แชร์

บทที่ 8 "เราสองสามคน"

ผู้เขียน: Duck.bell
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-28 15:23:54

Namtan part

10.00น.

"เพอร์ ตอนเที่ยงไปกินข้าวด้วยกันไหม หรือว่าแกจะไปเดทกับพ่อหนุ่มที่คุยอยู่" 

หลังจากที่เรียนวิชาหลักของครึ่งเช้าเสร็จ พวกฉันสามคนก็เดินลงมาจากตึกของคณะเพื่อเดินไปเรียนวิชาเสรีที่อีกตึกหนึ่ง แต่วิชาต่อไปนี้เพอร์ลี่เพื่อนของฉันอีกคนเธอไม่ได้ลงเรียนด้วยกันมีแค่ฉันกับแพรวาเท่านั้นที่ลงเรียนด้วยกัน ก็เลยต้องถามยัยเพอร์ว่าตอนเที่ยงจะไปกินข้าวด้วยกันไหม ฉันกับแพรวาจะได้รอ

"พวกแกไปกินกันได้เลย พอดีฉันนัดพ่อหนุ่มสุดหล่อไว้แล้วอะ" นั่นไง ฉันว่าแล้วเชียวว่ามันต้องแอบนัดคนที่กำลังคุยอยู่ไว้แล้วแหงๆ

"อืมๆ งั้นก็แยกกันตรงนี้เลยนะ จะได้เวลาเรียนต่อแล้วอะ ปะแพร" บอกยัยเพอร์เสร็จ มันก็พยักหน้ารับรู้ไว้ ฉันก็เลยหันไปดึงข้อมือยัยแพรวาออกจากตึกคณะแล้วรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปทางตึกที่จะใช้เรียนในอีกห้านาทีทันที

เฮ้อ เวลาเดี๋ยวนี้มันก็ช่างเดินเร็วจริงๆ เมื่อกี้ฉันยังเห็นว่ายังพอมีเวลาอยู่เลยแต่ตัดภาพมาที่ตอนนี้สิ กลายเป็นว่าพวกฉันต้องวิ่งเร็วๆ แข่งกับเวลาซะงั้น ฉันเคยคิดว่าห้านาทีมันยังพอทันนะแต่ตอนนี้คือไม่ใช่แล้วอะ มันจะไม่ทันอยู่แล้วแม่เอ้ย!

"แพร! แกวิ่งเร็วๆ หน่อยเดี๋ยวไม่ทันลิฟต์นะ" หลังจากที่วิ่งเข้ามาในตึกที่เป็นสถานที่เรียนวิชาเสรีแล้ว ฉันก็เห็นแวบๆ ว่ากำลังมีคนกำลังทยอยเดินเข้าลิฟต์ไปพอดี ก็เลยรีบหันไปบอกให้ยัยแพรวารีบสปี๊ดเท้าให้ไวขึ้นจะได้ทันลิฟต์ตัวนี้ไปเลย

"เดี๋ยวค่ะ! ขอไปด้วยค่ะ!" ฉันเห็นว่าประตูลิฟต์กำลังจะปิดก็เลยตะโกนนำไปก่อน โชคดีที่คนด้านในลิฟต์ได้ยินเสียงของฉันเขาเลยรีบกดเปิดประตูลิฟต์ให้ฉันอีกครั้ง 

ฉันกับแพรวาที่วิ่งมาถึงหน้าลิฟต์พอดีได้แต่ยืนก้มหน้าชันเข่าหอบแฮกๆ อยู่หน้าลิฟต์อย่างเหนื่อยหอบ ให้ตายเถอะ เหนื่อย เหนื่อยมาก เหนื่อยเป็นบ้าเลย

"จะขึ้นไหมลิฟต์อะ ยืนหอบเป็นหมาอยู่นั่น" เสียงนี้ เดี๋ยวนะเสียงนี้มันคุ้นๆ อยู่นะ แถมปากเสียแบบนี้อีก ไม่ใช่ว่า...

