LOGINปัจจุบัน
“มึงยิ้มอะไร” อาทิตย์จ้องหน้าเพื่อนอย่างสงสัย เป็นบ้าอะไรยืนยิ้มอยู่คนเดียว ทำเอาเพื่อนอีกสามคนหันมามองด้วยเช่นกัน
นทีหุบยิ้มอย่างเร็วพลันเมื่อโดนทัก แล้วรีบปฏิเสธ “เปล่า”
“เห็นคาตาว่ามึงยิ้ม” อาทิตย์ยังคาใจ
“ก็บอกว่าไม่ได้ยิ้ม แล้วมึงเป็นห่าอะไรมาจ้องหน้ากูเนี่ย” นทีโต้กลับพลางขมวดคิ้วใส่ แสร้งทำหน้ารำคาญกลบเกลื่อน
ขณะที่สองคนนี้กำลังโต้กันไปมา นักศึกษาคณะเดียวกันได้เดินผ่านกลุ่มของพวกเขาไปพร้อมกับเสียงพูดคุย พอนทีได้ยินชื่อของคนที่บังเอิญเจอกันเพียงแค่ครั้งเดียว ก็เรียกสายตาของเขาให้เหลียวไปมอง
“เพื่อนกูส่งรูปน้องใหม่มาให้ดู คนนี้ชื่อข้าวหอม น่ารักมากเลยว่ะ”
“เห็นว่าปีนี้มีสาวสวยหมวยเอ็กซ์หลายคน มึงว่าพวกเราจะจีบติดสักคนไหมวะ”
“ของแบบนี้ใครเร็วคนนั้นก็ได้ไปสิวะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
พวกที่เดินผ่านพูดกันอย่างครื้นเครง นทีพลันนึกในใจว่าจะใช่เธอหรือเปล่า จู่ ๆ เขาก็หันไปเอ่ยกับเพื่อนถึงคำเชิญชวนก่อนหน้า
“กูเปลี่ยนใจละ กูจะไปกับพวกมึง”
“ไหนมึงบอกว่าเจ็บขา” ฟลุ๊กถามย้อน เพิ่งปฏิเสธไปหยก ๆ ทำไมเปลี่ยนใจกะทันหัน
“พูดมากน่ะไอ้ฟลุ๊ก ไปกันได้แล้ว”
นทีเลี่ยงที่จะตอบคำถามของฟลุ๊ก เดินนำเพื่อนทั้งสามไปยังลานเกียร์ของคณะ ก่อนที่พวกมันจะรีบเดินตามมาติด ๆ
ส่วนไอดินไม่ได้ไปกับพวกเขาเพราะต้องรีบกลับคอนโด รอพี่สาวของนทีเลิกงานกลับมา
เย็นนี้ท้องฟ้ามีเมฆเป็นบางส่วน อุณหภูมิประมาณสามสิบองศาเนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝน แต่ดีที่วันนี้ฝนยังไม่ตกลงมาสักเม็ด กิจกรรมจึงดำเนินตามปกติ
พวกเขานั่งลงที่บันไดชั้นบนสุด มีลักษณะเป็นวงกลมล้อมรอบลานเกียร์ สายตาคู่คมของคนที่บอกว่าไม่อยากมา เลื่อนสำรวจไปยังน้องปีหนึ่งที่กำลังทำกิจกรรมตามคำสั่งของรุ่นพี่ โดยเน้นมองเฉพาะผู้หญิง ไม่รู้ว่าคนที่เขาอยากพบยืนอยู่ตรงไหน นั่งมองอยู่นานจนตาลายก็ยังไม่เจอตัวสักที
“พวกมึงจะอยู่อีกนานไหม” นทีหันไปถามเพื่อน
แม้ว่าท้องฟ้าจะเต็มไปด้วยก้อนเมฆสีขาวปนดำ สลับกับแดดที่ทอแสงลงมาจาง ๆ แต่ทว่าอากาศนั้นค่อนข้างร้อนอบอ้าว ในเมื่อคนที่อยากเจอไม่อยู่ที่นี่ เขาจึงอยากกลับไปพักเต็มที
“เลิกกิจกรรมเมื่อไหร่ค่อยกลับสิวะ”
“มึงจะรีบไปไหน”
“นั่นดิ ไหน ๆ ก็มาแล้ว อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน”
เพื่อนทั้งสามคนเอ่ยต่อกันจนเขายอมใจอ่อน เนื่องด้วยกิจกรรมจัดแค่วันละหนึ่งชั่วโมง อยู่ต่อตามคำของเพื่อนเผื่อว่าโชคชะตาจะเข้าข้างทำให้ได้เจอเธออีกครั้ง ถ้าข้าวหอมเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
