เสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินกระแทกลงบนพื้นไม้ลามิเนตอย่างไร้ความปรานี คีรินทร์ปิดประตูห้องด้วยความแรงจนเมลินสะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมานอกอก เมื่อแววตาคมดุของเขาตรึงเธอไว้ราวกับถูกล่ามโซ่ไว้กับที่
"เธอคิดจะหนีไปอีกไหม?" เสียงทุ้มต่ำลอดไรฟัน ข่มอารมณ์เดือดเอาไว้จนเส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบๆ
เมลินเม้มปากแน่น ร่างเล็กถอยกรูดไปติดผนัง แม้สายตาจะไม่ยอมหลบแต่หัวใจในอกกลับเต้นรัวด้วยความกลัวปนเจ็บปวด "ฉันไม่เคยคิดจะหนี ถ้าคุณตั้งใจจะฟังฉันตั้งแต่แรก—"
"เธอไม่มีสิทธิ์พูด!" เขาตะคอก ร่างสูงใหญ่พุ่งเข้าหาอย่างไม่ให้ตั้งตัว ก่อนจะคว้าข้อมือบางทั้งสองข้างยกขึ้นตรึงไว้เหนือศีรษะติดกับผนัง
ดวงตาคมพร่าด้วยอารมณ์หลากหลาย—ความรัก ความเจ็บ ความแค้น และไฟราคะที่สุมอยู่ในอกจนปะทุออกมาเป็นแรงขับดัน
"เธอมีสิทธิ์อะไรไปจากฉัน?!" คำพูดหลุดออกจากริมฝีปากหยักอย่างเจ็บปวด
"รู้ไหม…กี่คืนที่ฉันฝันถึงเธอ…กี่ครั้งที่ฉันอยากจะตาย เพราะคิดว่าเธอไม่รัก"
น้ำตารื้นขึ้นที่ขอบตาเมลินทันที แต่เธอกลั้นไว้ ไม่ยอมให้มันไหล เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแออีกต่อไป…แต่หัวใจที่โดนคำพูดของเขาฟาดฟัน มันก็ยังเจ็บจนแทบทรุด
"คุณไม่รู้เลย…ว่าฉันก็เจ็บไม่ต่างกัน" เธอพึมพำเสียงแผ่ว แต่เขาไม่ฟัง
คีรินทร์โน้มใบหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกแทบชิดกัน ลมหายใจร้อนเป่ารดริมฝีปากเธอ ขณะที่มือหนาไล้ลงมาบีบคางเล็กจนต้องเชิดหน้ารับสัมผัส
"วันนี้เธอจะได้รู้ ว่าการทำให้ฉัน ‘รัก’แล้วทรยศฉัน…มันต้องแลกด้วยอะไร" น้ำเสียงของเขาเย็นเฉียบแต่แฝงความคลั่งเสียจนเธอขนลุก
ร่างสูงใหญ่ดันเธอเข้าใส่ผนังแนบแน่น ก่อนจะบดจูบลงมาอย่างรุนแรง ไม่มีความอ่อนโยน ไม่มีคำขอโทษ มีเพียงแรงปรารถนาที่ล้นทะลักและต้องการลงโทษ
ริมฝีปากของเขาขบเม้มอย่างหิวกระหาย สลับดูดดึงปลายลิ้นของเธอจนเมลินเผลอสะท้าน มือหนาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอออกอย่างไร้ความลังเล กระชากผ้าออกจากไหล่เปลือยจนหลุดจากกาย
"อย่า...คะคีรินทร์—" เธอร้องเสียงสั่น แต่ปลายนิ้วหนาไล้วนอยู่ตรงเนินอกเนียนนุ่ม สายตาของเขาวาววับไปด้วยอารมณ์ดิบเถื่อน
