วันสุขพยายามตั้งสติที่แทบเหลือน้อยนิด มองโดยรอบของห้อง ชั่วความคิดหนึ่งพลันนึกได้ บ้านหลังนี้ปกติจะมีลุงคนสวนเก่าแก่คอยดูแลบ้านหลังนี้ ทว่าตั้งแต่ที่เธอเข้ามายังไม่เห็นแม้แต่เงาของลุงคนนั้น การตกแต่งภายในห้องก็เปลี่ยนไป เธอจำไม่ผิดแน่ว่านี่คือบ้านพักต่างจังหวัดที่พ่อของเธอเคยพามาก่อนจะไปเรียนต่างประเทศ เธอไม่ได้ความจำสั้นขนาดนั้น
“ต่อไปห้องนี้จะเป็นห้องส่วนตัวของคุณ ผมสั่งคนออกแบบตกแต่งใหม่ หวังว่าคุณจะพอใจ” เขาพูดหน้าตาย พร้อมกับขยับตัวไปนั่งลงข้างเธอ ใช้หลังมือสัมผัสลูบไล้ข้างแก้มของเธอ
“อย่ามาลุ่มล่ามกับฉัน...ถึงบ้านของฉันแล้ว หมดหน้าที่ของคุณ เสร็จแล้วไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้” วันสุขปัดมือหนานั้นเต็มแรง หยัดตัวลุกยืนท่วมหัวคนแปลกหน้า จ้องตาเขม็ง ตวาดเสียงแข็งชี้นิ้วไปทางประตูขับไล่
“หน้าที่ของผมยังไม่หมดแค่นี้หรอก”
“พ่อฉันอยู่ไหนบอกมานะ ฉันจะไปหาพ่อของฉัน”
“คุณไม่มีทางได้เจอพ่อของคุณหรอก”
“นายหมายความว่ายังไง...ก่อนหน้าฉันถามนายก็ไม่ตอบ พ่อแม่ฉันไปไหน!”
“...แม่ของคุณอยู่บ้านที่ราชบุรี ส่วนพ่อของคุณเขาจากไปตั้งแต่สี่เดือนก่อน” วันสุขนิ่งงันเหมือนถูกสาป เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน สี่เดือนก่อนเป็นช่วงที่เธอเรียนหนักมาก แทบไม่ได้โทรติดต่อกลับมาบ้านเลย ไม่มีใครส่งข่าวให้แก่เธอสักคน...ทำไม? เกิดคำถามในใจ
วันสุขเข่าทรุดแทบเป็นลม ร่างกายของเธอยังไม่ทันได้สัมผัสกับพื้นเตียง คนแปลกหน้าเข้ามารับตัวเธอไว้เสียก่อน น้ำตาของเธอไหลอาบสองแก้มอย่างอัตโนมัติ เธออยู่ภายใต้อ้อมแขนของเขาโดยไม่ปัดป้อง ความเสียใจถาโถมประเดประดัง เหมือนไฟกำลังสุมอกเธอให้มอดไหม้ สิ่งที่ได้ยินแทบไม่เชื่อหู พ่อของเธอจะเสียชีวิตได้อย่างไร ในเมื่อท่านดูแข็งแรงดีไม่มีทีท่าจะจากไปเร็วถึงเพียงนี้
“นายหลอกฉัน พ่อฉันจะตายได้ยังไง”
“ผมไม่เคยหลอกใคร”
“ไอ้คนโกหกหลอกลวง”
“ผมดูเป็นคนพูดหลอกลวงอย่างนั้นเหรอ...นับแต่วินาทีนี้ไป คุณต้องอยู่กับผมในฐานะภรรยา”
“!!!” วันสุขตกใจกับประโยคบอกเล่าที่ออกจากปากของเขา น้ำตาแห่งความเสียใจเหมือนหดหายไปทันทีเมื่อได้ยิน เธอจ้องมองหน้าเขาด้วยแววตาเกรี้ยวโกรธ
“บ้านทุกหลัง ทรัพย์สินทุกอย่าง รวมทั้งธรุกิจทั้งหมดของตระกูลธาราพิพัฒน์ผมเป็นผู้ดูแลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”
เรื่องที่เขาพูดออกมาอย่างไม่อายปาก พ่อบของเธอตาย เดาได้ไม่ยากเลยว่าเขาได้สิทธิ์ในทรัพย์สินและธุรกิจของธาราพิพัฒน์มาด้วยวิธีใด เขาเป็นคนฆ่าพ่อของเธอ
วันสุขรู้สึกเสียใจกับการจากไปของพ่อบังเกิดเกล้า เธอต้องกล้ำกลืนความรู้สึกอย่างอดทน อยากจะร้องไห้โฮปลดปล่อยความเศร้าออกมา ทว่าไม่อาจจะกระทำต่อหน้าฆาตกรอย่างเขา ไม่อยากแสดงความอ่อนให้ศัตรูจับจุดอ่อน ได้แต่เก็บกลั้นความเสียใจเอาไว้ในก้นบึ้งของความรู้สึกเท่านั้น
“นายมันเลว!”
