LOGINหลอมรักครั้งที่ 1
3/3
เขาพาฉันไปกินไอติมบนห้องเสร็จแล้ว ซึ่งก็ขอเป็นอันว่าเราจะเข้าใจตรงกันได้นะว่ามันคือไอติมรสอะไร ขอบอกเลยว่าไอติมนั้นน่ะอร่อยสุด ๆ ไปเลยล่ะ หลังจากนั้นเขาออกมาข้างนอกกับฉัน แล้วก็มารถฉันด้วย เราไปทานข้าวกันที่ร้านอาหารร้านหนึ่งซึ่งมันคือร้านโปรดฉันเอง
แล้วคืนนั้นเอ็กซ์ก็มาค้างกับฉันที่คอนโดแล้วเราก็ทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันต่ออีกนิดหน่อย ซึ่งฉันดูแล้วท่าทางเอ็กซ์ก็เจนจัดและร้ายไม่เบานะ
เขารู้วิธีที่จะคุยกับผู้หญิงยังไง รู้จักเดินเกมยังไง ใช้สายตายังไง ฉันว่าฉันกับเขาเป็นประเภท ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่แหละ แต่ฉันก็ไม่อะไรมากนะฉันก็ปฏิบัติกับเขาเหมือนกับทุกคน
ซึ่งพอเช้าวันถัดมาเขาก็ออกไปจากห้องตั้งแต่เช้า พร้อมทิ้งข้อความเอาไว้
“ญาณิน กินข้าวหรือเปล่าทำไมผอมอย่างนี้” ฉันจ้องน้องสาวระหว่างที่เธอกำลังเดินไปเดินมา
“กินอยู่ แต่ช่วงนี้เบื่ออาหารนี่คะ” เธอบ่น ๆ แล้วยู่ปากเล็กน้อย
“ตื่นมากินข้าวให้ตรงเวลาไหม ไม่ใช่ตื่นบ่ายโมงแล้วกินข้าวเย็นทีเดียวนะ” ฉันยังจ้อง ส่วนยัยเด็กดื้อญาณินน้องสาวของฉันหัวเราะกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง “ไปแต่งตัวเลย เดี๋ยวพี่จะพาออกไปกินข้าว เดี๋ยวจะโทรบอกพี่วินด้วย”
“ไหนบอกว่ามีนัดแล้วไง ไม่เอาพี่วินด้วย” ยัยเด็กประท้วง
“พี่นัดทุ่มหนึ่งโน่น มีเวลาอีกเหลือเฟือ” ฉันกอดอก “ไปแต่งตัว”
“ยัยป้าคนนี้ดุจริง” เด็กนี่เรียกฉันว่าป้าเหรอ ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นซะหน่อย “แต่ว่าไม่พาพี่วินไปด้วยได้ไหม เดี๋ยวพี่วินดุณินอีก ขี้เกียจฟังตาลุงบ่น”
“ไม่ ไปเลย” ญาณินยู่ปากแล้วก็เดินเข้าไปในห้อง
น้องสาวคนนี้อายุห่างกับฉันห้าปีเลยล่ะ เธอกำลังเรียนมหาลัยปีสาม ส่วนตาลุงวินที่น้องพูดถึงคือพี่ชายคนโตของเรา พี่ธาวินอายุห่างฉันห้าปี ห่างญาณินตั้งสิบปีเลยนะ
คือพ่อกับแม่มีพี่วินตั้งแต่ยี่สิบต้น ๆ แล้วก็มีตั้งแต่ก่อร่างสร้างบริษัทขึ้นมา แล้วตอนมีฉันบริษัทของพ่อก็มั่นคงมากแล้ว ตอนแรกพ่อกับแม่ไม่อยากมีลูกอีก แต่ก็มียัยณินมาตอนที่ฉันห้าขวบ และพี่ธาวินสิบขวบเลย แต่เราก็เป็นพี่น้องที่รักกันดี
ความห่างของช่วงปีที่มากพอสมควรระหว่างฉันกับน้องสาว และระหว่างน้องสาวกับพี่ชายไม่ใช่อุปสรรคอะไร แต่ว่าพี่ธาวินก็มักจะทำตัวเป็นพ่อคนที่สองของน้องเสมอ เขาห่วงเธอเพราะในสายตาพี่เธอยังเด็ก ส่วนยัยเด็กนี่ก็เรียกพี่ชายว่าตาลุงเพราะขี้บ่นเกินไป
