#เภสัชกรไฟฟ้า
ตอนที่ 2
(หมดสภาพ)
ร้านขายยาที่ผมเดินผ่านทุกวันในเวลาเย็นช่วงเลิกงาน ผมมองไปยังหน้าร้านที่เหมือนจะมีคนมุงเยอะมาก เหมือนกำลังมีกิจกรรมอะไรสักอย่าง จนทำให้คนสนใจ และความสงสัยก็ทำให้ผมต้องเดินเข้าไปใกล้ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"มุงเหี้ยไรกันเยอะแยะวะ อย่างกับดารามาอย่างงั้นแหละ" ผมยืนมองไปยังหน้าร้าน ที่ตอนนี้คนรุมกันจนแทบมองไม่เห็นทางเข้า จนผมต้องเบียดเพื่อไปดูให้รู้ "ไอ้นี่เป็นใครวะ? แล้วทำไมแม่งต้องยืนใกล้กันแบบนั้นด้วย...แล้วกูเป็นอะไรของกูละเนี่ยหงุดหงิดเพื่อ? เอ๊ะ!!! มึงเหมือนคนเป็นบ้าอะไอ้ไฟฟ้า หรือกูบ้าจริง ๆ เออแล้วกูก็ถามเองตอบเอง...ประสาทแดกหัวแล้วมั้งเนี่ย" เออไม่รู้ผมเป็นอะไร สายตามองไปยังไอ้เภสัชฯ หน้าขาวแล้วก็พูดกับตัวเองอย่างหงุดหงิด ไม่รู้สิเห็นแล้วมันทำให้อารมณ์เสีย อยากจะเข้าไปกระชากเขาออกมาจากตรงนั้น แล้วให้มันมายืนข้างผมแทน ...เดินหนีก่อนที่จะทำให้ผมหงุดหงิดไปมากกว่านี้
ปึก!!!
"ไม่ถ่ายรูปแล้วมายืนเกะกะทำไมก็ไม่รู้" จู่ ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ วิ่งมาชนผมแล้วยังมาบ่นให้ผมอีก...ผมผิดอะไรครับเนี่ย
"นี่คุณ ชนคนอื่นแล้วไม่ขอโทษ แถมยังมาต่อว่าอีก...ที่บ้านไม่มีหนังสือมารยาทให้อ่านหรือไง" ผมไม่สนอะก็ตอนนี้อารมณ์ไม่ดี ผู้หญิงแล้วไงล่ะ ไม่มีมารยาทเอาซะเลย
"เสียเวลาจริง ๆ ....หลบหน่อยค่าหลบหน่อย" ดูสิดูบ่นแล้วก็รีบวิ่งไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นที่ผมเพิ่งเดินออกมา
"เสียเวลาผมเหมือนกันแหละ โธ่เอ๊ย!!!" ผมหันหลังชี้ตามหลังเธอไป หงุดหงิดแถมยังมาเจออะไรแบบนี้อีก ยิ่งทำให้ผมหัวร้อนไปอีก "แล้วทำไมวันนี้ร้านขายยาแม่งต้องมามีกิจกรรมบ้าบอด้วย วุ้ย" บ่นอย่างคนอารมณ์ไม่ดี แล้วก็เดินหนีออกมาเลยครับ กะว่าจะได้เจอกับเภสัชฯ หน้าใสซะหน่อย ดันมีเรื่องมาขัดขวางซะได้
ตุบ!!!
