วันสุขกลับขึ้นมาบนห้องนอนที่เหมือนกรงขัง หลังจากเหล่าเจ้าของร้านค้าออกไปจากห้องโถงใหญ่กลางบ้าน การถูกกวินไล่ต้อนทำให้เธออับอายและเสียหน้า จนแทบอยากมุดแผ่นดินหนี ตอนนี้เธอแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีลูกสาวตระกูลใหญ่ ไม่ต่างไปจากทาสหรือของเล่นคนรวย
เธอจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง มองเพดานแล้วเกลือกกลิ้งไปมาอย่างคนไม่มีอะไรจะทำ หนังสือในชั้นก็อ่านจนไม่รู้จะอ่านเล่มไหน เพราะเธออ่านจนหมดทุกเล่มแล้ว
เสียงเปิดประตูทำให้วันสุขหันไปมอง ป้านางเดินเข้ามาพร้อมกับสิ่งของมากมายที่กำลังให้คนขนเข้ามา เธอรีบลุกนั่งวางตัวใหม่ให้เรียบร้อย
“คุณกวินบอกให้เอามาให้คุณค่ะ”
“อวดรวย” เธอพูดค่อนขอดแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยิน
“เย็นนี้คุณลงไปทานข้าวที่ห้องอาหารนะคะ คุณกวินอยู่ทานข้าวด้วย”
“หนูจะไม่ทำตามคำสั่ง่ของเขาหรอก ป้ายกอาหารมาให้หนูบนห้องเหมือนเดิมเถอะค่ะ”
“อย่าทำแบบนั้นเลยนะคะ ป้าเป็นห่วงกลัวว่าคุณจะถูกลงโทษอีก แม้คุณเขาจะดูเป็นคนดี แต่ถ้าได้พูดคือทำจริงนะคะ”
คำเตือนของป้านางเธอเข้าใจดี สีหน้าของป้าสะท้อนความรู้สึกได้มากกว่าคำพูดเสียอีก
“หาความดีไม่มีสักนิดแบบนั้นป้าเรียกคนดีได้ยังไงคะ ดูที่เขาทำกับหนูสิ...หนูเกลียดเขาค่ะป้า เกลียดจนเข้ากระดูกดำ วันนี้เขาทำกับหนูแบบไหนป้าก็น่าจะรู้ เขาหยามเกียรติหยามศักดิ์ศรีของหนูแค่ไหน กล้าพูดได้ไงว่ายกหนูให้คนอื่นง่ายดายแบบนั้น” วันสุขเดือนดาลเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นไปไม่นาน
“ป้าเข้าใจคุณนะคะ แต่การที่คุณต่อต้านยิ่งจะทำให้คุณเจ็บตัว...ลงไปทานข้าวข้างล่างตามที่คุณกวินสั่งเถอะค่ะ แค่ทานข้าวแป๊บเดียวเอง” ป้านางพยายามตะล่อม เพราะสงสารหากเธอต้องถูกลงโทษเหมือนอย่างวันนั้น ที่ต้องกลายเป็นเป้ายิงปืน
หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างละเหี่ยใจ เมื่อไหร่เธอจะหลุดพ้นจากคนใจร้ายนี้เสียที
“ไปก็ไป” หวนคิดตามคำเตือนของป้านาง สุดท้ายก็ต้องจำใจยอมทำตาม
วันสุขเดินจากมาจากชั้นสองพร้อมกับหญิงมีอายุ เธอหน้าบูดบึ้งไม่สบอารมณ์ ยิ่งเห็นหน้าของกวินยิ่งปลุกเกลียดชังให้ลุกโชน
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“เพราะฉันไม่อยากกินข้าวร่วมโต๊ะกับคนที่ฉันเกลียด” เธอโพล่งคำพูดกระด้างออกมา
