“คนบ้าอะไรขืนใจคนอื่นแล้วก็มาทำดี ตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า” เธอยังคงนอนบ่นพึมพำ สะดุ้งตัวเมื่อมือของกวินลูบหลังเธอเบา ๆ แสดงให้ชัดไปเลยในสิ่งที่เธอกล่าวหา
“มีความสุขด้วยกัน ยังจะมาบอกว่าขืนใจอีกเหรอ เสียงหวานของเธอมันย้อนแย้งกับที่พูดเมื่อกี้เลยนะ”
“หุบปากแล้วนอนซะ” คำพูดนี้ปกติแล้วจะได้ยินจากปากของเขา แต่บัดนี้กลับตรงกันข้ามเสียอย่างนั้น
แสงแดดอ่อนสอดส่องทะลุผ้าม่านเข้ามาในห้องนอน ทำให้วันสุขรู้สึกตัว เธอเปิดเปลือกตาเพื่อปรับรับแสงของวันใหม่ หันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างตัวเธอ ใบหน้าของเขาทำให้ภาพกิจกรรมบนเตียงแสลงในใจ โชคชะตาทำไมถึงใจร้ายกับเธอนัก ใจหนักแน่นไม่ยินยอม แต่พอถูกไล่ต้อนร่างกายกับทรพี หญิงสาวพลิกตัวตะแคงหันหลังแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปง เสียใจกับการที่ถูกคนใจร้ายย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แขนแกร่งโอบกอดเอวของเธอเบา ๆ ปลายจมูกคมสันสัมผัสลงซอกคอ แรงสะอื้นทำให้กวินลืมตาตื่น
“ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ” สรรพนามเรียกขานเปลี่ยนไปตามอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นมา
“โดนขืนใจจะให้ฉันยิ้มหน้าบานหรือไง” เธอตอบเขาทั้งน้ำตา ขยับตัวออกห่างไม่อยากให้เขาสัมผัสหรือโอบกอด
“คุณก็ดูมีความสุขดีไม่ใช่หรือไง แบบนี้เรียกขืนใจเหรอ”
“ความสุขบ้าอะไรล่ะ นายบังคับฉันแต่แรก! ฉันไม่ได้ยอมเลยสักนิด”
กวินเปิดผ้าห่มออกจากตัวของวันสุข พลิกตัวเธอให้ประจันหน้า เขานอนมองเธอที่กำลังปล่อยหยาดน้ำตาออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ดวงตาและปลายจมูกแดงก่ำ ทำให้กวินรู้สึกทุกข์ใจ เขาไม่รู้ว่าต้องอ่อนโยนกับเธอแบบไหน ถึงจะลบอคติในใจของเธอได้
“ฉันกลับมาบ้าน หวังว่าจะมีความสุข แต่เปล่าเลยตั้งแต่เจอนายฉันมีแต่ความทุกข์ทรมาน”
“ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะเป็นภรรยาที่มีความสุขเวลาอยู่กับผม”
“ไม่มีวันหรอก เพราะฉันเกลียดนายจนเข้ากระดูกดำ โคตรเกลียดเลย”
“เรื่องนั้นผมรู้ ตอนนี้ผมก็พยายามให้คุณเห็นอีกมุมที่ผมเป็น”
“พยายามให้ตายฉันก็ไม่รักนายหรอก”
“รีบสรุปหัวใจตัวเองเชียวนะ ระวังจะกลืนน้ำลายตัวเอง”
“ฉันไม่มีทางจะยอมรับนาย เราสองคนไม่มีทางอยู่ด้วยกันได้ ไอ้ฆาตกร!”
“นี่!” กวินแผดเสียงใส่เธอ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวสะดุ้งตกใจ เขาจึงปรับน้ำเสียงใหม่ให้นุ่มนวลกว่าเดิม
“ผมรู้ว่าตอนนี้คุณโกรธอยู่ ที่ผมใช้ความรุนแรงบังคับคุณ ที่จริงผมไม่ควรยึดหรือครอบครองคุณไว้ แต่พ่อของคุณ...”
“หยุด! ไม่ใช่แค่รุนแรงแต่นายฆ่าพ่อสุดที่รักของฉันด้วย นั่นก็ชัดเจนแล้วว่า เราสองคนไม่มีทางจะรักกันได้...ไม่มีใครสามารถมอบหัวใจให้กับฆาตกรที่ฆ่าพ่อตัวเองหรอกนะ ไม่มีวัน” ความใจร้อนของหญิงสาวทำให้เธอพูดแทรก ก่อนที่กวินจะทันได้พูดในสิ่งที่คิดไว้ เธอก็พูดตัดบทขึ้นมา
“ฟังผมพูดให้จบก่อนได้ไหม”
“ไม่ได้! เพราะคำพูดของนายมันยิ่งทำให้ฉันแค้นใจจนอยากบีบคอนายให้ตาย แก้แค้นให้พ่อและครอบครัวของฉัน ฉันไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าฆาตกร และไม่ต้องการให้คนที่เกลียดมาปลอบ”
“ก็ร้องออกมาแล้วไม่ใช่หรือไง”
พูดจบด้วยอารมณ์ร้อน เธอก็ลุกจากเตียงนอนไปนั่งหน้ากระจกบานใหญ่ มองตาตัวเองที่มันบวมเหมือนลูกมะนาว
“คุณกับผมเกิดมาคู่กัน ต่อให้ต้องแยกจากกัน สุดท้ายก็กลับมาอยู่ด้วยกันอยู่ดี”
“ฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กับนาย”
“ใครบอก?”
