ในร้านคนเริ่มพลุกพล่าน มีทั้งนักศึกษากลุ่มใหญ่ และคู่รัก หลังสี่ทุ่มคนก็คงจะเยอะกว่านี้อีก ฉันคิดขณะเดินไป เห็นเจนกับเพื่อนในคณะอีกคนที่ชื่อมิวมายืนรอฉันก่อนแล้ว ทั้งสองแต่งตัวสวยเซ็กซี่สไตล์วัยรุ่น ฉันล้วงของขวัญกล่องเล็ก ๆ ผูกโบว์น่ารักในกระเป๋าถือส่งให้เจน
“อ่ะ สุขสันต์วันเกิด”
“ขอบใจนะปาย ป่ะ ๆ เข้าไปข้างในกันเจนจองโต๊ะไว้แล้ว” เจนทำท่าชี้ไม้ชี้มือไปด้านในที่เป็นโซนวีไอพี
เจนถือโอกาสดึงแขนฉันอย่างสนิทสนม ฉันเลิกคิ้วแปลกใจแต่ก็ยอมให้เจนลากเข้าไปข้างใน เดินไปจนถึงมุมหนึ่งของร้าน เป็นโซนวีไอพีมีกระจกใสกั้นไว้เป็นห้อง ๆ ที่นั่งส่วนตัวและกว้างขวาง ฉันมองรอบข้าง ในโซนนี้มีแค่ ฉัน เจนและเพื่อนอีกคนที่ชื่อมิวฉันก็ไม่ได้ถามว่าเจนชวนใครมาบ้าง แต่ถ้าถึงขนาดจองที่นั่งในโซนวีไอพีแบบนี้สงสัยแขกคงจะเยอะไม่น้อย
นั่งสักชั่วโมงแล้วเผ่นดีกว่า ฉันไม่ชอบสุงสิงกับคนแปลกหน้าเท่าไร ยิ่งคนเยอะยิ่งไม่ชอบ
“ไม่เคยเห็นปายแต่งตัวแบบนี้ ดูสวยเซ็กซี่ดีนะ” จู่ ๆ มิวก็เอ่ยขึ้น ฉันก้มมองตัวเองนิดหน่อย วันนี้ฉันใส่เดรสเปิดไหล่สีดำยาวเสมอเข่า ชุดนี้ฉันเลือกใส่เพราะดูเรียบ ๆ ไม่โป๊มาก ใบหน้าก็แต่งเติมบาง ๆ เอาให้ไม่น่าเกลียดเวลาพบปะผู้คน ฉันไม่ชอบแต่งหน้าทาปากจัด ๆ เพราะเป็นคนแพ้ง่าย ผมก็ปล่อยเคลียบ่า มองดูก็ธรรมดา ปกติของคนมาเที่ยวร้านกึ่งผับแบบนี้ เจนกับมิวไม่แต่งตัวสวยแซบมากกว่าฉันหรือไง เจนใส่เกาะอกสีแดงกางเกงสั้นจู๊ด แต่งหน้าทำผมจัดเต็ม ส่วนมิวก็ใส่สายเดี่ยวลูกไม้เข้ากับกระโปรงยีนส์เหนือเข่า เวลานั่งเห็นแล้วหวาดเสียวว่าหวอจะออก
พอมิวพูดขึ้น เจนก็ผสมโรง
“ใช่ ๆ ดูสวยแพง”
“พวกเธอไม่ต้องมาชมฉันหรอก มีอะไรก็บอกมา”
เจนกับมิวเลยยิ้มเจื่อน เมื่อฉันทำท่ารู้ทัน ก็แน่ล่ะ คนไม่สนิทกันจู่ ๆ มาชมแบบนี้มีอะไรแอบแฝงชัวร์
เจนเริ่มบิดตัวไปมา จนมิวทนไม่ไหวเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“คืองี้...เจนมันชอบพี่เชน ที่ชวนปายมาเพราะอยากจะถามเรื่องพี่เชน”
“อ๋อ” ฉันมองเจนที่ตอนนี้บิดตัวจนแทบจะเป็นเลขแปด พี่เชนหล่อลากหน้าตาดีแถมเรียนทันตะฯ ผู้ชายทันตะฯ น่ะหล่อ รวย เรียนเก่ง เยอะแยะ แต่กินกันเองก็เยอะ หาชายทั้งเท่งนี่ยากอย่างกะงมเข็มในมหาสมุทร พี่ชายฉันก็คงเป็นหนึ่งในเข็มที่อยู่ในมหาสมุทร ฉันไม่ได้อวดหรอกนะ แต่พี่เชนน่ะเสน่ห์แรงพอสมควรเลยละ
กลุ่มพี่เชนดังมากในมหา’ ลัย พวกเขาถูกเรียกลับหลังว่า ห้าเทพบุตรหล่อวัวตายความล้ม
ฉายาอย่างกะพวกสี่ยอดกุมารอะไรเถือก ๆ นั้น...
