เกือบสองสัปดาห์ที่กวินไม่ได้แวะไปหาหญิงสาว เพราะบาดแผลที่ได้รับยังไม่สมานดี หากเจอหน้าเธอเขากลัวจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เขาไม่อยากบังคับเธอนอนด้วยจากการฝืนใจซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่อยากเห็นเธอขัดขืนต่อต้าน
เขาอยากได้เธออย่างเต็มใจ แม้วันแรกที่เจอเธอเขาจะใช้กำลังบังคับ นั่นเพราะเขามีเหตุผล จำต้องทำให้เธอเป็นภรรยาทางพฤตินัยด้วยวิธีนั้น เพื่อผูกมัดไม่ให้เธอกล้าจากเขาไปไหน มันคือเงื่อนไขข้อตกลงที่เขาต้องยอมรับ เพราะรับปากคนบางคนเอาไว้ และอีกอย่างก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง
“แม็ก...ช่วยไปติดต่อกับช็อปในห้างของเรา ที่เขาขายสินค้าที่ผู้หญิงชอบใช้ และพวกช็อปเสื้อผ้าให้หน่อย ตามลิสต์ที่วันสุขจดมาให้ เธออยากซื้อของ” กวินบอกลูกน้องมือขวาพร้อมกับยื่นกระดาษที่ได้รับมาจากป้านางเมื่อสองสามวันก่อนให้แม็ก
ธุรกิจในประเทศไทยที่ยุ่งเหยิง กวินจัดการจนทุกอย่างเริ่มลงตัวเข้าที่เข้าทาง วันนี้เขากลับมาบ้านพักในตอนเย็น พร้อมกับเจ้าของช็อปสินค้า พร้อมคนติดตามมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายแท้และไม่แท้ นำสินค้ามาให้วันสุขได้เลือกซื้อ ตามรายการที่เธอร้องขอ ด้วยอิทธิพลของกวิน การยกช็อปมาที่บ้านนั้นแสนง่ายดาย เพียงแค่เขาชี้นิ้วเหล่าเจ้าของธุรกิจก็ตอบสนองอย่างว่าง่าย
“ไปเรียกคุณวันสุขลงมา” เขาออกคำสั่งกับป้านาง
“ค่ะ”
วันสุขเดินลงบันไดมาพร้อมกับหญิงมีอายุ กวินที่นั่งรออยู่บนโซฟาตัวหรู เห็นเธออยู่ในชุดเดรสชีฟองแสนบางเบา ไร้การป้องกันปกปิดมิดชิด ไม่ต่างไปจากใส่ชุดว่ายน้ำทูพีช จนเห็นสัดส่วนหญิงสาว ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ เนื้อหนังมังสามันมีแค่เขาสามารถเชยชมได้เพียงคนเดียว ทว่าตอนนี้ดันเผยต่อสายตาชายอื่น ต่อให้คนผู้นั้นจะเป็นเพศที่สามไม่ใฝ่หาผู้หญิงก็ตาม
สายตาของเหล่าผู้คนในห้องโถงใหญ่แทบหลุดจากเบ้า พวกเขาชื่นชมรูปร่างของเธอผ่านสายตา ในขณะที่วันสุขค่อย ๆ เดินนวยนาดจับราวบันไดลงมา เธอเดินเข้าใกล้กวินที่นั่งกอดอกขบฟันแน่น จ้องมองเธอด้วยแววตาเกรี้ยวโกรธ
“กลับไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้!” เสียงกร้าวดุจเจ้าป่าเอ่ย ทำให้เหล่าคนในห้องโถงรีบก้มหน้ามองต่ำ สองมือกำแน่นด้วยความสั่นกลัว
“เปลี่ยนทำไมชุดนี้ก็สวยออก แถมใส่สบายด้วย” เธอต้องการยั่วโมโห เดินนวดนาดชมเครื่องประดับที่จัดเรียงบนโต๊ะและเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราว โดยไม่ได้สนใจคำสั่งของกวิน แผนการแสบสันอยากปั่นคนตัวโต เพื่อหวังให้เขาหยุดสนใจและปล่อยเธอไป
“ถ้าไม่เปลี่ยน ฉันจะลากเธอออกไปยืนหน้าบ้านด้วยชุดนี้! หรือไม่ก็จะยกเธอให้กับผู้ชายสักคนที่อยู่ตรงนี้”
“นายไม่ทำแบบนั้นหรอก” เธอพูดท้าทายด้วยน้ำเสียงมาดมั่น แม้ลึกในใจจะหวั่นก็ตาม
“ลองดูก็ได้!”
กวินเหมือนถูกวันสุขท้าทาย เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ขบฟันแน่นจนเห็นสันกรามชัดเจน วันสุขเริ่มหวั่นกลัวเมื่อเห็นแววตาดุร้ายของเขา แต่เธอก็ยังทำใจดีสู้เสือ
“นาย!” กวินมองไปยังคนเข็นราวเสื้อผ้าของช็อปดัง ซึ่งดูแล้วเขาเป็นชายชาตรีทั้งแท่ง
“ผะ ผมเหรอครับ” ความซวยมาเยือนเขาแล้ว ทั้งที่เป็นเพียงลูกน้องธรรมดาของช็อปเสื้อผ้าเท่านั้น แม้กระทั่งนายจ้างของเขาก็ไม่อาจจะเสนอความเห็นคัดค้านได้ ด้วยรู้ถึงอำนาจและอิทธิพลของชายผู้นี้
“คิดว่าเธอเป็นยังไง” กวินถามความเห็น
“สะ สวย ดะ ดูดีครับ” เขาก้มหน้าตอบด้วยน้ำเสียงติดขัด
คำตอบของเขาช่างเหมือนดาบสองคม หากตอบอีกแบบหนึ่ง ก็อาจดูถูกมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลว่าตาต่ำ แต่คำตอบนี้ก็เหมือนจะฆ่าเขาให้ตายได้ ล้วนอยู่ที่อารมณ์เจ้าของคำถาม
“ฉะ...” วันสุขกำลังอ้าปากตอบโต้ แต่ปากของเธอดันช้ากว่าเขา
“งั้นก็เอาเธอกลับไปเป็นเมียเลยดีไหม?”