"สายเกินไปแล้วเมลิน…ร่างกายนี้…คือของฉัน" เขากัดฟันกรอด พูดพร้อมไล้ปลายลิ้นลงมาขบเม้มยอดอกสีหวานอย่างไม่ปรานี
เสียงครางหลุดจากริมฝีปากเธออย่างห้ามไม่อยู่ ร่างบางเกร็งสั่นเพราะทุกสัมผัสของเขารุนแรงแต่กลับแฝงความคลั่งรักที่ลึกสุดหัวใจ
เสื้อผ้าถูกโยนลงพื้นทีละชิ้นพร้อมลมหายใจที่ร้อนรุ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมลินถูกยกขึ้นอุ้มก่อนที่แผ่นหลังจะกระแทกลงบนเตียงกว้างเบื้องหลังโดยไร้ความนุ่มนวลใด ๆ แรงขับเคลื่อนของคีรินทร์ไม่ใช่แค่ความต้องการ แต่มันคือไฟแค้นที่สุมอยู่ในใจจนเขาไม่อาจหยุดได้
"ร่างกายเธอ...ยังเหมือนในความทรงจำ" เขาพึมพำเสียงพร่า ปลายนิ้วหนาลากไล้จากซอกคอขาวลงมายังเนินอก ขบเม้มผิวเนียนจนเกิดรอยแดงช้ำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ราวกับต้องการประทับตราความเป็นเจ้าของที่เธอเคยลบหายไปกับการจากลา
เมลินสะอื้นเงียบ ร่างสั่นเทาไปทั้งตัว ไม่ใช่เพราะกลัว...แต่เพราะหัวใจเจ็บเกินกว่าจะต่อต้าน
เธอไม่อยากร้องไห้ แต่เมื่อริมฝีปากของเขากดจูบลงบนแอ่งไหปลาร้า แล้วไล้ลงมาขบเม้มแผ่วเบาที่เนินอก ก่อนจะดูดดุนยอดอกที่แข็งชันด้วยความปรารถนา — เธอก็ห้ามเสียงครางหลุดออกจากลำคอไม่ได้
“คะ…คีรินทร์…” เสียงเธอขาดห้วง ทั้งเรียก ทั้งเว้าวอน ทั้งสั่นสะท้าน
“ห้ามเรียกชื่อฉันด้วยเสียงแบบนั้น” เขาตะคอกเสียงพร่า ดวงตาวาววับเปล่งประกายคลั่ง ขณะใช้ริมฝีปากตะโบมจูบไปทั่วร่างเธอราวกับกำลัง ‘ลงโทษ’ ผู้หญิงที่ทำให้เขาคลั่งมาหลายปี
“ทุกสัมผัสนี้...คือค่าตอบแทนสำหรับความเงียบของเธอ”
ปลายนิ้วร้อนลากผ่านหน้าท้องแบนราบ สอดแทรกเข้าสัมผัสกลางกายอ่อนไหวของเธออย่างไม่ปรานี เมลินสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาใช้สองนิ้วขยับช้าๆ ขณะสายตายังจ้องมองใบหน้าเธออย่างไม่ละสายตา
“ยังกล้าทำหน้าซื่อ…ทั้งที่ตรงนี้…” เขากดน้ำเสียงต่ำพลางโน้มใบหน้าลงมาเลียขอบหูเธอแผ่วเบา
“เปียกเพราะฉันคนเดียว”
“หยุดทรมานฉันได้แล้ว…” เมลินพร่ำเบา ๆ ดวงตาปิดแน่น ขณะที่ร่างทั้งร่างสั่นไหวไม่อาจต้านแรงปรารถนาที่เขาสาดใส่มา
“ไม่…เธอต้องชดใช้ให้หมด” เขากัดฟัน มือหนากดสะโพกเธอลงกับที่นอนในจังหวะที่สะโพกแข็งแรงของเขาขยับเข้าหา ลำกายร้อนจัดที่ตั้งตระหง่านปะทะกลางใจเธออย่างจงใจ ก่อนจะกระแทกเข้าสู่ร่างเธอในจังหวะเดียวจนเธอเผลอร้องลั่น
"อ๊า—!"