“ฉันนี่แหละบอก”
“ทำไมถึงไม่ฟังอะไรเลย เลิกดื้อได้ไหม?”
“ไม่! ฉันจะดื้อจนทำให้นายเป็นประสาท”
“ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ววันสุข ยอมรับมันซะ ต่อต้านไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
“ไม่ยอมรับ ฉันจะไม่มีวันรักนายด้วย ไอ้คนเลว”
“อย่าเพิ่งปากดีนักเลย ผมเคยเห็นมาหลายคนแล้วที่พูดแบบคุณ สุดท้ายก็กลืนน้ำลายตัวเอง รักคนที่ตัวเองเกลียด ไม่นานหรอกคุณก็จะตกหลุมรักผมเหมือนคนเหล่านั้นที่ผมเคยเจอ”
กวินพ่นลมหายใจออกมา ยืนมองเธอผ่านกระจกบานใหญ่ ใจลึกนึกอยากเข้าไปปลอบ ทว่าอารมณ์ของหญิงสาวในตอนนี้มันร้อนยิ่งกว่าไฟกำลังลุกท่วมฟืน สิ่งที่อยากพูดอยากอธิบายให้ฟังจำต้องเก็บคืนไปก่อน
“มั่นหน้า! แล้วใครจะบ้าไปกลืนน้ำลายคนอื่น สกปรก”
“รับรองเลยว่าผมจะเป็นสามีที่ไม่ทำให้คุณผิดหวัง และไม่อายใคร”
“เห็นหน้านายฉันก็ผิดหวังละ”
“หล่อขนาดนี้ สาว ๆ ที่เดินผ่านยังหันมอง คุณนี่สายตาแย่มาก ไปตัดแว่นใส่ซะนะ” พูดจบก็เดินออกจากห้องไป
คำพูดมั่นหน้าทำเอาวันสุขถึงกับอึ้งอ้าปากค้าง เธอนึกไม่ทันเลยจะสรรหาคำพูดไหนเปรยออกไป
หญิงสาวมองตามหลังชายหนุ่มผ่านบานกระจก เธอสัมผัสได้ว่าเขามีความอ่อนโยนอยู่บ้าง มีส่วนดีในตัวเขาที่เธอสัมผัสได้ แต่ความดีตรงนั้นไม่อาจลบล้างมือเปื้อนเลือด ที่พรากบุพการีสุดที่รักของเธอได้
วันสุขนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของกวิน เธอไม่สามารถข่มตาให้หลับสนิทได้ เมื่อลมหายใจอุ่นกระทบกับผิวคอของเธอ“ยังเจ็บอยู่เหรอ”“เปล่า”“ทำไมถึงยังไม่หลับ หรือเป็นเพราะอ้อมกอดของผม”“ใช่!”“ขอโทษแล้วกันนะที่ทำให้หวั่นไหวหัวใจ”“เหอะ มโนเนอะ..กอดของนายมันทำให้ฉันเจ็บกว่าเดิมจนนอนไม่หลับย่ะ” วันสุขดันตัวออกห่าง แต่เขาก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด แถมยังถูกเขากระชับกอดแน่นกว่าเดิมอีก ไม่สนคำต่อว่าของเธอแม้แต่น้อย“งั้นเดี๋ยวกอดเบา ๆ แล้วกัน” เขาพูดอย่างโอนอ่อนพร้อมกระทำดั่งปากว่า“นายไม่รีบไปง้อสาวคนนั้นหรือไง” เมื่อพยายามถอยห่างแล้วไม่สามารถทำได้ จึงจำต้องอยู่ในอ้อมกอดอุ่นแบบนั้น“ไม่จำเป็น ตัดความสัมพันธ์ไปแล้วจบคือจบ ผมไม่ใช่คนที่หันหลังกลับไปเดินเส้นทางเดิม” เขาให้เหตุผลเมื่อได้ยินคำตอบ วันสุขก็ไม่ถามอะไรต่อ ความล้าและร่างกายที่ระบมทำให้เปลือกตาของเธอเปิดต่อไม่ไหว จนคล้อยหลับไปในที่สุดไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่หญิงสาวหลับสนิทไป เธอลืมตาตื่นในยามแสงแดดจวนจะหายไป ลืมตามองโดยรอบไม่พบคนที่นอนกอด เป็นอีกคราที่เธอตื่นมาเพียงลำพัง ไม่มีข้อความบอกกล่าว ไม่มีการบอกเล่าใด ๆ ให้เธอรับรู้...เธอควรจะรู้สึกดีสิเ
สองเท้าก้าวเหยียบผืนแผ่นดินประเทศไทย หลังจากที่เธอไปเรียนต่อต่างประเทศสี่ปีไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเลยสักครั้ง วันสุข ลูกสาวอันเป็นที่รักของตระกูลผู้มั่งคั่ง เธอกลับมายังดินแดนบ้านเกิดหลังจากคว้าใบปริญญามาเป็นของขวัญแก่ผู้มีพระคุณให้ได้ภาคภูมิใจ วันสุขยืนสูดลมหายใจด้วยรอยยิ้ม เธอคิดถึงใบหน้าของผู้เป็นพ่อแม่ที่เปื้อนยิ้ม ตอนนี้พวกท่านคงตระเตรียมอาหารจานโปรดเพื่อรอต้อนรับเธอเป็นแน่“คิดถึงจังเลย” วันสุขแหงนหน้ามองบนท้องฟ้า แล้วสบถออกมาด้วยรอยยิ้มระหว่างรอให้รถยนต์ของที่บ้านมารับสายตามองเห็นรถยนต์ยี่ห้อหรูขับพุ่งทะยานด้วยความเร็ว พร้อมกับรถยนต์ของเหล่าผู้ติดตามอีกคัน ขับมาจอดเทียบจุดที่เธอยืนรอ ชายฉกรรจ์ร่างสูงในชุดสูทสีเข้ม ยืนเรียงแถวตรงข้าม จนทำให้เธอตกใจ ก่อนจะมีชายหนุ่มอีกคนเดินมาหยุดตรงหน้าของเธอวันสุขนึกสังหรณ์ใจบางอย่าง คนที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ดูไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่ เขาดูเป็นผู้ชายอันตราย ไม่น่าไว้วางใจ...