LOGINตอนที่ ๓ ถูกตำหนิ
แสงแดดอ่อน ๆ ส่องลอดผ่านม่านหน้าต่างของเรือนหลันฮวา เสียงนกบนกิ่งเหมยขับขานแผ่วเบา ดอกไม้ที่แบ่งบานเต็มที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนลอยมากับสายลม ซูเยี่ยนนั่งอยู่ริมขอบเตียง มือบางลูบท้องกลมโตเบา ๆ ดวงตาคู่นั้นมองผ่านหน้าต่างออกไปยังสวนดอกเหมย แต่แววตากลับดูเหม่อลอยราวกับคิดถึงบางสิ่ง ชายหนุ่มขยับตัวอย่างเชื่องช้า ขณะพยายามลุกขึ้นยืน ความหนักอึ้งจากครรภ์ที่ใหญ่ขึ้นทำให้การเคลื่อนไหวไม่คล่องแคล่วเหมือนแต่ก่อน เขาใช้สองมือประคองใต้ท้อง ริมฝีปากเม้มเล็กน้อยขณะพยายามทรงตัว แต่ความอ่อนล้าของร่างกายทำให้เขาดูไม่มั่นคงนัก “อิ้งซื่อ2 ระวังพ่ะย่ะค่ะ!” บ่าวรับใช้ที่อยู่ใกล้รีบเข้ามาประคองตัวซูเยี่ยนด้วยความเป็นห่วง มือเล็กของบ่าวจับแขนอย่างนุ่มนวล “หากต้องการสิ่งใด เพียงสั่งกระหม่อมก็พอพ่ะย่ะค่ะ” ซูเยี่ยนส่ายหน้าเบา ๆ ริมฝีปากคลี่ยิ้มจาง แม้ร่างกายจะล้า แต่ใบหน้ากลับแสดงความสงบอันยากจะคาดเดา “ไม่เป็นไร ข้าแค่จะเดินไปตรงหน้าต่าง...อยากสูดอากาศ” เสียงของเขาเบาและเรียบนิ่ง ราวกับไม่ได้แบกความหนักอึ้งจากร่างกายหรือความคิดในใจ บ่าวรับใช้พยักหน้ารับโดยไม่เอ่ยคำใดเพิ่มเติม เพียงช่วยประคองจนซูเยี่ยนมาถึงริมหน้าต่าง เขามองออกไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีเริ่มร่วงโรยปลิวตามลม เหมือนจะลาจากไปพร้อมกับฤดูใบไม้ร่วงที่ใกล้สิ้นสุด เขายืนอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ราวกับกำลังซึมซับทุกสิ่งในความเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจและสายลมเอื่อยที่พัดผ่าน ความเงียบที่โอบล้อมกลับไม่ช่วยให้จิตใจสงบ ซูเยี่ยนก้มลงมองท้องของตนอีกครั้ง ร่างเล็กที่กำลังเติบโตอยู่ภายในทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าอนาคตของพวกเราจะเป็นเช่นไร “อิ้งซื่อ หากล้าเกินไปจะกระทบกับทารกในครรภ์ได้นะพ่ะย่ะค่ะ” สวี่เฟิงเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง ราวกับเกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจ ซูเยี่ยนเพียงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยให้บ่าวช่วยพยุงตัวกลับไปด้านใน แต่ยังไม่ทันจะได้นั่ง หลิงซิ่วบ่าวรับใช้จากเรือนไป๋หลานก็มาแจ้งข่าว “ซูอิ้งซื่อ พระชายาให้ข้ามาเชิญท่านไปเรือนชมไม้เจ้าค่ะ” “เชิญข้ารึ” นางพยักหน้าแล้วพูดต่อ “พระชายาเห็นว่าซูอิ้งซื่อกำลังตั้งครรภ์ ไม่อยากให้ท่านอุดอู้อยู่ในเรือนจนเกินไป จึงอยากชวนท่านมาชมดอกไม้ก่อนฤดูใบไม้ร่วงจะหมดไปเพคะ” “อืม ข้าทราบแล้ว” อดแปลกใจไม่ได้เหตุใดกันจึงชวนตนเองออกไปชมนกชมไม้ด้านนอก