ฟึบ!

นั่นไง ฉันว่าแล้วเชียว...ทันทีที่ฉันเงยหน้าขึ้นมองคนที่พูดเมื่อกี้ ก็เจอกับไอ้พี่ชายหมาบ้าของฉันที่กำลังยืนล้วงมือในกระเป๋ากางเกงมองหน้าฉันด้วยสายตาเบื่อโลกพอดี ฉันที่เห็นว่าเป็นพี่ชายตัวเองก็เลยเตรียมที่จะแยกเขี้ยวใส่ที่มาว่าฉันหอบเป็นหมา แต่ยังไม่ทันได้ว่าสายตาของฉันก็ดันเหลือบไปเห็นคนตัวสูงไล่เลี่ยกับพี่ชายของฉันอีกคนที่ยืนกดปุ่มเปิดประตูลิฟต์ค้างไว้อยู่ข้างๆ พอดี

เท่านั้นแหละ ฉันรีบหลบสายตาของเขาพร้อมกับยกมือบังหน้าตัวเองทันที ใช่ค่ะ เขาคือคนที่บอกว่าจะจีบฉันเมื่อเช้า คนที่ทำให้ฉันหัวใจของฉันเต้นแรงและหน้าแดงจนยัยเพอร์ลี่มันจับพิรุธได้ 

บ้าเอ้ยแล้วนี่เขามาอยู่ในลิฟต์ตัวเดียวกันกับพี่ชายของฉันได้ไงเนี่ย

"ตกลงจะขึ้นไปไหม" พี่ชายของฉันถามเสียงเข้มอีกครั้ง ฉันที่รำคาญไอ้พี่บ้าตรงหน้าก็เลยตวัดสายตามองค้อนใส่กลับไปก่อนจะตอบเสียงตะกุกตะกักในเวลาต่อมา "ขะขึ้นสิ ไปแพร" จากนั้นก็ก้าวขาเข้าไปในลิฟต์ โดยที่ตัวฉันยืนอยู่ตรงกลางระหว่างผู้ชายตัวสูงสองคนอย่างพี่ชายของฉันกับเขาที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ ฉัน ส่วนยัยแพรหลังจากที่เข้ามาในลิฟต์แล้วมันก็ถูกเฮียไคดึงไปยืนอยู่ด้านหลังด้วยกัน

และใช่ค่ะ ในลิฟต์ตอนนี้มันไม่ใช่มีแค่พี่ชายของฉันกับเขา แต่มันมีเฮียตินเฮียไคเฮียพระพายอยู่ด้วยรวมถึงเพื่อนๆ ของเขาที่ฉันยังไม่รู้จักอีสามคนอยู่ด้วย สรุปก็คือในลิฟต์ตอนนี้มีหนุ่มหล่อ (ทุกคน) วิศวะช็อปแดงอยู่ในนี้ทั้งหมดแปดคนกับสาวสวยจากคณะแพทย์อย่างฉันกับแพรวาสองคน

เป็นบุญวาสนาของฉันจริงๆ ที่ลิฟต์เปิดออกแล้วได้เดินออกไปเฉิดฉายพร้อมกับหนุ่มหล่อแบบนี้ เชื่อสิใครเห็นก็ต้องอิจฉากันแน่นอน เพราะที่อยู่ในลิฟต์ตอนนี้เรียกว่าระดับลูกรักพระเจ้าได้เลยนะ

โดยเฉพาะคนที่ยืนอยู่ฝั่งขวามือของฉันตอนนี้ เขาหล่อมาก เขาสูงมากและเขาตัวหอมมากด้วย และแน่นอนว่ายืนอยู่ใกล้กันขนาดนี้ฉันก็แอบแหงนหน้าขึ้นแอบมองเขาอยู่เหมือนกัน แต่จังหวะที่ฉันแหงนหน้ามองเขาดันเป็นจังหวะที่เขาก็หลุบตามองฉันเหมือนกันเราสองคนก็เลยเผลอสบตาเข้ากันพอดี...

