ขณะที่ฉันกำลังจะเดินออกจากตึกสูตินรีเวช หญิงสาวรูปร่างบอบบาง ผิวขาวจัด ผมของเธอยาวตรงสวย สวมชุดเสื้อกาวน์แขนสั้นกระโปรงสีดำ เดินตรงเข้ามาในวอร์ด เราทั้งสองมองหน้ากันประมาณเกือบนาที ถ้าการที่เจอยัยเจนทำให้ฉันจิตตก การที่เจอกับผู้หญิงคนนี้ทำให้รู้สึกหน่วงๆ อย่างบอกไม่ถูกและรู้สึกแย่มากกว่า ฉันหายใจเข้าเต็มปอด
“แพร” เสียงของฉันเบาและสั่นนิดๆ
“เธอมาทำอะไรที่นี่” แพทย์หญิงแพรไหม เพื่อนสมัยมัธยมอีกคนของฉันทักทาย แววตาเย่อหยิ่งและมั่นใจ
“ฉันมาก็มาหาหมอซันไง เมื่อคืนหมอช่วยฉันไว้ ฉันแวะเอาขนมมาฝากหมอ”
“งั้นเหรอ ได้ยินว่าหมอซันมีสาวสวยเจ้าของร้านขนมมาหา นึกว่าใครเธอเองเหรอ” แพรไหมยกยิ้มและมองฉันด้วยสายตาที่ฉันอ่านความรู้สึกไม่ออก
“ใช่ ฉันเอง แล้วยังไงล่ะ” ฉันไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ฉันจะบอกอะไรให้นะพริม หมอซันน่ะ เค้าสุภาพ ใจดีกับทุกคนแหละ ใครๆก็ชอบเค้า”
“เธอตั้งใจจะพูดอะไร” ฉันถามตรงๆ ไม่อยากเล่นสงครามประสาทกับอดีตเพื่อนคนนี้
“ฉันกับหมอซันเราใกล้ชิด เรียนด้วยกันมาตั้งหกปี นี่ก็คงเป็นโชคชะตาที่เราจับฉลากมาใช้ทุนที่โรงพยาบาลเดียวกัน เธอไม่มีทางมาแทรกความสัมพันธ์ของเราได้หรอก รู้ไว้ซะ” แพรไหมหัวเราะในลำคอ ท่าทางของเธอดูมั่นอกมั่นใจเหลือเกิน
“งั้นเหรอ ลองดูสักหน่อยมั้ย ฉันว่าคราวนี้ ฉันไม่แพ้เธอหรอก” ถึงอดีตจะเป็นยังไง ปัจจุบันฉันจะทำให้ดีที่สุด ในเมื่ออยากได้หมอมาเป็นสามีก็ต้องฟาดฟันกับอดีตเพื่อนรักคนนี้
“รับคำท้าจ้ะเพื่อนเลิฟ”
“ใครเพื่อนเลิฟเธอ ฉันไม่รับย่ะ” ขณะที่ฉันกำลังจะเดินออกไป
“หมอซันคะ เย็นนี้ตรวจ OPD เสร็จ หมอไม่ต้องขึ้นเวรใช่ไหม เดี๋ยวเราไปทานแหนมเนืองกันนะคะ พ่อของแพรอยากเจอหมอน่ะค่ะ เห็นว่าจะปรึกษาเรื่องทำกายภาพน่ะค่ะ” แพรไหมทำเสียงหวานขณะพูดกับหมอซัน ฉันอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง
“ได้ครับ ผมจะอยากจะขอบคุณท่านเรื่องที่ท่านหาบ้านพักใกล้ๆ โรงพยาบาลให้พอดี สักห้าโมงนะครับ ผมขออาบน้ำก่อน” เสียงหมอซันตอบด้วยรอยยิ้มเช่นเคย หมอซันปฏิบัติกับทุกคนเท่าเทียมกันจริงๆ ไม่มีใครพิเศษไปกว่าใคร ในเมื่อยัยแพรก็ไม่ได้เป็นแฟนหมอซัน ถ้าอย่างนั้นฉันก็มีสิทธิ์ ใครดีใครได้จ้ะอดีตเพื่อนเลิฟ หลังจากรู้ว่าทั้งสองนัดกันที่ร้านแหนมเนือง มันไม่ยากเกินความสามารถที่รู้ว่าทั้งสองนัดกันที่ไหนในเมื่อร้านแหนมเนืองชื่อดังมีแค่ร้านเดียว ฉันรีบโทรนัดสไมล์ทันที
[ฮาย ชะนีว่าไง]
“ฉันอยากกินแหนมเนือง”
[นึกว่าช่วงนี้อยากกินแต่ผู้ชาย] อ่าว อีนี่ กัดเพื่อนเพื่อ?