“แต่ผมมีแฟนแล้วครับ เรากำลังจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้” รีบปฏิเสธทันควัน
“เอาไปเป็นเมียน้อยแล้วกัน ไม่ต้องแต่งให้มากพิธี ดีเสียอีกไม่ต้องเสียเงินค่าสินสอดเยอะแยะมากมาย” กวินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เหมือนคนไร้ความรู้สึกไม่มีหัวใจ
“ไม่!” วันสุขตะโกนเสียงดังลั่น
ทุกคนที่อยู่ในอาณาบริเวณนั้น ก้มหน้านิ่งแทบไม่ทัน สถานการณ์ดูลุกลามบานปลายขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่พวกเขาต้องการมาขายสินค้า ทำธุรกิจ
“หากว่าชอบเธอจนอดใจไม่ไหว ฉันมีห้องรับรองให้นาย จะทำอะไรก็ทำตามใจ”
“นายบ้าไปแล้วเหรอ ฉันไม่ใช่สิ่งของหรือสมบัติที่นายจะยกให้ใครก็ได้” วันสุขเริ่มกลัว เพราะจากสีหน้าและน้ำเสียงของกวินตอนนี้ เขาสามารถทำตามปากว่าได้
“เร็วสิ! ก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจเอาชีวิตมึงแทน” กวินเร่งเร้าคนที่ยืนมือสั่นจนยากจะควบคุม เขากลัวชีวิตจะหาไม่ จนก้าวขาแทบไม่ออก
คนงานเข็นราวผ้า ฝืนคว้าข้อมือของหญิงสาว แต่เธอยื้อยุดฉุดกระชากไม่ยินยอม วันสุขมองกวินด้วยความไม่เข้าใจ ปากบอกว่าเธอคือภรรยาทางพฤตินัย แล้วทำไมถึงยกเธอให้ชายอื่นอย่างง่ายดายเช่นนี้
“เธอไม่เหมาะจะเป็นนายหญิงของฉันแล้ว ร่างกายของเธอถูกชายอื่นเชยชมไปทั่ว ตอนนี้เธอเหมือนผู้หญิงโสเภณีที่มีมลทิน” คำตำหนิที่ออกจากปากของเขา เหมือนฝ่ามือหนักตบเข้าใบหน้าเธออย่างแรง
“ไม่ได้! นายยกฉันให้ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ เขาบอกอยู่ว่ามีแฟนแล้ว เขากำลังจะแต่งงาน...นายมันบ้า!”
“ก่อนหน้านี้บอกว่าอยากออกไปเดินเล่นไม่ใช่หรือไง นี่ไงฉันสนองให้เธอแล้ว มีคนพาเธอออกไปข้างนอกมีอิสระตามที่เธอต้องการ ไม่พอใจหรือไง?”
“กวิน!”
“พาเธอไปให้พ้นหน้าฉัน!” น้ำเสียงของกวินเอ่ยออกมาทุกคนสัมผัสได้ว่าเขาโกรธจัด
บรรยากาศในห้องโถงตึงเครียด เหล่าเจ้าของธุรกิจไม่มีใครกล้าเอ่ยห้ามสักคน ได้แต่ก้มหน้ามองพื้น ยืนกุมมือแน่น เพราะพวกเขากลัวไม่มีลมหายใจบนโลกนี้อีก เพราะการหายไปของพวกเขา มันง่ายมากสำหรับกวิน
คนงานเข็นราวผ้าลากวันสุขไปยังห้องที่มีบอร์ดี้การ์ดนำทาง เขาไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันซวยอะไร ออกจากบ้านก้าวขาผิดข้างหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ลึกในใจเขาไม่ได้ต้องการผู้หญิงคนนี้ เพราะมีแฟนอยู่แล้วเป็นตัวเป็นตน การลากวันสุขทำไปเพราะกลัวตาย
น้ำตาของหญิงสาวเอ่อคลอ เธอพยายามฝืนแรงฉุดรั้ง ร้องเสียงลั่น ร่างกายสั่นเทาเพราะหวาดกลัว
“เดี๋ยว!” กวินตะโกนตามหลัง เมื่อวันสุขทิ้งห่างจากเขาราวสิบก้าว
เธอสะบัดมือจนหลุดแล้ววิ่งมายืนด้านหลังของกวินในระยะห่างเพียงหนึ่งก้าว เพราะสีหน้าของเขาตอนนี้เหมือนซาตานร้ายที่พร้อมใช้ความรุนแรงกับเธอ หรือไม่ก็อาจจะบีบคอเธอให้ตายได้
“ฉันยังไม่ได้สั่ง วิ่งกลับมาทำไม”
“ไม่นะ ฉันไม่เป็นเมียน้อยของเขา ฉันเป็นภรรยาของนายไปแล้ว” เธอออกปากยอมรับสถานะที่เคยปฏิเสธ
“ก่อนหน้านี้หนักแน่นว่าจะพยายามหาทางหนีไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ถึงดูกลัวนักล่ะ” คำพูดของกวินทำให้วันสุขรู้สึกเสียหน้า เธออยากจิกหัวแล้วตบเขาให้สาแก่ใจ แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะเธออาจจะเจอหายนะมากกว่านี้อีก
“ถ้าไม่อยากไปเป็นเมียน้อยเขาก็จูบฉันสิ ยืนยันในความเป็นภรรยาของฉัน...อ้อนวอนขอให้ฉันรับเธอกลับมา แสดงให้ดูน่าสงสาร น่าเห็นใจเหมือนตอนที่บีบน้ำตาอย่างวันนั้น” คำสั่งของกวินทำให้วันสุขควันออกจากหู ความเกลียดลุกโชนในใจเธออีกครั้ง อยากจะฆ่าเขาให้ตายลงตรงนี้ แต่สถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวย เพราะเธอตกเป็นรอง
วันสุขกัดฟันกำมือแน่น ค่อย ๆ เดินมาตรงหน้าของเขา เขย่งเท้าแล้วจูบลงริมฝีปากของกวินตามที่เขาออกคำสั่ง ทุกคนในห้องโถงได้แต่จินตนาการภาพของชายหญิง ไม่กล้าเงยหน้ามองแม้แต่คนเดียว