ติ๊ง!

แต่ว่า...

"ออกมาได้แล้ว ยืนบื้ออะไรอีก" โอ้ย ไอ้พี่บ้านี้มารขัดความสุขของฉันจริงๆ เลย

และใช่ค่ะ ประตูลิฟต์เปิดออกถึงชั้นที่เป็นสถานที่เรียนพอดี แต่ฉันที่โดนไอ้พี่นักรบมันพูดใส่แบบนั้นก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ก็เลยตวัดสายตามองค้อนใส่ไปอีกครั้งพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่กลับไปด้วย ก่อนที่จะเดินปึงปังออกจากลิฟต์แต่ด้วยความที่สมองมันฉุกคิดได้และเห็นว่าพี่ชายตัวเองเดินนำเข้าไปในห้องเรียนแล้ว ซึ่งห้องนั้นมันเป็นห้องที่ฉันต้องเขาไปเรียนเหมือนกัน ฉันก็แทบอยากจะวิ่งไปดึงคอเสื้อพี่ชายตัวเองออกมา!

"ให้ตายเถอะเรียนตึกเดียวกันแล้วยังโชคร้ายต้องมานั่งเรียนในห้องเดียวกันอีกเหรอเนี่ย! โอ้ย!" 

"คุณเรียนห้องไหน" 

ขวับ!

หลังจากที่ยืนเท้าเอวบ่นพึมพำสีหน้าเครียดเพราะพี่ชายตัวดีอยู่คนเดียว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงทุ้มดังขึ้นอยู่ข้างๆ ฉันก็เลยหันขวับมองขึ้นไปทันที ซึ่งคนที่ถามฉันเมื่อกี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาก็คือคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันในลิฟต์เมื่อกี้นั่นแหละ และตอนนี้ที่ตรงนี้มันดันเหลือแค่เราสองคนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ทยอยเดินนำเข้าห้องเรียนกันไปหมดแล้ว รวมถึงยัยแพรวาที่เดินไปด้วยกันกับเฮียไคด้วย

ตรงนี้ก็เลยเหลือแค่ฉันกับเขาสองคน

"เอ่อ...ฉันเรียนห้องหนึ่งศูนย์สองแปดอะ คุณละ"

"ผมก็เรียนห้องนั้นเหมือนกัน" พอได้ยินเขาบอกว่าเรียนห้องนั้นเหมือนกัน หัวใจของฉันก็เริ่มเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง ฉันคงกำลังจะเป็นบ้าแน่ๆ ที่จู่ๆ ก็รู้สึกเขินแบบนี้ แต่เขินได้ไม่นานหรอกฉันก็เห็นอาจารย์เดินผ่านพวกเราสองคนกำลังจะเข้าห้องเรียนที่เราสองคนต้องเข้าไปนั่งเรียนพอดี ผีบ้าตัวกล้าในร่างกายของฉันก็เลยกำเริบออกมาฉุดข้อมือหนาของคนข้างๆ ลากไปทางห้องเรียนทันที 

ซึ่งตอนนี้อาจารย์ผู้สอนเข้าไปยืนอยู่หน้าชั้นเรียนแล้ว ฉันกับคนตัวสูงที่ตามมาทีหลังจึงค่อยๆ ย่องเข้าไปแทน แต่ให้ตายเถอะ ในห้องตอนนี้เก้าอี้เรียนเต็มทุกตัวเลย ยกเว้นไอ้ตรงแถวที่พี่ชายของฉันนั่งอยู่ ซึ่งตรงนั้นว่างอยู่สองตัวพอดี

แต่ประเด็นคือ ถ้าเดินไปนั่งตรงนั้นภาพที่จะเห็นต่อไปนี้ก็คือ ฉันนั่งกลางขนาบข้างซ้ายขวาด้วยพี่ชายตัวเองกับคนที่ฉันจับมือตอนนี้นี่แหละ เฮ้อ~ ฉันไม่อยากนั่งเรียนข้างพี่ชายตัวเองเลย เพราะน่าจะไม่ได้เรียนอย่างสงบสุขแน่ๆ

