LOGINTiger part...
ติ๊ง!
แทนไท : เป็นไง ได้คอนแทกต์เขาไหม
หลังจากที่ผมเปิดประตูเข้าห้องตัวเองได้ไม่นาน ไอ้แทนไทเพื่อนสนิทของผมก็ส่งข้อความเข้ามาถามว่าผมได้คอนแทกต์เขาไหม ทุกคนไม่ต้องสงสัยหรอกว่าคอนแทกต์เขาที่เพื่อนผมหมายถึงคือใคร ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงที่ผมฉุดกลับมาด้วยกันเมื่อกี้นี้
ใช่ครับน้ำตาล...ชื่อนี้ทำให้ผมแทบนอนไม่หลับมาหลายคืนเลยทีเดียว เพราะความโก๊ะของเธอที่เผลอบอกรักผมในลิฟต์เมื่อหลายวันก่อน และท่าทางที่ดูสดใสบวกกับหน้าตาสะสวยจนผมแทบจะละสายตาไม่ได้ในวันนั้น เธอสร้างความประหลาดใจแก่ผมมาก เพราะผู้ชายที่ไม่เคยคิดจะสนใจผู้หญิงแบบผม ไม่เคยคิดจะสนใจเรื่องความรักแบบผม ดันใจเต้นแรงกับเธอซะงั้น
เพราะแบบนั้นพอผมมีโอกาสได้พบเธออีกครั้งในคืนนี้ ผมก็เลยไม่อยากทิ้งโอกาสในการเข้าหาเธอ
ครับ ผมเห็นเธอตั้งแต่ตอนที่อยู่ในผับแล้ว ผมนั่งจ้องเธอจากมุมหนึ่งของห้องนั้น จนกระทั่งที่พวกเธอพากันออกไปจากผับ ผมจึงรีบบอกเพื่อนว่าขอกลับก่อน แต่ความจริงแล้ว ผมตั้งใจเดินตามน้ำตาลออกไป ไอ้แทนที่รู้ว่าผมโกหกและมันชอบจับสังเกตผมก็เลยทักมาอย่างที่เห็น
แต่ถามว่าผมได้คอนแทกต์อะไรจากน้ำตาลไหม ไม่ครับ ผมจะไม่จู่โจมแบบนั้น ผมจะไม่ทำเหมือนที่ผู้ชายหลายคนชอบทำ ไอ้ประเภทที่ว่าชอบเขาแล้วยื่นโทรศัพท์แลกช่องทางติดต่อกันอะ แบบนั้นมันโคตรเชยเลย
ไทเกอร์ : เป็นเสืออยากได้เหยื่อก็ต้องค่อยๆ ย่องสิวะ ตะครุบทีเดียวเดี๋ยวเหยื่อก็แตกตื่นหรอก
ผมนั่งลงบนโซฟากลางห้องโถงก่อนที่จะพิมพ์ข้อความยาวเหยียดแล้วกดส่งกลับไป ไม่ถึงหนึ่งวินาทีไอ้แทนไทมันก็พิมพ์ข้อความกลับมาเป็นหมายเลขห้าที่แปลว่ามันกำลังหัวเราะผม
แทนไท : 5555 ไอ้สัสเอ้ย มึงแม่งโคตรร้ายสมชื่อเลยว่ะ
แทนไท : แต่กูมีเรื่องจะบอกมึงว่ะ
ผมขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยหลังจากที่เพื่อนพิมพ์กลับมาว่ามีเรื่องจะบอกผม ปกติผมไม่ค่อยจะสนใจหรือกระตือรือร้นอะไรกับการพิมพ์ข้อความอะไรแบบนี้กับเพื่อนเท่าไหร่หรอก
เพราะนิสัยปกติของผมคือ ไม่ค่อยชอบเล่นโทรศัพท์ ไม่ค่อยตอบข้อความใคร และไม่คุยพร่ำเพรื่อไร้สาระแบบนี้กับใครด้วย ผมถึงได้โสดมาจนถึงทุกวันนี้ไง แต่คืนนี้มันพิเศษหน่อยเพราะเรื่องที่คุยกันเป็นเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อน้ำตาล และผมก็สังหรณ์ใจด้วยว่า ที่เพื่อนผมพิมพ์กลับมาแบบนั้นต้องเกี่ยวกับเธอแน่ๆ