มิน่าวันนี้ทั้งสองคนถึงทำท่าทางสนิทสนมกับฉันนัก หวังผลแบบนี้นี่เอง ฉันส่ายหน้าขำ ๆ
“คือ จะ...เจน อยากถามเรื่องพี่เชน พี่เชนมีแฟนยังอ่ะ”
เจนพูดขึ้นน้ำเสียงตะกุกตะกัก ทำหน้าอาย ๆ มิวก็แทรกขึ้นอีกคน
“พี่ไวน์ด้วย ปายพอรู้ไหม เห็นปายไปกับกลุ่มพี่เชนออกจะบ่อย คงจะสนิทกับพี่ ๆ คนอื่น ๆ”
“พี่เชนน่ะ ยังโสด...” โสดแบบไม่มีแฟนแต่คู่ควงเยอะมาก ฉันต่อท้ายในใจ “ส่วนพี่ไวน์ ก็เท่าที่เห็น...ยังไม่เห็นมีใครนะ”
“กรี๊ด! ” เจนและมิวหันมาตบมือใส่กันแล้วกรีดเสียงร้องอย่างดีใจ
“แต่เดี๋ยว! ฉันไม่ช่วยเป็นแม่สื่อให้หรอกนะ” ฉันเบรกทันควัน “แต่ถ้าจะถามอะไร ถ้าพอจะบอกได้ก็จะบอก เรื่องตามจีบพวกเธอหาทางกันเอาเองเถอะ”
“ใครว่าจะจีบ พวกเราเป็นแฟนคลับย่ะ ไม่หวังจะได้คบได้ควงหรอก ถึงอยากจะควงพวกพี่ ๆ เค้าจะแลไหมล่ะ”
“ก็นะ คิดว่าแลนะเพราะพวกเธอก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่...แต่ถ้าให้แนะนำอย่างหวังดี อย่าไปเป็นตัวเลือกพวกเขาเลย พี่เชนอ่ะ เจ้าชู้จะตาย”
“ก็นั่นไง” สองสาวประสานเสียงกัน
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ถามฉันยกใหญ่ เรื่องสเปก สิ่งที่ชอบไม่ชอบของพี่เชน พี่ไวน์ อันไหนฉันตอบได้ก็ตอบ ฉันพอจะรู้จักเจนและมิวในฐานะที่เรียนคณะเดียวกัน ทั้งสองคนนิสัยใช้ได้
“ว่าแต่พวกเธอชวนใครมางานบ้างอ่ะ” หลังจากคุยกันไปสักพัก ฉันรู้สึกสนิทใจกับยายสองคนนี้มากขึ้น จึงเริ่มพูดคุยอย่างเป็นกันเอง
“ก็ไม่มีใครมากหรอก” เจนบอกก่อนนั่งนึก “มีเพื่อนผู้หญิงต่างคณะอีกสองสามคน แล้วก็พวกผู้ชายคณะเรา กลุ่มไวท์น่ะ...พอดีเพื่อนต่างคณะฉันรีเควสมาว่าต้องชวนหนุ่มหล่อมีเกียร์มาให้เชยชมบ้าง แล้วในคณะเราก็ดันมีของดีแค่กลุ่มเดียวที่หน้าตาดี โดยเฉพาะไวท์ เห็นว่าบ้านรวย รูปร่างหน้าตาก็เฟอร์เฟ็ค...ถึงแม้นิสัยจะเถื่อน ๆ ไปนิดอ่ะนะ”
พร่วด!