"เหลือว่างสองตัวอยู่ตรงนั้น รีบเดินไปเถอะ อาจารย์จะสอนแล้ว" คนที่ฉันยังจับมือเขาอยู่พยักพเยิดหน้าบอกฉันไปทางเก้าอี้ตัวที่ว่างข้างๆ พี่ชายของฉันท่าทางชิวๆ ว่ายังว่างอยู่ในขณะที่ฉันกำลังเครียดจะตายกับเหตุการณ์ในหัวอีกสามนาทีข้างหน้าถ้าเดินไปนั่งอยู่ตรงนั้น

แต่ให้ตายเถอะ สุดท้ายฉันก็เลือกอะไรไม่ได้เพราะมันไม่มีที่ให้นั่งแล้ว ก็เลยต้องจำใจเดินไปนั่งข้างพี่นักรบในที่สุด โดยที่ไม่ลืมปล่อยมือคนที่ฉันจับไว้เมื่อกี้ให้เป็นอิสระ

ฟุบ!

"ทีหลังเข้ามาก่อนอาจารย์ไม่ใช่อาจารย์เข้ามาก่อนตัวเอง" เห็นไหมแค่ฉันหย่อนก้นสวยๆ นั่งลงบนเก้าอี้เสียงนกเสียงกาแถวนี้มันก็เปล่งเสียงอันน่ารำคาญออกมาทันที ก่อนที่จะตวัดมองเลยไปถึงคนที่กำลังจะนั่งข้างๆ ฉันตานิ่ง

"เจอกันอีกแล้วนะ"

"อืม"

"มึงเรียนเอกอะไร"

"โยธา"

สิ้นสุดคำว่าโยธาจากรุ่นพี่ไทเกอร์ที่นั่งข้างๆ ฉัน ทุกอย่างก็เข้าสู้สภาวะเงียบ และฉันก็เพิ่งรู้ว่าวันนี้พี่ชายของฉันเจอคนข้างๆ มาแล้วและอีกหนึ่งข้อคือ ฉันเพิ่งรู้ว่าเขาเรียนเอกโยธา...

แต่ใดๆ เลยนะ ฉันสงสัยมากว่าสองคนนี้ไปเจอกันได้ยังไง แล้วตอนที่เจอกันคุยอะไรกันไปแล้วบ้าง โอ้ยเครียดโว้ย!

"เปิดชีทเรียนได้แล้ว"

"รู้แล้วค่ะ กำลังเปิดอยู่พี่ไม่เห็นหรือไง" ฉันตอบพี่ชายตัวเองไปแค่นั้น หลังจากนั้นก็นั่งเงียบมองจอโปรเจคเตอร์ข้างหน้าแทนโดยที่เลือกจะไม่สนใจไอ้พี่ชายข้างๆ อีก

.

.

.

สิบห้านาทีผ่านไป...

ป๊อก!

"โอ๊ย! พี่รบ นี่พี่ดีดหน้าผากตาลทำไมเนี่ย"

"พ่อแม่ส่งมาเรียนไม่ใช่หรือไง แล้วหลับทำไม เมื่อคืนไม่ได้นอนหรือไง" 

"ตาลแค่พักสายตาเฉยๆ เถอะ ไม่ได้หลับลึกสักหน่อย"

ปึก!

"เผื่อหายง่วง" หลังจากที่ฉันกับพี่ชายนั่งเถียงกันหน้าบูดหน้าบึ้ง ไม่นานลูกอมก็ถูกวางไว้บนโต๊ะของฉัน ฉันก็เลยรีบมองหน้าคนที่ให้ทันทีก่อนที่จะสลับมองหน้าพี่ชายตัวเองที่กำลังมองคนที่แบ่งลูกอมให้กับฉันตานิ่ง แต่ในความแน่นิ่งของสายตาคู่นั้น ฉันกลับรู้สึกว่ากำลังถูกจับพิรุธบางอย่างอยู่

หรือว่าพี่ชายของฉันกำลังเคลือบแคลงใจว่าคนข้างๆ ฉันกำลังจีบฉันอยู่!

