@โรงแรม M
เช้าวันอาทิตย์ วันงานเปิดโรงแรม
วันนี้มาลารินทร์มีหน้าที่ต้อนรับแขกในโซน VIP และ VVIP
ส่วนสายป่านรับหน้าที่เอ็นเตอร์เทนในงานแต๊งกิ้วปาร์ตี้ของทีมผู้บริหารในเครือมาร์ตินกรุ๊ป ซี่งงานจะเริ่มขึ้นในช่วงเย็น หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยเธอก็มายืนประจำที่ตรงหน้างานเพื่อรอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติของโรงแรมบรรยากาศภายในงานคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายหลายสายอาชีพที่เริ่มทยอยเข้ามาในงาน แต่ละคนแต่งตัวสวยสง่าและหรูหรา วันนี้มาลารินทร์เองก็สวยมากเช่นกัน เธออยู่ในชุดราตรีเกาะอกรัดรูปสีโอลด์โรส ช่วงอกปักเลื่อมระยิบระยับสวยงาม ขับผิวขาวเนียนละเอียดให้โดดเด่นน่ามอง ตัวกระโปรงยาวถึงข้อเท้า แต่ผ่าสูงขึ้นมาจนถึงหน้าขา เวลาย่างก้าวทำให้เห็นเรียวขาและปลีน่องขาวเนียนได้อย่างชัดเจน
ใบหน้างามถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง กลุ่มผมดกดำยาวสลวยหยักศกเป็นลอนถูกรวบหลวม ๆ ไว้ที่ด้านข้างศีรษะ และติดประดับด้วยดอกคัทลียาสีขาวบริสุทธิ์ เรียวปากกระจับเคลือบด้วยลิปสติกสีเดียวกับชุดราตรี ในงานวันนี้ เธอเห็นเหล่าดารานางแบบที่มีชื่อเสียงมาร่วมงานมากมายหลายคน ยอมรับว่าไม่เคยมีโอกาสเข้ามาในสถานที่หรูหราขนาดนี้มาก่อน
“เซดริกคะ รอเจซี่ด้วยค่ะ”
เสียงสูงแหลมของใครหนึ่งดังขึ้น ที่หมายถึงว่าดังจริง ๆ ทั้งที่เจ้าของเสียงอยู่ห่างจากเธอมากโข แต่แก้วหูมาลารินทร์แทบจะแตก ความเป็นจริงเธอไม่จำเป็นจะต้องสนใจอะไรมากนักถ้าเจ้าของชื่อที่ถูกเรียกไม่ใช่คนที่เธอกับเพื่อนสาวเม้าท์ถึงกันอย่างออกรสเมื่ออาทิตย์ก่อน เธอจึงหันหน้ามองไปตามเสียงเรียกแทบจะทันที
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือชายหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่ง ความสูงที่คะเนด้วยสายตาน่าจะราว ๆ 190 ซม. เขาอยู่ในชุดสูทสากลสีน้ำเงินเข้ม ดูเท่ห์และเนี๊ยบมาก ทรงผมสีน้ำตาลถูกเซทอย่างดี คิ้วดกหนา แพขนตายาวงอนจนผู้หญิงบางคนยังต้องอาย ดวงตาสีฟ้าหม่นดูมีเสน่ห์น่าค้นหา ทุกจังหวะการย่างก้าวดูมั่นคง
เธอมองดูเขาอย่างลืมตัว ไม่รู้ว่ามองนานแค่ไหนแต่ที่เห็นคือเขาหยุดการเคลื่อนไหวนานแล้ว และกำลังมองสบตากับเธออยู่ ริมฝีปากหนายกยิ้มที่มุมปาก สายตาคมของชายหนุ่มมองไปที่ดวงตาดำกลมโตและปากกระจับสีสวยที่เผยอค้างอยู่น้อย ๆ ด้วยความถูกใจ
“สวย ..สวยจริง ๆ”
เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าหม่นพูดออกมา แต่คล้ายว่าเด็กสาวยังไม่หลุดจากภวังค์จึงไม่ได้ยินถ้อยคำใดๆ ที่เจ้าของร่างสูงเอ่ยออกมา จนกระทั่งเสียงแหลมเล็กของหญิงสาวนามว่าเจซี่เรียกชื่อเขาอีกครั้งนั่นแหละ มาลารินทร์ถึงได้รู้สึกตัว
“สะ..สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่อาณาจักรของมาร์ตินกรุ๊ปค่ะ” เธอกล่าวตามสคริปอย่างตะกุกตะกักนิดหน่อย ด้วยมีความรู้สึกตื่นเต้นมากทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“โอ้ยยยยย ... แกเป็นอะไรไปวะเนี่ยยัยรินทร์ .. สติ สติ”
เธอบอกตัวเองในใจ พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ผ่อนออกมาเพื่อลดอาการตื่นเต้น จากนั้นจึงหยิบคอสาร์ทจัดด้วยดอกคัทลียาคละสีที่ถูกวางอยู่บนพานแก้ว เธอเลือกหยิบช่อดอกคัทลียาสีม่วงขึ้นมา แล้วเอื้อมมือเรียวงามเพื่อจะติดไปที่อกเสื้อของเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าหม่นนั้น แต่ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อร่างสูงเอื้อมมือหนามาสัมผัสที่มือเรียวบางของเธอพร้อมกับใช้หัวแม่มือลูบวนเบา ๆ พลางกล่าวกับเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มกังวานดูน่าฟัง
“ผมขอเป็นดอกสีขาวได้ไหม ให้เหมือนกับดอกคัทลียาที่ประดับอยู่บนผมของคุณ”
มาลารินทร์กระพริบตาถี่ ๆ ด้วยอาการตกตะลึงเล็กน้อย แต่เพียงครู่เดียวเธอก็ตั้งสติได้ รีบหยิบคอสาร์ทดอกคัทลียาสีขาว แล้วติดไปที่หน้าอกเสื้อสูทสีน้ำเงินเข้มนั้นอย่างระมัดระวัง โดยมีสายตาสีฟ้าหม่น มองสำรวจไปทั่วดวงหน้าและเรือนร่างสวยนั้นแบบไม่ละสายตา
เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นปรากฏแก่สายตาของเจซี่ นางแบบสาวซึ่งเป็นคู่ควงของชายหนุ่มในงานวันนี้ หล่อนชักสีหน้าไม่พอใจใส่มาลารินทร์ทันที และมองเธอแทบจะกินเลือดกินเนื้อ หล่อนรีบเอื้อมมือมาเพื่อคล้องแขนเซดริกคล้ายจะแสดงความเป็นเจ้าของ แล้วรีบเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในงานทันที
“เห้อออออ ... ” มาลารินทร์ถอนหายใจโล่งอกทันทีที่สองคนนั้นเดินเข้าไปในงาน บอกกับตัวเองว่าอาการที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อครู่ น่าจะเป็นเพราะตื่นเต้นกับงานและสถานที่ที่มันใหญ่โตหรูหรามากก็แค่นั้น
แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ล่ะ เขาทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร มาลารินทร์ครุ่นคิดแล้วเอื้อมไปแตะมืออีกข้าง ในตำแหน่งที่เซดริกสัมผัสเมื่อครู่แล้วลูบไปมาเบา ๆ