“ฉันเลี้ยงโอเคป่ะ ห้าโมง อาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวไปรับ”
[ก็ได้เห็นแก่กิน เอ้ย เห็นแก่เพื่อนหรอกนะ ช่วงนี้ยิ่งไดเอทอยู่ด้วย]
“อย่ามาเยอะ ถ้างั้นฉันไม่ให้แกกินเค้กที่ร้านแล้วนะเว้ย”
[โอ๋ๆ เพื่อนคนสวย หยอกเล่นจ้ะ เค้กแกอร่อยลืมไดเอทไปเลย ยอมอ้วนตายย่ะ]
“โอเค เจอกันจ้ะ สมหมายเพื่อนเลิฟ”
[ถ้าแกเรียกสมหมายอีกครั้ง ฉันไม่ไปด้วยนะ] นางประท้วงจนฉันต้องรีบง้อ
“สไมล์เพื่อนรัก เจอกันนะ”
ฉันอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่สี่โมงเย็นบรรจงแต่งหน้า ตอนแต่งก็ท่องมนต์ โอม หมอจงรักหมอจงหลง พูดแล้วก็ยิ้มคนเดียว เออ เหมือนกับคนบ้าอะไรอย่างนั้น ฉันสวมชุดเดรสเปิดไหล่สีขาว รองเท้าสีเดียวกัน ผมม้วนปลายเล็กน้อยพอมีโวลุ่ม พอเดินลงมาชั้นล่าง น้องมิกกับน้องเดียร์ก็แซว
“โหพี่พริมจะไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่ไหนคะ ชุดก็ขาว รองเท้าก็ขาว กระเป๋ายังสีขาว” น้องเดียร์ว่า
“พี่พริมมีความรักแน่เลยเดียร์” เสียงน้องมิก
“แซวให้พอเลยจ้า หกโมงปิดร้านเลยนะ ป้าแก้วทำข้าวเย็นให้ อย่าลืมเอากลับบ้านล่ะ พี่ไปก่อน มีนัด” ฉันขับรถไปรับสไมล์ที่บ้าน เราไปถึงร้านแหนมเนืองห้าโมงครึ่งพอดี ฉันยังไม่ได้บอกเรื่องแพรไหมกับนาง ไปถึงร้านค่อยว่ากัน เราเลือกที่นั่งด้านติดกับกระจกหน้าร้าน ไม่นานนัก ท่านอดีต สส. วิชัย คุณพ่อของแพรไหม หมอซันและแพรไหมก็เดินเข้ามาในร้าน นางเห็นฉันตั้งแต่นอกร้านแล้วล่ะ แพรไหมเดินเชิดหน้าเข้ามา หมอซันหันมามองฉันแว่บนึง แถมยังยิ้มให้ด้วย
“เฮ้ย ! นั่นยายแพร เอ่อ ไม่สิหมอแพร แฟนนางเหรอวะ โคตรหล่อเลย หุ่นก็ดี โอ้ย อีแพรมันทำบุญด้วยอะไร ฉันจะไปทำมั่ง ฮือ...หล่อมาก หล่อจนมดลูกสั่น”
“อีนี่ แกมีมดลูกรึไง” ฉันแซวนางเบาๆ
“หล่อจนไข่สั่นก็ได้วะ”
“อีบ้า พูดอะไรน่าเกลียด ไข่สั่น” ฉันอดหัวเราะไม่ได้
“แต่ตะกี้ฉันเห็นเค้ายิ้มให้แกด้วย อะไรยังไง แฟนอีแพรทำไมยิ้มให้แกวะ” นางเริ่มสงสัย
“ก็หมอคนที่ฉันเล่าให้แกฟัง คนนี้แหละ หมอซัน”
“ห๊ะ!!! แต่นั่นมันแฟนอีแพรนะแก อย่าบอกว่าแกจะแย่งแฟนอีแพรแก้แค้นเรื่องไอ้ต้น” จริงๆ สไมล์ก็พูดไม่ถูกนักสองคนนั้นยังไม่ได้เป็นแฟนกันซะหน่อย
“เค้าเป็นแค่เพื่อนกัน ยังไม่ได้เป็นแฟน”
“แต่ฉันว่าอีแพรมันชอบหมอซันนะ ดูสิมันมองหมอซันแทบจะกลืนกินอยู่แล้ว แกจะไปยุ่งกับผู้ชายของมันทำไมวะ” สไมล์ไม่เห็นด้วย แต่ฉันไม่สนใจก็คนมันชอบ แล้วเค้าก็ยังไม่มีเจ้าของ
“ฉันก็ชอบหมอซัน ฉันไม่ได้เล่นๆ นะแก นั่นพ่อของลูก”
“แก คงไม่ได้ชอบเพราะเค้าเห็นป่าอเมซอนแกใช่ไหม” ก็บอกว่าเล็มแล้ว ยังจะบอกว่ามันคือป่าอเมซอนอีก อีบ้า!!
