LOGIN12.30น.
ศูนย์อาหาร...
"วันนี้ไปทานข้าวที่ศูนย์อาหารกันไหมแพร"
"อื้ม ไปดิ ฉันได้หมดอะแล้วแต่แกเลย"
"เคเลย"
หลังจากที่เรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันกับแพรวาก็ออกมายืนตกลงกันหน้าห้องเรียนว่าจะไปทานข้าวกันที่ไหน เนื่องจากวันนี้มีแค่ฉันกับแพรวาเท่านั้นส่วนยัยเพอร์ลี่ก็ตามที่มันได้บอกไว้เมื่อเช้าว่ามันขอไปเดทกับคนคุยของมัน ฉันกับแพรวาที่ได้สถานที่ตามที่ตกลงกันแล้วก็เลยเตรียมตัวจะเดินตรงไปที่ลิฟต์ แต่...
กึก!
"ไอ้...โอ้ย!" ไอ้พี่ชายบ้าเอ้ยทำไมถึงได้นิสัยเสียแบบนี้เนี่ย เดินออกมาปาดหน้ากันแบบนี้ กะตั้งใจชนฉันให้กระเด็นลงไปนั่งแหมะบนพื้นใช่ไหม นิสัย! แล้วดูเขาเอาเถอะตั้งใจปาดหน้าฉันเสร็จก็เดินหายวับเข้าไปในลิฟต์พร้อมเพื่อนๆ โดยที่ไม่คิดจะหันกลับมาดูดำดูดีน้องสาวเพียงคนเดียวอย่างฉันด้วย
เอาจริงๆ เลยนะ ตอนนี้ฉันโมโหพี่ชายตัวเองมาก ก็ตั้งแต่ในห้องเรียนแล้วอะที่พยายามแกล้งฉันและคอยนั่งจับผิดรุ่นพี่ไทเกอร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉัน ตอนนั้นฉันแทบจะฉี่ราดบนเก้าอี้ กลัวไอ้พี่บ้านั่นจะจับได้ว่าฉันกับรุ่นพี่ไทเกอร์รู้จักกัน
อีกอย่างตั้งแต่ทิ้งฉันไว้ที่ผับหลายคืนก่อนแล้วด้วยนะ ไม่สนใจไยดีฉันไม่พอ ทิ้งๆ ขวางๆ กันนี่ยังมาแกล้งฉันสารพัดอีก คอยดูเถอะฉันมีผัวเป็นตัวเป็นตนเมื่อไหร่ ฉันจะฟ้องผัวให้มาจัดการไอ้พี่บ้านี้ให้ได้เลย ฮึ่ย!
โมโหโว้ย!
"แกใจเย็นนะตาล เฮียเขาแค่แกล้งเฉยๆ อะ"
"แกล้งเหรอ ได้เลยเดี๋ยวฉันจะเอาคืนบ้าง ไอ้พี่ชายบ้าเอ้ย!" ใช่ เพราะฉันก็มีแผนที่จะเอาคืนไอ้พี่บ้านั่นเหมือนกัน คอยดูเถอะได้เห็นคนเลือดขึ้นหน้าแน่
หมับ!
"ไปทานข้าวที่ไหน" หลังจากที่ฉันทำท่าจะก้าวขาเดินตรงไปที่ลิฟต์ด้วยความโมโหไอ้พี่นักรบ จู่ๆ ก็มีมือหนาของใครบางคนคว้าข้อมือของฉันไปจับไว้ก่อนจะเอ่ยถามเสียงทุ้มออกมา และเพราะเสียงทุ้มของเขาที่ฉันจำได้ดีว่าเหมือนเสียงของใคร จึงรู้ได้ทันทีว่าเขาคือใครก่อนที่จะค่อยๆ หมุนตัวหันไปหาอย่างช้าๆ
"คุณ..." ทันทีที่ฉันหันไปหาคนที่จับมือของฉันไว้ ก็ปรากฏว่าเป็นคนที่ฉันคิดไว้จริงๆ ด้วย และตอนนี้เขาก็ยืนยิ้มหล่อให้ฉันด้วย
"ครับ ผมเองตกใจเหรอ"
"เปล่าค่ะ เห็นคุณออกไปก่อน ฉันก็นึกว่าคุณลงไปแล้ว" ตอนที่อาจารย์เลิกสอนแล้วเดินออกไปจากห้องเรียนได้ไม่ถึงหนึ่งวินาที คนที่ลุกขึ้นตามอาจารย์ออกไปติดๆ ก็คือเขานี่แหละ ตอนนั้นฉันก็แอบสงสัยนะว่าเขาจะรีบไปไหนหรือเปล่า
หรือว่ารำคาญฉันกับพี่นักรบที่นั่งทะเลาะกันก็เลยรีบลุกออกไป เอาจริงตอนนั้นฉันก็แอบหน้าเสียอยู่ไม่น้อยเลยนะที่เห็นเขารีบลุกออกไปแบบนั้น แต่ที่ไหนได้...