ฉันสำลักค็อกเทลที่กำลังดื่มทันที เอามือทุบอกตัวเองเบา ๆ ให้หายไอ เจนหยุดคุยก่อนจะหาน้ำเปล่าให้ฉันจิบ
“ไฮ! เป็นอะไรมากหรือเปล่าปาย อยู่ ๆ ก็สำลัก”
มิวก็หัวเราะผสมโรง ก่อนจะนึกอะไรได้
“สงสัยตกใจที่เจนบอกว่ามีกลุ่มไวท์มาด้วยแน่เลย ตอนกลางวันมิวเห็นยักษ์ เพื่อนในกลุ่มไวท์ยืนแซวปายอยู่”
“ปกติก็เห็นจีบใครไปทั่ว แต่เห็นตอแยปายเยอะที่สุด สงสัยจะจีบปายจริงจัง ว้าว งั้นคืนนี้ฉันจะเป็นกามเทพแผลงศรรักใส่พวกเธอ” เจนพูดยิ้ม ๆ
ฉันรีบพูดดับฝันพวกหล่อนทันที
“หยุดความคิดพวกเธอซะ ฉันมีแฟนแล้วย่ะ”
“เฮ้ย จริงดิ” มิวอุทาน “แต่ก็ไม่แปลกนะ ปายน่ารักจะตายไปจะมีแฟนก็ไม่แปลก ว่าแต่ใครอ่ะ เรียนที่ไหนชื่ออะไร”
“พอ ๆ ไม่บอก อีกหน่อยก็เจอเองแหละ” ฉันพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะนึกถึงไมค์ที่เงียบหายไปเพราะไปเมืองจีนกับครอบครัว กว่าจะกลับก็อีกสองอาทิตย์
“ทำเป็นมีลับลมคมใน” เจนกระแซะฉัน ก่อนจะหันไปมองด้านหน้าของร้าน แล้วยกมือขึ้นโบกไม้โบกมือเรียกใครบางคน
“วู้ ทางนี้ ๆ”
สะพานบุญโขกู้สุ่ย บ้านแพมบกไวท์พาฉันมาที่สะพานไม้ไผ่ แหล่งท่องเที่ยวอีกทีหนึ่งของแม่ฮ่องสอน ห่างไกลจากตัวเมืองประมาณสิบกิโลเมตร ตลอดการเดินทางลำบากมาก ทั้งชันและแคบ โชคดีที่ไม่ใช่ฤดูฝน ถนนเลยพอให้รถสปอร์ตขับผ่านไปได้ แต่กว่าจะถึงที่หมายฉันแอบสงสารรถคันหรูที่ตอนนี้มันคงจะคลุกฝุ่นจนหมอง เมื่อรถจอดฉันหันไปมองเขาอย่างแปลกใจที่เขารู้จักสถานที่แบบนี้ด้วย นึกว่าเด็กเมืองกรุงอย่างเขาจะพาฉันไปในเมือง เที่ยวห้างสรรพสินค้า ดูหนังอะไรแบบนี้“มองอะไรปาย”“รู้จักที่แบบนี้ด้วยเหรอ เมื่อก่อนเคยมาเที่ยว? ”“ไม่เคย นี่มาครั้งแรก และไม่เคยมาแม่ฮ่องสอนด้วย”“หืม...”“สมัยนี้มันยุคสี่จีนะยายบ๊อง แค่ค้นหาสถานที่เที่ยวจังหวัดนั่นนี่มันก็เจอแล้ว จีพีเอสก็มี มาไม่ถูกก็ไม่รู้จะพูดยังไง”ไวท์พูดจบก็ยกมือขึ้นเขกหัวฉันเบา ๆ ฉันย่นจมูกใส่ ก็คนมันไม่ทันได้นึกถึงนี่ แม่ฮ่องสอนก็มีหลายอำเภอ ฉันยังเที่ยวไม่ทั่วเลย ก็เลยแปลกใจที่เขารู้จักที่นี่เราสองคนลงจากรถ สะพานบุญโขกู้สุ่ยตั้งอยู่หน้าหมู่บ้านแพมบก บริเวณทางเข้ามีร้านค้าชุมชนตั้งอยู่ ขายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ไวท์เดินเข้าไปซื้อน้ำเปล่ามาสองขวด ก่อนยื่นให้ฉันหนึ่งขว