หมับ!

"อะเอ่อ พี่รบพี่หันไปมองหน้าอาจารย์นู้นไป" ทันทีที่ฉันคิดได้ดังนั้นฉันก็รีบใช้ฝ่ามือตัวเองปัดหน้าพี่ชายให้หันไปมองหน้าอาจารย์ผู้สอนทันที ก่อนที่จะนั่งเงียบๆ แอบระแวงพี่ชายตัวเองเล็กน้อย ส่วนพี่ชายของฉันที่โดนฝ่ามือของฉันปัดหน้าจอคอแทบเคล็ดเมื่อกี้ ก็เล่นมองฉันด้วยหางตาทันที แต่ฉันไม่สนหรอก ตอนนี้เวลานี้ฉันต้องรีบคุมสติที่กระวนกระวายใจของตัวเองสงบนิ่งไวๆ เพื่อไม่ให้พี่ชายตัวเองเห็นอาการเด็ดขาด 

และด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะจัดการอาการตัวเองยังไง ฉันก็เลยหยิบลูกอมบนโต๊ะแกะเข้าปากแทน จากนั้นก็นั่งเรียนเงียบๆ ไปจนถึงหมดคาบในที่สุด

ให้ตายเถอะนี่คงจะเป็นความเงียบที่ดังที่สุดในชีวิตของฉันแล้วมั้ง อยากจะบ้าตาย!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • Love Trick กลรักนายวิศวะตัวร้าย   บทที่ 17 "เมียตัวแสบ"

    สองชั่วโมงผ่านไป...Tiger part...หลังจากที่ผมนอนพักเอาแรงจากการเสียแรงไปกับเรื่องก่อนหน้านี้ ผมก็ลุกออกจากเตียงของน้ำตาลยืนบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยออกจากร่างกาย ก่อนที่จะหันไปดูเจ้าของเตียงที่กำลังนอนตะแคงไปอีกฝั่งหลับไม่รู้เรื่องราวด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มบางๆผมไม่รู้ว่าหลังจากตื่นมาแล้วน้ำตาลจะเป็นยังไง เธอจะโกรธผมไหมที่ทำให้เนินอกของเธอเป็นรอยหลายจุด เธอจะโกรธผมไหมที่บางจังหวะผมก็เผลอรุนแรงกับเธอทั้งๆ ที่บอกไปว่าจะทะนุถนอมเธอและสาเหตุที่ผมเผลอรุนแรงผมก็ขอสารภาพว่า เธอน่ากินมากและร่างกายของเธอก็ยั่วยวนผมไปทุกส่วน ไม่พอแค่นั้นไหนจะกลิ่นกายที่หอมรัญจวนใจผมซะเหลือเกิน ผิวขาวหิมะที่นุ่มมืออย่างกับผิวเด็กแรกเกิด ใบหน้าสะสวยที่ผมมองกี่ครั้งก็แทบจะตบะแตกอยากกระแทกแรงๆ ทุกครั้งคือน้ำตาลเธอไม่รู้ตัวไงว่าบางมุมของตัวเองมันเซ็กซี่ขยี้ใจผมแค่ไหน ผมที่ไม่อยากผิดคำพูดก็เลยได้แต่อดใจไว้ไม่อยากปล่อยธาตุแท้ออกไปมากจนเกินไป คือผมไม่ได้เลวนะ แต่เข้าใจไหมว่าเวลาที่ผู้ชายอยู่บนเตียง มันจะมีมุมหนึ่งที่เป็นด้านมืดของตัวเองแล้วอีกเรื่องที่ผมอดยิ้มไม่ได้คือตอนที่ผมผ่านเยื่อบางๆ แล้วมีของเหลวสีแดงสดไหลออกมา

