เข้าสู่ระบบ@โรงแรม M
เช้าวันอาทิตย์ วันงานเปิดโรงแรม
วันนี้มาลารินทร์มีหน้าที่ต้อนรับแขกในโซน VIP และ VVIP
ส่วนสายป่านรับหน้าที่เอ็นเตอร์เทนในงานแต๊งกิ้วปาร์ตี้ของทีมผู้บริหารในเครือมาร์ตินกรุ๊ป ซี่งงานจะเริ่มขึ้นในช่วงเย็น หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยเธอก็มายืนประจำที่ตรงหน้างานเพื่อรอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติของโรงแรมบรรยากาศภายในงานคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายหลายสายอาชีพที่เริ่มทยอยเข้ามาในงาน แต่ละคนแต่งตัวสวยสง่าและหรูหรา วันนี้มาลารินทร์เองก็สวยมากเช่นกัน เธออยู่ในชุดราตรีเกาะอกรัดรูปสีโอลด์โรส ช่วงอกปักเลื่อมระยิบระยับสวยงาม ขับผิวขาวเนียนละเอียดให้โดดเด่นน่ามอง ตัวกระโปรงยาวถึงข้อเท้า แต่ผ่าสูงขึ้นมาจนถึงหน้าขา เวลาย่างก้าวทำให้เห็นเรียวขาและปลีน่องขาวเนียนได้อย่างชัดเจน
ใบหน้างามถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง กลุ่มผมดกดำยาวสลวยหยักศกเป็นลอนถูกรวบหลวม ๆ ไว้ที่ด้านข้างศีรษะ และติดประดับด้วยดอกคัทลียาสีขาวบริสุทธิ์ เรียวปากกระจับเคลือบด้วยลิปสติกสีเดียวกับชุดราตรี ในงานวันนี้ เธอเห็นเหล่าดารานางแบบที่มีชื่อเสียงมาร่วมงานมากมายหลายคน ยอมรับว่าไม่เคยมีโอกาสเข้ามาในสถานที่หรูหราขนาดนี้มาก่อน
“เซดริกคะ รอเจซี่ด้วยค่ะ”
เสียงสูงแหลมของใครหนึ่งดังขึ้น ที่หมายถึงว่าดังจริง ๆ ทั้งที่เจ้าของเสียงอยู่ห่างจากเธอมากโข แต่แก้วหูมาลารินทร์แทบจะแตก ความเป็นจริงเธอไม่จำเป็นจะต้องสนใจอะไรมากนักถ้าเจ้าของชื่อที่ถูกเรียกไม่ใช่คนที่เธอกับเพื่อนสาวเม้าท์ถึงกันอย่างออกรสเมื่ออาทิตย์ก่อน เธอจึงหันหน้ามองไปตามเสียงเรียกแทบจะทันที
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือชายหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่ง ความสูงที่คะเนด้วยสายตาน่าจะราว ๆ 190 ซม. เขาอยู่ในชุดสูทสากลสีน้ำเงินเข้ม ดูเท่ห์และเนี๊ยบมาก ทรงผมสีน้ำตาลถูกเซทอย่างดี คิ้วดกหนา แพขนตายาวงอนจนผู้หญิงบางคนยังต้องอาย ดวงตาสีฟ้าหม่นดูมีเสน่ห์น่าค้นหา ทุกจังหวะการย่างก้าวดูมั่นคง
เธอมองดูเขาอย่างลืมตัว ไม่รู้ว่ามองนานแค่ไหนแต่ที่เห็นคือเขาหยุดการเคลื่อนไหวนานแล้ว และกำลังมองสบตากับเธออยู่ ริมฝีปากหนายกยิ้มที่มุมปาก สายตาคมของชายหนุ่มมองไปที่ดวงตาดำกลมโตและปากกระจับสีสวยที่เผยอค้างอยู่น้อย ๆ ด้วยความถูกใจ
“สวย ..สวยจริง ๆ”
เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าหม่นพูดออกมา แต่คล้ายว่าเด็กสาวยังไม่หลุดจากภวังค์จึงไม่ได้ยินถ้อยคำใดๆ ที่เจ้าของร่างสูงเอ่ยออกมา จนกระทั่งเสียงแหลมเล็กของหญิงสาวนามว่าเจซี่เรียกชื่อเขาอีกครั้งนั่นแหละ มาลารินทร์ถึงได้รู้สึกตัว