ซูเยี่ยนไม่ค่อยได้พบปะกับจางหวางเฟยผู้นั้นเท่าใดนัก หลังจากคืนเข้าหอก็พบหน้าแทบนับครั้งได้ ซูเยี่ยนพยักหน้าเล็กน้อยหลังรับคำจากหลิงซิ่ว บ่าวรับใช้จากเรือนไป๋หลัน ขณะกำลังคิดจะก้าวเท้าตามไป บ่าวในเรือนหลันฮวาก็รีบเข้ามากระซิบถามเสียงเบา “พระชายารอง ให้หม่อมฉันจัดเกี้ยวหรือไม่เพคะ?” ซูเยี่ยนชะงักเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าอีกครั้งโดยไม่ได้เอ่ยวาจาใด บ่าวรับใช้จึงรีบไปจัดการ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เกี้ยวขนาดเล็กประดับด้วยผ้าสีแดงเข้มที่ดูเรียบหรูถูกยกมาตั้งไว้หน้าเรือนหลันฮวา พร้อมกับบ่าวชายที่ยืนรออยู่สี่คน ซูเยี่ยนขยับตัวอย่างเชื่องช้า พร้อมมือที่ประคองใต้ท้อง ค่อย ๆ ก้าวขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวด้วยท่าทางสง่างาม เกี้ยวของซูเยี่ยนเคลื่อนไปตามทางเดินหินที่ทอดยาวสู่สวนด้านหลัง เสียงฝีเท้าของบ่าวรับใช้ที่แบกเกี้ยวดังสม่ำเสมอ ชวนให้จิตใจของเขานิ่งสงบ แม้จะไม่คุ้นชินกับการออกจากเรือนหลันฮวาแต่วันนี้เขาตัดสินใจเปิดผ้าม่านขึ้นมาเพียงเล็กน้อยสายตาสำรวจพื้นที่รอบกายที่ยังไม่เคยได้เห็นมาก่อน สายลมเย็นพัดเข้ามาเบา ๆ ชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะลดม่านลงอีกครั้ง จวนท่านอ๋องนั้นช่างกว้างใหญ่ดังคำเล่าลือ เส้นทางทอดยาวและสวนที่ผ่านตาล้วนถูกตกแต่งอย่างพิถีพิถัน หากแต่ซูเยี่ยนไม่เคยมีโอกาสเห็นด้วยตาตนเองเลยจนกระทั่งวันนี้ เมื่อเสียงฝีเท้าของบ่าวหยุดลงเกี้ยวก็นิ่งตาม ซูเยี่ยนจึงยกมือเปิดม่านอีกครั้ง ครานี้เบื้องหน้าของเขาคือเรือนชมไม้ที่ตั้งตระหง่าน งดงามราวภาพวาด รอบด้านเต็มไปด้วยดอกเบญจมาศหลากสีสันที่กำลังแบ่งบาน ทั้งสีเหลือง ชมพู และขาว ดูสดใสตัดกับความเงียบสงบของสถานที่ “ซูเยี่ยนคารวะพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” เขาเอ่ยเสียงเรียบ พร้อมกับค่อย ๆ ค้อมกายคำนับอย่างนอบน้อม แม้การเคลื่อนไหวจะดูติดขัดและไม่สะดวกนัก แต่ซูเยี่ยนก็ยังคงรักษามารยาท “อย่าลำบากนักเลย ซูอิ้งซื่อ ตามสบายเถิด” จางเหม่ยอิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแฝงความเมตตา “พ่ะย่ะค่ะ” ซูเยี่ยนตอบรับสั้น ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่ง “วันนี้ไม่ได้มีอะไรมาก ข้าแค่อยากชวนเจ้ากินขนมชมดอกไม้เท่านั้น” จางเหม่ยอิงกล่าวพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้า “ขอบพระทัยพระชายา แต่กระหม่อม...” ซูเยี่ยนเอ่ยปฏิเสธด้วยท่าทีลังเล “อย่าปฏิเสธไปเลย ท่านอ๋องบอกให้ข้าชวนเจ้า” น้ำเสียงของจางเหม่ยอิงยังคงอ่อนโยน แต่ประโยคนั้นทำให้ซูเยี่ยนชะงักไปเล็กน้อย “เหตุใดท่านอ๋องไม่มาชวนกระหม่อมด้วยตัวเองเล่า” ซูเยี่ยนถามกลับ ดวงตาฉายแววสงสัย “เจ้าคงคิดว่าข้ายุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่หาได้เป็นเช่นนั้น...