ตอนนี้เธอไม่รู้สถานการณ์ที่แน่ชัดของตระกูล การยอมจำนนเป็นเพียงหนทางเดียวที่ทำให้เธออยู่ที่นี่ต่อ เพื่อสืบหาข้อเท็จจริง และปลอดภัยจากผู้ชายคนอื่น เพราะการที่เขาประกาศกร้าวยกเธอให้คนอื่นเหมือนสิ่งของ หากพวกเขาก้าวขาออกไปจากที่นี่คงพูดถึงเธออย่างสนุกปาก จากนายหญิงของมาเฟีย กลายไปเป็นเมียน้อยของคนงานในช็อปเสื้อผ้า
วันสุขตัดสินใจทิ้งศักดิ์ศรีลงชั่วคราว หากสบโอกาสเธอจะต้องหาทางเอาคืนเขาให้สาสม
“กวินคะ อย่ายกฉันไปเป็นเมียน้อยของเขาเลยนะ ฉันเป็นภรรยาของคุณแล้วทางพฤตินัย”
วันสุขละริมฝีปากจากการจูบ เงยหน้าสบตาแล้วพูดอ้อนวอน ท่าทางของเธอทำให้กวินนึกสนุก เขารู้สึกดีเมื่อเธอเรียกชื่อของเขาอย่างอ่อนหวาน
“คืนนี้ผมจะไปหาคุณตั้งแต่หัววัน” เขากระซิบข้างหูเธอ
คำพูดที่ทำให้เธอสะดุ้ง ขนลุกไปทั้งตัว อยากกรีดร้องใส่เขาให้แก้วหูแตกทั้งสองข้าง อยากข่วนหน้าเขาให้ยับ ตบหัวให้ทิ่มลงกับพื้นแข็ง แล้วจับโขกจนสาแก่ใจ ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้ผู้ชายชั่ว ๆ แบบนี้เป็นสามี
“คุณจะยินยอมผมไม่ขัดขืน จะปรนนิบัติผมด้วยความอ่อนหวานใช่ไหม?”
“ค่ะ ฉันจะไม่ดิ้นรนขัดขืน จะทำหน้าที่เป็นภรรยาที่เชื่อฟังสามี” วันสุขก้มหน้ามองพื้นแล้วตอบรับ เธอรู้สึกอายปากเหลือเกินที่ต้องพูดประโยคที่น่าขยะแขยงแบบนี้
“ผู้หญิงคนนี้กูขอคืนแล้วกัน...มึงกลับไปทำงานตัวเองเถอะ” กวินบอกกับคนที่เขาใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งวันสุขด้วยสีหน้าเรียบตึง อีกทั้งยังเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกขาน เขาแอบมองหน้าวันสุขด้วยรอยยิ้มอ่อน แม้ลึกในใจจะอยากหัวเราะเสียงดัง ในท่าทางของเธอก็ตาม
คนงานร้านเสื้อผ้า เหมือนได้เกิดใหม่ เขาโล่งใจดั่งยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก รีบเดินกลับไปยืนจุดเดิม เขาแทบไม่กล้ามองหน้ากวินแม้เพียงเสี้ยวสายตา ยืนกุมมือก้มหน้ามองพื้นด้วยอาการหวาดกลัว
“ของที่ทุกร้านขนมาในวันนี้ ฉันจะเหมาไว้ทั้งหมด แต่ต้องหุบปากให้สนิทกับเรื่องที่เห็นและได้ยินในวันนี้ ถ้ามีใครเอาไปพูดต่อ ฉันจะทำให้มันไปเฝ้ายมบาล...แม็กจัดการเรื่องเงินให้พวกเขาด้วย”
“ครับ”
เขาบอกกับเหล่าเจ้าของร้าน เหมาสินค้าทั้งหมดเป็นการชดเชยค่าเสียเวลา และถือเป็นนัยของรางวัลที่ทำให้วันสุขพ่ายแพ้ยอมศิโรราบแก่เขา
วันสุขกลับขึ้นมาบนห้องนอนที่เหมือนกรงขัง หลังจากเหล่าเจ้าของร้านค้าออกไปจากห้องโถงใหญ่กลางบ้าน การถูกกวินไล่ต้อนทำให้เธออับอายและเสียหน้า จนแทบอยากมุดแผ่นดินหนี ตอนนี้เธอแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีลูกสาวตระกูลใหญ่ ไม่ต่างไปจากทาสหรือของเล่นคนรวยเธอจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง มองเพดานแล้วเกลือกกลิ้งไปมาอย่างคนไม่มีอะไรจะทำ หนังสือในชั้นก็อ่านจนไม่รู้จะอ่านเล่มไหน เพราะเธออ่านจนหมดทุกเล่มแล้วเสียงเปิดประตูทำให้วันสุขหันไปมอง ป้านางเดินเข้ามาพร้อมกับสิ่งของมากมายที่กำลังให้คนขนเข้ามา เธอรีบลุกนั่งวางตัวใหม่ให้เรียบร้อย“คุณกวินบอกให้เอามาให้คุณค่ะ”“อวดรวย” เธอพูดค่อนขอดแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยิน“เย็นนี้คุณลงไปทานข้าวที่ห้องอาหารนะคะ คุณกวินอยู่ทานข้าวด้วย”“หนูจะไม่ทำตามคำสั่ง่ของเขาหรอก ป้ายกอาหารมาให้หนูบนห้องเหมือนเดิมเถอะค่ะ”“อย่าทำแบบนั้นเลยนะคะ ป้าเป็นห่วงกลัวว่าคุณจะถูกลงโทษอีก แม้คุณเขาจะดูเป็นคนดี แต่ถ้าได้พูดคือทำจริงนะคะ”คำเตือนของป้านางเธอเข้
“คนบ้าอะไรขืนใจคนอื่นแล้วก็มาทำดี ตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า” เธอยังคงนอนบ่นพึมพำ สะดุ้งตัวเมื่อมือของกวินลูบหลังเธอเบา ๆ แสดงให้ชัดไปเลยในสิ่งที่เธอกล่าวหา“มีความสุขด้วยกัน ยังจะมาบอกว่าขืนใจอีกเหรอ เสียงหวานของเธอมันย้อนแย้งกับที่พูดเมื่อกี้เลยนะ”“หุบปากแล้วนอนซะ” คำพูดนี้ปกติแล้วจะได้ยินจากปากของเขา แต่บัดนี้กลับตรงกันข้ามเสียอย่างนั้นแสงแดดอ่อนสอดส่องทะลุผ้าม่านเข้ามาในห้องนอน ทำให้วันสุขรู้สึกตัว เธอเปิดเปลือกตาเพื่อปรับรับแสงของวันใหม่ หันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างตัวเธอ ใบหน้าของเขาทำให้ภาพกิจกรรมบนเตียงแสลงในใจ โชคชะตาทำไมถึงใจร้ายกับเธอนัก ใจหนักแน่นไม่ยินยอม แต่พอถูกไล่ต้อนร่างกายกับทรพี หญิงสาวพลิกตัวตะแคงหันหลังแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปง เสียใจกับการที่ถูกคนใจร้ายย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่าแขนแกร่งโอบกอดเอวของเธอเบา ๆ ปลายจมูกคมสันสัมผัสลงซอกคอ แรงสะอื้นทำให้กวินลืมตาตื่น“ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ” สรรพนามเรียกขานเปลี่ยนไปตามอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นมา“โดนขืนใจจะให้ฉันยิ้มหน้าบานหรือไง
วันสุขนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของกวิน เธอไม่สามารถข่มตาให้หลับสนิทได้ เมื่อลมหายใจอุ่นกระทบกับผิวคอของเธอ“ยังเจ็บอยู่เหรอ”“เปล่า”“ทำไมถึงยังไม่หลับ หรือเป็นเพราะอ้อมกอดของผม”“ใช่!”“ขอโทษแล้วกันนะที่ทำให้หวั่นไหวหัวใจ”“เหอะ มโนเนอะ..กอดของนายมันทำให้ฉันเจ็บกว่าเดิมจนนอนไม่หลับย่ะ” วันสุขดันตัวออกห่าง แต่เขาก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด แถมยังถูกเขากระชับกอดแน่นกว่าเดิมอีก ไม่สนคำต่อว่าของเธอแม้แต่น้อย“งั้นเดี๋ยวกอดเบา ๆ แล้วกัน” เขาพูดอย่างโอนอ่อนพร้อมกระทำดั่งปากว่า“นายไม่รีบไปง้อสาวคนนั้นหรือไง” เมื่อพยายามถอยห่างแล้วไม่สามารถทำได้ จึงจำต้องอยู่ในอ้อมกอดอุ่นแบบนั้น“ไม่จำเป็น ตัดความสัมพันธ์ไปแล้วจบคือจบ ผมไม่ใช่คนที่หันหลังกลับไปเดินเส้นทางเดิม” เขาให้เหตุผลเมื่อได้ยินคำตอบ วันสุขก็ไม่ถามอะไรต่อ ความล้าและร่างกายที่ระบมทำให้เปลือกตาของเธอเปิดต่อไม่ไหว จนคล้อยหลับไปในที่สุดไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่หญิงสาวหลับสนิทไป เธอลืมตาตื่นในยามแสงแดดจวนจะหายไป ลืมตามองโดยรอบไม่พบคนที่นอนกอด เป็นอีกคราที่เธอตื่นมาเพียงลำพัง ไม่มีข้อความบอกกล่าว ไม่มีการบอกเล่าใด ๆ ให้เธอรับรู้...เธอควรจะรู้สึกดีสิเ
สองเท้าก้าวเหยียบผืนแผ่นดินประเทศไทย หลังจากที่เธอไปเรียนต่อต่างประเทศสี่ปีไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเลยสักครั้ง วันสุข ลูกสาวอันเป็นที่รักของตระกูลผู้มั่งคั่ง เธอกลับมายังดินแดนบ้านเกิดหลังจากคว้าใบปริญญามาเป็นของขวัญแก่ผู้มีพระคุณให้ได้ภาคภูมิใจ วันสุขยืนสูดลมหายใจด้วยรอยยิ้ม เธอคิดถึงใบหน้าของผู้เป็นพ่อแม่ที่เปื้อนยิ้ม ตอนนี้พวกท่านคงตระเตรียมอาหารจานโปรดเพื่อรอต้อนรับเธอเป็นแน่“คิดถึงจังเลย” วันสุขแหงนหน้ามองบนท้องฟ้า แล้วสบถออกมาด้วยรอยยิ้มระหว่างรอให้รถยนต์ของที่บ้านมารับสายตามองเห็นรถยนต์ยี่ห้อหรูขับพุ่งทะยานด้วยความเร็ว พร้อมกับรถยนต์ของเหล่าผู้ติดตามอีกคัน ขับมาจอดเทียบจุดที่เธอยืนรอ ชายฉกรรจ์ร่างสูงในชุดสูทสีเข้ม ยืนเรียงแถวตรงข้าม จนทำให้เธอตกใจ ก่อนจะมีชายหนุ่มอีกคนเดินมาหยุดตรงหน้าของเธอวันสุขนึกสังหรณ์ใจบางอย่าง คนที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ดูไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่ เขาดูเป็นผู้ชายอันตราย ไม่น่าไว้วางใจ...ใช่คนของพ่อจริงเหรอ? เป็นคำถามที่ก่อเกิดในใจ“คุณพ่อให้คุณมารับฉันเหรอคะ?” เธอเอ่ยถามอย่างสุภาพ แต่ก็ยังคงระวังตัว(“ลูกน้องคุณพ่อดูไม่ค่อยคุ้นหน้าเลย หรือว่าท่านเปลี
วันสุขพยายามตั้งสติที่แทบเหลือน้อยนิด มองโดยรอบของห้อง ชั่วความคิดหนึ่งพลันนึกได้ บ้านหลังนี้ปกติจะมีลุงคนสวนเก่าแก่คอยดูแลบ้านหลังนี้ ทว่าตั้งแต่ที่เธอเข้ามายังไม่เห็นแม้แต่เงาของลุงคนนั้น การตกแต่งภายในห้องก็เปลี่ยนไป เธอจำไม่ผิดแน่ว่านี่คือบ้านพักต่างจังหวัดที่พ่อของเธอเคยพามาก่อนจะไปเรียนต่างประเทศ เธอไม่ได้ความจำสั้นขนาดนั้น“ต่อไปห้องนี้จะเป็นห้องส่วนตัวของคุณ ผมสั่งคนออกแบบตกแต่งใหม่ หวังว่าคุณจะพอใจ” เขาพูดหน้าตาย พร้อมกับขยับตัวไปนั่งลงข้างเธอ ใช้หลังมือสัมผัสลูบไล้ข้างแก้มของเธอ“อย่ามาลุ่มล่ามกับฉัน...ถึงบ้านของฉันแล้ว หมดหน้าที่ของคุณ เสร็จแล้วไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้” วันสุขปัดมือหนานั้นเต็มแรง หยัดตัวลุกยืนท่วมหัวคนแปลกหน้า จ้องตาเขม็ง ตวาดเสียงแข็งชี้นิ้วไปทางประตูขับไล่“หน้าที่ของผมยังไม่หมดแค่นี้หรอก”“พ่อฉันอยู่ไหนบอกมานะ ฉันจะไปหาพ่อของฉัน”“คุณไม่มีทางได้เจอพ่อของคุณหรอก” “นายหมายความว่ายังไง...ก่อนหน้าฉันถามนายก็ไม่ตอบ พ่อแม่ฉันไปไหน!”“...แม่ของคุณอยู่บ้านที่ราชบุรี ส่วนพ่อของคุณเขาจากไปตั้งแต่สี่เดือนก่อน” วันสุขนิ่งงันเหมือนถูกสาป เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้
