"ปล่อยฉัน ไอ้บ้า" ตอนนี้เธอรู้สึกกลัวจนสั่นไปทั้งตัว จะยืนหยัดให้มั่นก็แทบยืนไม่ไหว ยิ่งเห็นแววตาดุร้ายของกวินยิ่งเริ่มทำให้เธอใจเสีย
"เธอมันวอนเอง" เสียงพูดคำรามรอดไรฟัน แววตาดุดันน่ากลัว
"นายไม่มีสิทธิ์ทารุณฉันแบบนี้” ท่าทีของกวินทำให้วันสุขนึกหวาดกลัว แต่เธอก็ยังกัดฟันสู้ต่อปาก
“เธอควรได้รับการสั่งสอน ว่าการเป็นภรรยาที่ดี เชื่อฟังเป็นยังไง ไม่ใช่อยากถ่มน้ำลายใส่หน้าผัวตามใจได้”
“นายไม่ใช่ผัวฉัน”
“หรือต้องให้ย้ำ”
ท่าทีของเขาเริ่มน่ากลัวเข้าไปอีก นั่นยิ่งทำให้วันสุขเริ่มใจคอไม่ดี สีหน้า น้ำเสียง และท่าทางเขาสามารถฆ่าเธอได้จริง ๆ
“ปล่อยฉันเถอะ" แน่ล่ะใครจะไม่รักตัวกลัวตาย เธออ้อนวอนเขารอบแล้วรอบเล่า เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ
"ได้สิ ฉันจะปล่อยเธอ" เขาลดปืนลงแล้วตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นเฉียบ
คำพูดที่ออกจากปากสร้างความดีใจให้กับเธอ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
"แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้"
"!!!"
แต่แล้วความดีใจทั้งหมดของเธอก็หล่นวูบลงพื้น ยืนทรงตัวแทบไม่อยู่เมื่อเขาตอบออกมา ความกลัวครอบงำเมื่อเขาขึ้นนกปืนและเล็งปลายกระบอกปืนมายังเธอ...มันคงจบลงแล้วในวันนี้ ชีวิตที่เคยสดใสของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างวันสุข
สิ้นเสียงปืนดังลั่นจนแทบแก้วหูแตก ความกลัวทำให้วันสุขวูบหมดสติทันที กวินเข้าไปอุ้มเธอแล้วพากลับห้องนอน วางเธอลงบนเตียงนอน เดิมทีเขาไม่คิดจะทำรุนแรงกับเธอแบบนี้ หากเธอไม่ปลุกอารมณ์ร้อนในตัวที่เขาพยายามควบคุม
“ทำไมเราต้องเจอกันในสถานการณ์แบบนี้ด้วยนะ” กวินยืนมองหน้าที่หลับไม่ได้สติ โน้มตัวลงแล้วใช้มือลูบหัวของวันสุขอย่างอ่อนโยน อีกมุมที่แทบไม่มีใครเคยเห็น แต่ตอนนี้เขาแสดงออกกับเธอ
กวินทิ้งตัวนั่งลงข้างเตียง จ้องมองหน้าวันสุขที่ขาวซีดครุ่นคิดเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น
“พ่อ พ่อ” เธอละเมอ
“ผมอยู่ตรงนี้”
กวินจับมือคนที่กำลังฝันร้ายแนบแก้มปลอบประโลม คำพูดอ่อนโยนละมุนหูเปรยออกมา ทว่าคนตรงหน้ากลับไม่มีโอกาสได้เห็นและได้ฟัง
เสียงปืนยังคงก้องในหูหลอกหลอนเธอ ภาพเหตุการณ์โหดร้ายสร้างความหวาดกลัวจนวันสุขเก็บไปฝัน เม็ดเหงื่อท่วมใบหน้า เธอส่ายหัวไปมา จนคนที่นอนข้าง ๆ รู้สึกตัวตื่นกลางดึก“ไม่นะ ไม่” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยทั้งที่ไม่ได้ลืมตากวินเอื้อมมือเปิดสวิตช์ไฟดวงเล็กบนหัวเตียง เขาใช้หลังมือสัมผัสลงหน้าผากของวันสุข เธอตัวร้อนอย่างกับไฟ ทำให้เขาตกใจ รีบเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้เธอ ทุกขั้นตอนเขาดูแลวันสุขด้วยตัวเองโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หาย” ภายนอกดูโหดเหี้ยมและใจร้าย แต่ลึกภายใต้จิตสำนึกกลับแอบซ่อนความอ่อนโยนและอบอุ่นเอาไว้ พิษไข้ของวันสุขทำให้กวินยังคงคอยเช็ดตัวให้เธอจนความร้อนเริ่มลดลง เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วจัดการสวมเสื้อผ้าให้เธอ แล้วทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ หญิงสาวจนถึงเช้าการสัมผัสของใครบางคนทำให้วันสุขรู้สึกได้ เธอค่อย ๆ ปรือตาอย่างเชื่องช้า มองเห็นใบหน้าคมสันของกวินที่นั่งอยู่ข้างเตียง เธอเห็นเขารีบดึงมือกลับ แล้วลุกพรวดจากเก้าอี้“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้” เธอถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
หลายวันมานี้วันสุขอยู่แต่ห้องสีเหลี่ยมเดิม ๆ บรรยากาศอุดอู้ทำให้เธอเบื่อหน่าย อยากออกไปสูดอากาศข้างนอก แต่ก็ไม่สามารถไปได้ ตอนนี้เธอเหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกขังในกรงเพื่อรอฟังคำสั่ง เธอกิน นั่ง นอน วนเวียนอยู่แบบนั้นจนตะวันตกดินวันแล้ววันเล่า เคยอ้อนวอนป้านางให้ปล่อยเธอออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง“น่าเบื่อชะมัด...มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวฉันกันแน่” อิงฟ้านอนมองเพดาน เธอพร่ำถามตัวเอง สภาพการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ บางความรู้สึกวันสุขก็แทบไม่อยากจะเทียบว่าเป็นนกน้อยในกรงทอง มันเหมือนกับทาสหรือนางบำเรอเสียมากกว่าหลายวันนับตั้งแต่วันที่วันสุขไม่สบาย เธอก็ยังไม่ได้เห็นหน้าของกวินอีกเลยจวบจนตอนนี้“ไอ้บ้านั่นหายไปไหน?” เธอนอนบ่นพึมพำ“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น...คิดถึงฉันอยู่หรือไง” เสียงที่คุ้นเคยทำให้วันสุขดีดตัวลุกนั่ง มองไปยังเจ้าของเสียงด้วยสีหน้านิ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี“ฉันเกลียดขี้หน้านาย แล้วนี่เข้ามาทำไม?”“ลืมหน้าที่ตัวเองแล้วหรือไง”“ออกไปเลยนะ...ฉัน
“เสร็จแล้ว ปวดแผลหรือเปล่า” วันสุขออกปากถาม ใจลึกเกลียดเขาจนแทบไม่อยากมองหน้า แต่ด้วยความจิตใจดีทำให้เธอต้องฝืนช่วยเหลือคนที่ได้รับบาดเจ็บ“อืม ปวดนิดหน่อย”“ที่นี่ไม่รู้มียาแก้ปวดหรือเปล่า นายออกไปหากินเองแล้วกัน”“มันมีอยู่ในตู้ตรงนั้น” เขาชี้นิ้วบอกเธอ“บอกไว้ก่อนนะ ฉันยังเกลียดนายเหมือนเดิม แต่ที่ฉันทำแผลให้ก็เพราะฉันไม่ได้เป็นคนใจร้ายไส้ระกำแบบนาย” พูดกระแนะกระแหนแล้วเดินไปหยิบยา“รู้”“รีบกินแล้วก็รีบไปนอนซะ”วันสุขยื่นยาแก้ปวด พร้อมแก้วน้ำเปล่า เขารับแล้วจัดการกินมันลงท้อง จากนั้นจึงเอนตัวนอนบนเตียง“เดี๋ยว เดี๋ยว...ลุกขึ้นมาเลยนะ!” วันสุขดึงหมอนที่เขากำลังจะหนุนออกด้วยความเกรี้ยวกราด“อะไรอีกล่ะ”“กลับไปนอนห้องนายเส่”“อย่ายุ่ง นอนไหนก็เรื่องของผม” พูดพร้อมกับแย่งหมอนคืน ทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตา“แหวะ! ผม แสลงหูชะมัด” คำพูดโอนอ่อนทำให้วันสุขรู้สึกสะอิดส