“ต่อให้คุณด่าผมแรงแค่ไหน สุดท้ายผมก็คือสามีของคุณ” เขาขยับตัวเข้าไปใกล้ ใช้ฝ่ามือหนาลูบใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา น้ำเสียงที่ฟังแล้วชวนขนลุกเอื้อนเอ่ยอย่างเย็นชา ทว่ากลับไม่ได้ทำให้วันสุขนึกกลัว ตอนนี้เธอโกรธแค้น เกลียดชังที่เขาทำลายครอบครัวของเธอให้พังทลาย
“ฉันไม่ยอมรับฆาตกรอย่างนายเป็นสามีเด็ดขาด” วันสุขสะบัดหน้าหนีห่าง เธอรังเกียจจนแทบไม่อยากหายใจร่วมกับเขาด้วยซ้ำ “ฉันต้องหาทางไปจากที่นี่ให้ได้”
“มีปัญญาก็เชิญ”
“อย่ามาท้า ไอ้ฆาตกร!...อ๊ะ เจ็บ”
คำว่าแสลงหูทำให้ชายตรงหน้าต้องขบฟันแน่น เขาปรี่ประชิดตัวเธอด้วยความรวดเร็ว มือหนึ่งจับล็อกสองข้อมือเล็กรวบไว้ภายในมืออันแข็งแรง อีกมือบีบต้นคอของวันสุข ด้วยอารมณ์เดือดพล่าน คำที่เธอตราหน้าสร้างความขุ่นเคืองใจแก่เขาไม่น้อย
“อย่าปากดีให้มากถ้าไม่อยากตาย” เขาขู่เธอ จ้องหน้าวันสุขอย่างกับจะฆ่าเธอให้ตายคามือ
“ปะ ปล่อย...ฉะ ฉันเจ็บ” แรงมือที่กดเน้นหนัก ทำให้วันสุขแทบหายใจไม่ออก เธอพยายามเปล่งเสียงพูดด้วยความดิ้นรน แต่คนตัวใหญ่ก็ยังไม่มีทีท่าจะปล่อยเธอให้หลุดพ้น
“ตอนแรกฉันคิดว่าจะยังให้เธอเป็นอิสระ แต่ปากเธอมันหาเรื่องเอง!”
“ปะ ปล่อยฉัน...อื้อ”
เขาปล่อยมือจากคอของเธอ เอื้อมไปหยิบบางอย่างที่อยู่ในลิ้นชัก ก่อนจะยัดมันเข้าปากของวันสุขอย่างรวดเร็ว ใช้มือปิดปากเพื่อไม่ให้เธอคายทิ้ง วันสุขไม่ทันตั้งรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สุดท้ายกลืนสิ่งนั้นลงท้องไป เขาปล่อยเธอให้หลุดจากพันธนาการ ยืนกอดอกมองคนตัวเล็กนอนหอบเหนื่อยอยู่บนเตียงอย่างเย็นชา
“นะ นายให้ฉันกินอะไร?” วันสุขเอ่ยถาม
“เธอไม่มีทางหนีฉันพ้นหรอกวันสุข ชีวิตที่เหลือของเธอนับจากนี้ไปเป็นของฉัน”
เพียงไม่กี่นาทีสรรพนามการเรียกขานก็เปลี่ยนไป การถูกตราหน้าว่าฆาตกรสร้างความเคืองใจแก่เขา เหมือนมีคนสาดน้ำมันราดลงกองไฟ ปลุกอารมณ์ร้ายของชายหนุ่ม ทั้งที่เขาพยายามเก็บกลั้นเอาไว้
บ้านหลังงามสุดหรูเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยเสียง...“เฮ้ย! ชั้นวางขวดนมวางตรงนี้ก่อน มึงจะเอาไปเก็บที่อื่นทำไมวะคีย์!?”“เพราะมึงวางขวางทางเดิน! เดี๋ยวกูเหยียบลื่นล้มหัวแตก ใครจะอุ้มหลาน!?”“อุ้มหลาน? นี่ลูกกู!!”