แต่ดูเหมือนว่าจะมาเสียเที่ยวจริง ๆ ข้าวหอมที่พวกนั้นพูดถึงคงไม่ใช่เธอ
จบกิจกรรมสี่หนุ่มก็พากันลุกออกจากลานเกียร์ ตอนนี้ก้อนเมฆได้กลายเป็นสีครึ้ม แล้วจู่ ๆ เม็ดฝนก็โปรยลงมา จึงพากันเข้าไปหลบใต้ตึกคณะ ไม่ต่างจากนักศึกษาคนอื่น ๆ ต่างวิ่งกระจัดกระจายหามุมหลบฝน
“ฟ้าฝนช่างเป็นใจ แม่งสาว ๆ วิ่งมาหลบฝนกันใหญ่เลย”
อาทิตย์เอ่ยหน้าระรื่น ดวงตาเปล่งประกายทอดมองน้องใหม่หลายสิบชีวิต ไม่ต่างจากฟลุ๊กและไวน์ มีเพียงหนุ่มหล่ออย่างนทีเท่านั้นที่ไม่ได้ให้ความสนใจ
“ไม่มีใครพกร่มมาเลยเหรอวะ” นทีเอ่ยพลางมองใบหน้าของเพื่อนแต่ละคน
“ผู้ชายที่ไหนจะพกร่ม แมน ๆ แบบพวกเราต้องลุยฝนดิครับ” ฟลุ๊กเอ่ยตอบ
“งั้นกูไปละ”
เอ่ยจบนทีก็ฝ่าสายฝนไปขึ้นรถที่จอดอยู่ด้านหลังตึกคณะ เพราะไม่อยากรอเวลาซึ่งไม่รู้ว่าฝนจะหยุดตกเมื่อไร ไม่สู้เดินฝ่าออกไปตอนที่ยังตกไม่หนักเลยดีกว่า อีกอย่างพวกเพื่อนคงไม่กลับกันง่ายเพราะได้อยู่ใกล้สาวรุ่นน้องอย่างที่พวกมันหวังกันไว้
ระหว่างทางนทีเห็นนักศึกษาบางส่วนเดินลุยฝนเหมือนอย่างเขา แต่ขายาว ๆ ก็ก้าวนำหน้าได้เร็วกว่า จนสายตาคู่คมสะดุดเข้ากับแผ่นหลังก่อนจะเห็นใบหน้าด้านข้างของหญิงสาวตัวเล็กคนหนึ่งที่กำลังใช้กระเป๋าบังสายฝน
ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มขึ้นราวกับมีเรื่องดีท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม มือหนารีบถอดเสื้อช็อปที่สวมทับเสื้อยืดสีดำออกมา แล้วก้าวเข้าไปหาเธอพร้อมกับยกเสื้อสีเลือดหมูชูขึ้นเหนือศีรษะของเขาและเธอ
ใบหน้าหล่อก้มลงมองคนตัวเล็กที่ชะงักฝีเท้าราวกับตกใจ เพียงชั่วครู่เธอก็เผยรอยยิ้มหวานขึ้นเมื่อพบว่าคนที่ตรงดิ่งเข้ามาหาเธออย่างไม่ทันตั้งตัว คือชายหนุ่มที่ช่วยเธอไว้เมื่อสามวันก่อน
“อ้าว หนูก็นึกว่าใคร”
“ขอโทษนะที่ทำให้ตกใจ เรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวฝนตกหนัก”
“ค่ะ” เธอเงยหน้าขึ้นมองเสื้อด้านบนก่อนจะขานรับความมีน้ำใจของเขา ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอกันที่มหาวิทยาลัย แถมยังเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์เหมือนกันเสียด้วย
ระหว่างที่เดินคู่กันท่ามกลางเม็ดฝนที่โปรยลงมา นทีก็เป็นฝ่ายเริ่มชวนคุยก่อนเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้คุ้นเคยกันมากขึ้น
“เรียนสาขาไหนเหรอเรา”
“ปีหนึ่ง อุตสาหการค่ะ แล้วพี่ล่ะคะ”
“สาขาเดียวกัน พี่อยู่ปีสาม”