ไทเกอร์ : อะไร
แทนไท : ผู้หญิงที่มึงชอบอะ กูได้ข่าวว่าพี่ชายโคตรหวงเลยเว้ย ไอ้นักรบเอกเครื่องกล มึงพอจะคุ้นชื่อนี้ไหม
หึ ผมก็นึกว่าเรื่องอะไร อันที่จริงผมรู้อยู่แล้วว่าน้ำตาลมีพี่ชายและพี่ชายของเธอเป็นใคร และที่ผมทำเป็นถามเธอในรถไปก่อนหน้านี้ ผมก็แค่หาเรื่องคุยกับเธอเฉยๆ สวยขนาดนั้นผมก็ต้องสืบอยู่แล้วว่าเธอเป็นใครมาจากไหน มีพี่น้องกี่คน
ไทเกอร์ : ไม่คุ้นได้ไง เฮดว้ากคณะเลยไม่ใช่เหรอวะมันอะ
ผมพิมพ์ตอบกลับไอ้แทนไททำเป็นไม่รู้เรื่องเท่าไหร่กลับไปแต่ความจริงแล้ว ผมรู้ยันชื่อพ่อแม่ของอีกฝ่ายแล้ว
แทนไท : อืม แถมยังเป็นเพื่อนสนิทญาติมึงอย่างไอ้พายด้วย แถมผับที่เราไปเมื่อกี้ก็เป็นของมันด้วย ร้านเหล้าหลังมอด้วยก็ของมันเหมือนกัน แม่งรวยจัดเลยว่ะ
ไทเกอร์ : แล้วกูไม่รวยตรงไหน กูดูแลน้องมันได้ละกัน
ไอ้ห่านี้ เพื่อนอย่างผมก็รวยไม่ได้ด้อยกว่าไอ้นักรบหรอกนะ จะเปย์เท่าไหร่ผมก็ทำได้ ถึงผมจะไม่ได้เปิดผับแต่ผมเป็นเจ้าของอู่รถในสนามแข่งของพ่อตัวเองเลยนะ กิจการเกี่ยวกับรถผมก็รวบมาในมือหมดอะ ง่ายๆ เลยก็คือ ผมก็รวยพอตัวสู้พี่ชายของน้ำตาลได้สบายๆ เลยละ
อีกอย่างคบกับผมไม่อดยากแน่นอน
แทนไท : 5555 เออๆ กูลืมไปว่ามึงแม่งก็โคตรของความรวย
ไทเกอร์ : ขอบใจที่อวยกู
แทนไท : สัส แต่ยังไงก็เถอะ มึงคิดจะจีบน้องไอ้นักรบอะ มันไม่ง่ายหรอกนะ จะไหวเหรอวะ
ไทเกอร์ : บอกรักกูขนาดนั้น กูล็อกมงให้เรียบร้อยจะไม่ไหวได้เหรอวะ
และเรื่องที่ทำให้ผมอยากรู้จักผู้หญิงที่ชื่อน้ำตาลมากขึ้นกว่าเดิม ก็เพราะเรื่องนี้แหละ เธอทำให้ผมสนใจเธอเพราะความโก๊ะแบบธรรมชาติของเธอ มันจะมีผู้หญิงสักกี่คนในโลกนี้ที่โก๊ะอย่างน้ำตาล ไม่รู้จักกันแต่มาบอกรักกันเฉย ทำใจผมสั่นเองก็ต้องรับผิดชอบตามการกระทำตัวเอง ผมไม่ปล่อยไว้หรอก
แทนไท : ไอ้เหี้ย มึงแม่งพวกฝังใจอะ เออๆ ยังไงก็สู้ๆ ในการต่อสู้กับพี่เขยจอมโหดของว่าที่เมียละกันนะมึง กูไปละ เมียเรียกไปนอนแล้วว่ะ
หลังจากที่ไอ้แทนไทมันส่งข้อความสุดท้ายจบ ผมก็โยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้าทันที ก่อนที่จะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินตรงไปที่ระเบียงห้อง เพื่อหยิบบุหรี่ออกมาสูบ โดยที่ยืนวางข้อศอกไว้บนขอบระเบียง จากนั้นก็หันหน้ากลับมาทางประตูบานเลื่อนแหงนหน้าขึ้นเพื่อปล่อยควันออกจากปากให้ลอยในอากาศไปอย่างชิวๆ
แต่จู่ๆ ...