เมื่อคืนท่านอ๋องแวะไปที่เรือนไป๋หลัน หารือเรื่องนี้กับข้าจนฟ้าสาง” คำพูดของนางนั้นเรียบง่ายแต่ชัดเจน “อ้อ” ซูเยี่ยนตอบรับสั้น ๆ อีกครั้ง แต่ในใจกลับยิ่งปั่นป่วน จางเหม่ยอิงมองเขานิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ครรภ์ของเจ้าแข็งแรงดีหรือไม่” “ขอบพระทัยจางพระชายา...แข็งแรงดีพ่ะย่ะค่ะ” ซูเยี่ยนตอบอย่างรักษามารยาท แม้คำพูดของอีกฝ่ายจะเต็มไปด้วยความเอื้ออารี แต่แววตาของกลับมีบางสิ่งที่เขาไม่อาจเข้าใจได้มัน สร้างความอึดอัดทั้ง ๆ ที่ไม่มีแม้แต่วาจาเสียดสี หรือการกระทำใดที่ไม่ดีแสดงออกมา “ดีแล้วละ...เมื่อคลอดออกมาจะได้ปลอดภัย” ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นจากด้านนอก เสียงบ่าวรับใช้ด้านล่างต่างทักทายเจ้าของจวนอย่างนอบน้อม ซูเยี่ยนอึดอัดเล็กน้อย หัวใจคล้ายบีบตัวแน่นเมื่อเงาของบุคคลที่เขาไม่อยากพบที่สุดปรากฏตัวขึ้น จางเหม่ยอิงรีบลุกขึ้นเพื่อเตรียมต้อนรับ ซูเยี่ยนเองก็พยายามลุกขึ้นตาม หากแต่ด้วยครรภ์ที่ใหญ่ทำให้การเคลื่อนไหวลำบาก สวี่เฟิงจึงรีบเข้ามาช่วยพยุงอย่างรวดเร็ว “ท่านอ๋อง” จางเหม่ยอิงเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงนอบน้อมและรอยยิ้มบาง ๆ ซูเยี่ยนก้มศีรษะให้อย่างเสียไม่ได้ ริมฝีปากเม้มแน่นขณะพยายามหลบสายตา จ้าวอู่ฉีเดินเข้ามา ใบหน้าของเขาสวมหน้ากากเหล็ก ดวงตาคมกริบจับจ้องตรงมายังเขา ราวกับจะมองทะลุทุกสิ่ง ซูเยี่ยนขยับตัวอย่างลำบาก ความอึดอัดที่เก็บกดอยู่ในใจยิ่งถาโถมเข้ามา ความรู้สึกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ทำให้เขาไม่อาจสบตากับคนตรงหน้าได้เลย “ไม่ต้องมากพิธี ข้าแค่แวะมาเพียงชั่วครู่” น้ำเสียงของจ้าวอู่ฉีนุ่มนวลเมื่อเอ่ยกับพระชายาของเขา รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากชวนให้บรรยากาศดูคลายความตึงเครียดลงชั่วขณะ “ท่านนั่งเถิดเพคะ หม่อมฉันจะรินชาให้” จางเหม่ยอิงตอบรับอย่างนอบน้อม ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบชุดชาที่วางอยู่ แต่ทว่าจ้าวอู่ฉีหาได้สนใจคำเชิญนั้น เขาเพียงยกยิ้มบาง ๆ สายตาเหลือบไปยังร่างของซูเยี่ยนที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้าง “จะไม่ทักทายข้าสักหน่อยหรือเยี่ยนเอ๋อร์” น้ำเสียงนั้นเจือความเย้ยหยันเล็กน้อย ซูเยี่ยนชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ซูเยี่ยนคารวะท่านอ๋อง” “ตามสบายเถิด