“บังเอิญจัง”
หญิงสาวอมยิ้มเล็กน้อย ระหว่างคุยก็หันมองเขาสลับกับทางเดินข้างหน้า กลิ่นความชื้นของน้ำจากบนฟ้าที่ตกลงกระทบดินและพื้นคอนกรีตลอยเข้าจมูก มันเป็นกลิ่นของธรรมชาติที่มีความโดดเด่นและให้ความรู้สึกโล่งสบาย แต่ทว่ากลิ่นกายของคนที่อาสาใช้เสื้อบังฝนให้นั้นโดดเด่นยิ่งกว่า ส่งผลให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างบอกไม่ถูก
“แล้วนี่กลับยังไง”
“ขึ้นวินที่หน้ามอค่ะ”
“ไว้ใจได้เหรอ แล้วฝนตกแบบนี้นั่งมอเตอร์ไซค์ก็เปียกหมดพอดี เดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่า ยังไงเราก็กลับทางเดียวกัน”
เขาเสนอตัวด้วยความมีน้ำใจที่แอบแฝงด้วยจุดประสงค์บางอย่าง
“พี่ก็พักอยู่แถวนั้นเหรอคะ”
ข้าวหอมหันไปถามหนุ่มรุ่นพี่ด้วยความอยากรู้ ตอนเจอกันครั้งแรกนึกว่าเขาแค่ผ่านมาทางนั้นแล้วแวะมาซื้อของ แต่ดันโชคร้ายถูกสุนัขกัดเพราะเธอเป็นต้นเหตุ จึงไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก นอกจากเป็นห่วงเรื่องบาดแผลของเขาเท่านั้น แม้แต่ชื่อของเขาเธอก็ยังไม่รู้จัก
“อือ” เขาส่งเสียงในลำคอ “ถ้าไม่อยู่แถวนั้นเราจะเจอกันได้เหรอ รอยกัดนั่นก็ยังไม่หายดีเลยนะ”
หนุ่มหล่อตอกย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง เผื่อคนตัวเล็กจะลืมว่าเขาคือคนที่ช่วยเธอไว้ เพราะพวกผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะแพ้ทางให้กับผู้ชายอบอุ่น พึ่งพาได้ คอยช่วยเหลือและเอาใจใส่โดยไม่ต้องร้องขอ หวังว่าเรื่องวันนั้นและก็ครั้งนี้ที่เขาช่วยบังฝนให้จะทำให้เธอประทับใจบ้าง
“ขอโทษอีกครั้งนะคะ ถ้าหนูไม่วิ่งไปทางนั้น พี่ก็คงไม่ถูกหมากัด”
ข้าวหอมเจื่อนยิ้มลงแสดงสีหน้ารู้สึกผิด เหตุการณ์เพิ่งจะผ่านมาไม่กี่วัน ภาพวันนั้นเธอยังจำได้ดี
“อย่าคิดมาก ถือซะว่าหมามันเลือกพี่เป็นเป้าเอง ตอนนี้ก็ไม่ได้เจ็บมากแล้ว วันนั้นพี่รีบไปหาหมอตามที่เราบอก ที่เหลือก็แค่ไปฉีดยาตามนัดแค่นั้นเอง แต่ถ้าเรารู้สึกผิด นัดครั้งหน้าไปเป็นเพื่อนพี่ก็ได้นะ เอาจริงพี่ไม่ค่อยชอบกลิ่นโรงพยาบาลเลย แต่จะทำไงได้เพราะมันจำเป็น”
“ได้ค่ะ หมอนัดอีกทีวันไหนหนูจะไปเป็นเพื่อน” เธอเอ่ยอย่างโล่งใจ อย่างน้อยไปส่งเขาฉีดยาก็ถือว่าได้ไถ่โทษ
“วันนี้เลย”
เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อยขณะหันมองใบหน้าหวาน มันอาจจะดูกะทันหัน แต่ว่าหมอนัดวันนี้จริง แล้ววันนี้เขากับเธอก็ได้เจอกันพอดี ฟ้าช่างเป็นใจเสียจริง