ฉันมักจะแวะมาหาน้องสาวครั้งสองครั้งต่อสัปดาห์ หรือไม่ก็นัดไปทานข้าว ไปช็อปปิ้งด้วยกันบ้าง เราค่อนข้างสนิทกัน และฉันกับพี่ชายก็ประคบประหงมยัยเด็กนี่เป็นอย่างดี
“มีแฟนเหรอช่วงนี้” ฉันถามกับน้องสาวระหว่างที่เราสั่งข้าวรอพี่วินกัน
“ไม่ใช่สักหน่อย” ญาณินหลบตาฉัน
“แล้วรองเท้าผู้ชายที่ห้องน่ะของใคร" น้องสาวฉันคงคิดว่าซ่อนหมดแล้วแต่ไม่ใช่เลย มีอีกคู่หนึ่งที่ยังซ่อนไม่หมดและฉันก็ดันเห็นเข้า ฉันก็ไม่ได้อยากจะบอกว่าตัวเองเจนจัด หรือตัวแม่อะไรหรอกนะ แต่ว่าน้องสาวฉันก็อ่อนหัดเกินไปล่ะ "มีก็บอกว่ามี พี่ไม่ได้จะดุ"
“ก็ยังไม่ใช่แฟน....” เธอพูดเสียงเบา “แบบว่าคุย ๆ กันอยู่”
“ไม่ใช่แฟนแต่มาห้องแล้ว” ฉันพูดไปส่วนน้องก็ไหวไหล่
“ของณินยังเป็นคนคุยนะ แต่ของพี่พาลินนี่ไม่มีสถานะเลยแหละ” ยัยน้องแกล้งแซะฉัน “แล้วเมื่อไหร่จะมีแฟนเป็นตัวเป็นคนสักทีคะ จะยี่สิบหกแล้วนา....”
“ไม่เอาอะ ไม่อยากมี”
“ระวังเถ๊อะจะขึ้นคานเอา" ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องนะจะดีดกระบาลสักทีข้อหาแก่แดดแก่ลม
ไม่นานหลังจากเราคุยประโยคนี้นักพี่ชายคนโตของเราก็มา พอมาถึงพี่วินก็บ่น ๆ น้องเรื่องกินข้าวไม่ตรงเวลา แต่ที่บ่นก็เพราะเป็นห่วงหรอก ยัยณินน่ะเคยเป็นโรคกระเพาะมาแล้ว กว่าจะหายได้ก็ใช้เวลาตั้งนานก็ไม่อยากจะให้กลับไปเป็นอีก
ญาณินเรื่องมากเรื่องกิน เธอไม่ค่อยทานข้าวร้านอาหาร ส่วนใหญ่จะทำทานเอง พอทำเองก็ถ้าไม่หิวจัดก็ไม่ลุกขึ้นมาทำ ร้านอาหารก็จะทานแต่ร้านที่ทานประจำ ร้านอื่น ๆ ไปลองครั้งเดียวถ้าไม่ถูกใจก็ไม่ไปอีก แต่น้องสาวฉันทำอาหารเก่งแล้วก็ทำอร่อยนะ ตรงข้ามกับฉันเลยล่ะ
ฉันไม่เก่งงานบ้าน กับข้าวทำดีสุดคือไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ต้ม กับต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป งานบ้านก็ทำไม่เป็นสักอย่าง แต่ฉันมีแม่บ้านทำให้ตลอดนะ ส่วนน้องฉันจะหวงห้องมากเธอมักจะทำความสะอาดเอง เป็นคนที่ไม่ค่อยให้ใครยุ่มย่ามกับพื้นที่ส่วนตัวของเธอเลย
พอทานข้าวกับน้องและพี่ชายเสร็จแล้วฉันก็กลับห้อง ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ออกไปทานมื้อเย็นกับโฮสต์ที่นัดเอาไว้ ฉันจ้างบาร์โฮสต์บ่อยนะ แต่ฉันไม่ได้มีอะไรกับโฮสต์หรอก ส่วนใหญ่จ้างมาทานข้าว เดินจับมือถือแขน มาจุ๊บ มากอดฟีลแฟนน่ะ แค่จ้างมาแก้เหงาบ้าง มาเป็นเพื่อนทานข้าวบ้าง
ฉันไม่มีเซ็กซ์กับโฮสต์ แต่จะมีวันไนต์สแตนด์บ้างกับคนที่ถูกใจจริง ๆ แล้วก็มีคนที่ Friend with benefit กันบ้าง เพราะฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ต้องการจะผูกมัดกับใคร