เจ้าไม่ลืมมารยาท ข้าก็วางใจ” วาจาเชือดเฉือนยังคงหลุดออกมาอย่างต่อเนื่อง ซูเยี่ยนย่อมรู้ดีว่านั่นคือการตำหนิที่พุ่งตรงมาที่เขา “หม่อมฉันขออภัยแทนซูเยี่ยนด้วยเพคะ เป็นเพราะหม่อมฉันไม่ดูแลเขาให้ดี” จางเหม่ยอิงเอ่ยแทรกขึ้น น้ำเสียงอ่อนหวานเจือความเมตตา “ไม่ใช่ความผิดเจ้า อย่าได้ใส่ใจ หากคนผิดรู้ตัวคงจะปรับปรุงเอง” จ้าวอู่ฉีกล่าวพลางจิบชา “ขออภัยพระชายา เป็นความผิดของกระหม่อมเอง โดนท่านอ๋องตำหนิก็สมควรแล้ว” ซูเยี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะเบือนสายตาออกไปยังสวนดอกไม้ด้านนอกด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกสามีตำหนิ “เจ้าอย่าได้คิดมาก นั่งลงเถิด อยู่ชมดอกไม้ด้วยกัน” จางเหม่ยอิงกล่าวชวน แต่แววตากลับแฝงความไม่จริงใจ “ขออภัยพระชายา กระหม่อมคงต้องขอตัวก่อน...รู้สึกไม่สบายตัวเท่าใดนัก ลูกน้อยคงจะดิ้นด้วยความหิว” ซูเยี่ยนตอบอย่างสงบ แม้ในใจจะอึดอัดเต็มทน “งั้นเจ้าก็รีบไปเถอะ ปล่อยเอาไว้เกรงว่าจะไม่ดี” จางหวางเฟยตอบด้วยน้ำเสียงห่วงใย “พ่ะย่ะค่ะ” ซูเยี่ยนกล่าวรับสั้น ๆ ก่อนจะค้อมตัวให้ทั้งสองคน เขายืนขึ้นอย่างเชื่องช้า ภายใต้การช่วยประคองของสวี่เฟิง ร่างบางเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง จางเหม่ยอิงมองตามแผ่นหลังของซูเยี่ยนที่เดินออกไป ใบหน้าของนางยกยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงใจ ราวกับได้ชัยชนะเล็ก ๆ หากแต่เมื่อหันกลับมา สายตาที่อ่อนโยนและแฝงความอาลัยอาวรณ์ของจ้าวอู่ฉีที่ยังทอดมองไปยังทางซูเยี่ยนเดินออกไป กลับทำให้รอยยิ้มนั้นมลายไป ‘เกอผู้นี้ช่างร้ายกาจนัก’ นางคิดในใจ ความขุ่นเคืองพลุ่งพล่านจนยากจะระงับ แม้จะเดินจากไปไม่หันกลับมา แต่กลับเรียกร้องความสนใจจากท่านอ๋องได้มากกว่าตัวข้าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เสียอีก หากปล่อยไว้เช่นนี้เห็นทีจะไม่ดี ไม่ได้การ นางจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เกล็ดความรู้ อิ้งซื่อ2 คือ ตำแหน่งพระชายารองของอ๋อง สามารถแต่งตั้งได้สองคนตอนที่ ๒๖ เคียงกันนับจากนี้ยามค่ำคืนในจวนอ๋องเงียบสงัด แต่ในใจของจ้าวอู่ฉีกลับเหมือนมีพายุโหมกระหน่ำ ร่างสูงเดินไปเดินมาหน้าห้องคลอดไม่หยุด เสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหินดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทว่าในหัวกลับวุ่นวายเสียจนแทบฟังเสียงตนเองไม่ได้ เขาเงยหน้ามองประตูที่ปิดสนิท ใจจดจ่อกับเสียงที่เล็ดลอดออกมาเป็นระยะ ๆ“ท่านอ๋องโปรดวางใจ กระหม่อมเชื่อว่าชายารองจะต้องปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ” เยียนชิงเอ่ยปลอบเจ้านายของตนขณะยืนรออยู่ไม่ห่าง