เสียงปะทะของสองคุณพ่อและคุณอาผู้เห่อหลานสนั่นไปทั้งบ้าน จนแม่บ้านต้องเดินอ้อมไปอีกทาง เพราะไม่อยากถูกลูกหลงจากสงครามของสองชายวัยสามสิบกว่า ๆวันสุขที่เพิ่งลงจากชั้นบน มาพร้อมลูกน้อยในอ้อมแขน ส่งสายตามองสองท่านผู้ใหญ่ ที่เถียงกันเรื่องขวดนมกับผ้าเช็ดตัวแบบไม่มีใครยอมใครเธอวางลูกเบา ๆ บนเบาะเด็ก แล้วกอดอกมอง แล้วเอ่ยเสียงนิ่งแต่ฟาดหัวใจ“นี่พวกคุณไม่คิดจะไปทำงานกันบ้างเหรอ?”ห้องทั้งห้องเงียบลงในพริบตา คีย์ยักไหล่ก่อนตอบเสียงเรียบ“มีลูกน้องดูแลอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นเลยนี่”กวินพยักหน้ารับตามทันที“ใช่ ผมเซ็นมอบอำนาจรองผู้บริหารไว้หมดแล้วครับที่รักไม่ต้องกลัวเลย มีแม็กดูแลบัญชี มีบอดี้การ์ดชุดเต็มรับมือทุกสถานการณ์”“แล้วฉันล่ะ?” วันสุขถามนิ่ง ๆ“คุณเป็นแม่ของลูกผม เป็นวีไอพีของบ้านนี้” กวินตอบพร้อมส่งยิ้มละมุนวันสุขถอนหายใจยาว “งั้นแม่ของลูกจะไปจัดตารางงานต่อ ฝากเลี้ยงลูกด้วยนะ
เสียงรถสปอร์ตหรูจอดสนิทหน้าบ้าน พร้อมกับกวินที่เดินลงจากรถในชุดลำลอง แต่ความขึงขังยังเต็มพิกัด เขาไม่ใช่แค่มาเฟียระดับโลกอีกต่อไป...แต่เป็นคุณพ่อมือใหม่ ที่เตรียมทุกอย่างไว้ละเอียดยิ่งกว่าแผนลอบสังหารศัตรูระดับประเทศ"ชุดเด็กพร้อม""เปลไฮเทคสั่งตรงจากเยอรมันติดเซ็นเซอร์ตรวจจับลมหายใจ""กล้องวงจรปิดในห้องนอนลูกมีระบบเอไอจับอารมณ์""หุ่นยนต์ป้อนนมอัตโนมัติสำรอง 2 ตัว""ยามรักษาความปลอดภัยรอบบ้านเพิ่มอีกหนึ่งทีม"คีย์ที่เดินมาด้วยถึงกับยกมือทาบอก"มึงแน่ใจนะว่านี่ลูก ไม่ใช่ผู้นำประเทศ"กวินปรายตามองเพื่อนอย่างนิ่งขรึม “ลูกกูเกิดมาทั้งที ต้องปลอดภัยที่สุดในโลก”วันสุขที่พุงโตมาก ๆ เดินออกมาช้า ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มละมุน“กวินคะ บางอย่างมันเกินไปแล้วค่ะ ขนาดตู้เสื้อผ้าเด็กยังมีระบบสแกนฝุ่น PM 2.5 ก่อนเปิด”กวินรีบเข้ามาประคองเธอทันที “อย่าเดินเร็วแบบนั้นสิครับเดี๋ยวลื่น”“จะลื่นได้ไงคะ พื้นบ้านคุณมันสะอาดกว่าห้องผ่าตัดโรงพยาบาลอีก...” เธอยิ้มขำ ๆกวินจูบเบา ๆ ที่หน้าผากเธออย่างแสนรัก “ผมไม่เสี่ยงแม้แต่วินาทีเดียว คุณกับลูกคือทั้งชีวิตของผม”กลางดึกที่มีเพียงแสงจันทร์อ่อน ลอดผ่านกระจกหน้าต่างเ