บางคนอาจจะมองว่าง่าย แรด ร่าน อะไรพวกนี้นะ แต่ว่าจริง ๆ มันก็เหมือนผู้ชายที่บอกว่าตัวเองเป็นเสื้อ เจ้าชู้แหละ เมื่อผู้ชายไม่อยากผูกมัดกับใคร มีเซ็กซ์กับคนอื่นไปเรื่อยทั้งที่ยังโสดคนก็จะมองว่าเท่ เจ้าชู้ เป็นเสือ ผู้หญิงก็เหมือนกัน ใครใคร่พอใจอะไรก็ทำไป
ถ้าทำตอนที่ยังโสด และอีกฝ่ายก็ยังโสดไม่ผิดหรอก
ยุคนี้มันยุคไหนกันแล้วนะ ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องมีอะไรกับผู้ชายคนเดียวไปตลอดชีวิตนะ เราควรลองอะไรใหม่ ๆ เปิดโอกาสให้ตัวเองไปเรื่อย ๆ ถ้ายังไม่อยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ไม่อยากผูกมัดกับใครก็ทำแบบนี้ได้ ไม่ใช่ไปมีแฟนแล้วแต่มาอ้างโน่นอ้างนี้นอกกายนอกใจ แบบนั้นเรียกว่าเหี้ย
“ตัวหอมจัง” อาร์ต บาร์โฮสต์ที่ฉันนัดเอาไว้วันนี้พูดระหว่างที่จับมือฉันอยู่แล้วก็ยกมือข่างนั้นขึ้นไปหอมที่ข้อมือฉันเบา ๆ อาหารร้านนี้อร่อยไหมครับ
“ก็อร่อยนะคะ” ฉันตอบไปแล้วยิ้มให้กับสุดหล่อคนนั้น
อาร์ตน่ะเป็นตัวท็อปของบาร์โฮสต์ร้านประจำที่ฉันไป ส่วนใหญ่รับแต่วีไอพี แต่ฉันเป็นวีวีไอพี่ที่สามารถจองได้ก่อนคนอื่น ปีหนึ่งฉันหมดเงินไปกับการจ้างโฮสต์แบบที่สามารถสร้างบ้านดี ๆ ได้สักหลังเลย
แต่ฉันก็ไม่ได้อยากได้บ้านนี่นา
“อร่อย แต่วันนี้พี่ลินทานน้อยจังครับ” ระหว่างพูดเขาก็เขี่ยมือฉันไป เขาเอียงหน้ามายิ้มให้ด้วยสายตาที่สื่อความหมายเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองถนนที่กำลังจะไฟเขียวพอดี
“พี่แวะไปทานข้าวกับที่บ้านมาก่อนน่ะ”
“คืนนี้ไปหาอะไรดื่มต่อด้วยกันไหมครับ” เขาถามต่อ “เมื่อวานรุ่นพี่ให้ไวน์ผมมา แช่น้ำอุ่น ๆ ดื่มไวน์ แล้วก็ดูหนังกันน่าจะดี”
“น่าสนใจนะ” ฉันพูดเสียงเบา ส่วนปลายนิ้วหัวแม่มือของอาร์ตก็เขี่ยกลางฝ่ามือฉันไปด้วย “แต่ว่าดื่มไวน์ แช่น้ำ ดูหนังแค่นั้นเหรอ”
“โถ่พี่ลินค้าบ พี่ก็รู้ว่าผมน่ะอยากทำอะไรกับพี่” ฉันหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของเขา เอาตริง ๆ นะหุ่นอาร์ตก็จัดว่าเป็นเทสฉัน หน้าตาก็จัดว่าใช่เลย แต่เสียดายที่เขาเป็นโฮสต์น่ะสิ ฉันไม่ได้เหยียดนะ แต่ฉันมีกฎอยู่ แล้วฉันก็ไม่ชอบแหกกฎของตัวเองด้วย
“อาร์ตครับ อาร์ตก็รู้กฎของพี่” ฉันปล่อยมือจากการเกาะกุมของเขาแล้วก็เอื้อมไปลูบผมของเขาเล็กน้อย เจ้าเด็กดูท่าทางหงอย ๆ เมื่อฉันพูด
“แล้วถ้าผมไม่ได้เป็นโฮสต์แล้วผมจะได้ข้ามกฎของพี่ได้ไหม” ฉันยกยิ้มกับคำถามของเขา