จ้าวอู่ฉีเพียงพยักหน้ารับเล็กน้อย ทว่าแววตายังคงจับจ้องไปยังประตูด้วยความร้อนใจเสียงร้องเบา ๆ ของทารกดังลอดออกมาในที่สุด บรรยากาศที่เงียบงันเมื่อครู่พลันถูกทำลาย จ้าวอู่ฉีหยุดเดินในทันใด เขาขยับเข้าไปใกล้ประตูด้วยความตื่นเต้น เสียงของหมอตำแยดังแว่วออกมา“เป็นเด็กผู้หญิงเพคะ ปลอดภัยทั้งแม่และลูก”ร่างสูงถอนหายใจออกมายาว ๆ ราวกับปลดปล่อยความกังวลที่กักเก็บไว้ก่อนหน้านี้ เขาหันมองเยียนชิงที่ยกยิ้มเล็กน้อยให้“ข้าจะเข้าไป”กลิ่นสมุนไพรและกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากห้องคลอดโชยออกมา จ้าวอู่ฉีก้าวเท้าเข้าไปด้วยท่าทีสุขุม ทว่าดวงตากลับเผยความอ่อนโยนที่หาได้ยาก มองซูเยี่ยนเอนตัวพิงหมอนอย
ตอนที่ ๒๕ ลาจากในพระราชวังหลวง หลังการปราบปรามกบฏที่เมืองหลวงสำเร็จลง จ้าวอู่ฉีและหลี่ตงจวินในชุดแม่ทัพเต็มยศเดินเข้าสู่ท้องพระโรง ใบหน้าของทั้งสองยังคงแสดงถึงความเหนื่อยล้าจากการศึกที่เพิ่งสิ้นสุด“กระหม่อมจ้าวอู่ฉีและหลี่ตงจวินน้อมถวายบังคมฝ่าบาท” ทั้งสองคุกเข่าลงพร้อมกัน ขณะที่ฮ่องเต้หลี่เซียวเหอทรงประทับบนบัลลังก์ทอง ดวงเนตรคมจับจ้องไปยังสองผู้ภักดี“ลุกขึ้นเถิด” สุรเสียงทรงพลังเอ่ยสั่ง แต่ยังคงแฝงไว้ด้วยความหนักแน่น “การศึกครั้งนี้จบลงแล้วหรือไม่?”“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” หลี่ตงจวินรายงานพลางก้าวออกมาก้าวหนึ่ง “หลี่ชิงเจี๋ยและผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งหมดถูกจับกุมแล้ว พร้อมหลักฐานที่พบระหว่างการปราบปราม”ฮ่องเต้พยักพระพักตร์เล็กน้อย ก่อนจะหันไปยังจ้าวอู่ฉี “แล้วผู้ที่เหลือเล่า?”“ฝ่าบาท กบฏที่เหลืออยู่ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น ไม่มีหลงเหลือที่จะก่อความวุ่นวายได้อีก” จ้าวอู่ฉีกล่าวเสียงเรียบแต่หนักแน่น “กระหม่อมได้ส่งตัวจางเหม่ยอิงให้คุกหลวงเพื่อใช้เป็นพยานตามพระบัญชา และได้ส่งมอบหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครือข่ายสินบนของกบฏแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หลี่เซียวเหอทรงนิ่งไปครู่หนึ่ง พระเนตรทอดมองไปยังทั
ตอนที่ ๒๔ กลับคืนในเช้าวันต่อมาหลังจากการสอบสวนที่คุกหลวง จ้าวอู่ฉีเร่งมุ่งหน้าไปยังพระราชวังด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาก้าวเท้าผ่านประตูวังหลวงอันยิ่งใหญ่ ขันทีในพระราชวังนำทางเขาไปยังพระตำหนักที่เงียบสงบที่ห้องด้านใน หลี่เซียวเหอกำลังตรวจฎีกา หยวนกงกงเข้ามารายงานว่าจ้าวอู่ฉีมาขอเข้าเฝ้า