เกือบสองสัปดาห์ที่กวินไม่ได้แวะไปหาหญิงสาว เพราะบาดแผลที่ได้รับยังไม่สมานดี หากเจอหน้าเธอเขากลัวจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เขาไม่อยากบังคับเธอนอนด้วยจากการฝืนใจซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่อยากเห็นเธอขัดขืนต่อต้านเขาอยากได้เธออย่างเต็มใจ แม้วันแรกที่เจอเธอเขาจะใช้กำลังบังคับ นั่นเพราะเขามีเหตุผล จำต้องทำให้เธอเป็นภรรยาทางพฤตินัยด้วยวิธีนั้น เพื่อผูกมัดไม่ให้เธอกล้าจากเขาไปไหน มันคือเงื่อนไขข้อตกลงที่เขาต้องยอมรับ เพราะรับปากคนบางคนเอาไว้ และอีกอย่างก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง“แม็ก...ช่วยไปติดต่อกับช็อปในห้างของเรา ที่เขาขายสินค้าที่ผู้หญิงชอบใช้ และพวกช็อปเสื้อผ้าให้หน่อย ตามลิสต์ที่วันสุขจดมาให้ เธออยากซื้อของ” กวินบอกลูกน้องมือขวาพร้อมกับยื่นกระดาษที่ได้รับมาจากป้านางเมื่อสองสามวันก่อนให้แม็กธุรกิจในประเทศไทยที่ยุ่งเหยิง กวินจัดการจนทุกอย่างเริ่มลงตัวเข้าที่เข้าทาง วันนี้เขากลับมาบ้านพักในตอนเย็น พร้อมกับเจ้าของช็อปสินค้า พร้อมคนติดตามมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายแท้และไม่แท้ นำสินค้ามาให้วันสุขได้เลือกซื้อ ตามรายการที่เธอร้องขอ ด้วยอิทธิพลของกวิน การยกช็อปมาที่
วันสุขกลับขึ้นมาบนห้องนอนที่เหมือนกรงขัง หลังจากเหล่าเจ้าของร้านค้าออกไปจากห้องโถงใหญ่กลางบ้าน การถูกกวินไล่ต้อนทำให้เธออับอายและเสียหน้า จนแทบอยากมุดแผ่นดินหนี ตอนนี้เธอแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีลูกสาวตระกูลใหญ่ ไม่ต่างไปจากทาสหรือของเล่นคนรวยเธอจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง มองเพดานแล้วเกลือกกลิ้งไปมาอย่างคนไม่มีอะไรจะทำ หนังสือในชั้นก็อ่านจนไม่รู้จะอ่านเล่มไหน เพราะเธออ่านจนหมดทุกเล่มแล้วเสียงเปิดประตูทำให้วันสุขหันไปมอง ป้านางเดินเข้ามาพร้อมกับสิ่งของมากมายที่กำลังให้คนขนเข้ามา เธอรีบลุกนั่งวางตัวใหม่ให้เรียบร้อย“คุณกวินบอกให้เอามาให้คุณค่ะ”“อวดรวย” เธอพูดค่อนขอดแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยิน“เย็นนี้คุณลงไปทานข้าวที่ห้องอาหารนะคะ คุณกวินอยู่ทานข้าวด้วย”“หนูจะไม่ทำตามคำสั่ง่ของเขาหรอก ป้ายกอาหารมาให้หนูบนห้องเหมือนเดิมเถอะค่ะ”“อย่าทำแบบนั้นเลยนะคะ ป้าเป็นห่วงกลัวว่าคุณจะถูกลงโทษอีก แม้คุณเขาจะดูเป็นคนดี แต่ถ้าได้พูดคือทำจริงนะคะ”คำเตือนของป้านางเธอเข้
“คนบ้าอะไรขืนใจคนอื่นแล้วก็มาทำดี ตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า” เธอยังคงนอนบ่นพึมพำ สะดุ้งตัวเมื่อมือของกวินลูบหลังเธอเบา ๆ แสดงให้ชัดไปเลยในสิ่งที่เธอกล่าวหา“มีความสุขด้วยกัน ยังจะมาบอกว่าขืนใจอีกเหรอ เสียงหวานของเธอมันย้อนแย้งกับที่พูดเมื่อกี้เลยนะ”“หุบปากแล้วนอนซะ” คำพูดนี้ปกติแล้วจะได้ยินจากปากของเขา แต่บัดนี้กลับตรงกันข้ามเสียอย่างนั้นแสงแดดอ่อนสอดส่องทะลุผ้าม่านเข้ามาในห้องนอน ทำให้วันสุขรู้สึกตัว เธอเปิดเปลือกตาเพื่อปรับรับแสงของวันใหม่ หันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างตัวเธอ ใบหน้าของเขาทำให้ภาพกิจกรรมบนเตียงแสลงในใจ โชคชะตาทำไมถึงใจร้ายกับเธอนัก ใจหนักแน่นไม่ยินยอม แต่พอถูกไล่ต้อนร่างกายกับทรพี หญิงสาวพลิกตัวตะแคงหันหลังแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปง เสียใจกับการที่ถูกคนใจร้ายย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่าแขนแกร่งโอบกอดเอวของเธอเบา ๆ ปลายจมูกคมสันสัมผัสลงซอกคอ แรงสะอื้นทำให้กวินลืมตาตื่น“ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ” สรรพนามเรียกขานเปลี่ยนไปตามอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นมา“โดนขืนใจจะให้ฉันยิ้มหน้าบานหรือไง
วันสุขนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของกวิน เธอไม่สามารถข่มตาให้หลับสนิทได้ เมื่อลมหายใจอุ่นกระทบกับผิวคอของเธอ“ยังเจ็บอยู่เหรอ”“เปล่า”“ทำไมถึงยังไม่หลับ หรือเป็นเพราะอ้อมกอดของผม”“ใช่!”“ขอโทษแล้วกันนะที่ทำให้หวั่นไหวหัวใจ”“เหอะ มโนเนอะ..กอดของนายมันทำให้ฉันเจ็บกว่าเดิมจนนอนไม่หลับย่ะ” วันสุขดันตัวออกห่าง แต่เขาก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด แถมยังถูกเขากระชับกอดแน่นกว่าเดิมอีก ไม่สนคำต่อว่าของเธอแม้แต่น้อย“งั้นเดี๋ยวกอดเบา ๆ แล้วกัน” เขาพูดอย่างโอนอ่อนพร้อมกระทำดั่งปากว่า“นายไม่รีบไปง้อสาวคนนั้นหรือไง” เมื่อพยายามถอยห่างแล้วไม่สามารถทำได้ จึงจำต้องอยู่ในอ้อมกอดอุ่นแบบนั้น“ไม่จำเป็น ตัดความสัมพันธ์ไปแล้วจบคือจบ ผมไม่ใช่คนที่หันหลังกลับไปเดินเส้นทางเดิม” เขาให้เหตุผลเมื่อได้ยินคำตอบ วันสุขก็ไม่ถามอะไรต่อ ความล้าและร่างกายที่ระบมทำให้เปลือกตาของเธอเปิดต่อไม่ไหว จนคล้อยหลับไปในที่สุดไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่หญิงสาวหลับสนิทไป เธอลืมตาตื่นในยามแสงแดดจวนจะหายไป ลืมตามองโดยรอบไม่พบคนที่นอนกอด เป็นอีกคราที่เธอตื่นมาเพียงลำพัง ไม่มีข้อความบอกกล่าว ไม่มีการบอกเล่าใด ๆ ให้เธอรับรู้...เธอควรจะรู้สึกดีสิเ
สองเท้าก้าวเหยียบผืนแผ่นดินประเทศไทย หลังจากที่เธอไปเรียนต่อต่างประเทศสี่ปีไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเลยสักครั้ง วันสุข ลูกสาวอันเป็นที่รักของตระกูลผู้มั่งคั่ง เธอกลับมายังดินแดนบ้านเกิดหลังจากคว้าใบปริญญามาเป็นของขวัญแก่ผู้มีพระคุณให้ได้ภาคภูมิใจ วันสุขยืนสูดลมหายใจด้วยรอยยิ้ม เธอคิดถึงใบหน้าของผู้เป็นพ่อแม่ที่เปื้อนยิ้ม ตอนนี้พวกท่านคงตระเตรียมอาหารจานโปรดเพื่อรอต้อนรับเธอเป็นแน่“คิดถึงจังเลย” วันสุขแหงนหน้ามองบนท้องฟ้า แล้วสบถออกมาด้วยรอยยิ้มระหว่างรอให้รถยนต์ของที่บ้านมารับสายตามองเห็นรถยนต์ยี่ห้อหรูขับพุ่งทะยานด้วยความเร็ว พร้อมกับรถยนต์ของเหล่าผู้ติดตามอีกคัน ขับมาจอดเทียบจุดที่เธอยืนรอ ชายฉกรรจ์ร่างสูงในชุดสูทสีเข้ม ยืนเรียงแถวตรงข้าม จนทำให้เธอตกใจ ก่อนจะมีชายหนุ่มอีกคนเดินมาหยุดตรงหน้าของเธอวันสุขนึกสังหรณ์ใจบางอย่าง คนที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ดูไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่ เขาดูเป็นผู้ชายอันตราย ไม่น่าไว้วางใจ...ใช่คนของพ่อจริงเหรอ? เป็นคำถามที่ก่อเกิดในใจ“คุณพ่อให้คุณมารับฉันเหรอคะ?” เธอเอ่ยถามอย่างสุภาพ แต่ก็ยังคงระวังตัว(“ลูกน้องคุณพ่อดูไม่ค่อยคุ้นหน้าเลย หรือว่าท่านเปลี
วันสุขนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของกวิน เธอไม่สามารถข่มตาให้หลับสนิทได้ เมื่อลมหายใจอุ่นกระทบกับผิวคอของเธอ“ยังเจ็บอยู่เหรอ”“เปล่า”“ทำไมถึงยังไม่หลับ หรือเป็นเพราะอ้อมกอดของผม”“ใช่!”“ขอโทษแล้วกันนะที่ทำให้หวั่นไหวหัวใจ”“เหอะ มโนเนอะ..กอดของนายมันทำให้ฉันเจ็บกว่าเดิมจนนอนไม่หลับย่ะ” วันสุขดันตัวออกห่าง แต่เขาก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด แถมยังถูกเขากระชับกอดแน่นกว่าเดิมอีก ไม่สนคำต่อว่าของเธอแม้แต่น้อย“งั้นเดี๋ยวกอดเบา ๆ แล้วกัน” เขาพูดอย่างโอนอ่อนพร้อมกระทำดั่งปากว่า“นายไม่รีบไปง้อสาวคนนั้นหรือไง” เมื่อพยายามถอยห่างแล้วไม่สามารถทำได้ จึงจำต้องอยู่ในอ้อมกอดอุ่นแบบนั้น“ไม่จำเป็น ตัดความสัมพันธ์ไปแล้วจบคือจบ ผมไม่ใช่คนที่หันหลังกลับไปเดินเส้นทางเดิม” เขาให้เหตุผลเมื่อได้ยินคำตอบ วันสุขก็ไม่ถามอะไรต่อ ความล้าและร่างกายที่ระบมทำให้เปลือกตาของเธอเปิดต่อไม่ไหว จนคล้อยหลับไปในที่สุดไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่หญิงสาวหลับสนิทไป เธอลืมตาตื่นในยามแสงแดดจวนจะหายไป ลืมตามองโดยรอบไม่พบคนที่นอนกอด เป็นอีกคราที่เธอตื่นมาเพียงลำพัง ไม่มีข้อความบอกกล่าว ไม่มีการบอกเล่าใด ๆ ให้เธอรับรู้...เธอควรจะรู้สึกดีสิเ
“คนบ้าอะไรขืนใจคนอื่นแล้วก็มาทำดี ตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า” เธอยังคงนอนบ่นพึมพำ สะดุ้งตัวเมื่อมือของกวินลูบหลังเธอเบา ๆ แสดงให้ชัดไปเลยในสิ่งที่เธอกล่าวหา“มีความสุขด้วยกัน ยังจะมาบอกว่าขืนใจอีกเหรอ เสียงหวานของเธอมันย้อนแย้งกับที่พูดเมื่อกี้เลยนะ”“หุบปากแล้วนอนซะ” คำพูดนี้ปกติแล้วจะได้ยินจากปากของเขา แต่บัดนี้กลับตรงกันข้ามเสียอย่างนั้นแสงแดดอ่อนสอดส่องทะลุผ้าม่านเข้ามาในห้องนอน ทำให้วันสุขรู้สึกตัว เธอเปิดเปลือกตาเพื่อปรับรับแสงของวันใหม่ หันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างตัวเธอ ใบหน้าของเขาทำให้ภาพกิจกรรมบนเตียงแสลงในใจ โชคชะตาทำไมถึงใจร้ายกับเธอนัก ใจหนักแน่นไม่ยินยอม แต่พอถูกไล่ต้อนร่างกายกับทรพี หญิงสาวพลิกตัวตะแคงหันหลังแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปง เสียใจกับการที่ถูกคนใจร้ายย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่าแขนแกร่งโอบกอดเอวของเธอเบา ๆ ปลายจมูกคมสันสัมผัสลงซอกคอ แรงสะอื้นทำให้กวินลืมตาตื่น“ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ” สรรพนามเรียกขานเปลี่ยนไปตามอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นมา“โดนขืนใจจะให้ฉันยิ้มหน้าบานหรือไง