วันสุขพยายามกระเสือกกระสนลงจากเตียง แต่แข้งขากลับอ่อนแรงลง เธอเกือบจะล้มฟุบแต่ร่างกายยังไม่ทันได้สัมผัสกับพื้น ก็ถูกคนแปลกหน้าที่พาเธอมารับตัวไว้ในอ้อมแขน การถูกสัมผัสจากเพศตรงข้าม ทำให้เธอรู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง ร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ยิ่งเห็นใบหน้าเขายิ่งเหมือนปลุกเร้าความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้จักเธอเหมือนกระหายอยากให้เขาสัมผัสในส่วนที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมากกว่านี้ เลือดในกายพุ่งพล่านเรียกร้องบางอย่างมากกว่านี้“นายเอาอะไรให้ฉันกิน” เธอถามด้วยน้ำเสียงหอบกระเส่า มือเรียวเล็กไม่อยู่สุขลากไล้ไปตามลำคอแกร่งของชายแปลกหน้า ทั้งที่ภายในใจพยายามต่อต้านแต่ร่างกายกลับสวนทาง“หึ...เธอคิดว่าไงล่ะ” เขากระซิบข้างหูของเธอ จากนั้นก็อุ้มร่างอรชรวางลงบนเตียงวันสุขเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เธอกลืนลงท้องมันคืออะไร เธอพยายามเรียกสติตัวเองกลับคืนมา ทว่าร่างกายกลับไม่เป็นดั่งใจเอาเสียเลย เธอกำลังจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกด้วยมือที่สั่นเทา เขามองเธอด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์“ปากบอกไม่ยอม เธอถามร่างกายตัวเองหรือยัง?...ทนได้เหรอ?” เขากระแนะกระแหนเย้ยหยัน“อย่ามาใกล้ฉัน” วันสุขร้องปราม เมื่อเขาเข้ามาใกล้ชิดเธอวันส
ดวงตะวันส่องแสงทอสว่างเข้ามาในห้องนอนแสนกว้าง วันสุขนอนสลบหมดเรี่ยวแรงหลังกิจกรรมรักอันเร่าร้อนจบลง เป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เธอหลับไป ลืมตามองรอบด้านพบเพียงความว่างเปล่า ไร้เงาของคนที่ก่อนหน้าทำร้ายร่างกายและจิตใจเธอ “คุณตื่นแล้วเหรอคะ ป้าเอาข้าวมาให้ค่ะ” ยังไม่ทันได้เหยียบสัมผัสกับพื้น หญิงมีอายุคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามาทันที เป็นคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน“คุณเป็นใครคะ?” วันสุขเอ่ยถาม“ป้าเป็นแม่บ้าน ดูแลที่นี่มาได้สักพักแล้วค่ะชื่อนาง”“ป้านาง”“ทานข้าวเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน”คนมาใหม่วางถาดอาหารลงบนโต๊ะ พลางมองมายังเธอด้วยรอยยิ้มที่ดูไร้พิษภัย วันสุขก้มมองตัวเองก่อนจะกำชับเสื้อให้ปิดมิดชิด เธอรู้สึกอายกับร่อยรอยช้ำที่คนป่าเถื่อนกระทำกับเธออย่างไม่ออมมือ เขาทิ้งรอยจูบเอาไว้จนทั่วร่างกาย“ป้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกคุณ แต่ป้าอยากให้คุณอดทนและเข้มแข็ง” หญิงมีอายุเอ่ยให้กำลังใจ เธอเห็นวันสุขแล้วอดสงสารไม่ได้“หนูไม่รู้จะทนได้แค่ไหน” วันสุขกล่าวอย่างคนหมดหวัง“จากที่ป้าอยู่ที่นี่มาคุณกวินเป็นคนใจดีนะคะ”“เขาชื่อกวินเหรอคะ?”“ค่ะ”“แล้วตอนนี้เขาไปไหนเหรอคะ?”“ป้าก็ไม่ทร