“สะ..สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่อาณาจักรของมาร์ตินกรุ๊ปค่ะ” เธอกล่าวตามสคริปอย่างตะกุกตะกักนิดหน่อย ด้วยมีความรู้สึกตื่นเต้นมากทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“โอ้ยยยยย ... แกเป็นอะไรไปวะเนี่ยยัยรินทร์ .. สติ สติ”
เธอบอกตัวเองในใจ พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ผ่อนออกมาเพื่อลดอาการตื่นเต้น จากนั้นจึงหยิบคอสาร์ทจัดด้วยดอกคัทลียาคละสีที่ถูกวางอยู่บนพานแก้ว เธอเลือกหยิบช่อดอกคัทลียาสีม่วงขึ้นมา แล้วเอื้อมมือเรียวงามเพื่อจะติดไปที่อกเสื้อของเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าหม่นนั้น แต่ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อร่างสูงเอื้อมมือหนามาสัมผัสที่มือเรียวบางของเธอพร้อมกับใช้หัวแม่มือลูบวนเบา ๆ พลางกล่าวกับเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มกังวานดูน่าฟัง
“ผมขอเป็นดอกสีขาวได้ไหม ให้เหมือนกับดอกคัทลียาที่ประดับอยู่บนผมของคุณ”
มาลารินทร์กระพริบตาถี่ ๆ ด้วยอาการตกตะลึงเล็กน้อย แต่เพียงครู่เดียวเธอก็ตั้งสติได้ รีบหยิบคอสาร์ทดอกคัทลียาสีขาว แล้วติดไปที่หน้าอกเสื้อสูทสีน้ำเงินเข้มนั้นอย่างระมัดระวัง โดยมีสายตาสีฟ้าหม่น มองสำรวจไปทั่วดวงหน้าและเรือนร่างสวยนั้นแบบไม่ละสายตา
เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นปรากฏแก่สายตาของเจซี่ นางแบบสาวซึ่งเป็นคู่ควงของชายหนุ่มในงานวันนี้ หล่อนชักสีหน้าไม่พอใจใส่มาลารินทร์ทันที และมองเธอแทบจะกินเลือดกินเนื้อ หล่อนรีบเอื้อมมือมาเพื่อคล้องแขนเซดริกคล้ายจะแสดงความเป็นเจ้าของ แล้วรีบเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในงานทันที
“เห้อออออ ... ” มาลารินทร์ถอนหายใจโล่งอกทันทีที่สองคนนั้นเดินเข้าไปในงาน บอกกับตัวเองว่าอาการที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อครู่ น่าจะเป็นเพราะตื่นเต้นกับงานและสถานที่ที่มันใหญ่โตหรูหรามากก็แค่นั้น
แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ล่ะ เขาทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร มาลารินทร์ครุ่นคิดแล้วเอื้อมไปแตะมืออีกข้าง ในตำแหน่งที่เซดริกสัมผัสเมื่อครู่แล้วลูบไปมาเบา ๆ
งานเสร็จสิ้นลงในเวลา 14.00 น. พนักงาน และแขกเหรื่อเริ่มทยอยกลับกันจวนจะหมดแล้ว คงเหลือแต่เฉพาะผู้บริหารในเครือ บรรดาญาติสนิท และแขกพิเศษคนสำคัญที่มาร์ตินกรุ๊ปได้เชิญไว้เพื่อร่วมงานแต๊งกิ้วปาร์ตี้ต่อในช่วงเย็นเท่านั้น ที่ยังคงอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่ทางโรงแรม ทยอยเชิญขึ้นไปที่ห้องรับรองส่วนตัวเพื่อพักผ่อน เตรียมตัวร่วมงานต่อในช่วงค่ำ