"โอ๊ย!!!" และเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ผมดันเดินตกท่อระบายน้ำ ไม่ได้ดูทางไงแล้วใครแม่งเล่นเอาฝาท่อออก มัวแต่เดินหันหลังกลับไปมองจนทำให้ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แล้วผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องหยุด หันมามองผมเป็นสายตาเดียว บางคนก็มีสีหน้าตกใจ แต่ผมนี่ไงที่ตกท่อจนสภาพดูไม่ได้เลย เหม็นไปหมดทั้งตัว
(ช่วยด้วยมีคนตกท่อน้ำ) เสียงของชาวบ้านร้องขึ้นขอความช่วยเหลือ ก็หวังดีแหละ ผมรู้สึกขอบคุณนะ แต่ว่ารู้สึกอายมากกว่า
"เป็นอะไรไหมครับคุณ" เสียงของใครก็ไม่รู้ดังขึ้น ผมจึงเงยหน้ามอง และต้องตกใจเพราะคนที่กำลังยื่นมือลงมาคือเภสัชฯ คนที่ผมแวะมากวนตีนทุกเย็น
"แล้วทำไมต้องเป็นมึงด้วยที่มาช่วยกูเนี่ย"
"มาครับ"
"จำกูไม่ได้เหรอวะ...หมดสภาพขนาดนั้นเลย?"
ผมก้มหน้าพูดกับตัวเองเบา ๆ สภาพของผมตอนนี้ก็เละมาก เพราะจากที่ก้มมองดูตัวเองคือแบบ...มอมแมมเหมือนลูกหมาตกท่อแล้วตอนนี้
"มาครับผมช่วย" พูดซะเพราะเชียว ที่กับผมทำเป็นรำคาญ
"........." เป็นโอกาสของผมแล้ว บางทีนายเภสัชฯ อาจใจดีให้ผมได้ยืมห้องน้ำชำระความเน่านี้ ผมจึงยื่นมือไปจับทันที แล้วค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาด้านบน
"เจ็บตรงไหนหรือเปล่า" นายนั่นถามผมพร้อมกับขยับหน้าเข้ามาใกล้ แล้วหัวใจผมตอนนี้แม่งดันเต้นแรง มันไล่สายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า อยากถามจริง ๆ ไม่เหม็นน้ำเน่าที่ติดตัวผมหรือไง
"อืม" ผมพยักหน้าและตอบสั้น ๆ ก็มันรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้า กับการที่นายเภสัชฯ หน้าขาวอยู่ใกล้กว่าที่เคยเป็นมาก่อน
"เจ็บมากไหมครับ ต้องเรียกรถพยาบาลหรือเปล่า" เขาถามผมสีหน้าดูเป็นห่วงเป็นใย อยากมีเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เจอกันจริง ๆ
"ไม่ต้องหรอกไม่ได้เจ็บมากมายจนเหมือนใกล้จะตาย..." พูดในแบบที่เป็นของตัวเอง คงไม่โดนรู้เข้าใช่ไหมว่าเป็นผม แล้วปากนะปากอยากจะพูดกับเขาดี ๆ แต่ดันปากไวใจหมาจริง ๆ น่าตบปากตัวเองให้แตกจะได้จำ แต่ผมทำไม่ได้หรอกครับกลัวเจ็บ " เอ่อ ขอบใจนะแต่ไม่ต้องหรอกครับ" แก้ต่างตอนนี้ก็น่าจะทัน
"คุณนี่คล้าย ๆ กับคนที่ผมเคยเจอเลยนะ...ปากเสีย"
"........."
นายเภสัชฯ ที่ผมยังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ ทุกวันก็ได้แต่ตามตื้อกวนตีนเล่น เขาพูดขึ้นและนั่นทำให้ผมต้องเงียบปากไว้ เดี๋ยวจะโดนจับได้ ก่อนที่ความหวังว่าจะได้ยืมใช้ห้องน้ำ ได้ไปเห็นห้องนอนที่เป็นส่วนตัว ผมต้องควบคุมตัวเองสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ไม่ปริปากพูดดีที่สุด
"ผมว่าคุณไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนดีไหม?" เขาถามขึ้นเป็นคำถามที่ผมเฝ้ารอมาหลายนาที จนตอนนี้คนที่มุงดูก็หายไปหมดแล้วเหลือแค่ผมกับเขา คงเห็นว่ามีคนช่วยและผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากละมั้ง "บ้านอยู่ไหนครับ ไกลหรือเปล่า?"