"ปล่อยฉัน ไอ้บ้า" ตอนนี้เธอรู้สึกกลัวจนสั่นไปทั้งตัว จะยืนหยัดให้มั่นก็แทบยืนไม่ไหว ยิ่งเห็นแววตาดุร้ายของกวินยิ่งเริ่มทำให้เธอใจเสีย"เธอมันวอนเอง" เสียงพูดคำรามรอดไรฟัน แววตาดุดันน่ากลัว"นายไม่มีสิทธิ์ทารุณฉันแบบนี้” ท่าทีของกวินทำให้วันสุขนึกหวาดกลัว แต่เธอก็ยังกัดฟันสู้ต่อปาก“เธอควรได้รับการสั่งสอน ว่าการเป็นภรรยาที่ดี เชื่อฟังเป็นยังไง ไม่ใช่อยากถ่มน้ำลายใส่หน้าผัวตามใจได้”“นายไม่ใช่ผัวฉัน”“หรือต้องให้ย้ำ”ท่าทีของเขาเริ่มน่ากลัวเข้าไปอีก นั่นยิ่งทำให้วันสุขเริ่มใจคอไม่ดี สีหน้า น้ำเสียง และท่าทางเขาสามารถฆ่าเธอได้จริง ๆ“ปล่อยฉันเถอะ" แน่ล่ะใครจะไม่รักตัวกลัวตาย เธออ้อนวอนเขารอบแล้วรอบเล่า เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ"ได้สิ ฉันจะปล่อยเธอ" เขาลดปืนลงแล้วตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นเฉียบคำพูดที่ออกจากปากสร้างความดีใจให้กับเธอ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก"แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้""!!!"แต่แล้วความดีใจทั้งหมดของเธอก็หล่นวูบลงพื้น ยืนทรงตัวแทบไม่อยู่เมื่อเขาตอบออกมา ความกลัวครอบงำเมื่อเขาขึ้นนกปืนและเล็งปลายกระบอกปืนมายังเธอ...มันคงจบลงแล้วในวันนี้ ชีวิตที่เคยสดใสของผู้หญิงตัวเล็
วันสุขนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของกวิน เธอไม่สามารถข่มตาให้หลับสนิทได้ เมื่อลมหายใจอุ่นกระทบกับผิวคอของเธอ“ยังเจ็บอยู่เหรอ”“เปล่า”“ทำไมถึงยังไม่หลับ หรือเป็นเพราะอ้อมกอดของผม”“ใช่!”“ขอโทษแล้วกันนะที่ทำให้หวั่นไหวหัวใจ”“เหอะ มโนเนอะ..กอดของนายมันทำให้ฉันเจ็บกว่าเดิมจนนอนไม่หลับย่ะ” วันสุขดันตัวออกห่าง แต่เขาก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด แถมยังถูกเขากระชับกอดแน่นกว่าเดิมอีก ไม่สนคำต่อว่าของเธอแม้แต่น้อย“งั้นเดี๋ยวกอดเบา ๆ แล้วกัน” เขาพูดอย่างโอนอ่อนพร้อมกระทำดั่งปากว่า“นายไม่รีบไปง้อสาวคนนั้นหรือไง” เมื่อพยายามถอยห่างแล้วไม่สามารถทำได้ จึงจำต้องอยู่ในอ้อมกอดอุ่นแบบนั้น“ไม่จำเป็น ตัดความสัมพันธ์ไปแล้วจบคือจบ ผมไม่ใช่คนที่หันหลังกลับไปเดินเส้นทางเดิม” เขาให้เหตุผลเมื่อได้ยินคำตอบ วันสุขก็ไม่ถามอะไรต่อ ความล้าและร่างกายที่ระบมทำให้เปลือกตาของเธอเปิดต่อไม่ไหว จนคล้อยหลับไปในที่สุดไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่หญิงสาวหลับสนิทไป เธอลืมตาตื่นในยามแสงแดดจวนจะหายไป ลืมตามองโดยรอบไม่พบคนที่นอนกอด เป็นอีกคราที่เธอตื่นมาเพียงลำพัง ไม่มีข้อความบอกกล่าว ไม่มีการบอกเล่าใด ๆ ให้เธอรับรู้...เธอควรจะรู้สึกดีสิเ
“คนบ้าอะไรขืนใจคนอื่นแล้วก็มาทำดี ตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า” เธอยังคงนอนบ่นพึมพำ สะดุ้งตัวเมื่อมือของกวินลูบหลังเธอเบา ๆ แสดงให้ชัดไปเลยในสิ่งที่เธอกล่าวหา“มีความสุขด้วยกัน ยังจะมาบอกว่าขืนใจอีกเหรอ เสียงหวานของเธอมันย้อนแย้งกับที่พูดเมื่อกี้เลยนะ”“หุบปากแล้วนอนซะ” คำพูดนี้ปกติแล้วจะได้ยินจากปากของเขา แต่บัดนี้กลับตรงกันข้ามเสียอย่างนั้นแสงแดดอ่อนสอดส่องทะลุผ้าม่านเข้ามาในห้องนอน ทำให้วันสุขรู้สึกตัว เธอเปิดเปลือกตาเพื่อปรับรับแสงของวันใหม่ หันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างตัวเธอ ใบหน้าของเขาทำให้ภาพกิจกรรมบนเตียงแสลงในใจ โชคชะตาทำไมถึงใจร้ายกับเธอนัก ใจหนักแน่นไม่ยินยอม แต่พอถูกไล่ต้อนร่างกายกับทรพี หญิงสาวพลิกตัวตะแคงหันหลังแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปง เสียใจกับการที่ถูกคนใจร้ายย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่าแขนแกร่งโอบกอดเอวของเธอเบา ๆ ปลายจมูกคมสันสัมผัสลงซอกคอ แรงสะอื้นทำให้กวินลืมตาตื่น“ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ” สรรพนามเรียกขานเปลี่ยนไปตามอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นมา“โดนขืนใจจะให้ฉันยิ้มหน้าบานหรือไง
วันสุขกลับขึ้นมาบนห้องนอนที่เหมือนกรงขัง หลังจากเหล่าเจ้าของร้านค้าออกไปจากห้องโถงใหญ่กลางบ้าน การถูกกวินไล่ต้อนทำให้เธออับอายและเสียหน้า จนแทบอยากมุดแผ่นดินหนี ตอนนี้เธอแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีลูกสาวตระกูลใหญ่ ไม่ต่างไปจากทาสหรือของเล่นคนรวยเธอจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง มองเพดานแล้วเกลือกกลิ้งไปมาอย่างคนไม่มีอะไรจะทำ หนังสือในชั้นก็อ่านจนไม่รู้จะอ่านเล่มไหน เพราะเธออ่านจนหมดทุกเล่มแล้วเสียงเปิดประตูทำให้วันสุขหันไปมอง ป้านางเดินเข้ามาพร้อมกับสิ่งของมากมายที่กำลังให้คนขนเข้ามา เธอรีบลุกนั่งวางตัวใหม่ให้เรียบร้อย“คุณกวินบอกให้เอามาให้คุณค่ะ”“อวดรวย” เธอพูดค่อนขอดแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยิน“เย็นนี้คุณลงไปทานข้าวที่ห้องอาหารนะคะ คุณกวินอยู่ทานข้าวด้วย”“หนูจะไม่ทำตามคำสั่ง่ของเขาหรอก ป้ายกอาหารมาให้หนูบนห้องเหมือนเดิมเถอะค่ะ”“อย่าทำแบบนั้นเลยนะคะ ป้าเป็นห่วงกลัวว่าคุณจะถูกลงโทษอีก แม้คุณเขาจะดูเป็นคนดี แต่ถ้าได้พูดคือทำจริงนะคะ”คำเตือนของป้านางเธอเข้