วันสุขกลับขึ้นมาบนห้องนอนที่เหมือนกรงขัง หลังจากเหล่าเจ้าของร้านค้าออกไปจากห้องโถงใหญ่กลางบ้าน การถูกกวินไล่ต้อนทำให้เธออับอายและเสียหน้า จนแทบอยากมุดแผ่นดินหนี ตอนนี้เธอแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีลูกสาวตระกูลใหญ่ ไม่ต่างไปจากทาสหรือของเล่นคนรวยเธอจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง มองเพดานแล้วเกลือกกลิ้งไปมาอย่างคนไม่มีอะไรจะทำ หนังสือในชั้นก็อ่านจนไม่รู้จะอ่านเล่มไหน เพราะเธออ่านจนหมดทุกเล่มแล้วเสียงเปิดประตูทำให้วันสุขหันไปมอง ป้านางเดินเข้ามาพร้อมกับสิ่งของมากมายที่กำลังให้คนขนเข้ามา เธอรีบลุกนั่งวางตัวใหม่ให้เรียบร้อย“คุณกวินบอกให้เอามาให้คุณค่ะ”“อวดรวย” เธอพูดค่อนขอดแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยิน“เย็นนี้คุณลงไปทานข้าวที่ห้องอาหารนะคะ คุณกวินอยู่ทานข้าวด้วย”“หนูจะไม่ทำตามคำสั่ง่ของเขาหรอก ป้ายกอาหารมาให้หนูบนห้องเหมือนเดิมเถอะค่ะ”“อย่าทำแบบนั้นเลยนะคะ ป้าเป็นห่วงกลัวว่าคุณจะถูกลงโทษอีก แม้คุณเขาจะดูเป็นคนดี แต่ถ้าได้พูดคือทำจริงนะคะ”คำเตือนของป้านางเธอเข้
เกือบสองสัปดาห์ที่กวินไม่ได้แวะไปหาหญิงสาว เพราะบาดแผลที่ได้รับยังไม่สมานดี หากเจอหน้าเธอเขากลัวจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เขาไม่อยากบังคับเธอนอนด้วยจากการฝืนใจซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่อยากเห็นเธอขัดขืนต่อต้านเขาอยากได้เธออย่างเต็มใจ แม้วันแรกที่เจอเธอเขาจะใช้กำลังบังคับ นั่นเพราะเขามีเหตุผล จำต้องทำให้เธอเป็นภรรยาทางพฤตินัยด้วยวิธีนั้น เพื่อผูกมัดไม่ให้เธอกล้าจากเขาไปไหน มันคือเงื่อนไขข้อตกลงที่เขาต้องยอมรับ เพราะรับปากคนบางคนเอาไว้ และอีกอย่างก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง“แม็ก...ช่วยไปติดต่อกับช็อปในห้างของเรา ที่เขาขายสินค้าที่ผู้หญิงชอบใช้ และพวกช็อปเสื้อผ้าให้หน่อย ตามลิสต์ที่วันสุขจดมาให้ เธออยากซื้อของ” กวินบอกลูกน้องมือขวาพร้อมกับยื่นกระดาษที่ได้รับมาจากป้านางเมื่อสองสามวันก่อนให้แม็กธุรกิจในประเทศไทยที่ยุ่งเหยิง กวินจัดการจนทุกอย่างเริ่มลงตัวเข้าที่เข้าทาง วันนี้เขากลับมาบ้านพักในตอนเย็น พร้อมกับเจ้าของช็อปสินค้า พร้อมคนติดตามมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายแท้และไม่แท้ นำสินค้ามาให้วันสุขได้เลือกซื้อ ตามรายการที่เธอร้องขอ ด้วยอิทธิพลของกวิน การยกช็อปมาที่