เสียงครางนั้นปลุกสัญชาตญาณดิบในตัวเขาให้ปะทุจนหมดสิ้น
แรงถาโถมจากสะโพกเขาหนักหน่วงและรุนแรง แต่ทุกจังหวะกลับแม่นยำเหมือนรู้จักเธอทุกซอกหลืบ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องกว้าง สะท้อนทุกอารมณ์ที่พรั่งพรูออกมา
"เกลียด...ที่เธอทำให้ฉันรัก...แล้วเธอก็มาทรยศกัน" เขากระแทกแรงขึ้นเรื่อย ๆ เสียงหอบหนักปะปนกับเสียงหายใจพร่าของเมลิน
"เกลียด…ที่แม้ตอนนี้ฉันก็กำลังจะหลงเธออีกครั้ง...ฉันพยายามเกลียดเธอ…แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการคิดถึงเธอทุกคืน จนแทบบ้า"
เธอไม่พูดอะไร นอกจากน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ขณะร่างเล็กถูกบดขยี้ใต้อ้อมกอดของผู้ชายที่เธอเคยรักจนหมดหัวใจ
แต่ตอนนี้…เขากำลังทรมานเธอ ด้วยความรักของเขาเอง
เสียงหอบกระเส่าหนักหน่วงและเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องปิดตาย กลืนกินสติสัมปชัญญะของทั้งสองฝ่าย คีรินทร์กระแทกสะโพกเข้าหาร่างบางราวกับลงโทษ แต่ทุกครั้งที่มองเห็นน้ำตาบนใบหน้าเธอ…เขากลับรู้สึกเหมือนหัวใจตนเองถูกบีบ
แต่เขาหยุดไม่ได้
เพราะความเจ็บปวดที่เธอทิ้งไว้ มันฝังลึกเกินกว่าคำว่า ‘ให้อภัย’
"ฉันน่าจะเกลียดเธอให้มากกว่านี้..." เสียงเขาแหบพร่า ดวงตาหล่อเหลาเต็มไปด้วยเพลิงปรารถนาและความขมขื่น ขณะที่ริมฝีปากบดขยี้จูบบนกลีบปากของเธออีกครั้งจนเธอร้องอู้อี้
มือหนารั้งสะโพกเธอแน่นแล้วดันขึ้นรับแรงกระแทกอีกระลอก เมลินสะดุ้งเฮือกก่อนที่เสียงครางหวานสะท้านจะหลุดลั่นออกมา
“อ๊ะ…อ๊ะ…ไม่ไหวแล้ว…”
เขาโน้มลงมาเลียหยาดน้ำตาที่หางตาเธอ “ร้องเถอะเมลิน ร้องให้ฉันรู้ว่าเธอเจ็บเหมือนที่ฉันเคยเจ็บ”
ปลายลิ้นลากต่ำลงมายังยอดอกที่แดงระเรื่อ ก่อนจะดูดดุนอย่างรุนแรง ราวกับจะกลืนกินทุกความรู้สึกของเธอเข้าไปทั้งใจ
"คีรินทร์...ได้โปรด..." เสียงเธอขาดห้วงเมื่อเขากระแทกสะโพกซ้ำในจังหวะที่เร็วและลึกกว่าเดิมจนเธอสะท้านทั้งตัว
“ได้โปรดอะไร?” เขากระซิบเสียงพร่า “ได้โปรดหยุด? หรือได้โปรดรักเธออีกครั้ง…”
“ฉันไม่รู้… ฉันแค่…” น้ำเสียงเธอสั่น ดวงตาเปียกชื้นประสานกับสายตาของเขาในระยะประชิด
“แต่ฉันรู้…” เขากัดฟันต่ำ “รู้ว่าเธอทำให้ฉันติดเธอเหมือนคนบ้า เธอหลอกฉันด้วยตาเศร้าๆ คู่นี้ ทั้งที่เธอเป็นคนทิ้ง!”
ทุกคำพูดของเขาคือมีดที่กรีดลึกลงในหัวใจของเธอ ขณะที่เรือนกายยังถูกเขารุกรานอย่างต่อเนื่อง
เขาดันขาเธอขึ้นเกี่ยวเอวแล้วกระแทกเข้าลึกสุด ร่างบางสั่นระริกทุกครั้งที่เขาขยับเข้าออก
หัวใจของเธอร้องไห้กับความจริงที่ไม่มีใครฟัง…แม้แต่เขา ผู้ชายที่เธอยังรัก
“คีรินทร์…มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด…”
“เธอมีสิทธิ์อะไรจะพูดตอนนี้? รู้ไหม…กี่คืนที่ฉันฝันถึงเธอ กี่ครั้งที่ฉันอยากจะตายเพราะคิดว่าเธอไม่รัก!”