เกือบสองสัปดาห์ที่กวินไม่ได้แวะไปหาหญิงสาว เพราะบาดแผลที่ได้รับยังไม่สมานดี หากเจอหน้าเธอเขากลัวจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เขาไม่อยากบังคับเธอนอนด้วยจากการฝืนใจซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่อยากเห็นเธอขัดขืนต่อต้านเขาอยากได้เธออย่างเต็มใจ แม้วันแรกที่เจอเธอเขาจะใช้กำลังบังคับ นั่นเพราะเขามีเหตุผล จำต้องทำให้เธอเป็นภรรยาทางพฤตินัยด้วยวิธีนั้น เพื่อผูกมัดไม่ให้เธอกล้าจากเขาไปไหน มันคือเงื่อนไขข้อตกลงที่เขาต้องยอมรับ เพราะรับปากคนบางคนเอาไว้ และอีกอย่างก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง“แม็ก...ช่วยไปติดต่อกับช็อปในห้างของเรา ที่เขาขายสินค้าที่ผู้หญิงชอบใช้ และพวกช็อปเสื้อผ้าให้หน่อย ตามลิสต์ที่วันสุขจดมาให้ เธออยากซื้อของ” กวินบอกลูกน้องมือขวาพร้อมกับยื่นกระดาษที่ได้รับมาจากป้านางเมื่อสองสามวันก่อนให้แม็กธุรกิจในประเทศไทยที่ยุ่งเหยิง กวินจัดการจนทุกอย่างเริ่มลงตัวเข้าที่เข้าทาง วันนี้เขากลับมาบ้านพักในตอนเย็น พร้อมกับเจ้าของช็อปสินค้า พร้อมคนติดตามมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายแท้และไม่แท้ นำสินค้ามาให้วันสุขได้เลือกซื้อ ตามรายการที่เธอร้องขอ ด้วยอิทธิพลของกวิน การยกช็อปมาที่
“เสร็จแล้ว ปวดแผลหรือเปล่า” วันสุขออกปากถาม ใจลึกเกลียดเขาจนแทบไม่อยากมองหน้า แต่ด้วยความจิตใจดีทำให้เธอต้องฝืนช่วยเหลือคนที่ได้รับบาดเจ็บ“อืม ปวดนิดหน่อย”“ที่นี่ไม่รู้มียาแก้ปวดหรือเปล่า นายออกไปหากินเองแล้วกัน”“มันมีอยู่ในตู้ตรงนั้น” เขาชี้นิ้วบอกเธอ“บอกไว้ก่อนนะ ฉันยังเกลียดนายเหมือนเดิม แต่ที่ฉันทำแผลให้ก็เพราะฉันไม่ได้เป็นคนใจร้ายไส้ระกำแบบนาย” พูดกระแนะกระแหนแล้วเดินไปหยิบยา“รู้”“รีบกินแล้วก็รีบไปนอนซะ”วันสุขยื่นยาแก้ปวด พร้อมแก้วน้ำเปล่า เขารับแล้วจัดการกินมันลงท้อง จากนั้นจึงเอนตัวนอนบนเตียง“เดี๋ยว เดี๋ยว...ลุกขึ้นมาเลยนะ!” วันสุขดึงหมอนที่เขากำลังจะหนุนออกด้วยความเกรี้ยวกราด“อะไรอีกล่ะ”“กลับไปนอนห้องนายเส่”“อย่ายุ่ง นอนไหนก็เรื่องของผม” พูดพร้อมกับแย่งหมอนคืน ทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตา“แหวะ! ผม แสลงหูชะมัด” คำพูดโอนอ่อนทำให้วันสุขรู้สึกสะอิดส
หลายวันมานี้วันสุขอยู่แต่ห้องสีเหลี่ยมเดิม ๆ บรรยากาศอุดอู้ทำให้เธอเบื่อหน่าย อยากออกไปสูดอากาศข้างนอก แต่ก็ไม่สามารถไปได้ ตอนนี้เธอเหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกขังในกรงเพื่อรอฟังคำสั่ง เธอกิน นั่ง นอน วนเวียนอยู่แบบนั้นจนตะวันตกดินวันแล้ววันเล่า เคยอ้อนวอนป้านางให้ปล่อยเธอออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง“น่าเบื่อชะมัด...มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวฉันกันแน่” อิงฟ้านอนมองเพดาน เธอพร่ำถามตัวเอง สภาพการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ บางความรู้สึกวันสุขก็แทบไม่อยากจะเทียบว่าเป็นนกน้อยในกรงทอง มันเหมือนกับทาสหรือนางบำเรอเสียมากกว่าหลายวันนับตั้งแต่วันที่วันสุขไม่สบาย เธอก็ยังไม่ได้เห็นหน้าของกวินอีกเลยจวบจนตอนนี้“ไอ้บ้านั่นหายไปไหน?” เธอนอนบ่นพึมพำ“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น...คิดถึงฉันอยู่หรือไง” เสียงที่คุ้นเคยทำให้วันสุขดีดตัวลุกนั่ง มองไปยังเจ้าของเสียงด้วยสีหน้านิ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี“ฉันเกลียดขี้หน้านาย แล้วนี่เข้ามาทำไม?”“ลืมหน้าที่ตัวเองแล้วหรือไง”“ออกไปเลยนะ...ฉัน