“คุณวันสุข” คำพูดที่ไม่น่าฟัง จนป้านางสะกิดมือเธอเพื่อเตือนสติ
“เกลียดขนาดนั้น แล้วทำไมไม่ไปกับไอ้นั่นล่ะ”
“เพราะนายคือคนเดียวที่รู้ว่าแม่ของฉันอยู่ที่ไหน ฉันเลยจำใจต้องอยู่ที่นี่”
“แค่นั้นเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“บางทีเธออาจอยากอยู่กับฉันโดยไม่รู้ตัวก็ได้วันสุข มีผู้หญิงที่ไหนบ้างไม่ต้องการชีวิตที่สุขสบาย ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องคิดเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ”
“ผู้หญิงแบบฉันนี่แหละ ฉันเกลียดนาย ฉันไม่อยากได้ของพรรค์นั้น นอกจากอยากให้นายหายไปจากโลกนี้ ฉันไม่อยากหายใจร่วมกับนาย นายมันน่าขยะแขยง” เหมือนคำเตือนของป้านางจะไม่เป็นผล เธอลั่นวาจาด่าหยาบมากมาย ในใจอยากมีเหล็กแหลมแทงเขาให้ตายลงตอนนี้ แต่ก็ได้แค่มโนเท่านั้น
“เกินไปแล้ววันสุข เอาล่ะวันนี้ฉันไม่อยากทะเลาะด้วย...เลิกเถียงแล้วเก็บปากไว้กินข้าวเถอะจะได้มีแรงส่งเสียงบนเตียงคืนนี้”
“ฉันไม่กิน”
“หรืออยากกินอย่างอื่นแทนข้าว” น้ำเสียงของเขาเริ่มโมโห
กวินเอียงคอมอง แล้วปรายสายตาไปยังจานอาหารที่มากมายหลายเมนูบนโต๊ะตัวยาว วันสุขรู้สึกได้ทันที สายตาที่เขามองเธอแอบซ่อนการข่มขู่ และคนเช่นเขาพูดแล้วทำได้จริงจนเธอหวั่นกลัว
“ขู่เก่งขนาดนี้ไม่เกิดเป็นหมาให้จบไป” เธอก้มหน้าตักข้าวเข้าปากแล้วแอบบ่นยุบยิบ
กวินยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้กับเหล่าบริวารที่รอบริการ พวกเขาออกจากห้องอาหารในทันทีอย่างรู้งาน
“ปากดี!”
กวินเดินย่างสามขุมเข้ามาประชิด วันสุขสบตาแล้วกลืนเม็ดข้าวลงคออย่างลำบาก เธอคิดว่าเขาไม่ได้ยิน แต่ดันตรงกันข้าม เขาได้ยินมันทุกถ้อยคำที่เธอเอ่ย
กวินจับปลายคางของหญิงสาวยกเชิด แล้วประทับริมฝีปากสัมผัสกลีบปากสวยกระจับของวันสุข เม็ดข้าวที่เปื้อนขอบปากเหมือนกับเด็กน้อย ถูกกวินใช้ลิ้นตวัดเข้าปากตัวเองกลืนลงท้อง จากนั้นจึงรุกเน้นหนักบดจูบเธออย่างดูดดื่ม
วันสุขพยายามยกสองมือป้องกัน ทุบลงอกแกร่งของเขา ทว่าถูกเขารวบไขว้หลังเอาไว้ เธอไม่อาจจะต่อสู้ดิ้นรนให้หลุดพ้น เธอออกแรงเม้มปากแน่น ไม่ยอมให้ลิ้นของชายหนุ่มสอดแทรกเข้ามา แต่เหมือนไร้ผล เธอไม่อาจต้านทานแรงชายชาตรีของเขาได้
“ให้กินข้าวดี ๆ ไม่ชอบ อยากขาอ่อนก่อนกินข้าวก็ไม่บอก” กวินละริมฝีปากออกห่างแล้วพูดขึ้น
“ฉัน...อื้อ” ไม่ยอมให้เธอได้เอ่ยคำใด เขารีบปิดปากเธอด้วยปากของเขาทันที
ร่างบอบบางถูกอุ้มให้นอนราบบนโต๊ะอาหารที่เว้นว่าง สองแขนของหญิงสาวถูกรวบตึงเหนือหัว วันนี้กวินตั้งใจจะไม่ใช้กำลัง แต่เธอดันไม่เชื่อฟังและท้าทาย เขาจำเป็นต้องสั่งสอนเพื่อให้เธออยู่ในโอวาท แค่ผู้หญิงคนเดียวยังไม่สามารถควบคุมได้ เขาจะดูแลลูกน้องมากมายทั้งอาณาจักรได้อย่างไร
โต๊ะอาหารกลายเป็นสนามรบที่เร่าร้อน การเล้าโลมของกวินทำให้วันสุขไม่อาจต้านทาน รสจูบที่ดุดันปลุกปั่นอารมณ์ของเธอให้คล้อยตาม แรงต้านเริ่มอ้อนล้าเมื่อกวินนำพาเธอด้วยนิ้วสองขาอ้าออกกว้างตามสัดส่วนของชายหนุ่มที่ยืนแทรกตรงกลาง
กวินโอบรัดร่างกายของเธอให้แนบชิด เขานำพาเธอจูบแบบผู้ใหญ่ วันสุขเคลิบเคลิ้มการสัมผัสด้วยริมฝีปากอย่างลืมตัว จนเผลอครางเสียงหวานออกมา ทำให้กวินรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
เขาเริ่มหยอกเย้าเธอด้วยปลายลิ้นตรงซอกคอ วันสุขหลับตาพริ้มชวนให้ชายหนุ่มเสน่หา เห็นแบบนั้นกวินจึงยกยิ้มแล้วเอ่ยถามชิดหูเธอ
“มันรู้สึกดีใช่ไหม”
“มะ ไม่ดีเลยสักนิด พอแค่นี้เถอะ ที่นี่ห้องอาหาร คนผ่านไปผ่านมาเยอะแยะ”
“พวกเขาไม่กล้าเข้ามาหรอก จะอายทำไม”
“ฉันไม่ได้หน้าหนาเหมือนนาย”
“งั้นก็ไปต่อบนห้อง!”
“ไม่!”
พูดจบโดยไม่ถามความเห็นฝ่ายตรงข้าม กวินก็อุ้มหญิงสาว เดินขึ้นบันไดในทันที วันสุขจะอ้าปากต่อต้าน แต่เขาดันเร็วกว่า ปิดปากเธอด้วยปากของเขาจนสนิทในขณะที่ก้าวเดิน
อาหารมื้อเย็นจบลง แปรเปลี่ยนเป็นกินเนื้อดิบของกันและกัน หลังกิจกรรมรักอันเร่าร้อนเสร็จสิ้น วันสุขพลิกตัวนอนหันหลังให้กวิน หวนคิดโทษตัวเองที่คล้อยตามการเล้าโลมของเขา ทำไมมันสมองบอกต่อต้าน ไม่สมานฉันท์กับร่างกายเอาเสียเลย
“โดนอีกจนได้” นอนหลับตาปี๋กล่าวโทษตัวเองในใจ
กวินตอนนี้นอนปิดเปลือกตาลงแล้ว วันสุขหันกลับไปมอง เขาดูไร้พิษสง เหมือนผู้ชายธรรมดาทั่วไป
เธอวาดภาพในหัวและลองยกหมอนขึ้นมาปิดหน้ากวินตอนนี้ เขาจะสามารถตายได้หรือไม่ แต่สมองอีกซีกของเธอบอกว่าคงเป็นไปไม่ได้ มีแต่เธอนั่นแหละจะถูกเขาหักคอตายในทันที หากเขาตอบโต้
“หาแผนใหม่ซะเถอะวันสุข แผนนี้ไม่เวิร์ค” เธอบ่นเบา ๆ
“บ่นอะไรน่ารำคาญ นอนได้แล้ว แล้วก็เก็บแผนที่คิดกลับเข้ากระเป๋าซะ ฉันไม่มีทางตายด้วยน้ำมือเธอหรอก” เก็บหลักฐานแทบไม่ทัน นึกว่าเขาหลับสนิทแล้วเสียอีก
“เชอะ!”