"แถวนี้แหละ" ผมตอบพร้อมกับหยัดตัวลุกยืน
"อ้อ...ถ้าไม่เป็นไรแล้วผมขอตัวก่อนนะ"
"ดะ เดี๋ยว..."
พูดจบก็หันหลังเดินหนีผมเลย ทำไมไม่เป็นอย่างที่ผมคิดไว้เลยวะ ความหวังของผมหายวับไปกับตา ได้แต่ยืนมองตามหลังที่ค่อย ๆ ห่างไปด้วยสายตาละห้อย จบแล้วความหวังอันน้อยนิดของผม
"เฮ้อ...ไม่เป็นอย่างที่คิดสักนิด ทำไมกูถึงได้ซวยแบบนี้ วันอะไรวะเนี่ย" ผมยืนบ่นอย่างหัวเสีย
"วันพุธครับพี่" สิ่งที่ผมพูดออกไป ก็มีเด็กที่ไหนไม่รู้มาให้คำตอบ ทำให้ผมก้มไปมองไอ้เด็กผู้ชายตัวกลม ที่ยืนเลียอมยิ้มอยู่อย่างมีความสุข
"เออรู้" ผมตอบโต้เด็กคนนั้น
"รู้แล้วถามทำไม...ไปดีกว่า" เออนะไอ้เด็กนี่ก็ใช่ย่อย พูดจบแล้วมันก็เดินหนีไปเลย ทำไมวันนี้ผมต้องมาเจออะไรที่ปวดหัวแบบนี้ด้วยนะ
"ไอ้เด็กเวร... กูไม่ได้ถามมึง กูถามตัวเองโว้ย" ประโยคแรกผมขยับปากแต่ไม่ออกเสียง พูดตามหลังเด็กคนนั้นอย่างหัวร้อน ก่อนจะรีบเดินเข้าซอยไปเพื่อกลับบ้านไปจัดการกับตัวเอง ที่เริ่มเหม็นเน่าอย่างกับหมาตาย
//วันถัดมา//เคมี“พี่พร้อมไหม?” ผมจับมือพี่ไฟฟ้า พร้อมกับเอ่ยถาม เมื่อเห็นพี่เขายืนกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยสีหน้าคิ้วขมวด เพราะพวกเราสองคนนั่งอยู่ในรถราวสิบห้านาที“พะ พร้อม” ตอบตะกุกตะกัก ดูน่าสงสารมากเลยครับ“ถ้าพี่ไม่ไหว วันหลังเราค่อยมาใหม่ก็ได้นะ” เห็นสีหน้าเขาแล้วผมรู้สึกเป็นห่วง“ยังไงก็มาแล้ว เป็นไงเป็นกัน” พี่ไฟฟ้าสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ถ้าพี่โอเค เราเข้าไปกันเลยไหม?”“อืม”ตกลงกันได้ผมกับพี่ไฟฟ้าจึงพากันเดินมุ่งตรงเข้าไปในบ้าน การมาครั้งนี้ผมได้ส่งข้อความบอกพ่อกับแม่ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะพาเพื่อนสนิทมาทำความรู้จัก ซึ่งแม่ก็ตอบกลับมาว่ายินดี และตามด้วยข้อความของพ่อ บอกจะรออยู่ที่บ้าน ซึ่งดูท่านก็ตอบปกติ ไม่ได้ถามต่อให้มากความ“แม่ครับ พ่อครับ ผมมาแล้ว” ผมพูดเมื่อเดินมาในบ้าน ตรงโซนรับแขก“สวัสดีครับ” พี่ไฟฟ้ายกมือไหว้พ่อกับแม่ของผม และฉีกยิ้มอ่อนเบา ๆ“มากันแล้วเหรอ เดี๋ยวแม่เอาน้ำมาให้ คุยเล่นกับพ่อไปก่อนนะ” แม่เงยหน้าจากจอทีวีแล้วทักทายพวกผมด้วยรอยยิ้ม แม่ของผมเป็นคนใจดีครับ“นั่งสิ” เป็นเสียงพ่อที่บอกกล่าว แล้วพวกเราก็นั่งลงเก้าอี้ข้างกัน“ขอ