  • Love Trick กลรักนายวิศวะตัวร้าย   บทที่ 16 "บทลงโทษของเด็กดื้อ"

    "เธอรู้ไหมว่าเมื่อวานเธอทำให้พี่โกรธมากแค่ไหนที่เห็นเธอลงรูปแบบนั้น"หลังจากที่พี่ไทเกอร์ถอนริมฝีปากออกแล้วสบตากับฉัน เขาก็พูดถึงเรื่องเมื่อวานทันที ซึ่งทันทีที่ฉันได้ยินเรื่องเมื่อวานดังออกมาจากริมฝีปากที่เพิ่งบดจูบริมฝีปากของฉันไปเมื่อกี้นี้และยังไม่หายรู้สึกเห่อร้อน จู่ๆ หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นจากเดิมเล็กน้อย ขณะที่สมองก็นึกถึงเรื่องที่ได้คุยกับแพรวาเมื่อวานไปด้วย...เตรียมขาสั่น...ใช่ ตอนนี้สมองของฉันมันนึกถึงแต่ประโยคนี้ประโยคเดียวจริงๆ นี่ฉันกำลังจะโดนทำโทษแล้วใช่ไหม ก่อนหน้านี้ที่เขาจูบฉัน ฉันยังรู้สึกว่าเขาโหยหาฉันอยู่เลย แบบว่าเขาทั้งกอดทั้งจูบฉันแบบดูดดื่มขนาดนั้น แต่ตอนนี้เขากำลังจะลงโทษฉันแล้วใช่ไหม?"ตาลขอโทษที่ทำให้พี่โกรธ""หึ" ทันทีที่ฉันพูดว่าขอโทษด้วยสีหน้ารู้สึกผิดออกไป คนที่กำลังคร่อมร่างกายของฉันก็ขำออกมา ก่อนที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองแล้วเสมองทางอื่นแทน เขาแสดงออกแบบนี้หมายความว่ายังไง?เขาโกรธฉันมากถึงขั้นไม่อยากมองหน้าเลยเหรอหมับ!"พี่กำลังโกรธ?" ฉันจับใบหน้าหล่อเหลาของพี่ไทเกอร์ให้หันมาสบตากับฉัน จ้องตาของเขาแววตาเศร้า คือฉันก็ไม่คิดว่าการลงรูปแค่นั้นมัน

  • Love Trick กลรักนายวิศวะตัวร้าย   บทที่ 15 "คิดถึง"

    Namtan part…“เป็นอะไรของแกว่ะตาล ทำหน้างงเหมือนโดนใครตัดสายไปดื้อๆ อะ”หลังจากที่พี่ไทเกอร์โทรหาฉันเรื่องรูปอะไรสักอย่างกับฉัน แล้วตัดสายไปดื้อๆ โดยที่ก่อนจะตัดสายเขาได้คาดโทษบางอย่างเสียงติดเข้มมากด้วยเหมือนกำลังข่มอารมณ์โกรธอะ ยัยแพรวาที่เดินไปหยิบน้ำโค้กในถังน้ำแข็งก็เดินกลับมาพร้อมกับเอ่ยถามฉันสีหน้าสงสัยคือตอนนี้พวกเรากำลังปาร์ตี้กันที่สระว่ายน้ำ ฉันที่ไม่มีคู่กับใครเขาก็เลยแอบมานั่งดื่มน้ำผลไม้ชิวๆ อยู่คนเดียวตรงมุมสระ ส่วนแพรวาที่ยังงอนเฮียไคไม่เลิกก็เลยมานั่งอยู่กับฉันด้วยแต่เรื่องที่พี่ไทเกอร์โทรมาเมื่อกี้นี้สิ มันหมายความว่าไงอะ?"คือว่าเมื่อกี้พี่ไทเกอร์เขาโทรหาฉัน แล้วถามว่าฉันลงรูปอะไรไว้ในไอจี ฉันก็งงๆ อยู่ก็เลยถามเขาว่ารูปอะไร แต่เขากลับตอบมาว่ากลับไปพรุ่งนี้เตรียมโดนบทลงโทษได้เลย แบบนี้อะ มันหมายความว่าไงวะแพร"ฉันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ให้แพรวาฟังโดยที่บนสีหน้าของฉันตอนนี้มันก็มีแต่ความงงงวยและสงสัยเต็มไปหมด จนยัยแพรวาที่เห็นสีหน้าของฉันต้องวางกระป๋องน้ำโค้กในมือลงแล้วแบมือขอโทรศัพท์กับฉันแทน"ฉันขอดูโทรศัพท์แกหน่อย""โทรศัพท์เหรอ?" ฉันเลิกคิ้วถาม"อื้ม