วันสุขสะบัดเสียงใส่ แล้วพลิกคะแคงนอนหันหลังให้เขา กวินขยับตัวเข้าใกล้ สอดแขนใต้ร่องคอของหญิงสาวแล้วดึงเธอกระชับมาในอ้อมกอดภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
บ้านหลังงามสุดหรูเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยเสียง...“เฮ้ย! ชั้นวางขวดนมวางตรงนี้ก่อน มึงจะเอาไปเก็บที่อื่นทำไมวะคีย์!?”“เพราะมึงวางขวางทางเดิน! เดี๋ยวกูเหยียบลื่นล้มหัวแตก ใครจะอุ้มหลาน!?”“อุ้มหลาน? นี่ลูกกู!!”เสียงปะทะของสองคุณพ่อและคุณอาผู้เห่อหลานสนั่นไปทั้งบ้าน จนแม่บ้านต้องเดินอ้อมไปอีกทาง เพราะไม่อยากถูกลูกหลงจากสงครามของสองชายวัยสามสิบกว่า ๆวันสุขที่เพิ่งลงจากชั้นบน มาพร้อมลูกน้อยในอ้อมแขน ส่งสายตามองสองท่านผู้ใหญ่ ที่เถียงกันเรื่องขวดนมกับผ้าเช็ดตัวแบบไม่มีใครยอมใครเธอวางลูกเบา ๆ บนเบาะเด็ก แล้วกอดอกมอง แล้วเอ่ยเสียงนิ่งแต่ฟาดหัวใจ“นี่พวกคุณไม่คิดจะไปทำงานกันบ้างเหรอ?”ห้องทั้งห้องเงียบลงในพริบตา คีย์ยักไหล่ก่อนตอบเสียงเรียบ“มีลูกน้องดูแลอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นเลยนี่”กวินพยักหน้ารับตามทันที“ใช่ ผมเซ็นมอบอำนาจรองผู้บริหารไว้หมดแล้วครับที่รักไม่ต้องกลัวเลย มีแม็กดูแลบัญชี มีบอดี้การ์ดชุดเต็มรับมือทุกสถานการณ์”“แล้วฉันล่ะ?” วันสุขถามนิ่ง ๆ“คุณเป็นแม่ของลูกผม เป็นวีไอพีของบ้านนี้” กวินตอบพร้อมส่งยิ้มละมุนวันสุขถอนหายใจยาว “งั้นแม่ของลูกจะไปจัดตารางงานต่อ ฝากเลี้ยงลูกด้วยนะ
เสียงรถสปอร์ตหรูจอดสนิทหน้าบ้าน พร้อมกับกวินที่เดินลงจากรถในชุดลำลอง แต่ความขึงขังยังเต็มพิกัด เขาไม่ใช่แค่มาเฟียระดับโลกอีกต่อไป...แต่เป็นคุณพ่อมือใหม่ ที่เตรียมทุกอย่างไว้ละเอียดยิ่งกว่าแผนลอบสังหารศัตรูระดับประเทศ"ชุดเด็กพร้อม""เปลไฮเทคสั่งตรงจากเยอรมันติดเซ็นเซอร์ตรวจจับลมหายใจ""กล้องวงจรปิดในห้องนอนลูกมีระบบเอไอจับอารมณ์""หุ่นยนต์ป้อนนมอัตโนมัติสำรอง 2 ตัว""ยามรักษาความปลอดภัยรอบบ้านเพิ่มอีกหนึ่งทีม"คีย์ที่เดินมาด้วยถึงกับยกมือทาบอก"มึงแน่ใจนะว่านี่ลูก ไม่ใช่ผู้นำประเทศ"กวินปรายตามองเพื่อนอย่างนิ่งขรึม “ลูกกูเกิดมาทั้งที ต้องปลอดภัยที่สุดในโลก”วันสุขที่พุงโตมาก ๆ เดินออกมาช้า ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มละมุน“กวินคะ บางอย่างมันเกินไปแล้วค่ะ ขนาดตู้เสื้อผ้าเด็กยังมีระบบสแกนฝุ่น PM 2.5 ก่อนเปิด”กวินรีบเข้ามาประคองเธอทันที “อย่าเดินเร็วแบบนั้นสิครับเดี๋ยวลื่น”“จะลื่นได้ไงคะ พื้นบ้านคุณมันสะอาดกว่าห้องผ่าตัดโรงพยาบาลอีก...” เธอยิ้มขำ ๆกวินจูบเบา ๆ ที่หน้าผากเธออย่างแสนรัก “ผมไม่เสี่ยงแม้แต่วินาทีเดียว คุณกับลูกคือทั้งชีวิตของผม”กลางดึกที่มีเพียงแสงจันทร์อ่อน ลอดผ่านกระจกหน้าต่างเ