"ผมรอคุณอยู่ แต่ไม่อยากให้คุณลำบากถ้าพี่ชายคุณเห็น ก็เลยแอบรอให้พี่คุณลงไปก่อน"
"อ่อค่ะ..." ใช่ค่ะ เขาแอบมารอฉัน โดยที่ให้พี่บ้านั่นลงไปก่อนเพราะกลัวฉันจะโดนพี่ชายดุละมั้ง แต่เอาจริงๆ พี่ชายไม่ดุฉันหรอกแต่อาจจะหาเรื่องเขามากกว่าถ้าเข้าใกล้ทำเป็นคุยกับฉัน เพราะขนาดตอนอยู่ในห้องเรียนพี่ชายของฉันยังมองตาขวางเป็นว่าเล่นเลย
"แล้วตกลงคุณไปทานข้าวที่ไหน" คนตัวสูงตรงหน้าฉันเอ่ยถามอีกครั้ง ฉันที่ได้สติหยุดเขินก่อนจึงตอบกลับเสียงเล็กเสียงหวานกลับไป
"ศูนย์อาหารค่ะ"
"เค งั้นผมไปรอคุณแถวนั้น คุณลงก่อนได้เลยเผื่อพี่ชายคุณรอรับคุณอยู่หน้าประตูลิฟต์" โอ้ย! ฉันอยากเอากระเป๋าคลุมหัวแล้วนะ ยิ่งเข้าพูดเข้าแสดงออกด้วยความใส่ใจอ่อนโยนและเข้าใจฉันแบบนี้ ฉันก็ยิ่งรู้สึกใจเต้นแรงกับเขาขึ้นอีกเท่าตัวเลยอะ
คิดดูสิ ผู้หญิงที่ไม่เคยได้รับการถูกเข้าหาจากผู้ชายคนไหนมาก่อนในชีวิตเลยสักครั้ง แต่จู่ๆ วันนี้กลับถูกเข้าหาเรื่อยๆ แบบนี้แถมเขาก็ไม่ได้แสดงออกว่ารำคาญหรือเบื่อหน่ายเรื่องของพี่ชายฉันด้วย
เหอะให้ตายเถอะ ไม่เขินตัวบิดจนอยากแทรกแผ่นดินหนีก็เอาสิ เขินโว้ย!
"อื้ม งั้นตาลลงก่อนนะ"
"แทนตัวเองว่าตาลงั้นก็หยุดเรียกพี่ว่าคุณได้แล้วดิ"
"พี่ไทเกอร์..."
"ถ้าเรียกไทเกอร์ไม่ถนัดลองเปลี่ยนเป็น...เบ๊บได้นะ"
กรี๊ดด!! หนึ่ง สอง สาม! ฉันขอกรี๊ดในใจดังๆ สามครั้ง ไม่ไหว เขารุกฉันแรงมากเลย จะบ้าเหรอเรียกเบ๊บได้ไงเล่า แฟนยังไม่ได้เป็นเลย
"ได้ไงเล่า เราไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย" ฉันตอบกลับไปด้วยท่าทางเหนียมอายเบาๆ ก่อนที่จะหันไปเห็นยัยแพรวายืนมองฉันนิ่ง ทำให้ฉันที่ยิ้มเขินเมื่อกี้ถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน
คือฉันลืมไปเลยไง ว่ายัยแพรวามันยังไม่ได้รู้เรื่องนี้ คนที่รู้คือยัยเพอร์ลี่ต่างหาก ให้ตายเถอะเพื่อนฉันจะเอาไปบอกเฮียไคไหมเนี่ย
หมับ!