เขาจึงพยักหน้าอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามา“ถวายบังคมฝ่าบาท” จ้าวอู่ฉีคุกเข่าลงเบื้องหน้าบัลลังก์ทอง เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ลุกขึ้นเถิด เจี้ยนอ๋อง” หลี่เซียวเหอเอ่ยโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากฎีกาในพระหัตถ์จ้าวอู่ฉียืนขึ้นอย่างนอบน้อม ก่อนจะรายงานถึงความคืบหน้าของการสอบสวน “กระหม่อมได้นำตัวจางเหม่ยอิงและเว่ยจงเข้าสอบสวนเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ แม้ได้ข้อมูลบางส่วน แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่กระจ่าง หากกระหม่อมขอพระบรมราชานุญาตให้เพิ่มแรงกดดันเพื่อขยายผล”หลี่เซียวเหอเงยพระพักตร์ขึ้น สายพระเนตรคมกริบจ้องตรงมาที่เขา “เจ้าคิดว่ายังมีใครอยู่เบื้องหลังอีกหรือ”“กระหม่อมเชื่อว่ามีพ่ะย่ะค่ะ หลันซิงเฉินไม่อาจทำเรื่องใหญ่เช่นนี้เพียงลำพังได้”“ดี เช่นนั้นข้าจะให้ราชองครักษ์เสื้อแพรเพิ่มกำลังสนับสนุนเจ้าสำหรับเรื่องนี้”“ข
ตอนที่ ๒๓ ลอบโจมตีทางด้านหลี่ตงจวินหลังจากมื้ออาหารค่ำเสร็จสิ้น เขาเอ่ยชวนไป๋ซือเฟิงไปเดินเล่นในลานสวนด้านหลังเรือนใหญ่ แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าเรียวของไป๋ซือเฟิงที่เต็มไปด้วยความสงบนิ่ง แต่ฝีเท้าของเขากลับเชื่องช้าลงอย่างเห็นได้ชัด หลี่ตงจวินชะลอฝีเท้าตาม สายตามองหน้าท้องที่นูนใหญ่ของอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง“เดินไหวหรือไม่” หลี่ตงจวินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ไหวขอรับ ข้าเพียงแค่...แปลกใจ ทำไมที่นี่ถึงได้ใหญ่โตนัก” เขาเงยหน้ามองไปรอบ ๆ ลานสวนที่ตกแต่งอย่างประณีต มีต้นไม้น้อยใหญ่เรียงรายหลี่ตงจวินหยุดเดินก่อนจะหันมามองไป๋ซือเฟิงด้วยสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย “ความจริง...ข้าไม่ได้บอกเจ้าทั้งหมด ข้าขอโทษที่ต้องโกหก”“ท่านหมายความว่าอย่างไร” ไป๋ซือเฟิงชะงักเท้า สายตาจับจ้องหลี่ตงจวิน“ข้าไม่ใช่เพียงชาวบ้านธรรมดาอย่างที่เคยบอกเจ้า” หลี่ตงจวินสูดลมหายใจลึก ก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าชื่อหลี่ตงจวิน ข้าเป็นชินอ๋อง”ไป๋ซือเฟิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “เช่นนั้นเอง คิดไว้แล้วว่าท่านต้องไม่ธรรมดา กระหม่อมเสียมารยาทกับท่านแล้ว”“ไม่ต้องมากพิธี เจ้าไม่โกรธข้าก็ดีแล้ว เจ้ารู้เมื่อไรหรือ”