เขากระแทกสุดแรง ร่างเธอสะเทือนทั้งเตียง เมลินร้องเสียงหลงเมื่อเขาสอดกายเข้าไปลึกสุด ก่อนจะขบเม้มต้นคอเธอรุนแรงเป็นรอยแดงเถือก
“นี่คือความทรงจำใหม่ที่ฉันจะทิ้งไว้ให้เธอ…เมลิน”
เสียงหอบ เสียงครวญ เสียงสะอื้น และเสียงเตียงโยกไหวในจังหวะเร่งเร้า เรียกความบ้าคลั่งให้ไต่ระดับขึ้นทุกวินาที
จนกระทั่ง—
“อ๊ะ…ไม่ไหวแล้ว!” เมลินกรีดร้องสุดเสียง ร่างเธอสั่นไหวปลดปล่อยความอัดอั้นออกมาพร้อมกันกับแรงกระแทกครั้งสุดท้ายของคีรินทร์ที่ฟุบหน้าลงกับแอ่งไหล่เธอ ร่างแกร่งกระตุกถี่ สอดลึกอยู่ภายในอย่างไม่ถอนตัวออกมา
เขาหลั่งความร้อนรุ่มเข้าไปในกายเธออย่างเต็มที่ ราวกับต้องการประทับความเป็นเจ้าของให้ฝังลึกเข้าไปถึงหัวใจ
ริมฝีปากหนาประทับจูบแผ่วเบาลงบนหน้าผากเธอ…ต่างจากทุกสัมผัสก่อนหน้า
เย็นชา...แต่โหยหา
เสียงร้องไห้โหยหวนดังก้องไปทั่วห้องนอนใต้ดินหรูที่ถูกออกแบบให้ดูสวยงามในรูปแบบคฤหาสน์ชั้นสูง หากแต่กลิ่นอายของการกักขังก็ยังไม่สามารถปกปิดได้หมด — โดยเฉพาะเมื่อคนที่ถูกขังอยู่คือเมลิน ผู้หญิงที่กำลังจะเสียสติเพราะถูกพรากลูกไป“ปล่อยฉันออกไป! ได้ยินไหม! ฉันต้องไปหาน้องน็อต! ลูกฉันกำลังป่วย!” เสียงร้องของเธอปนเปื้อนด้วยน้ำตาและความเจ็บปวด มือทุบประตูอย่างสิ้นหวังบนชั้นบน ลิซ่า เลขาคนสนิทที่ฟื้นขึ้นมาเรียบร้อย เดินตรงเข้าไปหานายของตนที่ยืนกอดอกอยู่ปลายเตียง มองดูเด็กชายตัวน้อยที่นอนดิ้นไปดิ้นมาไม่ยอมให้หมอตรวจอยู่กลางเตียงด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เด็กอาจจะไม่รอดนะคะคุณคีรินทร์” ลิซ่าพูดตรง ๆ แม้จะรู้ว่าอาจโดนสายตานั้นเฉือนให้เลือดซึม“…”คีรินทร์ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ลึกลงไปในอกมีบางอย่างกระตุกวูบ ความรู้สึกที่เขาพยายามฝังกลบมันไว้ใต้บาดแผลของความแค้นพลันถูกรบกวน“พาเธอมาหาลูก” เขาออกคำสั่งเสียงเบาแต่เฉียบขาดไม่นานนัก เมลินก็ถูกพาตัวมายังห้องนอนใหญ่ เด็
ใต้ดิน…ในห้องนอนที่ดูหรูหราแต่ไร้ซึ่งความรู้สึกอบอุ่น เมลินยังคงถูกขังไว้ที่นั่น วันที่เท่าไรแล้วเธอไม่รู้ รู้เพียงว่าทุกเช้าและเย็น คีรินทร์จะเปิดประตูเข้ามาพร้อมแววตาแข็งกร้าว"บอกฉัน…ว่าเธอทำไปทำไม"ประโยคนั้นซ้ำซากราวกับบทสวด คีรินทร์ยังคงสงสัยว่าเมลินมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของน้องชายเขาเมื่อหลายปีก่อน เขาเชื่อว่าเธอคือจุดเชื่อมโยงกับสปายที่ทำให้ทุกอย่างพังเมลินเงียบ…ดวงตานิ่งสงบซ่อนแผลในใจเอาไว้ เธอไม่เคยตอบอะไรมากไปกว่าเดิม"ฉันไม่ได้เกี่ยวข้อง ฉันแค่ต้องไป…เพราะมีเหตุผลของฉัน"ทุกเย็น