บทที่ 5
“นี่บิลค่าใช้จ่ายที่ได้รับการรักษาพยาบาลของเด็กชายนายาค่ะ สามารถชำระผ่านช่องทางธนาคารได้หรือหน้าเคาน์เตอร์ก็ได้ค่ะ”
เธอมองบิลในมือ 3XX,XXX เห็นเช่นนั้นเธอก็กระบอกตาร้อนผ่าว เธอจะหาเงินที่ไหนได้ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว!! เธอเดินกลับมาที่ห้องพักของนาย.เปิดประตูเข้าไปกลิ่นไก่ KFC ตลบอบอวล
“ใครซื้อมาครับ” เธอเอ่ยถามน้องชาย
“หมอค๊าบบบ หมอบอกให้กินจนบินได้เล้ยยยย”
นายต้องรักษาตัวประมาณ 2 อาทิตย์และยังต้องรักษาตัวต่ออีกที่บ้าน เธอที่จนหนทาง ก็ลองกดโทรศัพท์หาป้าอีกครั้ง ป้าก็ไม่รับ และค่าใช้จ่ายที่จะจ่ายโรงพยาบาลอีกจะทำยังไง
#ห้องการเงิน
“คือดิฉันจะมาสอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายห้อง 3306 ค่ะ” เธอเดินมายังห้องการเงินของโรงพยาบาล
“ห้องไหนนะคะ?”
“3306 เด็กชายนายาค่ะ”
“อืม...ชำระหมดแล้วนะคะ” เธอขมวดคิ้ว
“รบกวนเช็กอีกทีได้ไหมคะ ว่าจ่ายหมดแล้ว”
“ค่ะชำระครบแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นค่ะ” เธอเดินออกมาจากห้องการเงินด้วยแขนขาไร้เรี่ยวแรงจะล้มให้ได้ 3 แสนกว่า ก่อนน้ำตาจะรินไหล หัวใจพองโต เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง! เขายอมทำตามที่เธอของั้นเหรอ!
ยังไงวันนี้เธอก็ต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง...
‘ปาญา ธยาวัฒ เกิด XXX อายุ 19 ปี มารดา XXX บิดา XXX เสียชีวิตทั้งคู่ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว’
‘อาศัยอยู่บ้านเลขที่ XXX คลองตัน กรุงเทพฯ ศึกษามัธยมศึกษาโรงเรียน XXX สายวิทย์-คณิต เกรดเฉลี่ย 4.00 งานเสริมรับจ้างแปลภาษาอังกฤษ-จีน’
“เธอพักอยู่กับน้องชาย 2 คนที่บ้านเดิมก่อนพ่อแม่เสียชีวิตครับ มีป้าแต่อยู่ต่างจังหวัด รวม ๆ แล้วก็ไม่ได้ดีกับเธอสักเท่าไหร่”
“ชีวิตค่อนข้างลำบาก นายอยากได้ข้อมูลอะไรอีกไหมครับ”
“'ไปจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของเธอและน้อง และเงียบปากไว้ให้ดี’
“ครับนาย” เขาก็ไม่รู้หรอก! ว่าทำไปเพื่ออะไร แต่คิดว่าก็เหมือนเลี้ยงเด็กทั่วไปที่เคยเลี้ยงนั่นแหละ แต่นี่เด็กไปหน่อยก็เท่านั้น แต่ก็เดี๋ยวก็โต...
เขารู้ตัวอีกทีมาหยุดหน้าห้องเจ้าเด็กหัวฟูนี่ เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดังมาจากข้างใน นี่ขาหักจริงรึเปล่า! เขาเปิดประตูเข้าไป ทุกอย่างหยุดชะงัก เธอมองมาที่เขาก่อนจะหลบสายตา
“เดี๋ยวฉันจะพาไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน ตามออกมาลานจอดรถชั้น 2”
“คะ?”
“เธอจะใส่ชุดนี้จนวันที่น้องเธอออกจากโรงพยาบาลรึไง! เน่าตายพอดี!”
“คะ...ค่ะ”
“แล้วจะยืนอีกนานไหม! ออกมาสิ!”
“ค่ะ ๆ”
#บนรถ
“ขอบคุณที่หมอช่วยเรื่องค่ารักษานายนะคะ”
“ฉันไม่ได้ให้เธอฟรี ๆ หรอกนะ”
“.......”