"เอ่อ งั้นตาลไปก่อนนะ" ฉันคว้าแขนยัยแพรวามาจับไว้จากนั้นก็หันไปบอกคนตัวสูงตรงหน้า บอกเสร็จฉันก็ลากเพื่อนเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
"แกจะบอกฉันได้ยัง ว่ารู้จักกับผู้ชายคนนั้นได้ยังไง แล้วเมื่อกี้ท่าทางแบบนั้นคืออะไร เขากำลังจีบแกเหรอตาล" ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกและฉันก้าวขาออกมายัยแพรวาที่เดินตามหลังมาก็เอ่ยถามฉันถึงเรื่องเมื่อกี้ทันที
ฉันที่ไม่สามารถจะปิดบังอะไรได้อีก จึงต้องหยุดเดินแล้วหันไปบอกความจริงทั้งหมดแทน
"อืม เขากำลังจีบฉัน"
"จีบแก! ยัยบ้านี้ แล้วเฮียรบรู้เรื่องนี้ยัง"
"ยัง พี่ชายฉันยังไม่รู้และแกก็ห้ามบอกเฮียไคด้วยนะ"
"ฉันจะบอกเฮียไคทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย" โอ้ย นี่ก็นะ ตั้งแต่ทะเลาะกับผัวมาก็งอนเก่งงอนนานมากเลย ผู้ชายง้อก็ทำเป็นเมินด้วย เหนื่อยกับคู่ของมันจริงๆ เลย
"เออๆ แล้วแต่แกเลยแต่เรื่องของฉันแกห้ามบอกเฮียไคเด็ดขาดนะ"
"อืม แล้วแกไปรู้จักกับเขาได้ไงอะ" เฮ้อ นึกถึงเรื่องที่รู้จักกันได้ยังไงขึ้นมา หน้าของฉันก็เห่อร้อนขึ้นมาทันที เพราะประโยคที่ฉันบอกอีกฝ่ายในวันนั้นมันดังกึกก้องในโสตประสาทฉันมา 'ฉันรักคุณ' แค่นี้จริงๆ ทุกอย่างก็วิ่งเข้ามาหาฉันเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาเลย
"พวกแกทิ้งฉันไว้ที่ผับคืนนั้นไง ฉันก็เลยได้เจอกับเขา" ฉันเลือกที่จะบอกความจริงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นให้เพื่อนรู้ ส่วนอีกส่วนที่น่าอายในลิฟต์วันนั้นฉันขอไม่พูดถึงละกัน
"หืม พรหมลิขิตเว่อร์อะ เออๆ ยังไงก็ขอให้ได้คบกันคนนี้น่ะ เขาหล่อมากแถมยังดูโอเคกับแกเลย แบบว่ามองปราดเดียวก็รู้เลยว่าเขาโดนแกตกหัวใจไปแล้วชัวรๆ"
"แกมองออกขนาดนั้นเลยเหรอแพร"
"สายตาคนเรามันลอกกันได้ที่ไหนล่ะ" หืม ไลฟโค้ชเว่อร์ทีตัวเองมองผัวไม่ออกอะ ว่าเขาใจจะขาดอยู่แล้วที่ตัวเองไม่ยอมดีด้วย ยัยแพรนะยัยแพร
"อืม งั้นเราไปทานข้าวกันเถอะ" หลังจากที่ฉันพูดคุยกับแพรวาเสร็จแล้ว ฉันกับเพื่อนก็เดินออกจากตึกมุ่งหน้าไปทางศูนย์อาหารกันต่อ
ใช้เวลาเดินไม่นานก็ถึงศูนย์อาหาร แต่เดินอยู่ดีๆ ฉันก็เห็นแวบๆ จากระยะไกลว่ากลุ่มผู้หญิงผมบลอนด์ทองตรงหน้าเหมือนจะเป็นกลุ่มพี่สะใภ้ของฉันเลย ก็เลยไม่รีรอรีบเดินเร็วๆ เข้าไปหาทันที
"จ๊ะเอ๋!"