งานเสร็จสิ้นลงในเวลา 14.00 น. พนักงาน และแขกเหรื่อเริ่มทยอยกลับกันจวนจะหมดแล้ว คงเหลือแต่เฉพาะผู้บริหารในเครือ บรรดาญาติสนิท และแขกพิเศษคนสำคัญที่มาร์ตินกรุ๊ปได้เชิญไว้เพื่อร่วมงานแต๊งกิ้วปาร์ตี้ต่อในช่วงเย็นเท่านั้น ที่ยังคงอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่ทางโรงแรม ทยอยเชิญขึ้นไปที่ห้องรับรองส่วนตัวเพื่อพักผ่อน เตรียมตัวร่วมงานต่อในช่วงค่ำ
มาลารินทร์ก็กำลังจะกลับเช่นกัน ร่างบางเดินไปที่ห้องแต่งตัวที่ถูกจัดไว้ให้เพื่อจะเปลี่ยนชุด แต่ในขณะที่เธอกำลังจะไปเสียงโทรศัพท์สมาร์ทโฟนก็ดังขึ้น เธอจึงหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นเป็นชื่อของปริณนิ้วเรียวรีบกดรับสายทันที
“ว่าไงปริณ” เธอทักน้องชาย
(พี่รินทร์อยู่ไหนเลิกงานรึยัง ป้าแมวโทรหาผมบอกว่าแม่บ่นเหนื่อย และเจ็บหน้าอกเพิ่งวางสายไปผมก็รีบโทรหาพี่นี่แหละ ตอนนี้ผมยังอยู่ที่โรงเรียนรอพรีเซนต์งานกลุ่ม กลับไปไม่ได้แน่เลยพี่) ปริณพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน หลังจากได้รับสายป้าแมวคนที่รินทร์จ้างไว้ช่วยดูแลแม่ตอนที่เธอและปริณไม่อยู่
“เออๆ ไม่เป็นไร พี่เลิกงานแล้วกำลังจะกลับพอดี ปริณไปเรียนเถอะ ไม่ต้องห่วงแม่นะ”
มาลารินทร์วางสายรีบหยิบกระเป๋าออกไปทันที โดยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก เพราะเธอเป็นห่วงแม่มาก ถึงชุดจะวาบหวิวไปสักหน่อย แต่ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายสองโมง นั่งแท็กซี่กลับก็ไม่น่าจะอันตรายอะไรเดี๋ยวค่อยไปเอาเสื้อคลุมในกระเป๋าออกมาใส่ทับอีกทีตอนรอแท๊กซี่แล้วกัน
“ติ๊ง...”
เมื่อปุ่มบอกชั้นลิฟท์แสดง ชั้น G และทันทีที่ประตูเปิดออก มาลารินทร์ก็รีบเดินเพื่อออกจากโรงแรม เธอเลือกลงชั้น G เพราะคนจะน้อยกว่าทางออกประตูหน้าโรงแรม แต่ด้วยกระโปรงที่รัดรูปและแคบ แถมยังผ่าสูงและรองเท้าที่ใส่ส้นก็สูงมาก เธอจึงค่อย ๆ เดินเพราะกลัวว่าจะเสียหลักล้มไป ระหว่างนั้น เหมือนหูจะแว่วได้ยินเสียงคุยกันเบา ๆ คล้าย ๆ หัวร่อต่อกระซิก หรือพลอดรักกันของชายหญิง
“อะไรกันเนี่ย มาพลอดรักอะไรกันตรงนี้ แล้วฉันจะกล้าเดินผ่านมั้ยห๊ะ เผื่อเดินไปแล้วเจอฉากเลิฟซีนขึ้นมา จะทำยังงัย ปั๊ดโธ่ว คนยิ่งรีบ ๆ อยู่” เธอถอนใจมองบนอย่างเซ็ง ๆ ตัดสินใจหันหลังกลับไปอีกทางเพื่อจะเดินออกไป แต่ทว่า.....