แค่กๆ
ผมก็ได้ยินเสียงผู้หญิงไออยู่บนชั้นถัดจากห้องของผมดังขึ้น คิ้วของผมจึงขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย ก่อนที่จะขยับตัวยืดออกไปข้างนอกระเบียงเพื่อแหงนหน้าขึ้นไปดูข้างบนว่ามีคนอยู่บนนั้นจริงๆ หรือเปล่า แต่แม่งเอ้ยโคตรลำบากเลยเพราะระเบียงมันสูงใช้ได้เลย
แต่ด้วยความพยายามของผมที่มีเยอะมาก ในที่สุดผมก็ได้เห็นคนที่อยู่บนชั้นถัดจากผม ซึ่งทันทีที่ได้เห็นใบหน้าตอนที่เธอหันมาทางผมพอดีมันก็ทำให้ผมชะงักและนิ่งไปสักพัก เพราะคนที่กำลังปิดจมูกตัวเองตอนที่หันมาทางผมเมื่อกี้เธอคือ น้ำตาล ผู้หญิงที่ผมเพิ่งจากกันในลิฟต์เมื่อสามสิบนาทีที่แล้วนั่นเอง
ไอ้สัสเอ้ย ถ้าบอกว่าการที่ผมกับเธอบังเอิญอยู่ห้องชั้นตรงกันเป็นเรื่องของพรหมลิขิตที่ถูกกำหนดไว้แล้ว มันจะดูเข้าข้างตัวเองเกินไปไหมวะ
"คุณ! เป็นไรอะไรหรือเปล่า~" หลังจากที่เลิกชะงักได้แล้ว ผมก็ตะโกนถามคนข้างบนทันที และทันทีที่เธอได้ยินเสียงผม เธอก็ก้มหน้ามองลงมาที่ผมทันทีเหมือนกัน ก่อนที่เธอจะทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผียังไงอย่างงั้น
"คุณ!"
"ผมยังไม่ตายนะ คุณไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นก็ได้" ผมตะโกนขึ้นไปบอกเธอ เท่านั้นแหละ...
"เอ่อ...ขอโทษค่ะ ฉันแค่ตกใจอะ" หึ หน้าเหวอเลยวะ ผมแค่แหย่เล่นเฉยๆ แต่เธอหน้าเหวอจริงจังมาก แต่ก็หน้าเหวอได้ไม่ถึงหนึ่งวิเธอก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าหงอยในเวลาต่อมา แต่ทำหน้ายังไงสุดท้ายแล้วก็กลับมาน่ารักเหมือนเดิมเลยว่ะ
และเพราะทนเห็นเธอทำหน้าเศร้าหงอยไม่ได้ ผมเลยรีบเปลี่ยนเรื่องแทน
"ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่เมื่อกี้คุณไอเพราะควันบุหรี่ของผมหรือเปล่า" ผมถามออกไปค่อนข้างที่จะแหกปากใช้เสียงใช้ได้เลยและไอ้การแหงนคอคุยกันแบบนี้แหกปากแบบนี้ แม่งก็เมื่อยคอใช้ได้เลยครับ แถมคอตึงไปหมดเลยด้วย แต่อยากคุยอะ
"ใช่มั้งค่ะ"
"ขอโทษนะ ผมไม่รู้ว่ามีคุณอยู่"
"ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเชิญคุณสูบบุหรี่ต่อเลยค่ะ ฉันจะเข้านอนแล้ว" สิ้นสุดคำว่าจะเข้านอน น้ำตาลก็หายวับไปจากสายตาผมทันที ผมที่เห็นแบบนั้น ก็เลยค่อยๆ ขยับตัวยืนในท่าปกติอีกครั้ง ก่อนที่จะนึกถึงใบหน้าของเธอเมื่อกี้แล้วยิ้มกริ้มมุมปากคนเดียวเบาๆ
"หึ" น่ารักว่ะ
.
.
.
เช้าวันต่อมา...
ติ๊ง!
"..."
"..."
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกแล้วเจอคนด้านในเป็นน้ำตาลผมก็นิ่งค้างไปชั่วขณะเพราะตกใจไม่คิดว่าเช้านี้จะบังเอิญได้ขึ้นลิฟต์พร้อมกันอีกครั้ง ต่างคนต่างมองหน้ากันน้ำตาลยืนอึกอักทำหน้าไม่ถูก ส่วนผมก็ยืนล้วงมือในกระเป๋ากางเกงยีนกับชุดช็อปสีแดงตรงหน้าเธอโดยที่ยังคงมองหน้าเธออยู่เหมือนเดิม จนกระทั่งที่...