เสียงล้อเครื่องบินแตะรันเวย์สนามบินนานาชาติประเทศไทย พร้อมกับเสียงถอนหายใจของคีย์ ผู้ที่เป็นมือขวาคู่ใจและเพื่อนรักเพื่อนตายของกวิน ในวันนี้ไม่ได้กลับมาเพื่อเคลียร์ศัตรู ไม่ได้กลับมาเพื่อคุมธุรกิจ... แต่กลับมาเพราะจะตั้งชื่อลูกให้เพื่อน“บอส! คุณคีย์กลับมาแล้วครับ!” แม็ก คนสนิทของกวิน รายงานอย่างขึงขัง แต่พอเห็นคนตัวสูงเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าล้อลาก และตุ๊กตาหมีสีฟ้ายักษ์ บรรยากาศก็เปลี่ยนทันที“อ้าว... พวกแกไม่ยืนตั้งแถวต้อนรับหลานฉันเหรอ!” คีย์ตะโกนลั่น“ลูก! กู! ไอ้คีย์” เสียงกวินดังมาจากด้านหลังด้วยน้ำเสียงเรียบแต่ตึงเป๊ะ“เอ้า กวิน! กูรีบกลับมาเพราะเรื่องนี้เลยนะ ไหนหลานอยู่ไหน กูจะตั้งชื่อให้ว่าลีโอดีไหม หรือคาเรน ถ้าเป็นผู้หญิงชื่อนี้ความหมายดีนะ”กวินยกคิ้ว “สรุปมึงจะตั้งชื่อลูกกู?”คีย์ยักไหล่ “ก็หลานกูปะวะ”“คุณคีย์จะเห่อเกินไปแล้ว” แม็กพึมพำเบา ๆ จนวันสุขที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลุดหัวเราะ“นี่! อย่าคิดว่ากูจะไม่หาของเล่น นี่ซื้อมาครึ่งชั้นวางของในห้างแล้ว!” คีย์พูดอย่างภาคภูมิใจ พลางหยิบของเล่นเด็กอ่อนขึ้นมาโชว์เป็นชิ้น ๆวันสุขส่ายหัวพลางยิ้มกริ่ม“คุณคีย์คะ หลานยังไม่คลอดนะคะ อีก
คฤหาสน์ธาราพิพัฒน์หนึ่งเดือนหลังพิธีเปิด Phoenix Sovereign V.2ช่วงเย็นอบอุ่น แสงอาทิตย์สาดลอดผ้าม่านผืนบาง วันสุขเดินลงบันไดอย่างสบาย ๆ แต่กลับไม่เจอใครเลยในบ้าน แม้แต่แม่ของเธอก็หายตัวไปเงียบ ๆ ตั้งแต่ช่วงบ่ายสวนด้านหลังคฤหาสน์ เส้นทางไม้เรียงด้วยกลีบดอกกุหลาบ เสียงเพลงคลาสสิกแผ่วเบาลอยมา วันสุขเดินตามกลิ่นหอมบาง ๆ ของลาเวนเดอร์ จนถึงศาลากลางสวน ที่ถูกประดับด้วยไฟระยิบระยับ ภายในศาลามีโต๊ะอาหารสำหรับสองที่ ไวน์แดง แชนเดอเลียร์คริสตัล และแม่ของเธอ ยืนยิ้มอยู่ข้างประตู “แม่?” วันสุขงงจนแทบหลุดยิ้ม แม่ของเธอยิ้มแล้วเดินมากุมมือเธอ“แม่เคยเห็นแววตาผู้ชายแบบเดียวกับพ่อของลูกครั้งหนึ่ง ในดวงตาของกวิน และวันนี้แม่อยากยืนอยู่ตรงนี้ ในฐานะแม่ของลูกสาวที่กำลังจะถูกรักตลอดไป”เสียงเท้าคนเดินเข้ามาเงียบ ๆ กวินในชุดสูทเรียบหรู ก้าวออกมาจากเงาไม้ ไม่มีบอดี้การ์ด ไม่มีปืน ไม่มีอำนาจ มีแค่แหวนในกล่องเล็ก ๆ และแววตาที่อ่อนโยน เหมือนพระจันทร์กลางคืนที่ไม่มีเมฆ“วันสุข ผมเคยสัญญากับพ่อคุณว่าจะดูแลคุณ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยากดูแลคุณเพราะสัญญาอีกแล้ว…”เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ ยื่นกล่องแหวนออกมา มือข้างหนึ