เสียงปืนยังคงก้องในหูหลอกหลอนเธอ ภาพเหตุการณ์โหดร้ายสร้างความหวาดกลัวจนวันสุขเก็บไปฝัน เม็ดเหงื่อท่วมใบหน้า เธอส่ายหัวไปมา จนคนที่นอนข้าง ๆ รู้สึกตัวตื่นกลางดึก“ไม่นะ ไม่” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยทั้งที่ไม่ได้ลืมตากวินเอื้อมมือเปิดสวิตช์ไฟดวงเล็กบนหัวเตียง เขาใช้หลังมือสัมผัสลงหน้าผากของวันสุข เธอตัวร้อนอย่างกับไฟ ทำให้เขาตกใจ รีบเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้เธอ ทุกขั้นตอนเขาดูแลวันสุขด้วยตัวเองโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หาย” ภายนอกดูโหดเหี้ยมและใจร้าย แต่ลึกภายใต้จิตสำนึกกลับแอบซ่อนความอ่อนโยนและอบอุ่นเอาไว้ พิษไข้ของวันสุขทำให้กวินยังคงคอยเช็ดตัวให้เธอจนความร้อนเริ่มลดลง เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วจัดการสวมเสื้อผ้าให้เธอ แล้วทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ หญิงสาวจนถึงเช้าการสัมผัสของใครบางคนทำให้วันสุขรู้สึกได้ เธอค่อย ๆ ปรือตาอย่างเชื่องช้า มองเห็นใบหน้าคมสันของกวินที่นั่งอยู่ข้างเตียง เธอเห็นเขารีบดึงมือกลับ แล้วลุกพรวดจากเก้าอี้“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้” เธอถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
"ปล่อยฉัน ไอ้บ้า" ตอนนี้เธอรู้สึกกลัวจนสั่นไปทั้งตัว จะยืนหยัดให้มั่นก็แทบยืนไม่ไหว ยิ่งเห็นแววตาดุร้ายของกวินยิ่งเริ่มทำให้เธอใจเสีย"เธอมันวอนเอง" เสียงพูดคำรามรอดไรฟัน แววตาดุดันน่ากลัว"นายไม่มีสิทธิ์ทารุณฉันแบบนี้” ท่าทีของกวินทำให้วันสุขนึกหวาดกลัว แต่เธอก็ยังกัดฟันสู้ต่อปาก“เธอควรได้รับการสั่งสอน ว่าการเป็นภรรยาที่ดี เชื่อฟังเป็นยังไง ไม่ใช่อยากถ่มน้ำลายใส่หน้าผัวตามใจได้”“นายไม่ใช่ผัวฉัน”“หรือต้องให้ย้ำ”ท่าทีของเขาเริ่มน่ากลัวเข้าไปอีก นั่นยิ่งทำให้วันสุขเริ่มใจคอไม่ดี สีหน้า น้ำเสียง และท่าทางเขาสามารถฆ่าเธอได้จริง ๆ“ปล่อยฉันเถอะ" แน่ล่ะใครจะไม่รักตัวกลัวตาย เธออ้อนวอนเขารอบแล้วรอบเล่า เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ"ได้สิ ฉันจะปล่อยเธอ" เขาลดปืนลงแล้วตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นเฉียบคำพูดที่ออกจากปากสร้างความดีใจให้กับเธอ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก"แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้""!!!"แต่แล้วความดีใจทั้งหมดของเธอก็หล่นวูบลงพื้น ยืนทรงตัวแทบไม่อยู่เมื่อเขาตอบออกมา ความกลัวครอบงำเมื่อเขาขึ้นนกปืนและเล็งปลายกระบอกปืนมายังเธอ...มันคงจบลงแล้วในวันนี้ ชีวิตที่เคยสดใสของผู้หญิงตัวเล็
ดวงตะวันส่องแสงทอสว่างเข้ามาในห้องนอนแสนกว้าง วันสุขนอนสลบหมดเรี่ยวแรงหลังกิจกรรมรักอันเร่าร้อนจบลง เป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เธอหลับไป ลืมตามองรอบด้านพบเพียงความว่างเปล่า ไร้เงาของคนที่ก่อนหน้าทำร้ายร่างกายและจิตใจเธอ “คุณตื่นแล้วเหรอคะ ป้าเอาข้าวมาให้ค่ะ” ยังไม่ทันได้เหยียบสัมผัสกับพื้น หญิงมีอายุคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามาทันที เป็นคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน“คุณเป็นใครคะ?” วันสุขเอ่ยถาม“ป้าเป็นแม่บ้าน ดูแลที่นี่มาได้สักพักแล้วค่ะชื่อนาง”“ป้านาง”“ทานข้าวเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน”คนมาใหม่วางถาดอาหารลงบนโต๊ะ พลางมองมายังเธอด้วยรอยยิ้มที่ดูไร้พิษภัย วันสุขก้มมองตัวเองก่อนจะกำชับเสื้อให้ปิดมิดชิด เธอรู้สึกอายกับร่อยรอยช้ำที่คนป่าเถื่อนกระทำกับเธออย่างไม่ออมมือ เขาทิ้งรอยจูบเอาไว้จนทั่วร่างกาย“ป้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกคุณ แต่ป้าอยากให้คุณอดทนและเข้มแข็ง” หญิงมีอายุเอ่ยให้กำลังใจ เธอเห็นวันสุขแล้วอดสงสารไม่ได้“หนูไม่รู้จะทนได้แค่ไหน” วันสุขกล่าวอย่างคนหมดหวัง“จากที่ป้าอยู่ที่นี่มาคุณกวินเป็นคนใจดีนะคะ”“เขาชื่อกวินเหรอคะ?”“ค่ะ”“แล้วตอนนี้เขาไปไหนเหรอคะ?”“ป้าก็ไม่ทร