“ส…สวัสดีตอนเช้าค่ะ”
ครับ สุดท้ายเธอเลยสวัสดีตอนเช้าใส่ผมแทน มารยาทดีมากครับ ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็เลยพยักหน้าให้เธอเล็กน้อยก่อนที่จะขยับเท้าเดินเข้าไปข้างในลิฟต์พิงหลังบนผนังลิฟต์เอามือทั้งสองข้างลงในกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง
สวรรค์จัดสรร!
เช้านี้ผมมีเรียนภาคเช้า ก็เลยตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปมหาวิทยาลัย หลังจากที่แต่งตัวเสร็จผมก็หยิบเสื้อช็อปสีแดงขึ้นมาสวมทับเสื้อยืดสีดำอีกที ก่อนที่จะเดินออกไปกดลิฟต์เพื่อลงไปที่ลานจอดรถ ยืนรอได้ไม่นานลิฟต์ก็จอดชั้นที่ผมยืนอยู่พร้อมกับประตูลิฟต์ที่เปิดออก
แต่ไม่คาดคิดว่าประตูลิฟต์เปิดแล้วผมจะเจอกับน้ำตาลที่ยืนสบตากับผมอยู่ข้างในพอดี เจอกันบ่อยขนาดนี้ผมว่าพรหมลิขิตแล้วละ ไม่งั้นมันจะพากันมาเจอกันซ้ำๆ ทำไมวะ จริงไหม
"เอ่อ...คุณลงชั้นไหนคะ" หลังจากที่ผมเข้ามาในลิฟต์ได้ไม่นาน คนข้างหน้าของผมเขาก็เอ่ยถามผม ผมที่จำได้ว่าเคยถามเธอแบบนี้แล้วได้คำตอบที่ทำให้ผมสนใจเธอ ก็เลยลองตอบกลับไปบ้าง
"ฉันรักคุณได้ไหมครับ" เท่านั้นแหละปฏิกิริยาที่ผมได้รับจากเธอกลับมาหลังจากที่ตอบไปแบบนั้นก็คือเธอรีบหันขวับมองหน้าผมทันที ผมก็เลยตีหน้าซื่อถามกลับไปว่า…
"ชั้นนั้นไม่มีเหรอครับ" ทำเอาคนที่ยืนมองหน้าผมอยู่ ถึงกับรีบหันกลับไปทางเดิมด้วยท่าทางบึ้งตึงแต่แอบเขินอายอย่างเห็นได้ชัดที่รอบนี้โดนผมเล่นคืนบ้าง ก่อนจะตอบเสียงตึงๆ กลับมาว่า "ไม่มีหรอกค่ะ" ผมก็เลยตอบโต้เธอกลับต่อว่า...
"ผมนึกว่ามี เห็นวันก่อนคุณยังบอกผมเลย"
"ถ้ามีแล้วยังไงเหรอคะ" น้ำตาลถามผม ผมก็เลยตอบกลับไปว่า...
"ผมก็อยากลองจอดดู" พร้อมดันแผ่นหลังตัวเองออกจากผนังลิฟต์แล้วยื่นมือไปด้านหน้าของคนตัวเล็กตรงหน้าโดยที่ใบหน้าของผมเฉียดแก้มของเธอไปนิดเดียวเพื่อกดปุ่มลิฟต์ลงชั้นลานจอดรถ ทำให้น้ำตาลสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบตั้งสติแล้วเบี่ยงตัวออกจากผมไปเล็กน้อย ผมที่กลับมายืนท่าเดิมอีกครั้งแต่เห็นท่าทางนั้นของเธอแล้ว จึงได้แต่ยืนยิ้มน้อยๆ อยู่ข้างหลังของเธอไปเงียบๆ
หึ โคตรน่ารัก!