เสียงล้อเครื่องบินแตะรันเวย์สนามบินนานาชาติประเทศไทย พร้อมกับเสียงถอนหายใจของคีย์ ผู้ที่เป็นมือขวาคู่ใจและเพื่อนรักเพื่อนตายของกวิน ในวันนี้ไม่ได้กลับมาเพื่อเคลียร์ศัตรู ไม่ได้กลับมาเพื่อคุมธุรกิจ... แต่กลับมาเพราะจะตั้งชื่อลูกให้เพื่อน“บอส! คุณคีย์กลับมาแล้วครับ!” แม็ก คนสนิทของกวิน รายงานอย่างขึงขัง แต่พอเห็นคนตัวสูงเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าล้อลาก และตุ๊กตาหมีสีฟ้ายักษ์ บรรยากาศก็เปลี่ยนทันที“อ้าว... พวกแกไม่ยืนตั้งแถวต้อนรับหลานฉันเหรอ!” คีย์ตะโกนลั่น“ลูก! กู! ไอ้คีย์” เสียงกวินดังมาจากด้านหลังด้วยน้ำเสียงเรียบแต่ตึงเป๊ะ“เอ้า กวิน! กูรีบกลับมาเพราะเรื่องนี้เลยนะ ไหนหลานอยู่ไหน กูจะตั้งชื่อให้ว่าลีโอดีไหม หรือคาเรน ถ้าเป็นผู้หญิงชื่อนี้ความหมายดีนะ”กวินยกคิ้ว “สรุปมึงจะตั้งชื่อลูกกู?”คีย์ยักไหล่ “ก็หลานกูปะวะ”“คุณคีย์จะเห่อเกินไปแล้ว” แม็กพึมพำเบา ๆ จนวันสุขที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลุดหัวเราะ“นี่! อย่าคิดว่ากูจะไม่หาของเล่น นี่ซื้อมาครึ่งชั้นวางของในห้างแล้ว!” คีย์พูดอย่างภาคภูมิใจ พลางหยิบของเล่นเด็กอ่อนขึ้นมาโชว์เป็นชิ้น ๆวันสุขส่ายหัวพลางยิ้มกริ่ม“คุณคีย์คะ หลานยังไม่คลอดนะคะ อีก
คฤหาสน์ธาราพิพัฒน์หนึ่งเดือนหลังพิธีเปิด Phoenix Sovereign V.2ช่วงเย็นอบอุ่น แสงอาทิตย์สาดลอดผ้าม่านผืนบาง วันสุขเดินลงบันไดอย่างสบาย ๆ แต่กลับไม่เจอใครเลยในบ้าน แม้แต่แม่ของเธอก็หายตัวไปเงียบ ๆ ตั้งแต่ช่วงบ่ายสวนด้านหลังคฤหาสน์ เส้นทางไม้เรียงด้วยกลีบดอกกุหลาบ เสียงเพลงคลาสสิกแผ่วเบาลอยมา วันสุขเดินตามกลิ่นหอมบาง ๆ ของลาเวนเดอร์ จนถึงศาลากลางสวน ที่ถูกประดับด้วยไฟระยิบระยับ ภายในศาลามีโต๊ะอาหารสำหรับสองที่ ไวน์แดง แชนเดอเลียร์คริสตัล และแม่ของเธอ ยืนยิ้มอยู่ข้างประตู “แม่?” วันสุขงงจนแทบหลุดยิ้ม แม่ของเธอยิ้มแล้วเดินมากุมมือเธอ“แม่เคยเห็นแววตาผู้ชายแบบเดียวกับพ่อของลูกครั้งหนึ่ง ในดวงตาของกวิน และวันนี้แม่อยากยืนอยู่ตรงนี้ ในฐานะแม่ของลูกสาวที่กำลังจะถูกรักตลอดไป”เสียงเท้าคนเดินเข้ามาเงียบ ๆ กวินในชุดสูทเรียบหรู ก้าวออกมาจากเงาไม้ ไม่มีบอดี้การ์ด ไม่มีปืน ไม่มีอำนาจ มีแค่แหวนในกล่องเล็ก ๆ และแววตาที่อ่อนโยน เหมือนพระจันทร์กลางคืนที่ไม่มีเมฆ“วันสุข ผมเคยสัญญากับพ่อคุณว่าจะดูแลคุณ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยากดูแลคุณเพราะสัญญาอีกแล้ว…”เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ ยื่นกล่องแหวนออกมา มือข้างหนึ