ใช่คนของพ่อจริงเหรอ? เป็นคำถามที่ก่อเกิดในใจ“คุณพ่อให้คุณมารับฉันเหรอคะ?” เธอเอ่ยถามอย่างสุภาพ แต่ก็ยังคงระวังตัว(“ลูกน้องคุณพ่อดูไม่ค่อยคุ้นหน้าเลย หรือว่าท่านเปลี
วันสุขพยายามตั้งสติที่แทบเหลือน้อยนิด มองโดยรอบของห้อง ชั่วความคิดหนึ่งพลันนึกได้ บ้านหลังนี้ปกติจะมีลุงคนสวนเก่าแก่คอยดูแลบ้านหลังนี้ ทว่าตั้งแต่ที่เธอเข้ามายังไม่เห็นแม้แต่เงาของลุงคนนั้น การตกแต่งภายในห้องก็เปลี่ยนไป เธอจำไม่ผิดแน่ว่านี่คือบ้านพักต่างจังหวัดที่พ่อของเธอเคยพามาก่อนจะไปเรียนต่างประเทศ เธอไม่ได้ความจำสั้นขนาดนั้น“ต่อไปห้องนี้จะเป็นห้องส่วนตัวของคุณ ผมสั่งคนออกแบบตกแต่งใหม่ หวังว่าคุณจะพอใจ” เขาพูดหน้าตาย พร้อมกับขยับตัวไปนั่งลงข้างเธอ ใช้หลังมือสัมผัสลูบไล้ข้างแก้มของเธอ“อย่ามาลุ่มล่ามกับฉัน...ถึงบ้านของฉันแล้ว หมดหน้าที่ของคุณ เสร็จแล้วไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้” วันสุขปัดมือหนานั้นเต็มแรง หยัดตัวลุกยืนท่วมหัวคนแปลกหน้า จ้องตาเขม็ง ตวาดเสียงแข็งชี้นิ้วไปทางประตูขับไล่“หน้าที่ของผมยังไม่หมดแค่นี้หรอก”“พ่อฉันอยู่ไหนบอกมานะ ฉันจะไปหาพ่อของฉัน”“คุณไม่มีทางได้เจอพ่อของคุณหรอก” “นายหมายความว่ายังไง...ก่อนหน้าฉันถามนายก็ไม่ตอบ พ่อแม่ฉันไปไหน!”“...แม่ของคุณอยู่บ้านที่ราชบุรี ส่วนพ่อของคุณเขาจากไปตั้งแต่สี่เดือนก่อน” วันสุขนิ่งงันเหมือนถูกสาป เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้
วันสุขพยายามกระเสือกกระสนลงจากเตียง แต่แข้งขากลับอ่อนแรงลง เธอเกือบจะล้มฟุบแต่ร่างกายยังไม่ทันได้สัมผัสกับพื้น ก็ถูกคนแปลกหน้าที่พาเธอมารับตัวไว้ในอ้อมแขน การถูกสัมผัสจากเพศตรงข้าม ทำให้เธอรู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง ร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ยิ่งเห็นใบหน้าเขายิ่งเหมือนปลุกเร้าความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้จักเธอเหมือนกระหายอยากให้เขาสัมผัสในส่วนที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมากกว่านี้ เลือดในกายพุ่งพล่านเรียกร้องบางอย่างมากกว่านี้“นายเอาอะไรให้ฉันกิน” เธอถามด้วยน้ำเสียงหอบกระเส่า มือเรียวเล็กไม่อยู่สุขลากไล้ไปตามลำคอแกร่งของชายแปลกหน้า ทั้งที่ภายในใจพยายามต่อต้านแต่ร่างกายกลับสวนทาง“หึ...เธอคิดว่าไงล่ะ” เขากระซิบข้างหูของเธอ จากนั้นก็อุ้มร่างอรชรวางลงบนเตียงวันสุขเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เธอกลืนลงท้องมันคืออะไร เธอพยายามเรียกสติตัวเองกลับคืนมา ทว่าร่างกายกลับไม่เป็นดั่งใจเอาเสียเลย เธอกำลังจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกด้วยมือที่สั่นเทา เขามองเธอด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์“ปากบอกไม่ยอม เธอถามร่างกายตัวเองหรือยัง?...ทนได้เหรอ?” เขากระแนะกระแหนเย้ยหยัน“อย่ามาใกล้ฉัน” วันสุขร้องปราม เมื่อเขาเข้ามาใกล้ชิดเธอวันส