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ อาร์ตจะเลิกเป็นโฮสต์เหรอ”
“ปีนี้ผมจะเรียนจบแล้ว แล้วก็พอมีเงินเก็บอยู่ผมเลยว่าจะเลิกทำโฮสต์แล้วก็ไปเปิดร้านกาแฟ” เขาก็ดูน่าสนใจดีนะ แต่ว่าตอนนี้เขาก็ยังเอ็นโฮสต์อยู่นี่นา
“ไม่รู้สิ ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกันเพราะตอนนี้เราก็ยังเป็นโฮสต์อยู่”
ใบหน้าเขาเหมือนลูกหมาที่ถูกเจ้าของไม่ให้กินขนมเลยนะ แต่สำหรับฉันแล้ว กฎก็คือกฎ ฉันแหกไม่กฎตัวเอง แล้วก็ไม่ชอบให้ใครมาแหกกฎของฉันด้วย
“Hi shawty” (ไงตัวเล็ก) เสียงทักทายของลูคัส เพื่อนสมัยเรียนปอโทดังมาตอนฉันเดินมารับเขาที่ล็อบบี้ของคอนโด เมื่อเจอกันก็ทักทายแบบฝรั่งเล็กน้อยแล้วก็พาขึ้นไปคอนโด “I miss you, darling”
“Me too” ฉันตอบกลับไปพลางกอดเอวเขาในขณะที่เขาโอบไหล่ฉันอยู่ ฉันก็คิดถึงเขาเหมือนกันในฐานะเพื่อน ส่วนเขาจะคิดถึงในฐานะไหนมันก็เรื่องของเขา
ลูคัสเป็นเพื่อนตอนเรียนป.โทที่อังกฤษ แต่เขาเป็นลูกครึ่งไทยสกอตแลนด์ที่มีเสี้ยวอังกฤษด้วย ตอนจบป.ตรีฉันเลือกจะไปเรียนต่อที่อังกฤษเลยทันที มันใช้เวลาเรียนทั้งหมดหนึ่งปีสำหรับการเรียนป.โท แต่ฉันอยู่ที่อังกฤษประมาณปีครึ่งนะ
ลูคัสก็เหมือนกับเอ็กซ์ และเหมือนกับคนอื่น ๆ คงไม่ต้องอธิบายให้มันมากความ
“จะอยู่นานไหม” ฉันถามเขา
“It's up to you.” (ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของคุณ) ฉันยกยิ้มให้กับความปากหวานของเขา
“If I want, you to stay here longer.” (ถ้าฉันอยากให้คุณอยู่ที่นี่นาน ๆ) ฉันช้อนตามองเขา “Your girls would miss you so bad.” (สาว ๆ ของคุณคงคิดถึงคุณมากแน่)
“Shawty, I only have you.” (ตัวเล็กครับ พี่มีแค่หนู) ฉันส่ายหัวไปมาเบา ๆ อย่างไม่ถือสานัก หากลูคัสเหมือนกับคนอื่น ๆ ฉันก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่เขามีเหมือนกัน
“Just here.” (แค่ที่นี่น่ะสิ) เขาหัวเราะหึ ๆ ราวกับชอบใจที่รู้ทัน
“ไอคิดว่ายูจะคบกับใครสักคนไปแล้วซะอีก” สำเนียงติดแปร่งของเขาดังมา ลูคัสพูดไทยได้แต่ไม่ได้รู้ทุกคำขนาดนั้น พวกคำยาก ๆ ซับซ้อนอะไรแบบนี้ก็ไม่ค่อยรู้หรอก เขาเกิดและโตที่อังกฤษกับสกอตแลนด์ และพูดไทยกับแม่แล้วก็ตายาย แต่ก็ไม่ได้ใช้บ่อยเท่าภาษาอังกฤษ ยังเหมือนเดิมสินะ
“เราก็คนเดิม จะเปลี่ยนไปอะไรได้”
“แล้วใครกันนะจะเป็นผู้ชายที่โชคดีคนนั้น” ฉันยักไหล่ยังยี่หระอะไรมากนักก่อนจะพูดว่า
“Why care about the future?” (จะไปแคร์อนาคตทำไมล่ะ) ฉันถามแล้วบีบเอวเขาเล็กน้อย ลูคัสหลุบตาต่ำจนหน้าเราห่างกันเพียงไม่กี่นิ้ว ก่อนฉันจะพูดเสียงเบาว่า “Because now you are the lucky one.” (เพราะว่าตอนนี้คุณคือคนที่โชคดีไม่ใช่เหรอ)
“Yes, I'm a very lucky.” (ใช่ ผมโชคดีมากเลยล่ะ) เขาโน้มหน้าลงหมายจะจูบฉันแต่ฉันก็
“Stop it” นิ้วชี้ฉันจรดริมฝีปากเขา
“You don't change.” (คุณไม่เปลี่ยนไปเลย) เขาถอยหน้ากลับไป
“Forever” (ตลอดไปต่างหาก) ฉันตอบเสียงเบาและลิฟต์ก็เปิดออกที่ชั้นที่ฉันพักอยู่
และกฎของฉันอีกข้อหนึ่งคือไม่จูบกับใครที่ไม่ใช่แฟนกัน
ไม่ว่าฉันจะนอนกับผู้ชายคนไหนฉันก็จะไม่จูบหรอก
End Palin Palinthida Talk
EXA Peerakarn Talk
“พี่เอ็กซ์คะ พี่ว่าสีนี้กับสีนี้ สีไหนสวยกว่ากัน” ผมละสายตาจากมือถือขึ้นมองสาวเจ้าที่กำลังยกลิปสติกให้ผมดู พร้อมกับมองอย่างต้องการคำตอบ
จะเลือกยังไงล่ะในเมื่อทั้งสองสีนั้นมันไม่ได้ต่างกันเลย
“แล้วหนูชอบอันไหนล่ะ” ผมถามกลับไป
“อิงชอบทั้งสองสีเลยค่ะ”
“งั้นก็เอาทั้งสองไปเลยสิคะ” ผมตอบไปทำให้ใบหน้าสวยยิ้มกว้าง
“พี่เอ็กซ์น่ารักที่สุดเลย” ว่าจบคนตัวเล็กกว่าก็จุ๊บแก้มผมไปสองที นี่ล่ะวิธีจัดการปัญหาโลกแตกอย่างง่ายฉบับผม “คืนนี้หนูมีรางวัลให้นะ”
“รอเลยค่ะ” ผมบอกเธอก่อนจะพาไปจ่ายค่าของที่เธอเลือก น้องอิงคือหนึ่งในเด็กที่ผมควง ๆ อยู่ จะพูดว่าเป็นการผูกปิ่นโตก็คงได้ ออกแนวคนคุยก็ไม่ใช่ FWB ก็ไม่เชิง ผมไปหาน้องบ้างเวลาที่อยากเจอ ซื้อของให้ พาไปกินข้าว และมีSEX กัน มันไม่ใช่แนวเสี่ยเลี้ยงแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร
ผมไม่ได้ผูกมัดให้น้องมีผมคนเดียว แล้วน้องเขาก็ไม่ได้มีส่วนอะไรในชีวิตผมขนาดนั้นด้วย อีกอย่างผมก็คนแบบน้องอิงอยู่ในชีวิตหลายคน
แต่ทุกคนรู้ตัวดีว่าเป็นได้แค่ไหน ถ้าล้ำเส้นมาก็ เซย์ กู๊ดบาย
ระหว่างที่กำลังเดินออกจากห้างไปลานจอดรถสำหรับซูเปอร์คาร์นั้นน้องอิงควงแขนผมพลางพูดเจื้อยแจ้ว แล้วตอนที่ประตูที่เชื่อมระหว่างลานจอดรถกับห้างก็เปิดออกทำให้ผมเจอผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งคนนั้นก็คือพาลิน เธอเองก็มากับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งกอดแขนกะหนุงกะหนิงไม่ต่างกัน