!!!
"เฮือก!"
ตายแล้วฉันทำพี่พีชตกใจเฮือกใหญ่เลยที่เข้ามาตะปบที่ไหล่จากทางด้านหลังแบบนั้น และเพราะเห็นแบบนั้นฉันก็เลยทำหน้าขอโทษพร้อมขยับปากพูดเบาๆ ไปแทนก่อนที่จะขยับลงไปนั่งข้างๆ พี่พีชในเวลาต่อมา
"พวกพี่นั่งคุยเรื่องจะไปซื้อชุดบิกินีใช่ปะ ดีเลยพี่พีช ตาลกับแพรวาไปด้วยนะ" พอดีว่าวันสองวันนี้พวกฉันนัดกันว่าจะไปเที่ยวทะเลกันอะ ซึ่งเรื่องนี้มันก็เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ฉันตึงๆ งอนๆ กับพี่ชายของฉันที่ทิ้งฉันไว้ที่ผับคืนนั้นนั่นแหละ ก็เลยทำท่าง้อฉันด้วยการจะหนีบฉันพาไปเที่ยวทะเลด้วย
"เอ้านี่พวกพี่ทานข้าวกันเสร็จแล้วเหรอคะ"
"อื้ม พี่กินเสร็จแล้ว พวกตาลเพิ่งเรียนเสร็จเหรอ" พี่พีชถามฉัน แต่ดีเลยถามเข้าเรื่องแบบนี้ ฉันจะได้เอาเรื่องเมื่อเช้ามาฟ้องด้วยซะเลย แกล้งฉันดีนัก
"ใช่ค่ะ เพิ่งเรียนเสร็จ แต่วันนี้โคตรเซ็งอะ ตาลเรียนวิชาเสรี แต่วิชานั้นดันมีกลุ่มของพี่นักรบเข้าไปเรียนด้วย ไม่ชอบเลย"
"ไม่ชอบแล้วทำไมไม่ออกไปจากห้องอะ ทนนั่งเรียนทำไม" ทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มห้วนๆ ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ฉันก็หันขวับมองหาทันที ก่อนจะเห็นกลุ่มของพี่ชายฉันกำลังเดินใกล้เข้ามาพอดี
แต่จังหวะที่ฉันกำลังกลอกตามองบนด้วยความเบื่อหน่ายพี่ชายตัวเอง ฉันก็เหลือบไปเห็นกลุ่มด้านหลังของพี่ชายฉันเลี้ยวไปทางร้านข้าวเป็นกลุ่มของพี่ไทเกอร์พอดี ซึ่งจังหวะที่เขาจะเลี้ยวไปทางร้านข้าว เขาได้หันมาสบตากับฉันด้วย ก่อนที่เขาจะพยักหน้าส่งสัญญาณไปทางร้านข้าว ประมาณว่ามาเจอกันตรงนี้นะ รู้อย่างนั้นแล้วฉันก็เลยเรียกสายตากลับไปมองพี่ชายตัวเองอีกครั้งซึ่งกำลังเดินจะถึงโต๊ะที่ฉันนั่งแล้ว ด้วยความอยากแกล้งกลับฉันก็เลยหันไปกอดแขนพี่พีชพร้อมซบไหล่แล้วพูดด้วยความไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ว่า...
"ตาลเบื่อพี่ชายตัวเองอะพี่พีช"
ฟึบ!