เหมือนลมหายใจเดียวกันเคมี“คืนนี้พี่จะค้างที่นี่ใช่ไหม?” ผมถามพร้อมด้วยน้ำเสียงเว้าวอน หลังจากรถยนต์จอดสนิท“ก็ว่าจะไม่...”“พี่ไฟฟ้า” ผมเรียกเสียงอ่อนเหมือนอ้อนวอนตัดบท“แต่ทำงานเหนื่อยขี้เกียจขับรถกลับ” ประโยคตอบรับทำให้ผมฉีกยิ้มทันที“งั้นรีบขึ้นไปกันเถอะ พี่จะได้อาบน้ำแล้วพักผ่อน”“อืม”จากนั้นผมและพี่ไฟฟ้าก็ขึ้นมายังหอพัก เขาวางสีหน้าบึ้งตลอดตั้งแต่เดินทางมา แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมากมาย เพราะกลัวว่าพี่เขาจะเปลี่ยนใจ เห็นโหด ๆ แต่บางทีก็อ่อนไหวง่ายเหลือเกินผมเข้าใจในความโกรธที่พี่ไฟฟ้าเป็นดี หลังจากที่พี่ไฟฟ้าหนีออกมาในวันนั้น ก็นั่งคิดทบทวนเหตุการณ์อยู่หลายหน จนผมตระหนักได้ และรู้นิสัยของพี่ไฟฟ้าว่าเป็นคนยังไง เขาเป็นคนคิดมากและขี้หวง แม้นิสัยที่แสดงออกมานั้นจะห่าม แต่ลึกแล้วเขามีใจเปราะบางแต่แสร้งเข้มแข็ง ผมไม่น่าจะใส่อารมณ์กับพี่ไฟฟ้าไปแบบนั้น ทั้งที่รู้นิสัยใจคอเขาเป็นอย่างดี ผมรู้สึกผิดและเสียใจมาก เมื่อย้อนคิดในเรื่องราวเหตุการณ์ใต้ตึกคณะในวันนั้นผมไม่ได้คิดอะไรกับรุ่นพี่ แต่ใจผมรู้ดีว่ารุ่นพี่คิดยังไงกับผม ซึ่งเป็นอย่างที่พี่ไฟฟ้าคาดเดา เขาชอบผม แต่ผมปฏิเสธไปแล้ว การที่รุ่
วันต่อมาผมเข้าบริษัทตามปกติ เพราะวันนี้มีนัดประชุมเรื่องโครงการใหม่ หลังจากที่เมื่อเช้าไปเยี่ยมไอ้กลาส ตอนนี้กลาสรู้สึกตัวแล้ว และมีน้องเพชรพลอยคอยดูแลไม่ห่าง ผมยืนสังเกตท่าทีของกลาสและน้องเพชรพลอยอยู่ด้านนอกผ่านช่องกระจกเล็ก ๆ เลยไม่อยากเข้าไปขัด ทำให้เสียบรรยากาศ กลาสมันดูปฏิบัติกับน้องเพชรพลอยแตกต่างจากแต่ก่อน เห็นแล้วทำให้ผมยิ้มตามและรู้สึกยินดี บางทีการที่บอกว่ากลบข่าวเรื่องเกย์ อาจจะทำให้ทั้งสองคนมีการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างไม่รู้ตัวก็ได้“ทำไมพี่ไม่อ่านข้อความหรือรับสายผมบ้าง” ระหว่างที่ผมจอดรถสนิทและกำลังจะปิดประตู เสียงที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น จึงทำให้ผมนิ่งและหันไปมองด้วยสีหน้าเรียบ“ไม่ค่อยว่าง พอดีช่วงนี้มีโครงการใหม่เลยยุ่ง ๆ” ผมตอบแล้วเดินเลี่ยงออกมาจะเข้าไปในตึกสำนักงาน“พี่หลบหน้าผม”“เปล่า...