กรุงเทพฯ สำนักงาน Phoenix Sovereign แห่งใหม่วันสุขในชุดสูทสีครีมเข้ม กวินอยู่ข้างกายในลุคมาดนิ่ง และคีย์เดินตามในมาดเงียบขรึม บรรยากาศในห้องประชุมใหญ่เต็มไปด้วยพันธมิตร นักลงทุนระดับโลกและสื่อชั้นนำ“ขอบคุณทุกคนที่มาวันนี้ค่ะ...” วันสุขเปิดการประชุมด้วยน้ำเสียงมั่นคงเบื้องหน้าจอขนาดใหญ่ฉายสไลด์เปิดเผยโครงการลับ D-CHAIN พร้อมภาพของ เลิศศักดิ์ ณัฐพงศ์ ที่ถูกจับกุมแล้ว สร้างเสียงฮือฮาจนดังทั่วห้อง!“ผู้ชายคนนี้เคยพยายามเปลี่ยน Phoenix ให้กลายเป็นอาวุธทางเศรษฐกิจ ใช้เพื่อควบคุมระบบการเงินในโลกมืด วันนี้เขาถูกปลดจากทุกอำนาจอย่างถาวร”เสียงปรบมือเริ่มดัง แต่วันสุขยกมือขึ้นห้ามเบา ๆ“ยังไม่จบค่ะ…เพราะคนที่ร่วมมือกับเขายังมีชีวิตอยู่ และกำลังเตรียมแผนใหม่”บรัสเซลส์ ฐานลับของ Oblivion Techเซเลน่ากำแฟ้มข่าวเลิศศักดิ์แน่น หน้าเธอนิ่งสนิท...แต่นัยน์ตาแดงก่ำ“พวกเขารวมพันธมิตรแล้ว งั้นเราจะสร้างฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาเองบ้าง”เธอสั่งเปิดโปรเจกต์ใหม่ในระบบลับของบริษัทชื่อว่า Oblivion Mind AI แบบไม่ผ่านคณะกรรมการควบคุม แต่ถูกออกแบบให้ตัดสินใจได้ในระดับรัฐบาล“ถ้า Phoenix จะควบคุมโลกด้วยความสมดุล Obli
แฟรงก์เฟิร์ต เวลา 09:18 น.วันสุขเปิดโน้ตบุ๊กขึ้น หน้าจอแสดงข้อมูลชุดใหม่ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนชื่อไฟล์คือ Phoenix.Layer.2 Blackroom เอกสารภายในคือแผนขยายอิทธิพล Phoenix ที่ไม่เคยเปิดใช้พ่อของวันสุขเคยร่วมออกแบบโครงสร้างนี้ร่วมกับสามนักวิจัยเอไอระดับโลก แต่มันถูกแช่แข็งไว้ เพราะมันควบคุมได้มากเกินไปกวินเดินเข้ามา พร้อมถือถ้วยกาแฟสองใบ“คุณเปิดหมากแล้วใช่ไหม?”วันสุขหันมายิ้ม“อืม…ถึงเวลาทำให้เซเลน่ารู้ว่า ฉันไม่ได้มีแค่สิทธิ์บน Phoenix แต่มีทางเลือกใหม่ที่เธอไม่มี”เซเลน่าอยู่ตรงโถงล็อบบี้ตึกประชุมหลัก เธอได้รับอีเมลฉบับหนึ่งจาก WS.DP-Corp รหัสที่เธอจำได้ดีว่าคือวันสุข หัวข้ออีเมล:Let’s make it global. But on my terms. (เรามาทำให้มันเป็นระดับโลกกัน...แต่ต้องตามเงื่อนไขของฉัน)เธอเปิดเมล สิ่งที่แนบมาคือแผนของ Phoenix Layer 2 ที่วันสุขเป็นคนถือลิขสิทธิ์ร่วมโดยสมบูรณ์ พร้อมข้อความสั้น ๆ ว่า…“คุณเสนอ Phoenix Oblivion…ฉันเสนอ Phoenix Sovereign มาร่วมโต๊ะใหม่ ที่ฉันเป็นเจ้าภาพสิ”เซเลน่ากำแก้วกาแฟแน่นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ“เธอเริ่มเดินเกมของตัวเองแล้วสินะ…”@ห้องของวันสุ