กรุงเทพฯ สำนักงาน Phoenix Sovereign แห่งใหม่วันสุขในชุดสูทสีครีมเข้ม กวินอยู่ข้างกายในลุคมาดนิ่ง และคีย์เดินตามในมาดเงียบขรึม บรรยากาศในห้องประชุมใหญ่เต็มไปด้วยพันธมิตร นักลงทุนระดับโลกและสื่อชั้นนำ“ขอบคุณทุกคนที่มาวันนี้ค่ะ...” วันสุขเปิดการประชุมด้วยน้ำเสียงมั่นคงเบื้องหน้าจอขนาดใหญ่ฉายสไลด์เปิดเผยโครงการลับ D-CHAIN พร้อมภาพของ เลิศศักดิ์ ณัฐพงศ์ ที่ถูกจับกุมแล้ว สร้างเสียงฮือฮาจนดังทั่วห้อง!“ผู้ชายคนนี้เคยพยายามเปลี่ยน Phoenix ให้กลายเป็นอาวุธทางเศรษฐกิจ ใช้เพื่อควบคุมระบบการเงินในโลกมืด วันนี้เขาถูกปลดจากทุกอำนาจอย่างถาวร”เสียงปรบมือเริ่มดัง แต่วันสุขยกมือขึ้นห้ามเบา ๆ“ยังไม่จบค่ะ…เพราะคนที่ร่วมมือกับเขายังมีชีวิตอยู่ และกำลังเตรียมแผนใหม่”บรัสเซลส์ ฐานลับของ Oblivion Techเซเลน่ากำแฟ้มข่าวเลิศศักดิ์แน่น หน้าเธอนิ่งสนิท...แต่นัยน์ตาแดงก่ำ“พวกเขารวมพันธมิตรแล้ว งั้นเราจะสร้างฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาเองบ้าง”เธอสั่งเปิดโปรเจกต์ใหม่ในระบบลับของบริษัทชื่อว่า Oblivion Mind AI แบบไม่ผ่านคณะกรรมการควบคุม แต่ถูกออกแบบให้ตัดสินใจได้ในระดับรัฐบาล“ถ้า Phoenix จะควบคุมโลกด้วยความสมดุล Obli
แฟรงก์เฟิร์ต เวลา 09:18 น.วันสุขเปิดโน้ตบุ๊กขึ้น หน้าจอแสดงข้อมูลชุดใหม่ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนชื่อไฟล์คือ Phoenix.Layer.2 Blackroom เอกสารภายในคือแผนขยายอิทธิพล Phoenix ที่ไม่เคยเปิดใช้พ่อของวันสุขเคยร่วมออกแบบโครงสร้างนี้ร่วมกับสามนักวิจัยเอไอระดับโลก แต่มันถูกแช่แข็งไว้ เพราะมันควบคุมได้มากเกินไปกวินเดินเข้ามา พร้อมถือถ้วยกาแฟสองใบ“คุณเปิดหมากแล้วใช่ไหม?”วันสุขหันมายิ้ม“อืม…ถึงเวลาทำให้เซเลน่ารู้ว่า ฉันไม่ได้มีแค่สิทธิ์บน Phoenix แต่มีทางเลือกใหม่ที่เธอไม่มี”เซเลน่าอยู่ตรงโถงล็อบบี้ตึกประชุมหลัก เธอได้รับอีเมลฉบับหนึ่งจาก WS.DP-Corp รหัสที่เธอจำได้ดีว่าคือวันสุข หัวข้ออีเมล:Let’s make it global. But on my terms. (เรามาทำให้มันเป็นระดับโลกกัน...แต่ต้องตามเงื่อนไขของฉัน)เธอเปิดเมล สิ่งที่แนบมาคือแผนของ Phoenix Layer 2 ที่วันสุขเป็นคนถือลิขสิทธิ์ร่วมโดยสมบูรณ์ พร้อมข้อความสั้น ๆ ว่า…“คุณเสนอ Phoenix Oblivion…ฉันเสนอ Phoenix Sovereign มาร่วมโต๊ะใหม่ ที่ฉันเป็นเจ้าภาพสิ”เซเลน่ากำแก้วกาแฟแน่นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ“เธอเริ่มเดินเกมของตัวเองแล้วสินะ…”@ห้องของวันสุ