แล้ววันนี้ไม่ไปเรียนหรือไง?”“คุยกันก่อนพี่ไฟฟ้า” เคมีมันคว้าแขนของผมไว้ ทำให้ผมหยุดเดิน แต่ไม่ได้หันกลับไปมอง น้องมันเลยขยับมายืนตรงหน้าของผม“วันนี้กูมีประชุม”“พี่โกรธผมใช่ไหม?”“ไม่ได้โกรธ...จะให้โกรธเรื่องอะไรล่ะ”“ก็เรื่องเมื่อสามวันก่อนที่เราทะเลาะกัน”“กูผิดก็ขอโทษ
ผมขับรถออกมาอย่างคนไร้จุดหมาย ตอนนี้หัวสมองมันเริ่มจะประมวลภาพพวกนั้นเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน ผมอยากจะเชื่อคำพูดของเคมี แต่อดที่จะคิดไม่ได้...เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากความคิดเรื่อยเปื่อย“อืม...ว่าไงไม้?”“อยู่ไหนวะไฟฟ้า”“ขับรถอยู่”“มึงเห็นข่าวไอ้กลาสหรือยัง?...ด่วน ๆ เลยตอนนี้”เมื่อไม้บอกด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วร้อนรน ผมเลยรีบจอดรถข้างถนนทันที แล้วเปิดดูหน้าข่าวตามลิงก์ที่ไม้มันส่งมาให้ในแชต“เกิดอะไรขึ้นกับไอ้กลาสกันแน่”“กูก็ไม่รู้ ตอนนี้ไอ้กิตอยู่กับไอ้กลาส ติดต่อไปก็ไม่มีใครรับสาย”“กูจะไปโรงพยาบาลตอนนี้แหละ”“อืม ๆ เดี๋ยวกูจะออกไปเดี๋ยวนี้เลย”“เจอกัน”“อืม”ทันทีที่ผมเห็นข่าวก็ตกใจจนมือสั่น เพียงแค่เห็นภาพของไอ้กลาสที่โชกเลือด แม้ภาพข่าวจะมีการเซ็นเซอร์เอาไว้ ผมก็รู้ว่านั่นคือกลาสเพื่อนสนิทของกลุ่มผม พวกเราเพิ่งจะเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อน เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเร็วจนผมตั้งรับไม่ทัน ห่วงว่ากลาสจะเป็นอันตราย แม้ผมจะไม่ค่อยรู้เรื่องราวที่กลาสเจอ ว่าต้นตอเกิดจากอะไรกันแน่ แต่ผมรู้ว่ากลาสไม่มีศัตรูที่ไหนเลย นอกจากวงการธุรกิจของครอบครัวมัน//โรงพยาบาล//ผมมาถึงในเวล