ดวงตะวันส่องแสงทอสว่างเข้ามาในห้องนอนแสนกว้าง วันสุขนอนสลบหมดเรี่ยวแรงหลังกิจกรรมรักอันเร่าร้อนจบลง เป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เธอหลับไป ลืมตามองรอบด้านพบเพียงความว่างเปล่า ไร้เงาของคนที่ก่อนหน้าทำร้ายร่างกายและจิตใจเธอ “คุณตื่นแล้วเหรอคะ ป้าเอาข้าวมาให้ค่ะ” ยังไม่ทันได้เหยียบสัมผัสกับพื้น หญิงมีอายุคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามาทันที เป็นคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน“คุณเป็นใครคะ?” วันสุขเอ่ยถาม“ป้าเป็นแม่บ้าน ดูแลที่นี่มาได้สักพักแล้วค่ะชื่อนาง”“ป้านาง”“ทานข้าวเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน”คนมาใหม่วางถาดอาหารลงบนโต๊ะ พลางมองมายังเธอด้วยรอยยิ้มที่ดูไร้พิษภัย วันสุขก้มมองตัวเองก่อนจะกำชับเสื้อให้ปิดมิดชิด เธอรู้สึกอายกับร่อยรอยช้ำที่คนป่าเถื่อนกระทำกับเธออย่างไม่ออมมือ เขาทิ้งรอยจูบเอาไว้จนทั่วร่างกาย“ป้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกคุณ แต่ป้าอยากให้คุณอดทนและเข้มแข็ง” หญิงมีอายุเอ่ยให้กำลังใจ เธอเห็นวันสุขแล้วอดสงสารไม่ได้“หนูไม่รู้จะทนได้แค่ไหน” วันสุขกล่าวอย่างคนหมดหวัง“จากที่ป้าอยู่ที่นี่มาคุณกวินเป็นคนใจดีนะคะ”“เขาชื่อกวินเหรอคะ?”“ค่ะ”“แล้วตอนนี้เขาไปไหนเหรอคะ?”“ป้าก็ไม่ทร
"ปล่อยฉัน ไอ้บ้า" ตอนนี้เธอรู้สึกกลัวจนสั่นไปทั้งตัว จะยืนหยัดให้มั่นก็แทบยืนไม่ไหว ยิ่งเห็นแววตาดุร้ายของกวินยิ่งเริ่มทำให้เธอใจเสีย"เธอมันวอนเอง" เสียงพูดคำรามรอดไรฟัน แววตาดุดันน่ากลัว"นายไม่มีสิทธิ์ทารุณฉันแบบนี้” ท่าทีของกวินทำให้วันสุขนึกหวาดกลัว แต่เธอก็ยังกัดฟันสู้ต่อปาก“เธอควรได้รับการสั่งสอน ว่าการเป็นภรรยาที่ดี เชื่อฟังเป็นยังไง ไม่ใช่อยากถ่มน้ำลายใส่หน้าผัวตามใจได้”“นายไม่ใช่ผัวฉัน”“หรือต้องให้ย้ำ”ท่าทีของเขาเริ่มน่ากลัวเข้าไปอีก นั่นยิ่งทำให้วันสุขเริ่มใจคอไม่ดี สีหน้า น้ำเสียง และท่าทางเขาสามารถฆ่าเธอได้จริง ๆ“ปล่อยฉันเถอะ" แน่ล่ะใครจะไม่รักตัวกลัวตาย เธออ้อนวอนเขารอบแล้วรอบเล่า เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ"ได้สิ ฉันจะปล่อยเธอ" เขาลดปืนลงแล้วตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นเฉียบคำพูดที่ออกจากปากสร้างความดีใจให้กับเธอ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก"แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้""!!!"แต่แล้วความดีใจทั้งหมดของเธอก็หล่นวูบลงพื้น ยืนทรงตัวแทบไม่อยู่เมื่อเขาตอบออกมา ความกลัวครอบงำเมื่อเขาขึ้นนกปืนและเล็งปลายกระบอกปืนมายังเธอ...มันคงจบลงแล้วในวันนี้ ชีวิตที่เคยสดใสของผู้หญิงตัวเล็
เสียงปืนยังคงก้องในหูหลอกหลอนเธอ ภาพเหตุการณ์โหดร้ายสร้างความหวาดกลัวจนวันสุขเก็บไปฝัน เม็ดเหงื่อท่วมใบหน้า เธอส่ายหัวไปมา จนคนที่นอนข้าง ๆ รู้สึกตัวตื่นกลางดึก“ไม่นะ ไม่” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยทั้งที่ไม่ได้ลืมตากวินเอื้อมมือเปิดสวิตช์ไฟดวงเล็กบนหัวเตียง เขาใช้หลังมือสัมผัสลงหน้าผากของวันสุข เธอตัวร้อนอย่างกับไฟ ทำให้เขาตกใจ รีบเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้เธอ ทุกขั้นตอนเขาดูแลวันสุขด้วยตัวเองโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หาย” ภายนอกดูโหดเหี้ยมและใจร้าย แต่ลึกภายใต้จิตสำนึกกลับแอบซ่อนความอ่อนโยนและอบอุ่นเอาไว้ พิษไข้ของวันสุขทำให้กวินยังคงคอยเช็ดตัวให้เธอจนความร้อนเริ่มลดลง เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วจัดการสวมเสื้อผ้าให้เธอ แล้วทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ หญิงสาวจนถึงเช้าการสัมผัสของใครบางคนทำให้วันสุขรู้สึกได้ เธอค่อย ๆ ปรือตาอย่างเชื่องช้า มองเห็นใบหน้าคมสันของกวินที่นั่งอยู่ข้างเตียง เธอเห็นเขารีบดึงมือกลับ แล้วลุกพรวดจากเก้าอี้“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้” เธอถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
หลายวันมานี้วันสุขอยู่แต่ห้องสีเหลี่ยมเดิม ๆ บรรยากาศอุดอู้ทำให้เธอเบื่อหน่าย อยากออกไปสูดอากาศข้างนอก แต่ก็ไม่สามารถไปได้ ตอนนี้เธอเหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกขังในกรงเพื่อรอฟังคำสั่ง เธอกิน นั่ง นอน วนเวียนอยู่แบบนั้นจนตะวันตกดินวันแล้ววันเล่า เคยอ้อนวอนป้านางให้ปล่อยเธอออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง“น่าเบื่อชะมัด...มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวฉันกันแน่” อิงฟ้านอนมองเพดาน เธอพร่ำถามตัวเอง สภาพการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ บางความรู้สึกวันสุขก็แทบไม่อยากจะเทียบว่าเป็นนกน้อยในกรงทอง มันเหมือนกับทาสหรือนางบำเรอเสียมากกว่าหลายวันนับตั้งแต่วันที่วันสุขไม่สบาย เธอก็ยังไม่ได้เห็นหน้าของกวินอีกเลยจวบจนตอนนี้“ไอ้บ้านั่นหายไปไหน?” เธอนอนบ่นพึมพำ“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น...คิดถึงฉันอยู่หรือไง” เสียงที่คุ้นเคยทำให้วันสุขดีดตัวลุกนั่ง มองไปยังเจ้าของเสียงด้วยสีหน้านิ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี“ฉันเกลียดขี้หน้านาย แล้วนี่เข้ามาทำไม?”“ลืมหน้าที่ตัวเองแล้วหรือไง”“ออกไปเลยนะ...ฉัน
วันสุขนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของกวิน เธอไม่สามารถข่มตาให้หลับสนิทได้ เมื่อลมหายใจอุ่นกระทบกับผิวคอของเธอ“ยังเจ็บอยู่เหรอ”“เปล่า”“ทำไมถึงยังไม่หลับ หรือเป็นเพราะอ้อมกอดของผม”“ใช่!”“ขอโทษแล้วกันนะที่ทำให้หวั่นไหวหัวใจ”“เหอะ มโนเนอะ..กอดของนายมันทำให้ฉันเจ็บกว่าเดิมจนนอนไม่หลับย่ะ” วันสุขดันตัวออกห่าง แต่เขาก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด แถมยังถูกเขากระชับกอดแน่นกว่าเดิมอีก ไม่สนคำต่อว่าของเธอแม้แต่น้อย“งั้นเดี๋ยวกอดเบา ๆ แล้วกัน” เขาพูดอย่างโอนอ่อนพร้อมกระทำดั่งปากว่า“นายไม่รีบไปง้อสาวคนนั้นหรือไง” เมื่อพยายามถอยห่างแล้วไม่สามารถทำได้ จึงจำต้องอยู่ในอ้อมกอดอุ่นแบบนั้น“ไม่จำเป็น ตัดความสัมพันธ์ไปแล้วจบคือจบ ผมไม่ใช่คนที่หันหลังกลับไปเดินเส้นทางเดิม” เขาให้เหตุผลเมื่อได้ยินคำตอบ วันสุขก็ไม่ถามอะไรต่อ ความล้าและร่างกายที่ระบมทำให้เปลือกตาของเธอเปิดต่อไม่ไหว จนคล้อยหลับไปในที่สุดไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่หญิงสาวหลับสนิทไป เธอลืมตาตื่นในยามแสงแดดจวนจะหายไป ลืมตามองโดยรอบไม่พบคนที่นอนกอด เป็นอีกคราที่เธอตื่นมาเพียงลำพัง ไม่มีข้อความบอกกล่าว ไม่มีการบอกเล่าใด ๆ ให้เธอรับรู้...เธอควรจะรู้สึกดีสิเ