“ชอบก็คือชอบป่ะวะ ต้องมีเหตุผลอะไรมากความ ลุยเลยดีกว่า ป่ะไปหายัยแพรกัน” ฉันลุกขึ้นเดินเข้าไปนั่งโต๊ะของแพรไหม
“คุณพ่อสวัสดีค่ะ จำพริมได้ไหม ลูกคุณพ่อปวิตรน่ะค่ะ” ฉันยกมือไหว้พ่อของแพรไหม พ่อของฉันกับแพรไหมเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เด็ก เหมือนกับฉันและแพรไหม ไม่สิ ตอนนี้เราเป็นแค่อดีตเพื่อนรัก
“หนูพริม กลับมาจากฝรั่งเศสเมื่อไหร่ ไม่มาหาพ่อเลย สวยจนพ่อจำไม่ได้ นั่งด้วยกันสิแล้วนั่นสมหมายใช่ไหม” ฉันนั่งลงตามมารยาทที่พึงมี สไมล์หน้างอเล็กน้อย
“คุณพ่อครับ สมหมายเปลี่ยนชื่อเป็นนฤบดินทร์แล้วครับ คุณพ่อเรียกว่าดินก็ได้” ชื่อในวงการแอ๊บแมนของนางเองค่ะ
“อ่าวเหรอ พ่อขอโทษ จำได้แต่ชื่อเดิม หนูพริมกับดินทานอะไรสั่งเลยนะพ่อเลี้ยงเอง ทำไมยัยแพรไม่บอกพ่อว่าหนูพริมกลับมาแล้ว” ท่านวิชัยหันไปถามลูกสาว แพรไหมทำหน้าบอกบุญไม่รับอาจเพราะฉันกับสไมล์มานั่งด้วย
“หมอซัน ดีใจที่ได้เจอนะคะ” ฉันยิ้ม ตอนนี้ฉันเลือกที่นั่งข้างหมอซันโดยมีแพรไหมนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งเช่นกัน ไม่มีใครยอมใครเลยทีเดียว
“ครับ ขนมอร่อยมากเลยครับ ถ้าว่างผมจะไปทานที่ร้านนะครับ” เสียงหวานๆ ดีต่อใจเอ่ยขึ้น ฉันยิ้มอย่างอายๆ พลางเอาผมทัดหูด้วยความขวยเขิน
“ยินดีต้อนรับ ตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าร้านปิดก็ไลน์มาได้นะคะ เผื่อหมออยากกินกาแฟตอนดึก บางทีพริมก็นอนดึกน่ะค่ะ” ฉันอ่อยจะแอ๊บขอไลน์สักหน่อย สไมล์ทำหน้ารู้ทัน แพรไหมแอบเบ้ปาก แต่ฉันเห็น แล้วไง ใครแคร์ร้าน
“จะไม่รบกวนพริมเหรอครับ” หมอพูดอย่างเกรงใจ ไม่เลยค่ะ ไม่รบกวน เล้ย!!!