ฉันยืนมองคนงานพากันยกลังส้มขึ้นรถบรรทุกของลูกค้าที่มาซื้อถึงในสวน ตั้งแต่กลับจากกรุงเทพฯ งานที่รออยู่ก็ล้นมือ ประกอบกับเป็นช่วงที่คนงานลางานเพื่อกลับไปทำนา คนงานในสวนจึงมีไม่พอ ทั้งวันฉันต้องดูแลงานในสวน แล้วก็ต้องไปจัดการงานในรีสอร์ตอีกต่อหนึ่ง โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเทศกาลนักท่องเที่ยวยังไม่มากนัก ก็ไม่รู้ทำไมแม่ถึงได้ปิดบังฉันว่าไม่มีปัญหาอะไร งานที่สวนปกติ ทั้งที่ฉันกลับมาเห็นมันไม่ใช่ที่แม่บอกเลย คนงานไม่พอ งานล้นมือ ไม่อยากจะคิดถ้าฉันไม่กลับมาด้วย แม่จะต้องหัวหมุนดูแลคนเดียวไม่มีเวลาพักผ่อนแน่ ๆ“เรียบร้อยหรือยังจ๊ะปาย” แม่เดินมามือข้างนึงถือขวดน้ำก่อนจะยื่นให้ฉัน“ขอบคุณค่ะ” ฉันยื่นมือมารับ แล้วเปิดฝายกน้ำขึ้นดื่มด้วยความกระหาย พอดื่มจนพอใจก็ตอบคำถามแม่ “อีกล็อตหนึ่งก็ครบแล้วค่ะ ปายจะเช็คอีกรอบหนึ่งก็เสร็จ”“เหนื่อยไหม กลับมาก็ไม่ได้พักเลย”“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ แต่ก่อนปายก็ช่วยแม่นี่ งานในสวนปายคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กแม่ก็รู้ สบายมากค่ะ”“ขอบใจนะลูก หมดรอบนี้ก็คงจะได้พักแล้วล่ะ แล้วนี่ก็มาเกือบอาทิตย์แล้วยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เพื่อนฝูงก็พากันถามหา วันก่อนแม่เจอตั้มที่ตลาดยังถา
ผมเปิดประตูห้องก่อนก้าวเข้าไป ห้องตกแต่งโทนเรียบง่าย เครื่องเรือนหรูหรามีระดับ แต่ผมกลับไม่ชอบมัน มาค้างหนึ่งเดือนแค่ครั้งสองครั้ง ไม่สนว่าผู้ชายคนนั้นจะว่ายังไง ปกติถ้าไม่ยุ่งอยู่กับงานสังสรรค์ ติดอีหนู ผู้ชายคนนั้นก็ไม่นึกถึงผมหรอก เราต่างคนต่างอยู่มานานแล้ว ผมอยากจะไปค้างกับแม่ ย้ายไปอยู่ด้วยแต่ก็กลัวทำให้แม่เดือดร้อนจากผู้ชายบ้าอำนาจผมล้มตัวลงนอนบนเตียง กางแขนกางขาเหม่อมองเพดาน สุดท้ายเพราะยังไม่สร่างเมาดีก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง..เช้าวันต่อมา“เออ ดี! โผล่หัวมากลางดึก เช้ามาก็ไป เห็นบ้านฉันเป็นโรงแรมหรือยังไง”น้ำเสียงกระแทกแดกดันดังขึ้นทันทีที่ผมกำลังจะเดินผ่าน ผู้ชายคนนั้นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ แต่ตอนนี้หันมามองผมด้วยสีหน้าบึ้งตึง“ผมมีธุระ”ผมตอบแค่นั้นก่อนทำท่าจะก้าวขาเดินต่อ“เฮอะ! หน้าอย่างแกมีธุระด้วย”“พ่อมีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาดีกว่า ผมจะรีบไป”“เย็นนี้กลับมาด้วย ฉันจะพาแกไปทำความรู้จักคุณมานพ ท่านเป็นรัฐมนตรีฯ เย็นนี้เป็นวันเกิดท่าน”“ทำไมผมต้องไป ผมไม่รู้จักท่านเสียหน่อย เชิญพ่อไปคนเดียวเถอะ”“แกต้องไป! ฉันจะพาแกไปรู้จักลูกสาวคนเดียวของท่าน”“อ๋อ กะให้ผมไปดูตัว ทำ
“ก็พี่ไม่บอกว่าปายไปไหน”พี่เชนมองผมด้วยหางตา สุดท้ายก็ยอมเอ่ยปาก“ปายกลับบ้าน”บอกแค่นี้? แล้วผมจะตรัสรู้เรอะ! ผมสบถในใจส่วนฉากหน้าก็ฉีกยิ้ม ทำตัวเป็นน้องเขยที่ดี ไม่โต้เถียง“บ้าน? บ้านที่ไหน พี่บอกเส้นทางให้ผมที”“มึงจะตามน้องกูไป”“ครับ ผมจริงจัง ผมจะไปหาปาย ผมจะเข้าไปคุยกับแม่ปายว่าเรียนจบเราจะแต่งงานกัน เราจะ....”“พอ! มึงพล่ามอะไรของมึงวะ! เฮอะ แดกเหล้าจนเหม็นหึ่ง เมาหนักนะมึง คุยไปถึงเรื่องอนาคตแต่งการแต่งงาน ถามพี่อย่างกูสักคำไหม”“ผมแต่งกับปายไม่ได้แต่งกับพี่นี่”“ถุย! เห็นแก่ที่มึงเมาเหมือนหมา กูไม่เอาเรื่องเอาความอะไรมึงก็แล้วกัน ปายกลับแม่ฮ่องสอน นอกนั้นมึงไปตามหาเอาเอง ไป ๆ กูตอบคำถามแล้วก็ไสหัวไป มึงจะง้อ จะจีบอะไรอย่าลากกูไปยุ่ง ทีหลังอย่ามาถามเรื่องปายกะกู กูไม่ได้ขัดขวางมึง แต่ก็ไม่ได้ชอบมึงถึงขนาดยินดีที่มึงคบกับน้องกู”ผมฟังพี่เชนพล่าม พี่แกมองผมด้วยสายตาหงุดหงิด ก่อนจะเดินหมุนตัวเข้าร้านไปตุบ!ไอ้พันรบเดินมาถึงตัวผมเมื่อไรไม่รู้ มันตบบ่าผมดังตุบ“พี่เมียมึงเหรอ”เสียงไอ้บอมถาม มันเดินมาหยุดข้างผม“เออ”“หน้าคุ้น ๆ”“อยู่มหา’ ลัยเดียวกับเราไง” ผมตอบไอ้รบ “เรียนทัน
White Talksหลายวันผ่านไปโครม!ผมเตะเก้าอี้ที่มันขวางทางจนปลิวไปอยู่แทบเท้าไอ้พันรบ วันนี้ผมมานั่งกินเหล้าที่ผับของมัน ส่วนไอ้บอมกับไอ้เวียร์มันบอกจะตามมาดึก ๆ ผมหันไปมองเก้าอี้ที่นอนตะแคงอย่างเฉยชา เดินไปถึงโต๊ะแล้วนั่งลงก่อนยกแก้วที่มันชงไว้ขึ้นมาดื่มฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ไหลผ่านคอยิ่งทำให้ผมร้อน หงุดหงิด กระสับกระส่ายปึก!