“อื้มมมม อาห์... เซดริกคะ ทำไมวันนี้คุณดูร้อนแรงกับเจซี่จังเลยคะเนี่ย หืมม” เสียงครางอย่างเสียวซ่านดังขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับเสียงจุ๊บๆ จ๊วบๆ ดังมาเป็นระยะ เสียงชัดเจนขนาดนี้คือคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยจริง ๆ
“แต่ .. ดะ..เดี๋ยวนะ เซดริก??? ... เจซี่??? ”เธอรำพันกับตัวเอง ไวเท่าความคิด มาลารินทร์หันกลับมาในทิศทางเดิม และเดินไปยังต้นเสียงนั้นทันที ภาพที่เธอเห็นนั้นคมชัดระดับ 4K
ร่างของเจซี่ในชุดราตรีสีแดงเพลิงที่แขนและอกเสื้อเลื่อนลงมาจนเกือบจะถึงเอว หล่อนยืนพิงราบไปกับรถสปอร์ตสีน้ำเงินเข้ม โดยมีชายหนุ่มร่างสูงโน้มตัวลงมาทาบทับอยู่ด้านบน ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบจูบกันอย่างดูดดื่ม ส่วนมือหนากำลังคลึงเคล้นไปที่สองเต้างามของนางแบบสาวที่ไม่ได้สวมบรา มีเพียงสติ๊กเกอร์สีชมพูปิดจุกไว้เท่านั้น
“แม่คะ ทานข้าวเย็นกันดีกว่าค่ะ วันนี้มีข้าวต้มปลาของโปรดของแม่ด้วย รินทร์ทำสุดฝีมือเลยนะคะ” มาลารินทร์ที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่เอ่ยเรียกมารดาให้มาทานอาหารเย็นด้วยกัน เป็นจังหวะเดียวกันกับปริณที่กลับจากมหาวิทยาลัยพอดี“โอ้โห...ลมอะไรหอบพี่สาวผมกลับมาบ้านได้เนี่ย พี่รินทร์เข้าครัวเองแบบนี้ก็ลาภปากผมเลยสิ คอยดูเถอะจะกินให้พุงกางเชียว” ปริณเข้าสวมกอดพี่สาวแล้วเอ่ยเย้า“แหม..ปริณ แกพูดอย่างกับพี่ไม่ได้มาที่นี่เลยทั้งที่เพิ่งมาเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เอง” คนเป็นพี่ส่งค้อนวงใหญ่ให้น้องชาย พลางตักข้าวต้มปลาเสริฟให้แม่กับปริณ“พี่มาบ่อยก็จริง แต่ปกติไม่เคยเห็นมาคนเดียวเลยนี่นา วันนี้ทำไมพี่เซดริกไม่มาด้วยล่ะครับ” ปริณเอ่ยถามถึงว่าที่พี่เขย เพราะปกติไม่เคยเห็นรายนั้นห่างพี่สาวตัวเองเลย“เขาก็มีธุระของเขาบ้างสิ พี่อยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรแบบนี้นานเข้าก็เบื่อ เลยคิดว่าจะกลับมาอยู่ที่บ้านเราแล้วหางานทำดีกว่ารอพึ่งพาอาศัยคนอื่น วันข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้ พี่ว่าเราควรพึ่งตัวเองให้ได้ตั้งแต่วันนี้จะดีกว่า” คำพูดของเธอดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ทั้งแม่และน้องชายต่างก็จับสังเกตได้ว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอ
หลังจากวันนั้นเซดริกก็พามาลารินทร์ไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลอีกหลายครั้ง จนกระทั่งล่าสุดคุณหมออนุญาตให้ท่านกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ ส่วนปริณตอนนี้มหาวิทยาลัยเปิดเทอมแล้ว และเขาก็สามารถไปเรียนได้โดยไม่ต้องห่วงนางวิมาลา เพราะเซดริกได้จ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลให้เกือบสามเดือนแล้วที่มาลารินทร์ย้ายมาอยู่กับเซดริกที่เพนเฮาส์แห่งนี้ เวลาที่มีวันหนึ่ง ๆ หมดไปกับการดูแลเขาเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะจัดเตรียมเสื้อผ้าและอาหารให้ทั้งเช้าและเย็น หลังจากเขาออกไปทำงานแล้วเธอก็จะทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ทั้งที่ไม่ค่อยมีให้ทำเพราะเซดริกจ้างแม่บ้านให้มาทำงานบ้านให้ทุกอาทิตย์ เขาบอกว่าไม่อยากให้คนตัวเล็กเหนื่อย จนบางทีเธอก็บ่นว่าเหงาเพราะไม่มีอะไรจะทำ เขาเลยชวนให้เธอตามไปทำงานกับเขาแก้เบื่อ แต่เธอไม่อยากไปเพราะกลัวจะเป็นภาระของเขาเวลาทำงานมากกว่า“ติ๊ง...