“คนบ้าอะไรขืนใจคนอื่นแล้วก็มาทำดี ตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า” เธอยังคงนอนบ่นพึมพำ สะดุ้งตัวเมื่อมือของกวินลูบหลังเธอเบา ๆ แสดงให้ชัดไปเลยในสิ่งที่เธอกล่าวหา“มีความสุขด้วยกัน ยังจะมาบอกว่าขืนใจอีกเหรอ เสียงหวานของเธอมันย้อนแย้งกับที่พูดเมื่อกี้เลยนะ”“หุบปากแล้วนอนซะ” คำพูดนี้ปกติแล้วจะได้ยินจากปากของเขา แต่บัดนี้กลับตรงกันข้ามเสียอย่างนั้นแสงแดดอ่อนสอดส่องทะลุผ้าม่านเข้ามาในห้องนอน ทำให้วันสุขรู้สึกตัว เธอเปิดเปลือกตาเพื่อปรับรับแสงของวันใหม่ หันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างตัวเธอ ใบหน้าของเขาทำให้ภาพกิจกรรมบนเตียงแสลงในใจ โชคชะตาทำไมถึงใจร้ายกับเธอนัก ใจหนักแน่นไม่ยินยอม แต่พอถูกไล่ต้อนร่างกายกับทรพี หญิงสาวพลิกตัวตะแคงหันหลังแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปง เสียใจกับการที่ถูกคนใจร้ายย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่าแขนแกร่งโอบกอดเอวของเธอเบา ๆ ปลายจมูกคมสันสัมผัสลงซอกคอ แรงสะอื้นทำให้กวินลืมตาตื่น“ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ” สรรพนามเรียกขานเปลี่ยนไปตามอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นมา“โดนขืนใจจะให้ฉันยิ้มหน้าบานหรือไง
วันสุขกลับขึ้นมาบนห้องนอนที่เหมือนกรงขัง หลังจากเหล่าเจ้าของร้านค้าออกไปจากห้องโถงใหญ่กลางบ้าน การถูกกวินไล่ต้อนทำให้เธออับอายและเสียหน้า จนแทบอยากมุดแผ่นดินหนี ตอนนี้เธอแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีลูกสาวตระกูลใหญ่ ไม่ต่างไปจากทาสหรือของเล่นคนรวยเธอจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง มองเพดานแล้วเกลือกกลิ้งไปมาอย่างคนไม่มีอะไรจะทำ หนังสือในชั้นก็อ่านจนไม่รู้จะอ่านเล่มไหน เพราะเธออ่านจนหมดทุกเล่มแล้วเสียงเปิดประตูทำให้วันสุขหันไปมอง ป้านางเดินเข้ามาพร้อมกับสิ่งของมากมายที่กำลังให้คนขนเข้ามา เธอรีบลุกนั่งวางตัวใหม่ให้เรียบร้อย“คุณกวินบอกให้เอามาให้คุณค่ะ”“อวดรวย” เธอพูดค่อนขอดแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยิน“เย็นนี้คุณลงไปทานข้าวที่ห้องอาหารนะคะ คุณกวินอยู่ทานข้าวด้วย”“หนูจะไม่ทำตามคำสั่ง่ของเขาหรอก ป้ายกอาหารมาให้หนูบนห้องเหมือนเดิมเถอะค่ะ”“อย่าทำแบบนั้นเลยนะคะ ป้าเป็นห่วงกลัวว่าคุณจะถูกลงโทษอีก แม้คุณเขาจะดูเป็นคนดี แต่ถ้าได้พูดคือทำจริงนะคะ”คำเตือนของป้านางเธอเข้
เกือบสองสัปดาห์ที่กวินไม่ได้แวะไปหาหญิงสาว เพราะบาดแผลที่ได้รับยังไม่สมานดี หากเจอหน้าเธอเขากลัวจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เขาไม่อยากบังคับเธอนอนด้วยจากการฝืนใจซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่อยากเห็นเธอขัดขืนต่อต้านเขาอยากได้เธออย่างเต็มใจ แม้วันแรกที่เจอเธอเขาจะใช้กำลังบังคับ นั่นเพราะเขามีเหตุผล จำต้องทำให้เธอเป็นภรรยาทางพฤตินัยด้วยวิธีนั้น เพื่อผูกมัดไม่ให้เธอกล้าจากเขาไปไหน มันคือเงื่อนไขข้อตกลงที่เขาต้องยอมรับ เพราะรับปากคนบางคนเอาไว้ และอีกอย่างก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง“แม็ก...ช่วยไปติดต่อกับช็อปในห้างของเรา ที่เขาขายสินค้าที่ผู้หญิงชอบใช้ และพวกช็อปเสื้อผ้าให้หน่อย ตามลิสต์ที่วันสุขจดมาให้ เธออยากซื้อของ” กวินบอกลูกน้องมือขวาพร้อมกับยื่นกระดาษที่ได้รับมาจากป้านางเมื่อสองสามวันก่อนให้แม็กธุรกิจในประเทศไทยที่ยุ่งเหยิง กวินจัดการจนทุกอย่างเริ่มลงตัวเข้าที่เข้าทาง วันนี้เขากลับมาบ้านพักในตอนเย็น พร้อมกับเจ้าของช็อปสินค้า พร้อมคนติดตามมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายแท้และไม่แท้ นำสินค้ามาให้วันสุขได้เลือกซื้อ ตามรายการที่เธอร้องขอ ด้วยอิทธิพลของกวิน การยกช็อปมาที่