ผมวางแก้วเหล้าอย่างแรงเป็นการระบายอารมณ์“มึงเป็นอะไรไอ้ไวท์”มันมองผม แล้วถาม“ไม่รู้”ผมตอบแค่นั้นก่อนยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มต่อ ไอ้รบเป็นคนไม่ค่อยพูดมันเงียบ ๆ มึน ๆ พอเห็นผมไม่บอกมันก็แดกเหล้าต่อ เราสองคนยกแก้วเหล้าขึ้นเงียบ ๆ คนในร้านยังไม่มีเพราะยังเป็นช่วงหัวค่ำ จะมีก็แต่เจ้าของร้านอย่างมันที่บ้ามาแดกเหล้าเป็นเพื่อนผมตั้งแต่หัววันนี่แหละไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร พอเงยหน้าขึ้นจากแก้วเหล้าคนก็แออัดเต็มร้าน เสียงเพลงดังกระหึ่ม ไอ้รบลุกขึ้นบอกว่าจะไปดูลูกน้องหลังร้านหน่อย ผมโบกมือไล่มันไปก่อนนั่งกินเหล้าเงียบ ๆ มีผู้หญิงสองสามคนที่เดินโฉบไปโฉบมา ท่าทางเชื้อเชิญผม ผมแค่ยิ้มก่อนกลับไปสนใจเหล้าในแก้วต่อไม่มีอารมณ์ สวยแค่ไหนก็เถอะ ผมอยากเจอปายแค่นั้นใช่ หลายวันมานี่ปายไม่
“ไวท์โอเคนะ มีอะไรระบายให้ปายฟังได้”“โอเคสิ ตอนนี้ไวท์โอเค ขอแค่มีปายอยู่ข้าง ๆ ไวท์ก็พอ”“อะไรกัน แล้วถ้าวันไหนฉันไม่อยู่ข้างนายล่ะ” ฉันพูดขึ้นเล่น ๆ แต่ไวท์กลับเงียบไปอึดใจก่อนตอบกลับ“ไม่มีวันนั้น เพราะไวท์จะไม่ยอมให้ปายทิ้งไวท์แน่ ๆ ปายก็รู้ว่าชีวิตไวท์มีคนที่สำคัญกับไวท์แค่ไม่กี่คนและปายเป็นหนึ่งในนั้น”ฉันฟังเสียงเขาที่ดูเข้มขึ้นก็รู้สึกแปลก ๆ จะว่าดีใจมันก็ไม่เชิง คำพูดของไวท์มันฟังดูเหมือนเขายึดติดกับฉันมากเกินไป และมันไม่ดีเท่าไร...เราไม่ควรจะเอาชีวิตกันและกันมาผูกติดกันมากเกินไป“เอ่อ...เอาเป็นว่าตอนนี้ปายกำลังดูใจ พิจารณาไวท์ ให้โอกาสไวท์อยู่ ไวท์คงรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้อยู่ในช่วงที่ปายกำลังให้โอกาส”ฉันอดย้ำความสัมพันธ์ของเราไม่ได้“รู้ครับ และไวท์จะไม่ทำให้ปายหลุดลอยไปอีกแล้ว” เสียงไวท์ตอบกลับมาจริงจังและแฝงไปด้วยความหมายบางอย่างที่ฉันทำเป็นมองข้าม รู้อยู่หรอกว่าเขาแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ฉันเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ ฉันไม่ใช่ของใคร ฉันก็คือฉัน แต่ถ้าพูดตรงไปฉันก็กลัวว่าเขาจะโมโหอะไรขึ้นมาอีก คงต้องค่อย ๆ คุย แบ่งความสัมพันธ์ให้ชัดเจน ฉันเป็นแค่แฟนของเขาน้ำเสียงไวท์สั่นนิด ๆ ฉันจึ