เขาจะพาเธอไปยังห้องกระจกอีกห้องหนึ่ง ที่ซึ่งเธอจะได้มองลูกชายของเธอ—น้องน็อต—ผ่านกระจกหนา เด็กน้อยนั้นผอมลงทุกวัน เธอเห็นได้จากเงาร่างที่เคยสดใส เริ่มหม่นหมองลงอย่างชัดเจน เขาไม่พูด ไม่เล่น เพียงนั่งเหม่อจ้องออกไปอย่างเงียบงันเมลินเจ็บ…เจ็บจนแทบขาดใจ“นายมันอำมหิต!” เสียงเธอสั่นพร่า “แค่เพราะความเชื่อที่ไม่มีหลักฐาน นายถึงกับพรากแม่ออกจากลูก?”คีรินทร์ขบกรามแน่น ดวงต
“อย่าคิดว่าหนีไปแล้วจะจบ…”“ทุกวินาทีที่ฉันเฝ้าคิดถึงเธอ…”“…เธอจะต้องจ่าย...ด้วยตัวเธอเอง”คีรินทร์ครางต่ำในลำคอ ร่างหนากระแทกกระทั้นอีกครั้งในจังหวะหนักหน่วง ไม่ให้โอกาสเธอได้พักหายใจ มือแกร่งตรึงขาเรียวขึ้นแนบไหล่ แล้วดันลึกจนสุดราวกับต้องการบดขยี้ลมหายใจของเธอให้ดับสิ้นเมลินร้องเสียงหลง ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตาและแรงปรารถนาที่ท่วมท้น เธอเหนื่อยจนหายใจแทบไม่ทัน แต่ชายหนุ่มไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเขาไม่คิดหยุดครั้งแล้ว…ครั้งเล่า…แม้เธอจะตัวสั่นไปหมด ร่างกายแทบรับไม่ไหว เขาก็ยังฝืนกระแทกใส่เธอด้วยความต้องการที่เหมือนสัตว์ป่าบ้าคลั่ง ร้อนแรง รุนแรง จนเสียงร่างกายที่ปะทะกันดังสะท้อนกับผนังห้อง“อึ่ก…เมลิน…เธอมัน...”เสียงหอบพร่าของเขาแหบเครือ มือที่เคยแน่นหนาบีบจับอย่างไร้ปรานีเริ่มสั่นคล้ายจะสิ้นเรี่ยวแรงสุดท้าย...ในครั้งสุดท้ายเขากระแทกลึกในจังหวะสุดท้าย ดวงตาคมหลับแน่นในขณะที่ปลดปล่อยอย่างรุนแรงออกมาอีกระลอกหนึ่
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินกระแทกลงบนพื้นไม้ลามิเนตอย่างไร้ความปรานี คีรินทร์ปิดประตูห้องด้วยความแรงจนเมลินสะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมานอกอก เมื่อแววตาคมดุของเขาตรึงเธอไว้ราวกับถูกล่ามโซ่ไว้กับที่"เธอคิดจะหนีไปอีกไหม?" เสียงทุ้มต่ำลอดไรฟัน ข่มอารมณ์เดือดเอาไว้จนเส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบๆเมลินเม้มปากแน่น ร่างเล็กถอยกรูดไปติดผนัง แม้สายตาจะไม่ยอมหลบแต่หัวใจในอกกลับเต้นรัวด้วยความกลัวปนเจ็บปวด "ฉันไม่เคยคิดจะหนี ถ้าคุณตั้งใจจะฟังฉันตั้งแต่แรก—""เธอไม่มีสิทธิ์พูด!" เขาตะคอก ร่างสูงใหญ่พุ่งเข้าหาอย่างไม่ให้ตั้งตัว ก่อนจะคว้าข้อมือบางทั้งสองข้างยกขึ้นตรึงไว้เหนือศีรษะติดกับผนังดวงตาคมพร่าด้วยอารมณ์หลากหลาย—ความรัก ความเจ็บ ความแค้น และไฟราคะที่สุมอยู่ในอกจนปะทุออกมาเป็นแรงขับดัน"เธอมีสิทธิ์อะไรไปจากฉัน?!" คำพูดหลุดออกจากริมฝีปากหยักอย่างเจ็บปวด"รู้ไหม…กี่คืนที่ฉันฝันถึงเธอ…กี่ครั้งที่ฉันอยากจะตาย เพราะคิดว่าเธอไม่รัก"น้ำตารื้นขึ้นที่ขอบตาเมลินทันที แต่เธอกลั้นไว้ ไม่ยอมให้มันไหล เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อน