มาลารินทร์ก็กำลังจะกลับเช่นกัน ร่างบางเดินไปที่ห้องแต่งตัวที่ถูกจัดไว้ให้เพื่อจะเปลี่ยนชุด แต่ในขณะที่เธอกำลังจะไปเสียงโทรศัพท์สมาร์ทโฟนก็ดังขึ้น เธอจึงหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นเป็นชื่อของปริณนิ้วเรียวรีบกดรับสายทันที
“ว่าไงปริณ” เธอทักน้องชาย
(พี่รินทร์อยู่ไหนเลิกงานรึยัง ป้าแมวโทรหาผมบอกว่าแม่บ่นเหนื่อย และเจ็บหน้าอกเพิ่งวางสายไปผมก็รีบโทรหาพี่นี่แหละ ตอนนี้ผมยังอยู่ที่โรงเรียนรอพรีเซนต์งานกลุ่ม กลับไปไม่ได้แน่เลยพี่) ปริณพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน หลังจากได้รับสายป้าแมวคนที่รินทร์จ้างไว้ช่วยดูแลแม่ตอนที่เธอและปริณไม่อยู่
“เออๆ ไม่เป็นไร พี่เลิกงานแล้วกำลังจะกลับพอดี ปริณไปเรียนเถอะ ไม่ต้องห่วงแม่นะ”
มาลารินทร์วางสายรีบหยิบกระเป๋าออกไปทันที โดยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก เพราะเธอเป็นห่วงแม่มาก ถึงชุดจะวาบหวิวไปสักหน่อย แต่ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายสองโมง นั่งแท็กซี่กลับก็ไม่น่าจะอันตรายอะไรเดี๋ยวค่อยไปเอาเสื้อคลุมในกระเป๋าออกมาใส่ทับอีกทีตอนรอแท๊กซี่แล้วกัน
“ติ๊ง...”
เมื่อปุ่มบอกชั้นลิฟท์แสดง ชั้น G และทันทีที่ประตูเปิดออก มาลารินทร์ก็รีบเดินเพื่อออกจากโรงแรม เธอเลือกลงชั้น G เพราะคนจะน้อยกว่าทางออกประตูหน้าโรงแรม แต่ด้วยกระโปรงที่รัดรูปและแคบ แถมยังผ่าสูงและรองเท้าที่ใส่ส้นก็สูงมาก เธอจึงค่อย ๆ เดินเพราะกลัวว่าจะเสียหลักล้มไป ระหว่างนั้น เหมือนหูจะแว่วได้ยินเสียงคุยกันเบา ๆ คล้าย ๆ หัวร่อต่อกระซิก หรือพลอดรักกันของชายหญิง
“อะไรกันเนี่ย มาพลอดรักอะไรกันตรงนี้ แล้วฉันจะกล้าเดินผ่านมั้ยห๊ะ เผื่อเดินไปแล้วเจอฉากเลิฟซีนขึ้นมา จะทำยังงัย ปั๊ดโธ่ว คนยิ่งรีบ ๆ อยู่” เธอถอนใจมองบนอย่างเซ็ง ๆ ตัดสินใจหันหลังกลับไปอีกทางเพื่อจะเดินออกไป แต่ทว่า.....
“อื้มมมม อาห์... เซดริกคะ ทำไมวันนี้คุณดูร้อนแรงกับเจซี่จังเลยคะเนี่ย หืมม” เสียงครางอย่างเสียวซ่านดังขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับเสียงจุ๊บๆ จ๊วบๆ ดังมาเป็นระยะ เสียงชัดเจนขนาดนี้คือคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยจริง ๆ
“แต่ .. ดะ..เดี๋ยวนะ เซดริก??? ... เจซี่??? ”เธอรำพันกับตัวเอง ไวเท่าความคิด มาลารินทร์หันกลับมาในทิศทางเดิม และเดินไปยังต้นเสียงนั้นทันที ภาพที่เธอเห็นนั้นคมชัดระดับ 4K
ร่างของเจซี่ในชุดราตรีสีแดงเพลิงที่แขนและอกเสื้อเลื่อนลงมาจนเกือบจะถึงเอว หล่อนยืนพิงราบไปกับรถสปอร์ตสีน้ำเงินเข้ม โดยมีชายหนุ่มร่างสูงโน้มตัวลงมาทาบทับอยู่ด้านบน ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบจูบกันอย่างดูดดื่ม ส่วนมือหนากำลังคลึงเคล้นไปที่สองเต้างามของนางแบบสาวที่ไม่ได้สวมบรา มีเพียงสติ๊กเกอร์สีชมพูปิดจุกไว้เท่านั้น