"เบื่อหน้าพี่ก็ไม่ต้องมาเกาะแกะเมียพี่ หลีกไป" แต่ไอ้พี่บ้ามันเดินมาถึงและได้ยินที่ฉันพูดพอดีก็เลยดันหัวของฉันออกจากไหล่พี่พีช ไม่พอแค่นั้นไอ้พี่บ้ามันยังแกะมือของฉันออกจากแขนพี่พีชด้วย ก่อนที่มันจะยกเท้าขึ้นมานั่งแทรกกลางระหว่างฉันกับเมียตัวเอง
เหอะ เล่นแบบนี้กับฉัน ฉันก็ปรี๊ดแตกเลยสิคะ
"พี่อย่าเสียมารยาทแบบนี้ได้ไหมพี่รบ ตาลนั่งข้างพี่พีชก่อนพี่อีกนะ"
"แล้วไง ก็นี่เมียพี่"
"เหอะ" ใช่สิ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยถนอมน้ำใจน้องสาวอย่างฉันแล้วนี่ และเพราะฉันเถียงไม่ออกสุดท้ายฉันเลยเงียบแทน แต่อย่าคิดว่าที่เห็นฉันเงียบแบบนี้เพราะหมดหนทางสู้นะ ความจริงแล้วฉันกำลังงัดไม้เด็ดอยู่ต่างหากล่ะ
"พี่พีช ตอนเย็นพวกพี่รอตาลกับยัยแพรด้วยนะ ที่เราคุยกันว่าจะไปซื้อชุดบิกินีกันอะ"
"บิกินี?" เป็นไงล่ะ เลิกคิ้วสูงเป็นดอยอินทนนท์เลยดิ ไม่รู้แหละฉันขอไปซื้อข้าวก่อนละกันนะที่เหลือจัดการกันเองละกัน เพราะเดี๋ยวผู้ชายของฉันเขารอนาน
"แพร เราไปซื้อข้าวกันเถอะ"
"อืม"
หลังจากที่ฉันปล่อยระเบิดเสร็จแล้วฉันก็รีบชวนยัยแพรวาเผ่นแน่บไปทางร้านข้าวทันที แต่พอเดินมาถึงร้านข้าวฉันกลับมองไม่เห็นคนที่บอกให้ฉันมาทางนี้เลย
นี่เขาหายไปไหนแล้วเนี่ย!
"แพร แกไปสั่งข้าวก่อนนะ เดี๋ยวฉันขอไปซื้อน้ำก่อน"
"อืม" หลังจากที่ยัยแพรตอบอืมกลับมา มันก็เดินไปทางร้านข้าวทันที ส่วนฉันที่ไม่เห็นคนที่สั่งให้ฉันมาทางนี้ก็เลยหมุนตัวเตรียมจะเดินไปทางร้านน้ำแทน
ทว่า...
ตุบ!
ฉันดันชนใครเข้าไม่รู้ แล้วประเด็นคือ จมูกกับปากของฉันดันจุ๊บตรงกลางหน้าอกของเขาเข้าเต็มๆ เลย
"แต๊ะอั๋งอีกแล้วนะ เมื่อเช้าจุ๊บปาก กลางวันจุ๊บอก ตอนเย็นจุ๊บอะไรดี" ประโยคตอนต้นยังยืนพูดปกติ แต่พอประโยคสุดท้ายเขาดันโน้มตัวลงมาพูดเบาๆ ข้างหูฉันแทนนี่สิ
และใช่ค่ะ คนที่ฉันชนเมื่อกี้ก็คือเขาอีกนั่นแหละ...พี่ไทเกอร์
สองชั่วโมงผ่านไป...Tiger part...หลังจากที่ผมนอนพักเอาแรงจากการเสียแรงไปกับเรื่องก่อนหน้านี้ ผมก็ลุกออกจากเตียงของน้ำตาลยืนบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยออกจากร่างกาย ก่อนที่จะหันไปดูเจ้าของเตียงที่กำลังนอนตะแคงไปอีกฝั่งหลับไม่รู้เรื่องราวด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มบางๆผมไม่รู้ว่าหลังจากตื่นมาแล้วน้ำตาลจะเป็นยังไง เธอจะโกรธผมไหมที่ทำให้เนินอกของเธอเป็นรอยหลายจุด