สองวันแล้ว...เมลินยังคงถูกขังอยู่ในห้องเดิม ห้องที่ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีนาฬิกา ไม่มีอะไรบอกเวลา มีเพียงแสงไฟเพดานจาง ๆ กับผนังสีเทาอึมครึมที่แทบไม่สะท้อนอารมณ์อะไรนอกจากความอ้างว้าง อาหารและน้ำถูกส่งมาให้ตรงเวลา แต่เธอแทบไม่แตะต้องมันเลย หญิงสาวเพียงกอดเข่าตัวเองอยู่ตรงมุมห้อง เงียบงัน และเปล่งเสียงร้องไห้เบา ๆ อยู่กับตัวเอง"ลูกของแม่...น้องน๊อต..." เสียงกระซิบเจือสะอื้นดังแทบไม่ได้ยิน เธอหลับตาแน่น กัดริมฝีปากกลั้นสะอื้น ความคิดถึงลูกกัดกินหัวใจไม่ต่างจากเข็มพันเล่มที่ทิ่มแทงซ้ำ ๆ ทุกนาทีแต่ทั้งหมดนั้น...อยู่ในสายตาของเขาชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าเย็นชา คิรินทร์ กัลย์พิทักษ์ นั่งกอดอกเงียบ ๆ อยู่หน้าจอมอนิเตอร์หลายจอในห้องควบคุมส่วนตัว สายตาเย็นจับจ้องภาพหญิงสาวในห้องขังนิ่ง ๆ“จะใจแข็งไปได้สักแค่ไหน…” เขาพึมพำกับตัวเอง ดวงตาคมเฉียบไหววูบเพียงเล็กน้อย“บอสค่ะ”เสียงเรียกของเลขาสาวคนสนิท ลิซ่า ทำให้เขาหันขวับ“ลูกของเธอ...อาการไม่ค่อยดีนะคะ”คิรินทร์ขมวดคิ้วแน่นทันที“
ห้องใต้ดินที่ถูกดัดแปลงให้คล้ายห้องนอนทั่วไปกลับเย็นเยียบจนแทบหยุดลมหายใจ เมลินรู้สึกเหมือนถูกจองจำอยู่ในคุกที่โหดร้ายยิ่งกว่าคุกจริง—คุกที่กล่อมเธอด้วยม่านหนา เตียงนุ่ม และแสงไฟหลอกตา หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่ที่มุมเตียง กอดเข่าตัวเองเอาไว้แน่น ดวงตาแดงช้ำบวมเป่งจากการร้องไห้ไม่หยุดตั้งแต่ถูกจับแยกจากลูกชายที่สนามบิน“น๊อต...” เธอพึมพำชื่อเขาแผ่วเบา ปลายนิ้วเย็นเฉียบกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อหนัง เธอไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังกลัวหรือร้องไห้หรือเปล่า เด็กชายวัยสี่ขวบที่ไม่ค่อยเข้าใจโลกใบนี้มากนัก เติบโตมากับแม่เพียงคนเดียว ไม่มีญาติ ไม่มีใคร แม้แต่พ่อของเขา...คนที่ควรจะรักเขาเป็นคนแรก ก็ไม่เคยแม้แต่จะถามถึงตอนที่ถูกชายแปลกหน้าลากตัวเธอขึ้นรถ เมลินดิ้นสุดแรงแต่ไร้ประโยชน์ และภาพสุดท้ายที่เธอเห็นก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไปก็คือเด็กชายในอ้อมแขนของชายคนหนึ่ง เขาถูกอุ้มขึ้นรถอีกคันที่จอดรออยู่ แววตากลมโตของลูกชายที่เต็มไปด้วยความตื่นกลัว ฝังลึกอยู่ในหัวใจของเธอราวกับแผลสาหัสที่ไม่มีวันสมาน“หนูจะต้องไม่เป็นอะไร... แม่จะหาทางไปหาหนู