“นี่คิวอาร์โค้ด คุณหมอแอดไลน์พริมไว้นะคะ เผื่ออยากสั่งอะไร เดี๋ยวพริมไปส่งให้ค่ะ” คุณหมอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแอดไลน์ฉันอย่างเสียไม่ได้ อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็มีช่องทางติดต่อหมอแล้ว
“นี่รู้จักกันด้วยเหรอ?” ท่านวิชัยถามขึ้นเมื่อเห็นฉันคุยกับหมอซันอย่างสนิทสนม หมอซันก็เป็นมิตรกับคนทุกคนบนโลกอยู่แล้ว คนอะไรมนุษยสัมพันธ์ดีเลิศประเสริฐศรี ใครได้เป็นแฟนคงหวงตาย เพราะไม่รู้ว่าหมอซันจะกิ๊กกับใครเล่นยิ้มและสุภาพกับมนุษย์ทุกคน
“เมื่อคืนพริมเป็นไข้ค่ะคุณพ่อ แล้วหมอซันก็ช่วยไว้ พริมเลยอยากตอบแทนหมอซันน่ะค่ะ” ฉันพูดแล้วส่งยิ้มให้หมอซัน ราวกับโลกนี้มีเราแค่สองคน หมอซันยิ้มตอบ ฉันละที่จะเล่าเรื่องฮาร์ดคอร์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนระหว่างฉันกับหมอซันเมื่อคืน ใครจะไปกล้าพูดว่าหมอได้เห็นป่าอเมซอนที่ได้รับการถางเป็นอย่างดีของฉัน
“ยัยพริมประทับใจคุณหมอมากเลยนะ คุณหมอมีแฟนรึยังครับ รับเพื่อนผมไว้พิจารณาหน่อยมั้ย” ฉันจะตบรางวัลโดยมอบแพคเกจกินเค้กฟรีหนึ่งปีให้สไมล์เพื่อนรักของฉัน คุณหมอเกาแก้มด้วยความเขิน ใบหน้าขาวเนียนแดงขึ้นเล็กน้อย ทำไมน่ารักขนาดนี้ ยิ่งนั่งมองใกล้ๆ ยิ่งดีต่อใจ
“ผมไม่กล้ามีแฟนหรอกครับ เวลาจะนอนยังไม่ค่อยจะมี ผมกลัวดูแลแฟนผมได้ไม่ดี อยู่คนเดียวน่าจะดีกว่า” หมอหัวเราะและเขาคงหมายความแบบนั้นจริงๆ
“แต่หมอก็ต้องมีคนดูแลนะซัน เดี๋ยวซันไม่สบายเราจะดูแลซันเองดีมั้ย” แพรไหมไม่พูดเปล่านางเอามือแตะไหล่หมอซันเบาๆอย่างสนิทสนม แว่บหนึ่งหันมามองฉันอย่างผู้ชนะ
“ที่คุณพ่อของแพรกับแพร ดูแลซันขนาดนี้ ซันก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว ผมต้องขอบคุณคุณพ่อที่ช่วยหาบ้านพักใกล้โรงพยาบาลให้นะครับ นึกว่าต้องแชร์ห้องกับไอ้หมออ้ายซะแล้ว”
“เกรงใจอะไรซันคนกันเองทั้งนั้น พ่อแพรก็เหมือนพ่อซันแหละ ใช่ไหมคะคุณพ่อ” แพรไหมไงจะใครล่ะ ฉันกับ
สไมล์หันมาสบตากันยิ้มๆ อย่างรู้ใจ หลังจากนี้ต้องเม้ากันยาว แล้วไงใครสน สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร
“พ่อเองก็ไม่มีลูกชาย พ่อเห็นซันเป็นลูกชายของพ่ออีกคน อย่าเกรงใจเลย” ท่านวิชัยตบไหล่หมอซันเบาๆ ช๊อตนี้ฉันกับสไมล์เหมือนเป็นส่วนเกิน สักพักใหญ่ๆ ฉันก็ชวนสไมล์ขอตัวและกลับ
“แก ฉันว่าแกยอมอีแพรดีไหม เค้าทำงานใกล้กัน เคยได้ยินไหม น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยัง....” สไมล์ไม่ทันพูดจบฉันก็อุดปากนางไว้ก่อน
“พอเลย ศึกคราวนี้ฉันจะไม่ยอม ไม่มีวันยอมยัยแพรอีกแล้ว ฉันนางสาวลักษณ์นารา รุ่งโรจนกุล ขอปฏิญาณตนว่า จะทำให้หมอซันเป็นสามีให้ได้” ฉันกอดอกอย่างมั่นใจ
“อีบ้า ทุกวันนี้ผู้หญิงน่ากลัวว่ะ ดีนะที่ฉันกลับตัวทัน ปฏิญาณตนบ้าบออะไรของแกวะ ฉันสงสารหมอซันจริงๆ ที่เจอคนอย่างแก หมอซันไม่น่าเห็นป่าดงดิบของแกเลย เฮ้อ!!”
“เพี้ยะ!!” ฉันตีแขนสไมล์
“แกจะไม่เข้าข้างเพื่อนรักแบบนี้ไม่ได้ งดเค้กงดขนมเครื่องดื่ม เชอะ”
“เออ สู้ต่อไปเพื่อนรัก ฟาดฟันกับอีแพรต่อไป บางทีอาจจะกินแห้วคู่ เพราะหมออาจจะได้กันกับฉัน” นางเบะปากเชิดหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ตื่นรึยัง เพ้ออะไรวะ อีนี่” ฉันอดขำไม่ได้ คำว่าแพ้ไม่ในสารระบบ ลักษณ์นาราอีกแล้ว แพรไหม เธออย่าคิดว่าเธอเหนือกว่าฉัน เราต้องเจอกันอีกสักตั้ง โดยมีหมอซันเป็นเดิมพัน