สองชั่วโมงผ่านไป...Tiger part...หลังจากที่ผมนอนพักเอาแรงจากการเสียแรงไปกับเรื่องก่อนหน้านี้ ผมก็ลุกออกจากเตียงของน้ำตาลยืนบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยออกจากร่างกาย ก่อนที่จะหันไปดูเจ้าของเตียงที่กำลังนอนตะแคงไปอีกฝั่งหลับไม่รู้เรื่องราวด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มบางๆผมไม่รู้ว่าหลังจากตื่นมาแล้วน้ำตาลจะเป็นยังไง เธอจะโกรธผมไหมที่ทำให้เนินอกของเธอเป็นรอยหลายจุด เธอจะโกรธผมไหมที่บางจังหวะผมก็เผลอรุนแรงกับเธอทั้งๆ ที่บอกไปว่าจะทะนุถนอมเธอและสาเหตุที่ผมเผลอรุนแรงผมก็ขอสารภาพว่า เธอน่ากินมากและร่างกายของเธอก็ยั่วยวนผมไปทุกส่วน ไม่พอแค่นั้นไหนจะกลิ่นกายที่หอมรัญจวนใจผมซะเหลือเกิน ผิวขาวหิมะที่นุ่มมืออย่างกับผิวเด็กแรกเกิด ใบหน้าสะสวยที่ผมมองกี่ครั้งก็แทบจะตบะแตกอยากกระแทกแรงๆ ทุกครั้งคือน้ำตาลเธอไม่รู้ตัวไงว่าบางมุมของตัวเองมันเซ็กซี่ขยี้ใจผมแค่ไหน ผมที่ไม่อยากผิดคำพูดก็เลยได้แต่อดใจไว้ไม่อยากปล่อยธาตุแท้ออกไปมากจนเกินไป คือผมไม่ได้เลวนะ แต่เข้าใจไหมว่าเวลาที่ผู้ชายอยู่บนเตียง มันจะมีมุมหนึ่งที่เป็นด้านมืดของตัวเองแล้วอีกเรื่องที่ผมอดยิ้มไม่ได้คือตอนที่ผมผ่านเยื่อบางๆ แล้วมีของเหลวสีแดงสดไหลออกมา
"เธอรู้ไหมว่าเมื่อวานเธอทำให้พี่โกรธมากแค่ไหนที่เห็นเธอลงรูปแบบนั้น"หลังจากที่พี่ไทเกอร์ถอนริมฝีปากออกแล้วสบตากับฉัน เขาก็พูดถึงเรื่องเมื่อวานทันที ซึ่งทันทีที่ฉันได้ยินเรื่องเมื่อวานดังออกมาจากริมฝีปากที่เพิ่งบดจูบริมฝีปากของฉันไปเมื่อกี้นี้และยังไม่หายรู้สึกเห่อร้อน จู่ๆ หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นจากเดิมเล็กน้อย ขณะที่สมองก็นึกถึงเรื่องที่ได้คุยกับแพรวาเมื่อวานไปด้วย...เตรียมขาสั่น...ใช่ ตอนนี้สมองของฉันมันนึกถึงแต่ประโยคนี้ประโยคเดียวจริงๆ นี่ฉันกำลังจะโดนทำโทษแล้วใช่ไหม ก่อนหน้านี้ที่เขาจูบฉัน ฉันยังรู้สึกว่าเขาโหยหาฉันอยู่เลย แบบว่าเขาทั้งกอดทั้งจูบฉันแบบดูดดื่มขนาดนั้น แต่ตอนนี้เขากำลังจะลงโทษฉันแล้วใช่ไหม?"ตาลขอโทษที่ทำให้พี่โกรธ""หึ" ทันทีที่ฉันพูดว่าขอโทษด้วยสีหน้ารู้สึกผิดออกไป คนที่กำลังคร่อมร่างกายของฉันก็ขำออกมา ก่อนที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองแล้วเสมองทางอื่นแทน เขาแสดงออกแบบนี้หมายความว่ายังไง?เขาโกรธฉันมากถึงขั้นไม่อยากมองหน้าเลยเหรอหมับ!"พี่กำลังโกรธ?" ฉันจับใบหน้าหล่อเหลาของพี่ไทเกอร์ให้หันมาสบตากับฉัน จ้องตาของเขาแววตาเศร้า คือฉันก็ไม่คิดว่าการลงรูปแค่นั้นมัน