เธอจะโกรธผมไหมที่บางจังหวะผมก็เผลอรุนแรงกับเธอทั้งๆ ที่บอกไปว่าจะทะนุถนอมเธอและสาเหตุที่ผมเผลอรุนแรงผมก็ขอสารภาพว่า เธอน่ากินมากและร่างกายของเธอก็ยั่วยวนผมไปทุกส่วน ไม่พอแค่นั้นไหนจะกลิ่นกายที่หอมรัญจวนใจผมซะเหลือเกิน ผิวขาวหิมะที่นุ่มมืออย่างกับผิวเด็กแรกเกิด ใบหน้าสะสวยที่ผมมองกี่ครั้งก็แทบจะตบะแตกอยากกระแทกแรงๆ ทุกครั้งคือน้ำตาลเธอไม่รู้ตัวไงว่าบางมุมของตัวเองมันเซ็กซี่ขยี้ใจผมแค่ไหน ผมที่ไม่อยากผิดคำพูดก็เลยได้แต่อดใจไว้ไม่อยากปล่อยธาตุแท้ออกไปมากจนเกินไป คือผมไม่ได้เลวนะ แต่เข้าใจไหมว่าเวลาที่ผู้ชายอยู่บนเตียง มันจะมีมุมหนึ่งที่เป็นด้านมืดของตัวเองแล้วอีกเรื่องที่ผมอดยิ้มไม่ได้คือตอนที่ผมผ่านเยื่อบางๆ แล้วมีของเหลวสีแดงสดไหลออกมา
"เธอรู้ไหมว่าเมื่อวานเธอทำให้พี่โกรธมากแค่ไหนที่เห็นเธอลงรูปแบบนั้น"หลังจากที่พี่ไทเกอร์ถอนริมฝีปากออกแล้วสบตากับฉัน เขาก็พูดถึงเรื่องเมื่อวานทันที ซึ่งทันทีที่ฉันได้ยินเรื่องเมื่อวานดังออกมาจากริมฝีปากที่เพิ่งบดจูบริมฝีปากของฉันไปเมื่อกี้นี้และยังไม่หายรู้สึกเห่อร้อน จู่ๆ หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นจากเดิมเล็กน้อย ขณะที่สมองก็นึกถึงเรื่องที่ได้คุยกับแพรวาเมื่อวานไปด้วย...เตรียมขาสั่น...ใช่ ตอนนี้สมองของฉันมันนึกถึงแต่ประโยคนี้ประโยคเดียวจริงๆ นี่ฉันกำลังจะโดนทำโทษแล้วใช่ไหม ก่อนหน้านี้ที่เขาจูบฉัน ฉันยังรู้สึกว่าเขาโหยหาฉันอยู่เลย แบบว่าเขาทั้งกอดทั้งจูบฉันแบบดูดดื่มขนาดนั้น แต่ตอนนี้เขากำลังจะลงโทษฉันแล้วใช่ไหม?"ตาลขอโทษที่ทำให้พี่โกรธ""หึ" ทันทีที่ฉันพูดว่าขอโทษด้วยสีหน้ารู้สึกผิดออกไป คนที่กำลังคร่อมร่างกายของฉันก็ขำออกมา ก่อนที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองแล้วเสมองทางอื่นแทน เขาแสดงออกแบบนี้หมายความว่ายังไง?เขาโกรธฉันมากถึงขั้นไม่อยากมองหน้าเลยเหรอหมับ!"พี่กำลังโกรธ?" ฉันจับใบหน้าหล่อเหลาของพี่ไทเกอร์ให้หันมาสบตากับฉัน จ้องตาของเขาแววตาเศร้า คือฉันก็ไม่คิดว่าการลงรูปแค่นั้นมัน
Namtan part…“เป็นอะไรของแกว่ะตาล ทำหน้างงเหมือนโดนใครตัดสายไปดื้อๆ อะ”หลังจากที่พี่ไทเกอร์โทรหาฉันเรื่องรูปอะไรสักอย่างกับฉัน แล้วตัดสายไปดื้อๆ โดยที่ก่อนจะตัดสายเขาได้คาดโทษบางอย่างเสียงติดเข้มมากด้วยเหมือนกำลังข่มอารมณ์โกรธอะ ยัยแพรวาที่เดินไปหยิบน้ำโค้กในถังน้ำแข็งก็เดินกลับมาพร้อมกับเอ่ยถามฉันสีหน้าสงสัยคือตอนนี้พวกเรากำลังปาร์ตี้กันที่สระว่ายน้ำ ฉันที่ไม่มีคู่กับใครเขาก็เลยแอบมานั่งดื่มน้ำผลไม้ชิวๆ อยู่คนเดียวตรงมุมสระ ส่วนแพรวาที่ยังงอนเฮียไคไม่เลิกก็เลยมานั่งอยู่กับฉันด้วยแต่เรื่องที่พี่ไทเกอร์โทรมาเมื่อกี้นี้สิ มันหมายความว่าไงอะ?"