงานและการต้องนอนในท่านั่ง แต่ใจของเธอก็ไม่สงบพอจะหลับลงได้เลย จนเมื่อเครื่องลงจอด ทุกคนรอกระเป๋าสัมภาระจนครบ เบนจึงได้พูดกับเธอเป็นประโยคแรก “เดี๋ยวกลับไปบ้านผมก่อนนะ แล้วคุณค่อยเรียกแท็กซี่กลับบ้านคุณ” “ผมไปส่งได้นะพี่” เบลเสนอจะขับรถไปส่งลินดาที่บ้าน เธอมองหน้าทุกคนรวมทั้งอาร์ทด้วยความไม่แน่ใจ “ฉันว่าก็ดี สงสารน้องมัน ดูหน้าดิ คงจะเหนื่อย หงอยเป็นแมวเซาเลย” อาร์ทพูด “แมวเซานั่นมันงูแล้วพี่” “อ้าวเหรอ” อาร์ทกับเบลหัวเราะ “เดี๋ยวผมไปส่งลินดาเอง พี่อาร์ทด้วย” “อุ๊ย ขอขอบพระคุณยิ่ง” อาร์ทตอบตกลงด้วยมุกตลกตามสไตล์ของเขา ทุกคนเดินไปยังอาคารจอดรถด้วยกัน แล้วโลกของลินดาก็เหมือนจะทลายลงมาทั้งใบ เมื่อมีผู้หญิงสาวสวยสูงโปร่งขายาวราวกับนางแบบเดินตรงเข้ามาหาเบน ทั้งสองคนทักทายกันอย่างสนิทสนม “งั้นฉันฝากส่งน้องด้วยนะ” เบนมองมาที่ลินดาเพียงเสี้ยววินาทีหนึ่งแล้วเขาก็เดินออกไปกับผู้หญิงคนนั้น ลินดาทำอะไรไม่ถูก เธอพูดอะไรไม่ออก ตลอดทริป