Namtan part…“เป็นอะไรของแกว่ะตาล ทำหน้างงเหมือนโดนใครตัดสายไปดื้อๆ อะ”หลังจากที่พี่ไทเกอร์โทรหาฉันเรื่องรูปอะไรสักอย่างกับฉัน แล้วตัดสายไปดื้อๆ โดยที่ก่อนจะตัดสายเขาได้คาดโทษบางอย่างเสียงติดเข้มมากด้วยเหมือนกำลังข่มอารมณ์โกรธอะ ยัยแพรวาที่เดินไปหยิบน้ำโค้กในถังน้ำแข็งก็เดินกลับมาพร้อมกับเอ่ยถามฉันสีหน้าสงสัยคือตอนนี้พวกเรากำลังปาร์ตี้กันที่สระว่ายน้ำ ฉันที่ไม่มีคู่กับใครเขาก็เลยแอบมานั่งดื่มน้ำผลไม้ชิวๆ อยู่คนเดียวตรงมุมสระ ส่วนแพรวาที่ยังงอนเฮียไคไม่เลิกก็เลยมานั่งอยู่กับฉันด้วยแต่เรื่องที่พี่ไทเกอร์โทรมาเมื่อกี้นี้สิ มันหมายความว่าไงอะ?"คือว่าเมื่อกี้พี่ไทเกอร์เขาโทรหาฉัน แล้วถามว่าฉันลงรูปอะไรไว้ในไอจี ฉันก็งงๆ อยู่ก็เลยถามเขาว่ารูปอะไร แต่เขากลับตอบมาว่ากลับไปพรุ่งนี้เตรียมโดนบทลงโทษได้เลย แบบนี้อะ มันหมายความว่าไงวะแพร"ฉันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ให้แพรวาฟังโดยที่บนสีหน้าของฉันตอนนี้มันก็มีแต่ความงงงวยและสงสัยเต็มไปหมด จนยัยแพรวาที่เห็นสีหน้าของฉันต้องวางกระป๋องน้ำโค้กในมือลงแล้วแบมือขอโทรศัพท์กับฉันแทน"ฉันขอดูโทรศัพท์แกหน่อย""โทรศัพท์เหรอ?" ฉันเลิกคิ้วถาม"อื้ม
"ไปเที่ยวพรุ่งนี้ ห้ามยิ้มให้ใครนะ" หลังจากที่พี่ไทเกอร์ถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากของฉันแล้ว จู่ๆ เขาก็พูดสั่งห้ามไม่ให้ฉันยิ้มให้ใคร ตอนแรกฉันก็เลิกคิ้วขึ้นไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อยว่าทำไมต้องสั่งไม่ให้ฉันยิ้มให้ใครด้วย แต่พอสายตาของฉันปะทะเข้ากับสีหน้าบึ้งตึงเบาๆ ปนความงอแงของเขาที่แสดงออกให้ฉันเห็นตอนนี้เท่านั้นแหละ ฉันก็ถึงกับกลั้นยิ้มขำทันทีและลืมประโยคก่อนหน้านี้ที่เขาพูดแล้วด้วยหึ ให้ตายเถอะตัวโตเท่าตู้เย็นแต่กลับทำหน้างอแงเป็นเด็กสองขวบไปได้ "ขำอะไร" พี่ไทเกอร์คงจะเห็นว่าฉันกำลังกลั้นขำเขา ก็เลยขมวดคิ้วเข้มถามฉัน"หึ ขำพี่ไง ทำไมต้องทำหน้างอแงแบบนั้นด้วย""เหอะ ขำเหรอ ดีดหน้าผากสักทีดีไหม" เสียงทุ้มเค้นเสียงในลำคอเบาๆ ก่อนจะใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มทำหน้าเข้มใส่ฉันที่แอบขำเขาเมื่อกี้ แถมยังทำท่าจะดีดหน้าผากของฉันด้วยก่อนจะยืนเท้าเอวข้างหนึ่งยันโต๊ะข้างหนึ่งแล้วทำหน้าบึ้งตึงเสมองทางอื่นต่อ ฉันที่เห็นเขาทำหน้าแบบนั้น ก็เลยใช้มือตัวเองจับบริเวณมุมปากทั้งสองข้างของเขาหันหน้ามาหาตัวเอง จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงมุมปากของพี่ไทเกอร์ออกเป็นรอยยิ้มแทน ก่อนที่จะเอียงคอยิ้มตามด้วยอีกคน"เห็นไหมเวลาพี่