หลอมรักครั้งที่ 13/3เขาพาฉันไปกินไอติมบนห้องเสร็จแล้ว ซึ่งก็ขอเป็นอันว่าเราจะเข้าใจตรงกันได้นะว่ามันคือไอติมรสอะไร ขอบอกเลยว่าไอติมนั้นน่ะอร่อยสุด ๆ ไปเลยล่ะ หลังจากนั้นเขาออกมาข้างนอกกับฉัน แล้วก็มารถฉันด้วย เราไปทานข้าวกันที่ร้านอาหารร้านหนึ่งซึ่งมันคือร้านโปรดฉันเองแล้วคืนนั้นเอ็กซ์ก็มาค้างกับฉันที่คอนโดแล้วเราก็ทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันต่ออีกนิดหน่อย ซึ่งฉันดูแล้วท่าทางเอ็กซ์ก็เจนจัดและร้ายไม่เบานะเขารู้วิธีที่จะคุยกับผู้หญิงยังไง รู้จักเดินเกมยังไง ใช้สายตายังไง ฉันว่าฉันกับเขาเป็นประเภท ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่แหละ แต่ฉันก็ไม่อะไรมากนะฉันก็ปฏิบัติกับเขาเหมือนกับทุกคนซึ่งพอเช้าวันถัดมาเขาก็ออกไปจากห้องตั้งแต่เช้า พร้อมทิ้งข้อความเอาไว้“ญาณิน กินข้าวหรือเปล่าทำไมผอมอย่างนี้” ฉันจ้องน้องสาวระหว่างที่เธอกำลังเดินไปเดินมา“กินอยู่ แต่ช่วงนี้เบื่ออาหารนี่คะ” เธอบ่น ๆ แล้วยู่ปากเล็กน้อย“ตื่นมากินข้าวให้ตรงเวลาไหม ไม่ใช่ตื่นบ่ายโมงแล้วกินข้าวเย็นทีเดียวนะ” ฉันยังจ้อง ส่วนยัยเด็กดื้อญาณินน้องสาวของฉันหัวเราะกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง “ไปแต่งตัวเลย เดี๋ยวพี่จะพาออกไปกินข้าว เดี๋ยวจะโท
หลอมรักครั้งที่ 12/3ฉันเป็นคนถอยมือกลับมาก่อนอย่างแนบเนียน ก่อนจะกระชับสูทของตัวเองเพื่อไม่ให้มือไม้เก้อเขินเกินไป ฉันไม่ได้เขินอายเขาหากแต่ว่าแค่ไม่คิดว่าจะมาเจอเขาในสถานะนี้ไง“เชิญนั่งครับ” เขาบอกกับฉันและทีมงานซึ่งเขาเลือกที่จะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับฉัน "ขอโทษที่ให้รอนะครับ พอดีว่าผมมีงานด่วนเข้ามา"“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันที่เปรียบเสมือนหัวหน้าทีมก็เป็นคนเอ่ยปาก“งั้น ก็เริ่มเลยครับ” เขาบอกมาก คุณปูเป็นคนเริ่มอธิบายก่อนว่าประกันในกรมธรรม์นี้มีเงื่อนไขยังไง เนื่องจากเราต้องรับเปลี่ยนเงื่อนไขและราคาหลายอย่างพอสมควร เพราะเขาไม่ได้เลือกซื้อประกันในแพ็คเกจที่มันมีอยู่แล้ว และปกติประกันของเราก็จะออกแบบเงื่อนไขตามความต้องการของลูกค้าเป็นหลักหลายเดือนที่ผ่านมานี้ฉันก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเหมาะสมกับงานแบบนี้นัก แต่พอทำมาเรื่อย ๆ จนเกิดความชาชินก็เริ่มชอบขึ้นมา"เนื่องจากเงื่อนไขที่คุณสิตาส่งมาให้ทางเราดิฉันมองว่าระดับการคุ้มครองทรัพย์สินในกรณีที่เป็นประกันภัยทรัพย์สินอาจจะไม่ถูกใจคุณลูกค้า เราเลยคิดว่าถ้าเปลี่ยนมาอยู่ระดับประกันอัคคีภัย น่ะ...น่าจะเหมาะกว่าค่ะ" ท้ายประโยคฉันชะงักงันเพราะบุคค