ตอนที่ ๒๒ แสงจันทร์รำไรกลางดึกยามฟ้ามืดสนิท จ้าวอู่ฉีลืมตาตื่นขึ้นมาในกระโจมที่เงียบสงัดมีเพียงเสียงลมพัดผ่าน เขารู้สึกอึดอัดจากความคิดมากมายที่วนเวียนอยู่ในหัว จึงตัดสินใจออกไปเดินเล่นข้างนอกเพื่อสงบจิตใจหมู่ดาวส่องประกายเหนือท้องฟ้า แต่ใจของเขากลับหนักอึ้ง เสียงใบไม้เสียดสีกันในความมืดช่างเงียบงันราวกับปิดบังบางสิ่ง จ้าวอู่ฉีเดินเรื่อยเปื่อยไปยังแนวป่าริมค่าย ทว่าก้าวเท้าไปไม่กี่ก้าว เขาก็ต้องหยุดชะงักร่างในชุดเรียบง่ายของชายคนหนึ่งปรากฏอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เส้นผมยาวสยายพลิ้วไหวในสายลม เมื่อเดินไปมองใกล้ ๆ จ้าวอู่ฉีแทบจะหยุดหายใจ ดวงตาของเขาเบิกโพลง“ซูเยี่ยน...” เสียงเรียกนั้นหลุดออกมาโดยไม่ทันคิดบุรุษผู้นั้นหันมาพลางยกมือลูบหน้าท้องของตนเอง แววตาที่มองกลับมานั้นเต็มไปด้วยความตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความระแวงทว่าจ้าวอู่ฉีไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายหนีไป เขาพุ่งเข้าไปหาพร้อมกับโอบกอดร่างนั้นไว้แน่น ความอบอุ่นจากอ้อมกอดทำให้เขาแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา “ซูเยี่ยน... เจ้ากลับมาแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าต้องรอด ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่จากไป...”“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!” เสียงตะโกนของอีกฝ่ายดังขึ้น เขาพย
ตอนที่ ๒๑ ภรรยาข้าไป๋หลี่จวินซึ่งได้รับคำสั่งให้สืบสวนความเคลื่อนไหวในเหลียวหนิง เดินทางมาถึงท่าเรือตระกูลหม่าในยามสาย ท่ามกลางความคึกคักของพ่อค้าและคนงานที่ขนส่งสินค้า ไม่มีใครทันสังเกตว่ามีคนผู้หนึ่งเฝ้ามองด้วยสายตาเฉียบคม“ข่าวว่าตระกูลหม่าเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนสินค้าต้องห้าม เจ้าแน่ใจหรือ” ไป๋หลี่จวินถามคนสนิท ขณะยืนมองกิจกรรมที่เกิดขึ้น“ขอรับนายท่าน ข้าได้รับรายงานจากหน่วยสืบข่าวลับ ว่า ตระกูลหม่านอกจากจะทำการค้าถูกต้อง ยังใช้ท่าเรือนี้เพื่อส่งสินค้าที่มิได้แจ้งแก่ทางการอีกด้วย”ไป๋หลี่จวินพยักหน้าเล็กน้อย “เช่นนั้น เจ้านำกำลังบางส่วนล้อมทางออกท่าเรือไว้ อย่าให้มีผู้ใดหลบหนีได้ ข้าจะเข้าไปดูด้วยตนเอง”เมื่อเดินเข้าไปยังท่าเรือ ไป๋หลี่จวินแสร้งทำทีเป็นพ่อค้าผู้หนึ่งปะปนไปกับฝูงชน ทว่าดวงตาของเขากลับมองไปยังหมู่ตึกที่ตั้งอยู่ด้านใน“นายท่าน นั่นคือที่เก็บของของตระกูลหม่าขอรับ” คนสนิทกระซิบเบา ๆไป๋หลี่จวินพยักหน้า เขาก้าวเข้าไปใกล้หมู่ตึกโดยมิได้แสดงตน ทันใดนั้น เขาก็เห็นชายสองคนกำลังลากเกวียนบรรทุกหีบไม้ขนาดใหญ่ที่ปิดผนึกแน่นหนา“หยุด!” เสียงของไป๋หลี่จวินดังขึ้น ทำให้ชายทั้งส

![สถานะลับ(รับ)สถานะรัก [เมะxเมะ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


![รรร...ก็แค่ตกกระไดพลอยโจน [mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