หลายนาทีผ่านไป...หลังจากที่ฉันยืนรอพี่ไทเกอร์พูดคุยกับสตาฟที่ดูแลเรื่องรถที่เขาได้ดูก่อนหน้านี้เสร็จ เราสองคนก็เดินทางกลับคอนโดกันต่อ แต่ระหว่างทางกลับคอนโด เขาก็ถามฉันว่าต้องการแวะที่ไหนไหม ฉันเห็นร้านข้าวต้มข้างทางแล้วจู่ๆ ท้องก็ร้องขึ้นมา ก็เลยบอกให้พี่ไทเกอร์แวะกินข้าวต้มก่อนกลับตอนนี้เราสองคนก็เลยนั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกที่ทางร้านกางโต๊ะไว้บนฟุตบาท โดยบนโต๊ะมีข้าวต้มร้อนๆ หอมฉุยสองถ้วยวางตรงหน้าเราสองคน ถามว่าที่ผ่านมาฉันเคยนั่งกินอะไรแบบนี้กับใครไหม ตอบเลยว่าไม่เคยเลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกของฉันที่ได้กินข้าวต้มอร่อยๆ ข้างทาง และเป็นครั้งแรกที่ได้กินกับคนที่เพิ่งตกลงกันว่าเราจะเป็นแฟนกัน "อร่อยไหม" ฉันถามพี่ไทเกอร์ที่นั่งกินข้าวต้มอยู่ตรงหน้าฉัน เขาดูเป็นคนที่ไม่ซับซ้อนอย่างที่เขาบอกว่าไม่ชอบอะไรที่มันซับซ้อน เพราะเขาเป็นคนที่ง่ายๆ มาก ฉันบอกอะไรไปเขาก็พร้อมซัพพอร์ตทันที ไม่มีถามไม่มีสงสัยว่าร้านมันจะโอเคไหม สะอาดไหม ถ้าฉันกินเขาก็ไม่เกี่ยง ตรงไหนก็ได้ขอแค่ฉันอยากกินก็พอ เราก็เลยได้นั่งกินข้าวต้มร้านนี้ไง"เกินคำว่าอร่อยเลย""ดีใจจังที่พี่ไม่รังเกียจร้านแบบนี้""จะรังเกียจท
ไม่ทันและไม่ปล่อยโอกาสให้ฉันได้พูดหรือได้ทักท้วงอะไรประโยคก่อนหน้านี้ที่เขาพูดออกมา ก็เล่นดึงฉันให้เดินตามลงไปที่ลานจอดรถกับเขาซะแล้ว สิ่งที่ทันในตอนนี้ก็มีอยู่อย่างเดียวคือฉันใจเต้นแรงกับประโยคแบบนั้นของเขาอีกแล้ว และมันก็ทวีความเต้นแรงขึ้นกว่าตอนที่อยู่ในร้านไอติมอีกด้วย รอบนี้มันรุนแรงกับหัวใจของฉันมากเพราะเขาพูดว่า 'เลี้ยงแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งควรทำกับแฟนตัวเองไง'ใช่ มันมีคำว่าแฟนโผล่ออกมาอีกแล้ว ก่อนหน้านี้เขาพูดคำว่าแฟนบ่อยมาก บ่อยจนฉันเริ่มสับสนแล้วว่าตกลงตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วเหรอ?"นั่งคิดอะไรอยู่หรือเปล่า นั่งเงียบเชียว"หลังจากที่เราสองคนนั่งรถออกมาจากห้างสรรพสินค้าได้สักพักและรถก็แล่นอยู่บนถนนใหญ่มุ่งหน้าออกนอกเมืองเล็กน้อย พี่ไทเกอร์ที่กำลังขับรถอยู่ก็เอ่ยพูดกับฉัน ทำให้ฉันที่อยู่กับความคิดของตัวเองก่อนหน้าชะงักชั่วขณะก่อนที่จะหันไปมองเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลาของเขาในเวลาต่อมาฉันจะถามเขาดีไหมนะ ฉันจะพูดเรื่องที่เขาทำให้ฉันสงสัยและคิดมากก่อนหน้านี้ดีไหมนะคือฉันเองก็ไม่ได้ไร้เดียงสาอะไรขนาดนั้นที่จะต้องทำเป็นเฉยไม่รู้สึกอะไรกับการกระทำแบบนั้นของเขาและคำพูดชวนคิดชวนใจเต้นแรงบ่อ