หลอมรักครั้งที่ 1And if in the moment you bite your lipWhen I get you moaning you know it’ s realCan you feel the pressure between your hips?I’ ll make it feel like the first time [1]เสียงเพลงในร้านทำเล็บดังคลอเคลียในหูฉัน ริมฝีปากฮัมเพลงตามเบา ๆ เพราะนี่ก็เป็นหนึ่งในเพลงโปรด แม้จะความหมายไปในเชิงสิบแปดบวกแต่ก็ได้ลามกจนเกินไปนัก ตอนเปิดแล้วแช่น้ำในอ่างก็ได้ฟีลดี ระหว่างนั้นช่างก็ค่อย ๆ ตัดแต่งเล็บเท้าไปด้วย“บินกี่โมงนะ” ฉันเอียงหน้าไปถามเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่เก้าอี้ข้างกัน“สี่ทุ่มน่ะ” เพื่อนคนสวยตอบกลับมาพร้อมเอื้อมมือไปหยิบกาแฟเย็นในแก้วมาดื่มแล้วหลังพิงเก้าอี้นวมของทางร้านพรางถอนหายใจหนัก ๆ “แล้วนี่ไปไหนต่อ”“เดี๋ยวไปทำผมต่อเพราะว่าต้องไปประชุมกับลูกค้าสำคัญน่ะ” ฉันเหลือบตามองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว ฉันน่าจะไปสระผมต่อที่ร้าน แล้วก็ทำผมให้เป๊ะสักหน่อยเพื่อเป็นการให้เกียรติลูกค้าด้วย แล้วฉันก็เป็นคนที่ห่วงภาพลักษณ์ยิ่งกว่าอะไร "พ่อบอกว่าอยากทำประกันให้กับคนนี้มาก"“สู้ ๆ นะแม่สาวขายประกันของพี่” โบว์แซว ๆ ใส่ฉันคือครอบครัวฉันทำธุรกิจหลายอย่างนะ แต่ที่หลักที่สุดคงเป็นธุร
Prologue“โบว์ล่ะ” ฉันถามกับมินเมื่อเห็นว่าเพื่อนเดินกลับโต๊ะมาคนเดียวทั้งที่ตอนไปเข้าห้องน้ำนั้นไปกันสองคน มินพยักพเยิดหน้าไปทางซ้ายซึ่งเป็นทางที่เธอเดินมา“คุยกับผู้ชายอยู่” มินตะโกนแข่งกับเสียงเพลงก่อนจะยกเหล้าในแก้วที่เหลือขึ้นดื่มฉันมองไปยังเพื่อนสาวคนสวยนามว่าองค์หญิงโบว์ ที่อยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ซึ่งเห็นว่าเพื่อนกำลังคุยกับผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาหล่อเหลา และมองปราดเดียวก็รู้สึกสั่นทรงริก ๆ เพราะว่าเขาเป็นผู้ชายที่ Sex Appeal สูงมาก มองแล้วรู้สึกว่าอยากจะมีผู้ชายกลับห้องด้วย“คนสวยครับ” แต่จังหวะการมองก็ถูกขัดด้วยเสียงของผู้ชายที่หน้าตาหล่อแบบเทรนเกาหลีคนหนึ่ง เขาน่าจะเรียกฉันนะเพราะว่ามายืนฝั่งฉันนี่“คะ” ฉันว่าแล้วส่งยิ้มหวานหยดให้กับเขาผู้มาใหม่“คืนนี้ไปต่อที่ไหนไหม” มาแบบนี้รู้เลยนะว่าหวังอะไร“ยังไม่รู้เลยค่ะ” ฉันพูดแล้วก็ช้อนตามองเขาก่อนจะเท้าคางแล้วส่งยิ้มหวานให้เขา “ทำไมเหรอคะ”“ถ้ายังไม่รู้ว่าไปไหนจะชวนไปต่อด้วยกัน สนใจไหมครับ” เขาขยับหน้าเขามากระซิบใกล้ ๆ จนได้กลิ่นน้ำหอมแนวสปอร์ตและรู้สึกได้ถึงความสะอาดสะอ้าน “หรือถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ขอไลน์ไว้จะได้ไหม”“ได้สิคะ” พอคำตอบถ






![3P เมื่อเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ [ซันxโมนาxแอลเจ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