“เสร็จแล้ว ปวดแผลหรือเปล่า” วันสุขออกปากถาม ใจลึกเกลียดเขาจนแทบไม่อยากมองหน้า แต่ด้วยความจิตใจดีทำให้เธอต้องฝืนช่วยเหลือคนที่ได้รับบาดเจ็บ“อืม ปวดนิดหน่อย”“ที่นี่ไม่รู้มียาแก้ปวดหรือเปล่า นายออกไปหากินเองแล้วกัน”“มันมีอยู่ในตู้ตรงนั้น” เขาชี้นิ้วบอกเธอ“บอกไว้ก่อนนะ ฉันยังเกลียดนายเหมือนเดิม แต่ที่ฉันทำแผลให้ก็เพราะฉันไม่ได้เป็นคนใจร้ายไส้ระกำแบบนาย” พูดกระแนะกระแหนแล้วเดินไปหยิบยา“รู้”“รีบกินแล้วก็รีบไปนอนซะ”วันสุขยื่นยาแก้ปวด พร้อมแก้วน้ำเปล่า เขารับแล้วจัดการกินมันลงท้อง จากนั้นจึงเอนตัวนอนบนเตียง“เดี๋ยว เดี๋ยว...ลุกขึ้นมาเลยนะ!” วันสุขดึงหมอนที่เขากำลังจะหนุนออกด้วยความเกรี้ยวกราด“อะไรอีกล่ะ”“กลับไปนอนห้องนายเส่”“อย่ายุ่ง นอนไหนก็เรื่องของผม” พูดพร้อมกับแย่งหมอนคืน ทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตา“แหวะ! ผม แสลงหูชะมัด” คำพูดโอนอ่อนทำให้วันสุขรู้สึกสะอิดส
หลายวันมานี้วันสุขอยู่แต่ห้องสีเหลี่ยมเดิม ๆ บรรยากาศอุดอู้ทำให้เธอเบื่อหน่าย อยากออกไปสูดอากาศข้างนอก แต่ก็ไม่สามารถไปได้ ตอนนี้เธอเหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกขังในกรงเพื่อรอฟังคำสั่ง เธอกิน นั่ง นอน วนเวียนอยู่แบบนั้นจนตะวันตกดินวันแล้ววันเล่า เคยอ้อนวอนป้านางให้ปล่อยเธอออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง“น่าเบื่อชะมัด...มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวฉันกันแน่” อิงฟ้านอนมองเพดาน เธอพร่ำถามตัวเอง สภาพการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ บางความรู้สึกวันสุขก็แทบไม่อยากจะเทียบว่าเป็นนกน้อยในกรงทอง มันเหมือนกับทาสหรือนางบำเรอเสียมากกว่าหลายวันนับตั้งแต่วันที่วันสุขไม่สบาย เธอก็ยังไม่ได้เห็นหน้าของกวินอีกเลยจวบจนตอนนี้“ไอ้บ้านั่นหายไปไหน?” เธอนอนบ่นพึมพำ“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น...คิดถึงฉันอยู่หรือไง” เสียงที่คุ้นเคยทำให้วันสุขดีดตัวลุกนั่ง มองไปยังเจ้าของเสียงด้วยสีหน้านิ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี“ฉันเกลียดขี้หน้านาย แล้วนี่เข้ามาทำไม?”“ลืมหน้าที่ตัวเองแล้วหรือไง”“ออกไปเลยนะ...ฉัน
เสียงปืนยังคงก้องในหูหลอกหลอนเธอ ภาพเหตุการณ์โหดร้ายสร้างความหวาดกลัวจนวันสุขเก็บไปฝัน เม็ดเหงื่อท่วมใบหน้า เธอส่ายหัวไปมา จนคนที่นอนข้าง ๆ รู้สึกตัวตื่นกลางดึก“ไม่นะ ไม่” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยทั้งที่ไม่ได้ลืมตากวินเอื้อมมือเปิดสวิตช์ไฟดวงเล็กบนหัวเตียง เขาใช้หลังมือสัมผัสลงหน้าผากของวันสุข เธอตัวร้อนอย่างกับไฟ ทำให้เขาตกใจ รีบเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้เธอ ทุกขั้นตอนเขาดูแลวันสุขด้วยตัวเองโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หาย” ภายนอกดูโหดเหี้ยมและใจร้าย