คือว่าเมื่อกี้พี่ไทเกอร์เขาโทรหาฉัน แล้วถามว่าฉันลงรูปอะไรไว้ในไอจี ฉันก็งงๆ อยู่ก็เลยถามเขาว่ารูปอะไร แต่เขากลับตอบมาว่ากลับไปพรุ่งนี้เตรียมโดนบทลงโทษได้เลย แบบนี้อะ มันหมายความว่าไงวะแพร"ฉันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ให้แพรวาฟังโดยที่บนสีหน้าของฉันตอนนี้มันก็มีแต่ความงงงวยและสงสัยเต็มไปหมด จนยัยแพรวาที่เห็นสีหน้าของฉันต้องวางกระป๋องน้ำโค้กในมือลงแล้วแบมือขอโทรศัพท์กับฉันแทน"ฉันขอดูโทรศัพท์แกหน่อย""โทรศัพท์เหรอ?" ฉันเลิกคิ้วถาม"อื้ม
"ไปเที่ยวพรุ่งนี้ ห้ามยิ้มให้ใครนะ" หลังจากที่พี่ไทเกอร์ถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากของฉันแล้ว จู่ๆ เขาก็พูดสั่งห้ามไม่ให้ฉันยิ้มให้ใคร ตอนแรกฉันก็เลิกคิ้วขึ้นไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อยว่าทำไมต้องสั่งไม่ให้ฉันยิ้มให้ใครด้วย แต่พอสายตาของฉันปะทะเข้ากับสีหน้าบึ้งตึงเบาๆ ปนความงอแงของเขาที่แสดงออกให้ฉันเห็นตอนนี้เท่านั้นแหละ ฉันก็ถึงกับกลั้นยิ้มขำทันทีและลืมประโยคก่อนหน้านี้ที่เขาพูดแล้วด้วยหึ ให้ตายเถอะตัวโตเท่าตู้เย็นแต่กลับทำหน้างอแงเป็นเด็กสองขวบไปได้ "ขำอะไร" พี่ไทเกอร์คงจะเห็นว่าฉันกำลังกลั้นขำเขา ก็เลยขมวดคิ้วเข้มถามฉัน"หึ ขำพี่ไง ทำไมต้องทำหน้างอแงแบบนั้นด้วย""เหอะ ขำเหรอ ดีดหน้าผากสักทีดีไหม" เสียงทุ้มเค้นเสียงในลำคอเบาๆ ก่อนจะใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มทำหน้าเข้มใส่ฉันที่แอบขำเขาเมื่อกี้ แถมยังทำท่าจะดีดหน้าผากของฉันด้วยก่อนจะยืนเท้าเอวข้างหนึ่งยันโต๊ะข้างหนึ่งแล้วทำหน้าบึ้งตึงเสมองทางอื่นต่อ ฉันที่เห็นเขาทำหน้าแบบนั้น ก็เลยใช้มือตัวเองจับบริเวณมุมปากทั้งสองข้างของเขาหันหน้ามาหาตัวเอง จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงมุมปากของพี่ไทเกอร์ออกเป็นรอยยิ้มแทน ก่อนที่จะเอียงคอยิ้มตามด้วยอีกคน"เห็นไหมเวลาพี่