  • Love Trick กลรักนายวิศวะตัวร้าย   บทที่ 14 "รูปเที่ยวทะเลเป็นเหตุ"

    "ไปเที่ยวพรุ่งนี้ ห้ามยิ้มให้ใครนะ" หลังจากที่พี่ไทเกอร์ถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากของฉันแล้ว จู่ๆ เขาก็พูดสั่งห้ามไม่ให้ฉันยิ้มให้ใคร ตอนแรกฉันก็เลิกคิ้วขึ้นไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อยว่าทำไมต้องสั่งไม่ให้ฉันยิ้มให้ใครด้วย แต่พอสายตาของฉันปะทะเข้ากับสีหน้าบึ้งตึงเบาๆ ปนความงอแงของเขาที่แสดงออกให้ฉันเห็นตอนนี้เท่านั้นแหละ ฉันก็ถึงกับกลั้นยิ้มขำทันทีและลืมประโยคก่อนหน้านี้ที่เขาพูดแล้วด้วยหึ ให้ตายเถอะตัวโตเท่าตู้เย็นแต่กลับทำหน้างอแงเป็นเด็กสองขวบไปได้ "ขำอะไร" พี่ไทเกอร์คงจะเห็นว่าฉันกำลังกลั้นขำเขา ก็เลยขมวดคิ้วเข้มถามฉัน"หึ ขำพี่ไง ทำไมต้องทำหน้างอแงแบบนั้นด้วย""เหอะ ขำเหรอ ดีดหน้าผากสักทีดีไหม" เสียงทุ้มเค้นเสียงในลำคอเบาๆ ก่อนจะใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มทำหน้าเข้มใส่ฉันที่แอบขำเขาเมื่อกี้ แถมยังทำท่าจะดีดหน้าผากของฉันด้วยก่อนจะยืนเท้าเอวข้างหนึ่งยันโต๊ะข้างหนึ่งแล้วทำหน้าบึ้งตึงเสมองทางอื่นต่อ ฉันที่เห็นเขาทำหน้าแบบนั้น ก็เลยใช้มือตัวเองจับบริเวณมุมปากทั้งสองข้างของเขาหันหน้ามาหาตัวเอง จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงมุมปากของพี่ไทเกอร์ออกเป็นรอยยิ้มแทน ก่อนที่จะเอียงคอยิ้มตามด้วยอีกคน"เห็นไหมเวลาพี่

  • Love Trick กลรักนายวิศวะตัวร้าย   บทที่ 13 "ออดอ้อน"