“เสร็จแล้ว ปวดแผลหรือเปล่า” วันสุขออกปากถาม ใจลึกเกลียดเขาจนแทบไม่อยากมองหน้า แต่ด้วยความจิตใจดีทำให้เธอต้องฝืนช่วยเหลือคนที่ได้รับบาดเจ็บ“อืม ปวดนิดหน่อย”“ที่นี่ไม่รู้มียาแก้ปวดหรือเปล่า นายออกไปหากินเองแล้วกัน”“มันมีอยู่ในตู้ตรงนั้น” เขาชี้นิ้วบอกเธอ“บอกไว้ก่อนนะ ฉันยังเกลียดนายเหมือนเดิม แต่ที่ฉันทำแผลให้ก็เพราะฉันไม่ได้เป็นคนใจร้ายไส้ระกำแบบนาย” พูดกระแนะกระแหนแล้วเดินไปหยิบยา“รู้”“รีบกินแล้วก็รีบไปนอนซะ”วันสุขยื่นยาแก้ปวด พร้อมแก้วน้ำเปล่า เขารับแล้วจัดการกินมันลงท้อง จากนั้นจึงเอนตัวนอนบนเตียง“เดี๋ยว เดี๋ยว...ลุกขึ้นมาเลยนะ!” วันสุขดึงหมอนที่เขากำลังจะหนุนออกด้วยความเกรี้ยวกราด“อะไรอีกล่ะ”“กลับไปนอนห้องนายเส่”“อย่ายุ่ง นอนไหนก็เรื่องของผม” พูดพร้อมกับแย่งหมอนคืน ทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตา“แหวะ! ผม แสลงหูชะมัด” คำพูดโอนอ่อนทำให้วันสุขรู้สึกสะอิดส
หลายวันมานี้วันสุขอยู่แต่ห้องสีเหลี่ยมเดิม ๆ บรรยากาศอุดอู้ทำให้เธอเบื่อหน่าย อยากออกไปสูดอากาศข้างนอก แต่ก็ไม่สามารถไปได้ ตอนนี้เธอเหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกขังในกรงเพื่อรอฟังคำสั่ง เธอกิน นั่ง นอน วนเวียนอยู่แบบนั้นจนตะวันตกดินวันแล้ววันเล่า เคยอ้อนวอนป้านางให้ปล่อยเธอออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง“น่าเบื่อชะมัด...มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวฉันกันแน่” อิงฟ้านอนมองเพดาน เธอพร่ำถามตัวเอง สภาพการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ บางความรู้สึกวันสุขก็แทบไม่อยากจะเทียบว่าเป็นนกน้อยในกรงทอง มันเหมือนกับทาสหรือนางบำเรอเสียมากกว่าหลายวันนับตั้งแต่วันที่วันสุขไม่สบาย เธอก็ยังไม่ได้เห็นหน้าของกวินอีกเลยจวบจนตอนนี้“ไอ้บ้านั่นหายไปไหน?” เธอนอนบ่นพึมพำ“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น...คิดถึงฉันอยู่หรือไง” เสียงที่คุ้นเคยทำให้วันสุขดีดตัวลุกนั่ง มองไปยังเจ้าของเสียงด้วยสีหน้านิ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี“ฉันเกลียดขี้หน้านาย แล้วนี่เข้ามาทำไม?”“ลืมหน้าที่ตัวเองแล้วหรือไง”“ออกไปเลยนะ...ฉัน
เสียงปืนยังคงก้องในหูหลอกหลอนเธอ ภาพเหตุการณ์โหดร้ายสร้างความหวาดกลัวจนวันสุขเก็บไปฝัน เม็ดเหงื่อท่วมใบหน้า เธอส่ายหัวไปมา จนคนที่นอนข้าง ๆ รู้สึกตัวตื่นกลางดึก“ไม่นะ ไม่” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยทั้งที่ไม่ได้ลืมตากวินเอื้อมมือเปิดสวิตช์ไฟดวงเล็กบนหัวเตียง เขาใช้หลังมือสัมผัสลงหน้าผากของวันสุข เธอตัวร้อนอย่างกับไฟ ทำให้เขาตกใจ รีบเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้เธอ ทุกขั้นตอนเขาดูแลวันสุขด้วยตัวเองโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หาย” ภายนอกดูโหดเหี้ยมและใจร้าย แต่ลึกภายใต้จิตสำนึกกลับแอบซ่อนความอ่อนโยนและอบอุ่นเอาไว้ พิษไข้ของวันสุขทำให้กวินยังคงคอยเช็ดตัวให้เธอจนความร้อนเริ่มลดลง เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วจัดการสวมเสื้อผ้าให้เธอ แล้วทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ หญิงสาวจนถึงเช้าการสัมผัสของใครบางคนทำให้วันสุขรู้สึกได้ เธอค่อย ๆ ปรือตาอย่างเชื่องช้า มองเห็นใบหน้าคมสันของกวินที่นั่งอยู่ข้างเตียง เธอเห็นเขารีบดึงมือกลับ แล้วลุกพรวดจากเก้าอี้“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้” เธอถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