ต่องงง”เสียงออดหน้าห้องดังขึ้น มาลารินทร์นิ่วหน้าสงสัยเพราะเวลานี้เซดริกน่าจะยังทำงานอยู่ แล้วถ้าเขากลับมาจริงก็ต้องมีคีย์การ์ดจึงไม่จำเป็นจะต้องกดออด จะว่าเป็นสายป่านก็ไม่น่าจะใช่เพราะเมื่อครู่เพิ่งคุยโทรศัพท์กันเมื่อครู่ เพื่อนยังบอกเลยว่ากำลังจะเตรียมตัวไปทำงานแล
เช้าวันนี้เซดริกพามาลารินทร์มาเยี่ยมนางวิมาลาที่โรงพยาบาลตามที่ได้รับปากไว้ ก่อนถึงโรงพยาบาลเธอขอแวะซื้อผลไม้ที่แม่ชอบไปฝากท่านก่อนซึ่งชายหนุ่มก็ตามใจไม่ได้ขัด เมื่อถึงโรงพยาบาลมาลารินทร์ถึงกับอ้าปากค้าง คิดไม่ถึงว่าโรงพยาบาลจะหรูหราอย่างกับโรงแรมแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่สายป่านบอกว่าค่ารักษาแพงหูฉี่มือหนาอบอุ่นจับมือเรียวเล็กให้ก้าวเดินไปตามเขาไปยังห้องพักฟื้นของนางวิมาลา เมื่อถึงหน้าประตูที่ติดชื่อของแม่ มาลารินทร์ก็เคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาตก่อนจะเปิดเข้าไป เธอเห็นแม่นอนอยู่บนเตียงคนไข้โดยมีสายป่าน แอลตัน และปริณอยู่ในห้องด้วย สีหน้าของนางวิมาลาดูสดชื่นกว่าเดิมมาก คนตัวเล็กรีบเข้าไปกอดแม่ด้วยความคิดถึง นางกอดตอบบุตรสาวพร้อมกับลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู“แม่เป็นอย่างไรบ้างคะ อาการดีขึ้นไหม ทานอะไรได้ปกติหรือเปล่าคะ รินทร์ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่ดูแลตอนที่แม่ผ่าตัด” หล่อนถามมารดาด้วยความเป็นห่วง น้ำตาคลอหน่วยตา นางวิมาลายิ้มบาง ๆ แล้วเช็ดน้ำตาให้ลูกสาว“ไม่เป็นไรหรอกลูก เห็นสายป่านบอกว่าหนูกับแฟนไปงานด่วนที่ต่างประเทศกลับมาไม่ทัน แฟนหนูเลยให้คุณแอลตันกับสายป่านมาช่วยดูแลแม่แทนให้ ขอบใจแฟนหนูด้ว
หลังจากคนตัวโตปราบพยศเด็กดื้อเรียบร้อยแล้ว เขาก็ลุกไปทำอาหารเย็นเตรียมไว้ให้หญิงสาว ด้วยกลัวว่าหล่อนจะหิวเมื่อตื่นขึ้นมา ในขณะที่ร่างแกร่งกำลังสาละวนกับการทำอาหารอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของใครบางคนเดินเข้ามาในครัว ซึ่งเขาจำเสียงฝีเท้านั้นได้ดี “ของที่กูสั่งได้ครบมั้ย ” แอลตันพยักหน้าพร้อมกับส่งถุงอาหารสดและอาหารแห้งให้เซดริก เขารับถุงอาหารมาจัดเก็บของสดใส่ตู้เย็นและเก็บของแห้งไว้ในตู้วางของแห้ง“แล้วเสื้อผ้าเมียกู่ล่ะ มึงไม่ได้ซื้อมาหรือไง?” เขาเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นถุงเสื้อผ้าตามที่สั่ง“มึงสั่งกูให้ซื้อเสื้อผ้ากับชุดชั้นในของผู้หญิง แต่เสือกไม่บอกไซส์มาแล้วกูจะไปซื้อถูกได้งัยวะ ” แอลตันพูดพลางส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน“เฮอะ..กูเพิ่งรู้ว่าเรื่องแค่นี้เพลย์บอยอันดับหนึ่งอย่างมึงก็ไม่มีปัญญาแก้ปัญหา” เซดริกพูดเน้นเสียงหนักแสดงอาการหงุดหงิด ในขณะที่แอลตันยักคิ้วให้อย่างยียวนก่อนจะตอบกลับเพื่อนสนิทออกไป“กูไม่ได้สิ้นคิดขนาดนั้นหรอกน่า คนอย่างกูสมองอัจฉริยะเรื่องแค่นี้ทำไมกูจะแก้ไม่ได้วะ” แอลตันพูดยิ้ม ๆ พร้อมกับหันหน้าไปทางประตูทางเข้า เซดริกได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ของใครคนหนึ่ง