    หลายนาทีผ่านไป...หลังจากที่ฉันยืนรอพี่ไทเกอร์พูดคุยกับสตาฟที่ดูแลเรื่องรถที่เขาได้ดูก่อนหน้านี้เสร็จ เราสองคนก็เดินทางกลับคอนโดกันต่อ แต่ระหว่างทางกลับคอนโด เขาก็ถามฉันว่าต้องการแวะที่ไหนไหม ฉันเห็นร้านข้าวต้มข้างทางแล้วจู่ๆ ท้องก็ร้องขึ้นมา ก็เลยบอกให้พี่ไทเกอร์แวะกินข้าวต้มก่อนกลับตอนนี้เราสองคนก็เลยนั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกที่ทางร้านกางโต๊ะไว้บนฟุตบาท โดยบนโต๊ะมีข้าวต้มร้อนๆ หอมฉุยสองถ้วยวางตรงหน้าเราสองคน ถามว่าที่ผ่านมาฉันเคยนั่งกินอะไรแบบนี้กับใครไหม ตอบเลยว่าไม่เคยเลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกของฉันที่ได้กินข้าวต้มอร่อยๆ ข้างทาง และเป็นครั้งแรกที่ได้กินกับคนที่เพิ่งตกลงกันว่าเราจะเป็นแฟนกัน "อร่อยไหม" ฉันถามพี่ไทเกอร์ที่นั่งกินข้าวต้มอยู่ตรงหน้าฉัน เขาดูเป็นคนที่ไม่ซับซ้อนอย่างที่เขาบอกว่าไม่ชอบอะไรที่มันซับซ้อน เพราะเขาเป็นคนที่ง่ายๆ มาก ฉันบอกอะไรไปเขาก็พร้อมซัพพอร์ตทันที ไม่มีถามไม่มีสงสัยว่าร้านมันจะโอเคไหม สะอาดไหม ถ้าฉันกินเขาก็ไม่เกี่ยง ตรงไหนก็ได้ขอแค่ฉันอยากกินก็พอ เราก็เลยได้นั่งกินข้าวต้มร้านนี้ไง"เกินคำว่าอร่อยเลย""ดีใจจังที่พี่ไม่รังเกียจร้านแบบนี้""จะรังเกียจท

  • Love Trick กลรักนายวิศวะตัวร้าย   บทที่ 12 "สถานะที่ชัดเจน"

    ไม่ทันและไม่ปล่อยโอกาสให้ฉันได้พูดหรือได้ทักท้วงอะไรประโยคก่อนหน้านี้ที่เขาพูดออกมา ก็เล่นดึงฉันให้เดินตามลงไปที่ลานจอดรถกับเขาซะแล้ว สิ่งที่ทันในตอนนี้ก็มีอยู่อย่างเดียวคือฉันใจเต้นแรงกับประโยคแบบนั้นของเขาอีกแล้ว และมันก็ทวีความเต้นแรงขึ้นกว่าตอนที่อยู่ในร้านไอติมอีกด้วย รอบนี้มันรุนแรงกับหัวใจของฉันมากเพราะเขาพูดว่า 'เลี้ยงแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งควรทำกับแฟนตัวเองไง'ใช่ มันมีคำว่าแฟนโผล่ออกมาอีกแล้ว ก่อนหน้านี้เขาพูดคำว่าแฟนบ่อยมาก บ่อยจนฉันเริ่มสับสนแล้วว่าตกลงตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วเหรอ?"นั่งคิดอะไรอยู่หรือเปล่า นั่งเงียบเชียว"หลังจากที่เราสองคนนั่งรถออกมาจากห้างสรรพสินค้าได้สักพักและรถก็แล่นอยู่บนถนนใหญ่มุ่งหน้าออกนอกเมืองเล็กน้อย พี่ไทเกอร์ที่กำลังขับรถอยู่ก็เอ่ยพูดกับฉัน ทำให้ฉันที่อยู่กับความคิดของตัวเองก่อนหน้าชะงักชั่วขณะก่อนที่จะหันไปมองเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลาของเขาในเวลาต่อมาฉันจะถามเขาดีไหมนะ ฉันจะพูดเรื่องที่เขาทำให้ฉันสงสัยและคิดมากก่อนหน้านี้ดีไหมนะคือฉันเองก็ไม่ได้ไร้เดียงสาอะไรขนาดนั้นที่จะต้องทำเป็นเฉยไม่รู้สึกอะไรกับการกระทำแบบนั้นของเขาและคำพูดชวนคิดชวนใจเต้นแรงบ่อ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status