"ปล่อยฉัน ไอ้บ้า" ตอนนี้เธอรู้สึกกลัวจนสั่นไปทั้งตัว จะยืนหยัดให้มั่นก็แทบยืนไม่ไหว ยิ่งเห็นแววตาดุร้ายของกวินยิ่งเริ่มทำให้เธอใจเสีย"เธอมันวอนเอง" เสียงพูดคำรามรอดไรฟัน แววตาดุดันน่ากลัว"นายไม่มีสิทธิ์ทารุณฉันแบบนี้” ท่าทีของกวินทำให้วันสุขนึกหวาดกลัว แต่เธอก็ยังกัดฟันสู้ต่อปาก“เธอควรได้รับการสั่งสอน ว่าการเป็นภรรยาที่ดี เชื่อฟังเป็นยังไง ไม่ใช่อยากถ่มน้ำลายใส่หน้าผัวตามใจได้”“นายไม่ใช่ผัวฉัน”“หรือต้องให้ย้ำ”ท่าทีของเขาเริ่มน่ากลัวเข้าไปอีก นั่นยิ่งทำให้วันสุขเริ่มใจคอไม่ดี สีหน้า น้ำเสียง และท่าทางเขาสามารถฆ่าเธอได้จริง ๆ“ปล่อยฉันเถอะ" แน่ล่ะใครจะไม่รักตัวกลัวตาย เธออ้อนวอนเขารอบแล้วรอบเล่า เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ"ได้สิ ฉันจะปล่อยเธอ" เขาลดปืนลงแล้วตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นเฉียบคำพูดที่ออกจากปากสร้างความดีใจให้กับเธอ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก"แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้""!!!"แต่แล้วความดีใจทั้งหมดของเธอก็หล่นวูบลงพื้น ยืนทรงตัวแทบไม่อยู่เมื่อเขาตอบออกมา ความกลัวครอบงำเมื่อเขาขึ้นนกปืนและเล็งปลายกระบอกปืนมายังเธอ...มันคงจบลงแล้วในวันนี้ ชีวิตที่เคยสดใสของผู้หญิงตัวเล็
ดวงตะวันส่องแสงทอสว่างเข้ามาในห้องนอนแสนกว้าง วันสุขนอนสลบหมดเรี่ยวแรงหลังกิจกรรมรักอันเร่าร้อนจบลง เป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เธอหลับไป ลืมตามองรอบด้านพบเพียงความว่างเปล่า ไร้เงาของคนที่ก่อนหน้าทำร้ายร่างกายและจิตใจเธอ “คุณตื่นแล้วเหรอคะ ป้าเอาข้าวมาให้ค่ะ” ยังไม่ทันได้เหยียบสัมผัสกับพื้น หญิงมีอายุคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามาทันที เป็นคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน“คุณเป็นใครคะ?” วันสุขเอ่ยถาม“ป้าเป็นแม่บ้าน ดูแลที่นี่มาได้สักพักแล้วค่ะชื่อนาง”“ป้านาง”“ทานข้าวเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน”คนมาใหม่วางถาดอาหารลงบนโต๊ะ พลางมองมายังเธอด้วยรอยยิ้มที่ดูไร้พิษภัย วันสุขก้มมองตัวเองก่อนจะกำชับเสื้อให้ปิดมิดชิด เธอรู้สึกอายกับร่อยรอยช้ำที่คนป่าเถื่อนกระทำกับเธออย่างไม่ออมมือ เขาทิ้งรอยจูบเอาไว้จนทั่วร่างกาย“ป้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกคุณ แต่ป้าอยากให้คุณอดทนและเข้มแข็ง” หญิงมีอายุเอ่ยให้กำลังใจ เธอเห็นวันสุขแล้วอดสงสารไม่ได้“หนูไม่รู้จะทนได้แค่ไหน” วันสุขกล่าวอย่างคนหมดหวัง“จากที่ป้าอยู่ที่นี่มาคุณกวินเป็นคนใจดีนะคะ”“เขาชื่อกวินเหรอคะ?”“ค่ะ”“แล้วตอนนี้เขาไปไหนเหรอคะ?”“ป้าก็ไม่ทร