หลังจากบทรักเร่าร้อนผ่านไป มาลารินทร์ก็หลับไปนานโขรู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมาเตะจมูกจนท้องร้องประท้วงด้วยความหิวทันที เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอาหารตกถึงท้อง เพราะเซดริกเอาแต่จับเธอกินจนเหนื่อยและหมดแรงหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นรู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวเป็นอย่างมาก ที่นอนข้างกายว่างเปล่าไร้เงาของเซดริก นาฬิกาบนผนัง บอกเวลา 15.30 น. เธอลุกจากเตียงนอนและเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ สระผม ทำความสะอาดร่างกายโดยใช้เวลาในห้องน้ำอยู่นานพอสมควรเมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ ร่างบางก็ก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูผืนเดียวห่อหุ้มร่างกาย บนศีรษะมีผ้าขนหนูผืนเล็กพันผมเอาไว้ มาลารินทร์นั่งลงบนเตียงแล้วเช็ดผมที่เปียก เธอต้องกลับบ้านเพื่อนำเงินที่ได้ไปจัดการเรื่องการผ่าตัดของแม่ นี่ก็ผ่านไปวันสองวันแล้วที่ไม่ได้ติดต่อทางบ้าน ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้างเมื่อเช็ดผมเสร็จก็เดินสำรวจไปทั่วห้องนอน พบชุดกองอยู่บนพื้น เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็ต้องถอนใจเพราะสภาพชุดขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี ชุดชั้นในก็ไม่มีเพราะใช้แต่สติ๊กเกอร์ปิดจุก ส่วนแพนตี้ตัวน้อยก็ถูกเขากระชากจนขาด แล้วจะออกไปจากที่นี่ไ
คนตัวเล็กหอบหายใจถี่รัว หลังจากเสร็จสมจากการถูกปรนเปรอด้วยปากและลิ้นร้ายกาจของชายหนุ่ม เซดริกไม่ปล่อยให้เธอหยุดพักนาน เขาใช้ฝ่ามือหนาจับอาวุธคู่กายขนาดใหญ่ไซด์ยุโรปชักรูดขึ้นลงเบาๆ เพื่อเตรียมความพร้อม เมื่อมาลารินทร์เห็นแท่งรักขนาดใหญ่ตรงหน้า เธอถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เพราะยังเข็ดกลัวจากการร่วมรักรุนแรงครั้งก่อนหน้า ร่างเล็กจึงกระถดถอยหนีโดยอัตโนมัติ ดูเหมือนเจ้าของดวงตาสีฟ้าหม่นดูจะเข้าใจในท่าทีตื่นกลัวของหญิงสาว เขาจึงขยับเข้าตระกองกอดร่างเปลือยแล้วจูบปลอบประโลมเบา ๆ ที่ขมับชื้นเหงื่อเพื่อให้อีกฝ่ายคลายความกังวลลง“ไม่ต้องกลัวนะครับเมีย ผัวสัญญาว่าจะไม่ทำรุนแรง ถ้าเจ็บหรือไม่ไหวก็บอกผมนะ ”เขาปลอบประโลมเสียงแหบพร่าด้วยอารมณ์ปรารถนาแล้วดันร่างเล็กให้นอนลงบนเตียง เซดริกนั่งคุกเข่ากลางหว่างขาขาวแล้วยกขาเรียวขึ้นวางพาดบนบ่า ดึงสะโพกของเธอเข้ามาใกล้ จับปลายหัวหยักถูไถไปที่ปากทางรักคับแคบแล้วค่อย ๆ ดันเข้าไปในร่องสวาทนุ่มนิ่ม ในขณะที่ท่อนเอ็นถูกบีบรัดด้วยช่องทางคับแคบจนชายหนุ่มรู้สึกคับแน่นไปหมด“อุ้ย...ซี๊ดดด เบาๆ ค่ะคุณเซดริก รินทร์อึดอัดจังค่ะ”มาลารินทร์ร้องห้ามเสียงแผ่วเบา