แต่ลึกภายใต้จิตสำนึกกลับแอบซ่อนความอ่อนโยนและอบอุ่นเอาไว้ พิษไข้ของวันสุขทำให้กวินยังคงคอยเช็ดตัวให้เธอจนความร้อนเริ่มลดลง เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วจัดการสวมเสื้อผ้าให้เธอ แล้วทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ หญิงสาวจนถึงเช้าการสัมผัสของใครบางคนทำให้วันสุขรู้สึกได้ เธอค่อย ๆ ปรือตาอย่างเชื่องช้า มองเห็นใบหน้าคมสันของกวินที่นั่งอยู่ข้างเตียง เธอเห็นเขารีบดึงมือกลับ แล้วลุกพรวดจากเก้าอี้“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้” เธอถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
"ปล่อยฉัน ไอ้บ้า" ตอนนี้เธอรู้สึกกลัวจนสั่นไปทั้งตัว จะยืนหยัดให้มั่นก็แทบยืนไม่ไหว ยิ่งเห็นแววตาดุร้ายของกวินยิ่งเริ่มทำให้เธอใจเสีย"เธอมันวอนเอง" เสียงพูดคำรามรอดไรฟัน แววตาดุดันน่ากลัว"นายไม่มีสิทธิ์ทารุณฉันแบบนี้” ท่าทีของกวินทำให้วันสุขนึกหวาดกลัว แต่เธอก็ยังกัดฟันสู้ต่อปาก“เธอควรได้รับการสั่งสอน ว่าการเป็นภรรยาที่ดี เชื่อฟังเป็นยังไง ไม่ใช่อยากถ่มน้ำลายใส่หน้าผัวตามใจได้”“นายไม่ใช่ผัวฉัน”“หรือต้องให้ย้ำ”ท่าทีของเขาเริ่มน่ากลัวเข้าไปอีก นั่นยิ่งทำให้วันสุขเริ่มใจคอไม่ดี สีหน้า น้ำเสียง และท่าทางเขาสามารถฆ่าเธอได้จริง ๆ“ปล่อยฉันเถอะ" แน่ล่ะใครจะไม่รักตัวกลัวตาย เธออ้อนวอนเขารอบแล้วรอบเล่า เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ"ได้สิ ฉันจะปล่อยเธอ" เขาลดปืนลงแล้วตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นเฉียบคำพูดที่ออกจากปากสร้างความดีใจให้กับเธอ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก"แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้""!!!"แต่แล้วความดีใจทั้งหมดของเธอก็หล่นวูบลงพื้น ยืนทรงตัวแทบไม่อยู่เมื่อเขาตอบออกมา ความกลัวครอบงำเมื่อเขาขึ้นนกปืนและเล็งปลายกระบอกปืนมายังเธอ...มันคงจบลงแล้วในวันนี้ ชีวิตที่เคยสดใสของผู้หญิงตัวเล็
ดวงตะวันส่องแสงทอสว่างเข้ามาในห้องนอนแสนกว้าง วันสุขนอนสลบหมดเรี่ยวแรงหลังกิจกรรมรักอันเร่าร้อนจบลง เป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เธอหลับไป ลืมตามองรอบด้านพบเพียงความว่างเปล่า ไร้เงาของคนที่ก่อนหน้าทำร้ายร่างกายและจิตใจเธอ “คุณตื่นแล้วเหรอคะ ป้าเอาข้าวมาให้ค่ะ” ยังไม่ทันได้เหยียบสัมผัสกับพื้น หญิงมีอายุคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามาทันที เป็นคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน“คุณเป็นใครคะ?” วันสุขเอ่ยถาม“ป้าเป็นแม่บ้าน ดูแลที่นี่มาได้สักพักแล้วค่ะชื่อนาง”“ป้านาง”“ทานข้าวเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน”คนมาใหม่วางถาดอาหารลงบนโต๊ะ พลางมองมายังเธอด้วยรอยยิ้มที่ดูไร้พิษภัย วันสุขก้มมองตัวเองก่อนจะกำชับเสื้อให้ปิดมิดชิด เธอรู้สึกอายกับร่อยรอยช้ำที่คนป่าเถื่อนกระทำกับเธออย่างไม่ออมมือ เขาทิ้งรอยจูบเอาไว้จนทั่วร่างกาย“ป้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกคุณ แต่ป้าอยากให้คุณอดทนและเข้มแข็ง” หญิงมีอายุเอ่ยให้กำลังใจ เธอเห็นวันสุขแล้วอดสงสารไม่ได้“หนูไม่รู้จะทนได้แค่ไหน” วันสุขกล่าวอย่างคนหมดหวัง“จากที่ป้าอยู่ที่นี่มาคุณกวินเป็นคนใจดีนะคะ”“เขาชื่อกวินเหรอคะ?”“ค่ะ”“แล้วตอนนี้เขาไปไหนเหรอคะ?”“ป้าก็ไม่ทร