หลังจากผ่านเหตุการณ์ของเจซี่ในวันนั้น มาลารินทร์รู้สึกสบายใจขึ้นมาก ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะความชัดเจนของเซดริก เขารับผิดชอบชีวิตและดูครอบครัวของเธอด้วยความจริงใจ เธอจึงตอบแทนด้วยการดูแลและเอาใจใส่อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเช่นกันถึงแม้บางครั้งเซดริกจะงานยุ่ง แต่ทั้งคู่ยังหมั่นเติมความหวานให้กันอย่างสม่ำเสมอ โดยระยะหลังเขามักจะชวนเธอไปที่บริษัทด้วยบ่อย ๆ จนพนักงานในบริษัทต่างก็รับรู้ว่าเธอคือว่าที่ภรรยาของเจ้านาย อีกทั้งความน่ารักเป็นกันเองและไม่ถือตัว ทุกคนจึงให้การเคารพและรักเธอกันทุกคนวันนี้เป็นวันหยุด มาลารินทร์อยากทำอาหารและขนมไทย จึงพากันมาซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อหาซื้อวัตถุดิบ หลังจากกลับมาก็ชวนกันเข้าครัว โดยมีเซดริกอาสาเป็นลูกมือ ถึงแม้จะไม่เคยทำแต่เขาก็ยินดีช่วยเผื่อจะลองทำให้เธอทานบ้าง“วันนี้ที่รักจะทำอะไรให้พี่ทานครับ”เจ้าของดวงตาสีฟ้าหม่นเอ่ยถามคนตัวเล็กข้างกายเสียงหวาน ในขณะหยิบผักที่ล้างสะอาดแล้วใส่ตะกร้ามาวางไว้ให้ ก่อนจะขโมยหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่ ระยะหลังเขากลายเป็นคนขี้อ้อนและขยันทำตัวมุ้งมิ้งใส่ แม้กระทั่งสรรพนามที่เคยเรียกก็หวานแหววเสียจนมาลารินทร์อดเขินไม่ได้“รินทร์จะทำแกงเขียวห
เจซี่นางแบบสาวสวยในชุดว่ายน้ำทูพีซสีส้มสดกำลังแหวกว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำหรูหรา ของโรงแรม SW ซึ่งเป็นโรงแรมสุดหรูในเครือมาร์ตินกรุ๊ป หลังจากได้รับการติดต่อจากแอลตัน ที่เป็นทั้งเพื่อนและเลขาคนสนิทของเซดริก ว่าเจ้านายหนุ่มเชิญให้มาทานดินเนอร์สุดหรูด้วยกัน ทำให้เจซี่อดกระหยิ่มยิ้มย่องในใจไม่ได้เพราะถ้าเขาไม่สนใจจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอบินกลับมาจากต่างประเทศวันไหนวันนี้นางแบบสาวจึงเตรียมตัวเองมาเป็นอย่างดี ในเมื่อโอกาสในการทำคะแนนอยู่ในมือเธอจะไม่มีวันทำพลาดเด็ดขาด เพราะการปรนเปรอสวาทให้กับเขาถือเป็นหน้าที่หลักที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะครั้งนี้ต้องงัดกลเม็ดเด็ดพรายออกมาใช้ให้หมด เพื่อจะจับเขาให้อยู่หมัดและเขี่ยมาลารินทร์ออกไปให้พ้นทางหลังจากว่ายน้ำเสร็จเจซี่ก็กลับขึ้นมามาอาบน้ำขัดผิวกายเตรียมความพร้อมสำหรับดินเนอร์ในคืนนี้ หลังอาบน้ำก็ละเมียดละไมประทินผิวด้วยครีมฉ่ำก่อนจะเลือกชุดมินิเดรสสายเดี่ยวผ้าพลิ้วบางสีน้ำเงินเข้มซึ่งง่ายต่อการถอด วันนี้เธอยอมแต่งหน้าบางเบาตามไสตล์ที่เซดริกชอบแล้วพรมน้ำหอมบาง ๆ แล้วจะตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะออกไปหาเขาตามนัดเจซี่มาถึงห้องอาหารหรูตามเวลาที่นัดไว
เซดริกเชยคางมนของมาลารินทร์ขึ้นมาสบตากันอีกครั้ง เขาจ้องมองดวงตากลมโตและใบหน้าจิ้มลิ้มเนิ่นนาน ก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากลงที่เรียวปากกระจับสีหวาน ขบเม้มริมฝีปากบางอย่างอ้อยอิ่งและดูดดุนเบา ๆ พลางสอดลิ้นอบอุ่นเข้าไปยังโพรงปากเล็กเพื่อลิ้มรสความหวาน ในขณะที่มาลารินทร์สอดลิ้นประสานกับคนตัวโต เกี่ยวกระหวัดพันพัวกันไปมาอย่างดูดดื่มวงแขนของเธอโอบรอบลำคอหนาของอีกฝ่ายและรั้งร่างหนาเขาหาจนสองร่างแนบชิดมอบไออุ่นให้กันและกัน ฝ่ามือร้อนของคนตัวสอดเข้าไปใต้เสื้อชุดนอนผ้าซาตินสีฟ้าอ่อน กอบกุมทรวงอกใหญ่ทั้งสองข้างของคนตัวเล็กไว้อย่างหวงแหน ลูบไล้เคล้าคลึงและส่งนิ้วสะกิดยอดปทุมถันจนร่างบางอ่อนระทวยเซดริกถอดเสื้อมือเข้าไปที่ชายกระโปรงชุดนอนของเธอแล้วถอดออกทิ้งลงพื้น จนร่างอวบอัด เปล่าเปลือยยั่วยวนตาปรากฏต่อหน้า เขาย่อตัวลงอุ้มร่างเปลือยวางลงบนเตียงนอน แล้วถอดผ้าเช็ดตัวที่พันช่วงล่างออกจากร่างกาย เผยให้เห็นแท่งรักขนาดใหญ่ไชด์ยุโรปที่แข็งขึงเต็มที่เด่นผงาดอยู่กลางลำตัว มาลารินทร์จ้องมองรูปร่างสุดแสนเพอร์เฟกต์และท่อนลำขนาดใหญ่ด้วยความประหม่าจนเผลอกลืนน้ำลายฝืด ๆ ลงคออย่างยากลำบากร่างแกร่งขยับเข้ามาทาบ
“แม่คะ ทานข้าวเย็นกันดีกว่าค่ะ วันนี้มีข้าวต้มปลาของโปรดของแม่ด้วย รินทร์ทำสุดฝีมือเลยนะคะ” มาลารินทร์ที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่เอ่ยเรียกมารดาให้มาทานอาหารเย็นด้วยกัน เป็นจังหวะเดียวกันกับปริณที่กลับจากมหาวิทยาลัยพอดี“โอ้โห...ลมอะไรหอบพี่สาวผมกลับมาบ้านได้เนี่ย พี่รินทร์เข้าครัวเองแบบนี้ก็ลาภปากผมเลยสิ คอยดูเถอะจะกินให้พุงกางเชียว” ปริณเข้าสวมกอดพี่สาวแล้วเอ่ยเย้า“แหม..ปริณ แกพูดอย่างกับพี่ไม่ได้มาที่นี่เลยทั้งที่เพิ่งมาเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เอง” คนเป็นพี่ส่งค้อนวงใหญ่ให้น้องชาย พลางตักข้าวต้มปลาเสริฟให้แม่กับปริณ“พี่มาบ่อยก็จริง แต่ปกติไม่เคยเห็นมาคนเดียวเลยนี่นา วันนี้ทำไมพี่เซดริกไม่มาด้วยล่ะครับ” ปริณเอ่ยถามถึงว่าที่พี่เขย เพราะปกติไม่เคยเห็นรายนั้นห่างพี่สาวตัวเองเลย“เขาก็มีธุระของเขาบ้างสิ พี่อยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรแบบนี้นานเข้าก็เบื่อ เลยคิดว่าจะกลับมาอยู่ที่บ้านเราแล้วหางานทำดีกว่ารอพึ่งพาอาศัยคนอื่น วันข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้ พี่ว่าเราควรพึ่งตัวเองให้ได้ตั้งแต่วันนี้จะดีกว่า” คำพูดของเธอดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ทั้งแม่และน้องชายต่างก็จับสังเกตได้ว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอ
หลังจากวันนั้นเซดริกก็พามาลารินทร์ไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลอีกหลายครั้ง จนกระทั่งล่าสุดคุณหมออนุญาตให้ท่านกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ ส่วนปริณตอนนี้มหาวิทยาลัยเปิดเทอมแล้ว และเขาก็สามารถไปเรียนได้โดยไม่ต้องห่วงนางวิมาลา เพราะเซดริกได้จ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลให้เกือบสามเดือนแล้วที่มาลารินทร์ย้ายมาอยู่กับเซดริกที่เพนเฮาส์แห่งนี้ เวลาที่มีวันหนึ่ง ๆ หมดไปกับการดูแลเขาเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะจัดเตรียมเสื้อผ้าและอาหารให้ทั้งเช้าและเย็น หลังจากเขาออกไปทำงานแล้วเธอก็จะทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ทั้งที่ไม่ค่อยมีให้ทำเพราะเซดริกจ้างแม่บ้านให้มาทำงานบ้านให้ทุกอาทิตย์ เขาบอกว่าไม่อยากให้คนตัวเล็กเหนื่อย จนบางทีเธอก็บ่นว่าเหงาเพราะไม่มีอะไรจะทำ เขาเลยชวนให้เธอตามไปทำงานกับเขาแก้เบื่อ แต่เธอไม่อยากไปเพราะกลัวจะเป็นภาระของเขาเวลาทำงานมากกว่า“ติ๊ง...ต่องงง”เสียงออดหน้าห้องดังขึ้น มาลารินทร์นิ่วหน้าสงสัยเพราะเวลานี้เซดริกน่าจะยังทำงานอยู่ แล้วถ้าเขากลับมาจริงก็ต้องมีคีย์การ์ดจึงไม่จำเป็นจะต้องกดออด จะว่าเป็นสายป่านก็ไม่น่าจะใช่เพราะเมื่อครู่เพิ่งคุยโทรศัพท์กันเมื่อครู่ เพื่อนยังบอกเลยว่ากำลังจะเตรียมตัวไปทำงานแล
เช้าวันนี้เซดริกพามาลารินทร์มาเยี่ยมนางวิมาลาที่โรงพยาบาลตามที่ได้รับปากไว้ ก่อนถึงโรงพยาบาลเธอขอแวะซื้อผลไม้ที่แม่ชอบไปฝากท่านก่อนซึ่งชายหนุ่มก็ตามใจไม่ได้ขัด เมื่อถึงโรงพยาบาลมาลารินทร์ถึงกับอ้าปากค้าง คิดไม่ถึงว่าโรงพยาบาลจะหรูหราอย่างกับโรงแรมแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่สายป่านบอกว่าค่ารักษาแพงหูฉี่มือหนาอบอุ่นจับมือเรียวเล็กให้ก้าวเดินไปตามเขาไปยังห้องพักฟื้นของนางวิมาลา เมื่อถึงหน้าประตูที่ติดชื่อของแม่ มาลารินทร์ก็เคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาตก่อนจะเปิดเข้าไป เธอเห็นแม่นอนอยู่บนเตียงคนไข้โดยมีสายป่าน แอลตัน และปริณอยู่ในห้องด้วย สีหน้าของนางวิมาลาดูสดชื่นกว่าเดิมมาก คนตัวเล็กรีบเข้าไปกอดแม่ด้วยความคิดถึง นางกอดตอบบุตรสาวพร้อมกับลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู“แม่เป็นอย่างไรบ้างคะ อาการดีขึ้นไหม ทานอะไรได้ปกติหรือเปล่าคะ รินทร์ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่ดูแลตอนที่แม่ผ่าตัด” หล่อนถามมารดาด้วยความเป็นห่วง น้ำตาคลอหน่วยตา นางวิมาลายิ้มบาง ๆ แล้วเช็ดน้ำตาให้ลูกสาว“ไม่เป็นไรหรอกลูก เห็นสายป่านบอกว่าหนูกับแฟนไปงานด่วนที่ต่างประเทศกลับมาไม่ทัน แฟนหนูเลยให้คุณแอลตันกับสายป่านมาช่วยดูแลแม่แทนให้ ขอบใจแฟนหนูด้ว