หลายนาทีผ่านไป...หลังจากที่ฉันยืนรอพี่ไทเกอร์พูดคุยกับสตาฟที่ดูแลเรื่องรถที่เขาได้ดูก่อนหน้านี้เสร็จ เราสองคนก็เดินทางกลับคอนโดกันต่อ แต่ระหว่างทางกลับคอนโด เขาก็ถามฉันว่าต้องการแวะที่ไหนไหม ฉันเห็นร้านข้าวต้มข้างทางแล้วจู่ๆ ท้องก็ร้องขึ้นมา ก็เลยบอกให้พี่ไทเกอร์แวะกินข้าวต้มก่อนกลับตอนนี้เราสองคนก็เลยนั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกที่ทางร้านกางโต๊ะไว้บนฟุตบาท โดยบนโต๊ะมีข้าวต้มร้อนๆ หอมฉุยสองถ้วยวางตรงหน้าเราสองคน ถามว่าที่ผ่านมาฉันเคยนั่งกินอะไรแบบนี้กับใครไหม ตอบเลยว่าไม่เคยเลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกของฉันที่ได้กินข้าวต้มอร่อยๆ ข้างทาง และเป็นครั้งแรกที่ได้กินกับคนที่เพิ่งตกลงกันว่าเราจะเป็นแฟนกัน "อร่อยไหม" ฉันถามพี่ไทเกอร์ที่นั่งกินข้าวต้มอยู่ตรงหน้าฉัน เขาดูเป็นคนที่ไม่ซับซ้อนอย่างที่เขาบอกว่าไม่ชอบอะไรที่มันซับซ้อน เพราะเขาเป็นคนที่ง่ายๆ มาก ฉันบอกอะไรไปเขาก็พร้อมซัพพอร์ตทันที ไม่มีถามไม่มีสงสัยว่าร้านมันจะโอเคไหม สะอาดไหม ถ้าฉันกินเขาก็ไม่เกี่ยง ตรงไหนก็ได้ขอแค่ฉันอยากกินก็พอ เราก็เลยได้นั่งกินข้าวต้มร้านนี้ไง"เกินคำว่าอร่อยเลย""ดีใจจังที่พี่ไม่รังเกียจร้านแบบนี้""จะรังเกียจท
ไม่ทันและไม่ปล่อยโอกาสให้ฉันได้พูดหรือได้ทักท้วงอะไรประโยคก่อนหน้านี้ที่เขาพูดออกมา ก็เล่นดึงฉันให้เดินตามลงไปที่ลานจอดรถกับเขาซะแล้ว สิ่งที่ทันในตอนนี้ก็มีอยู่อย่างเดียวคือฉันใจเต้นแรงกับประโยคแบบนั้นของเขาอีกแล้ว และมันก็ทวีความเต้นแรงขึ้นกว่าตอนที่อยู่ในร้านไอติมอีกด้วย รอบนี้มันรุนแรงกับหัวใจของฉันมากเพราะเขาพูดว่า 'เลี้ยงแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งควรทำกับแฟนตัวเองไง'ใช่ มันมีคำว่าแฟนโผล่ออกมาอีกแล้ว ก่อนหน้านี้เขาพูดคำว่าแฟนบ่อยมาก บ่อยจนฉันเริ่มสับสนแล้วว่าตกลงตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วเหรอ?"นั่งคิดอะไรอยู่หรือเปล่า นั่งเงียบเชียว"หลังจากที่เราสองคนนั่งรถออกมาจากห้างสรรพสินค้าได้สักพักและรถก็แล่นอยู่บนถนนใหญ่มุ่งหน้าออกนอกเมืองเล็กน้อย พี่ไทเกอร์ที่กำลังขับรถอยู่ก็เอ่ยพูดกับฉัน ทำให้ฉันที่อยู่กับความคิดของตัวเองก่อนหน้าชะงักชั่วขณะก่อนที่จะหันไปมองเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลาของเขาในเวลาต่อมาฉันจะถามเขาดีไหมนะ ฉันจะพูดเรื่องที่เขาทำให้ฉันสงสัยและคิดมากก่อนหน้านี้ดีไหมนะคือฉันเองก็ไม่ได้ไร้เดียงสาอะไรขนาดนั้นที่จะต้องทำเป็นเฉยไม่รู้สึกอะไรกับการกระทำแบบนั้นของเขาและคำพูดชวนคิดชวนใจเต้นแรงบ่อ