“หมอรู้จักบ้านหนูด้วยเหรอคะ?” เธอหันมาถามน้ำเสียงระคนตกใจ
“ไม่มีอะไรที่ฉันอยากรู้แล้วไม่รู้ อย่าถามมากฉันไม่ชอบคนพูดมาก”
“หนูขอโทษค่ะ”
#ในบ้าน
เขามองบ้านสองชั้นพื้นที่กว้าง หน้าบ้านมีสนามเด็กเล่น กองทรายแต่ตอนนี้ต้นไม้ขึ้นรกร้างเหมือนไม่มีคนอยู่ เขาเดินตามเธอเข้ามาในบ้าน
“เชิญนั่งก่อนนะคะ” เขาเดินไปนั่งที่โซฟากลางบ้าน
“หนูขอขึ้นไปเก็บของแป๊บหนึ่งค่ะ” เขาพยักหน้า และเธอก็วิ่งขึ้นไปชั้นสองของบ้าน
เขาเดินดูรอบบ้าน ข้างในน่าอยู่ ดูอบอุ่น อบอวลด้วยความรัก รอบบ้านจะติดรูปถ่ายครอบครัวไว้ รวมถึงรูปถ่ายของเธอและน้อง
บนตู้โชว์จะเป็นถ้วยรางวัลและประกาศนียบัตรของเธอ ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ มีการแข่งขันไวโอลินระดับ อนุบาล ประถม และมัธยม สอบภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ถึงว่าเธอถึงทำงานรับจ้างแปลภาษาได้
รูปถ่ายของเธอตอนได้รับประกาศ รูปถ่ายครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ด้านข้างตกแต่งด้วยชั้นหนังสือทั้งหมดดูแล้ว พ่อแม่เธอน่าจะเป็นคนมีความรู้
จากสภาพบ้านที่อยู่ สะอาดสะอ้าน การจัดของวางของเป็นระเบียบ การพูดจา การศึกษา ของเธอเหมือนคนได้รับการอบรมสั่งสอนมาดี
เขาเดินไปหยิบหนังสือดูไปเรื่อย ๆ ก่อนจะเจอหนังสือที่เขาทำวิจัยไว้ เหมือนเธออ่านค้างอยู่ เธออยากเป็นหมองั้นเหรอ?
“ขอโทษค่ะ รอนานไหมคะ” เธอกลับลงมาในชุดใหม่ เสื้อยืดสีขาวพอดีตัว กางเกงยีนเดฟขายาวสีเข้ม ผมยาวปล่อยสลวย มันเปียกชื้นจากการสระมา แค่เปลี่ยนชุดก็ดูโตขึ้นแล้ว
“ไปเป่าหัวให้แห้ง!”
“ไม่เป็นไรค่ะ สะบัด ๆ ไปก็แห้งแล้ว หนูอยากกลับไปหาน้องแล้ว”
“ฉันไม่ชอบคนเถียง และฉันสั่งอะไรให้ทำ” เขาเอ่ยอย่างหงุดหงิด พูดอะไรทำไมชอบเถียง!
“ขะ...ขอโทษค่ะ” เธอนั่งลงหน้าพัดลม ก่อนจะก้มหัวและเป่าผม
เขามองเธอที่หันหลังให้อยู่ ผมเธอยาวกลางหลัง ปลิวไสวยามลมของพัดลมพัดมา กลิ่นหอมของยาสระผมแบบเด็ก ๆ กลิ่นสบู่อ่อน ๆ ที่มาจากตัวเธอ
มันฉุดเขาให้ตกอยู่ในภวังค์ ไวกว่าความคิด เขาเดินเข้าไปนั่งลงซ้อนด้านหลัง และสวมกอดเธอ จมูกโด่งสันฝังลงบนซอกคอหอมกรุ่นของเด็กสาววัยขบเผาะ!
เธอสะดุ้งเฮือกก่อนจะตัวแข็งทื่อ เขาจับเธอหมุนและหันหน้ามาประจันหน้ากับเขา นิ้วมือเรียวจับผมที่ยุ่ง ๆ ของเธอทัดหูไว้
“......” เสียงหัวใจเธอเต้นแรงจนเขาได้ยิน เธอตัวสั่นเทา เขาเชยคางให้เธอเงยหน้า เธอไม่กล้าสบตาเขาแม้สักนิด ริมฝีปากบางสั่นระริกด้วยความกลัว
“มองหน้าฉัน” เธอสบตาดวงตาคม ดวงตากระปุกไหววูบ เธอหลุบตาลงต่ำไม่มองหน้าเขา
ก่อนจะได้ทันพูดอะไร ริมฝีปากร้อนฉกชิมริมฝีปากสีชมพูของเด็กสาวแรกแย้ม เธอไม่ยอมเปิดปาก แต่ก็ไม่ได้ผลักไสอะไร เธอหลบตาปี๋เหมือนกำลังต่อสู้กับความคิดตัวเองอยู่
มือหนาสัมผัสลงที่เอวบาง ก่อนจะประคองใบหน้าเธอ และออกแรงบีบเบา ๆ เธอร้องอื้อ...ก่อนจะยอมเปิดปาก
เขาขบเม้มดูดดึงริมฝีปากบางอย่างโหยหา ลิ้นร้อนสอดเข้าจนเกิดเสียงดัง! เขาที่เตลิดไปไกล จึงยกเธอขึ้นมานั่งบนตัก เธอตกใจถอยหนีเขาไปแอบอยู่ด้านหลังโซฟา
“........”
“น้องเธอยังต้องรักษาตัวระยะยาว และเธอก็ยังต้องเรียนหนังสือ จะสอบแล้วไม่ใช่เหรอ? ไหนจะต้องดูแลน้อง เธอจะเอาเวลาที่ไหนทำงานพิเศษเพื่อหาเงิน?” เขาพยายามใจเย็น เพราะมันคงครั้งแรกของเธอ!
แต่เธอดื้อดึงไม่โต้ตอบ และเขาได้ยินแต่เสียงสะอื้นดังมาจากหลังโซฟาตัวยาว!!
“ฉันไม่ชอบบังคับจิตใจใคร! ไปคิดเอาละกัน! เธอเป็นคนยื่นข้อเสนอมาเอง! และฉันเสียเงินไปแล้ว!”
“ฮืออออ”
“ถ้ามันทรมานใจมากนัก! ก็หาเงินมาคืนฉัน!!” เขาลุกขึ้นยืนอย่างหัวเสีย! ก่อนจะเดินออกจากบ้าน หาทางไปโรงพยาบาลเองละกัน เรื่องเยอะ!