(ไฟฟ้า)“เบื่อว่ะ”“เบื่อไรของมึงอีกครับพี่ไฟฟ้า”“บางครั้งกูก็รักอิสระ แต่กูก็อยากมีโมเม้นมีแฟน แต่กูก็ยังรักอิสระ แต่กูก็อยากมีแฟน แต่บางครั้งกูก็อยากอยู่คนเดียว แต่กูก็อยากมีแฟนอะ”“แต่ตอนนี้กูอยากถีบมึงมากครับพี่ เพราะกูรำคาญมึง และกูก็อยากอยู่คนเดียว”“โอ๊ย!...ใจร้าย หยอกเล่นหรอก ก็มึงไม่สนใจกูเลยไง เอาแต่สนใจหนังนี่หว่า”ผมพูดขึ้นระหว่างที่เราสองคนกำลังนั่งดูหนังด้วยกันในวันหยุดสุดสัปดาห์ อาการไหนก็ไม่รู้ครับ แต่ผมอยากจะกวนตีนไอ้ดื้อที่มันไม่สนใจผมสักนิด เอาแต่นั่งดูหนังอย่างใจจดจ่อ เลยอยากจะเรียกร้องความสนใจ แต่เหมือนน้องมันจะไม่ค่อยแคร์แถมยกเท้าถีบผมจนตกโซฟาก้นกระแทกพื้นอีก“สมน้ำหน้า”“มึงจำไว้เลยเคมี อย่าให้ถึงทีกูนะ ถีบมาได้ไอ้บ้านี่”“กวนอยู่ได้คนกำลังดูหนังสนุก ๆ กลับบ้านไปเลยไป”“ไม่กลับ...กูไม่กลับ”“ลูกดี ๆ ที่ไหนปล่อยให้พ่อแม่อยู่บ้านลำพังวันสุดสัปดาห์”“ลูกดี ๆ แบบกูนี่แหละ”“ทำตัวเหมือนไม่มีที่นอนเป็นของตัวเอง”“ทุกที่คือที่นอนของกูไงครับ”“ต่อปากต่อคำเก่งเหลือเกิน”“ต่อปาก...มึงกล้าปะทะกับกูปะล่ะ”“วุ้ย! วนมาเรื่องลามกอีกละ”กวนกันไปกันมาด้วยความมีไหวพริบแบบผม เลยท
“พี่ใจเย็นก่อนสิครับ”“เห็นหน้ามึงแล้วกูอดใจไม่ไหวเคมี”เพียงผมเปิดประตูเข้ามาในห้องพัก ก็ถูกลุกล้ำด้วยการไล่จูบ ถูกพี่ไฟฟ้าดันแผ่นหลังแนบชิดกับผนังห้อง สองมือของเขาถอดเสื้อของผมอย่างคนรีบร้อน ตอนนี้ทุกอย่างล่อแหลมแม้เราสองคนจะยังไม่ถึงเตียงนอน เขาปลุกปั่นอารมณ์ของผมจนยากที่จะหักห้าม“พี่ครับ”“กูต้องการมึงเคมี รักมึงมากนะ”เขาบอกรักผมทั้งที่ยังดอมดมตามซอกคอ นั่นยิ่งสร้างความปั่นป่วนภายในร่างกายของผมให้ร้อนรุ่ม“เรายังไม่ได้ทำความสะอาด”“ช่างแม่ง แข็งจนจะระเบิดแล้ว”“อื้ม พี่ครับ”ผมดันอกของพี่ไฟฟ้าไว้ แล้วเตือนในเรื่องการเตรียมความพร้อมสำหรับก่อนทำกิจกรรมบนเตียง แต่พี่ไฟฟ้าไม่ได้สนใจสักนิด เขายังเล้าโลมตามร่างกายของผมไม่หยุดหย่อน เขาบดจูบปากของผมด้วยความช่ำชอง จูบอย่างดูดวิญญาณผมก้าวขาเดินตามแรงของพี่ไฟฟ้าอย่างไม่รู้ทิศทางด้วยความเคลิบเคลิ้มจากรสจูบที่พี่เขาปรนเปรอ รู้สึกวาบหวามจนขนลุกซู่ไปทั้งตัวตอนนี้เสื้อผ้าของเราสองคนหลุดออกจากตัวด้วยความรวดเร็ว จนเผยให้เห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของกันและกัน ผมเริ่มทัดทานแรงเร้าของพี่ไฟฟ้าไม่ไหว ดันเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ ตัวตนที่ขึงขังชี้หน้าผมอย่