ข้าวหอมปรือดวงตาขึ้นในช่วงสายของวันอย่างงัวเงีย แต่ดีที่ไม่มีอาการปวดหัวจากอาการเมาค้าง ทว่าคนข้างกายของเธอได้หายไปไหนแล้วไม่รู้ มีเพียงกล่องของขวัญสีขาวผูกริบบิ้นสีชมพูวางอยู่ตรงที่เขานอนกอดเธอเมื่อคืนหญิงสาวเผยรอยยิ้มหวานลุกออกจากเตียงไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมใส่ ก่อนจะหยิบกล่องสีขาวขึ้นมาดึงริบบิ้นออก เปิดดูสิ่งที่อยู่ข้างในพร้อมกับใจที่เต้นด้วยความตื่นเต้น แล้วดวงตาคู่หวานก็ปรากฏร่องรอยของความแปลกใจกับของขวัญที่ได้รับด้านในกล่องมีกุญแจรถยนต์ และโบรชัวร์ของโครงการบ้านเดี่ยว ขณะที่หญิงสาวยังอึ้งกับสิ่งที่เห็น เสียงของนทีก็ดังขึ้นพลันทำให้เธอตกใจเล็กน้อย เพราะไม่ทันได้สังเกตว่าเขายืนอยู่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อไร“ถูกใจของขวัญที่พี่ให้ไหม”“นี่คืออะไรเหรอคะ” เธอยังรู้สึกงุนงง ไม่คิดว่าเขาจะให้ของชิ้นใหญ่ขนาดนี้“รถของเมียพี่ไงครับ แล้วก็บ้านหนึ่งหลังที่จะเป็นเรือนหอของเรา”เขาเอ่ยพลางเข้ามานั่งลงบนเตียง ตอนนี้ข้าวหอมก็เรียนจบแล้ว ได้เวลาสร้างครอบครัวที่เคยวาดฝันกันเอาไว้นทีได้ซื้อรถเก๋งให้เธอหนึ่งคันเป็นของขวัญวันเรียนจบ ส่วนโบรชัวร์โครงการบ้านเดี่ยว เขาอยากให้เธอมีส่วนร่วมการตัดสินใ
เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สองสาวเพื่อนรักอย่างข้าวหอมและอบเชยก็ได้เรียนจบกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และค่ำนี้ประมาณหนึ่งทุ่มทุกคนก็พร้อมหน้ากันที่เลานจ์ซึ่งเปิดให้บริการที่โรงแรมชื่อดัง หนึ่งในธุรกิจของครอบครัวนทีหนุ่มหล่อสาวสวยรวมแปดคน นั่นก็คือ นที ข้าวหอม ไอดิน ปลายฟ้า ไวน์ อาทิตย์ ฟลุ๊ก และอบเชย ได้นั่งอยู่ในห้องวีไอพีแบบส่วนตัว สั่งอาหารหลากหลายเมนู รวมถึงเหล้าพร้อมกับมิกเซอร์“มาครับทุกคน ฉลองให้กับสองสาวหน่อย”ไวน์ลุกขึ้นยืนพร้อมแก้วที่มีเหล้าผสมโซดา ยื่นออกไปตรงหน้าเอ่ยเชิญชวนด้วยรอยยิ้ม แล้วเสียงแก้วทั้งแปดใบก็ยื่นออกไปกระทบกัน ก่อนจะยกจรดริมฝีปากของตัวเองกระดกน้ำสีอำพันกลืนลงคอจนหมดแก้วคืนนี้ทุกคนตั้งใจมาเพื่อแสดงความยินดีให้กับว่าที่บัณฑิตใหม่ทั้งสองคน ไม่เมาไม่กลับ“พี่มีของขวัญมาให้ด้วยนะ” ปลายฟ้าเอ่ยพลางหยิบของขวัญที่เตรียมมาด้วยยื่นให้กับคนเรียนจบ“นี่ของข้าวหอมจ้ะ” ปลายฟ้าเอ่ยพลางมอบของขวัญสองอย่างให้กับแฟนน้องชาย“ขอบคุณนะคะพี่ปลายฟ้า”ข้าวหอมรับมาไว้ในมือ คนอื่น ๆ ก็เชียร์ให้เปิดดู พบว่าเป็นกระเป๋าสะพายข้างแบรนด์ขึ้นชื่อ และยังมีสร้อยข้อมือประดับเพชร“ว้าว สวยมาก
อาทิตย์ต่อมาครอบครัวฝ่ายชายได้กลับมาที่บ้านหลังนี้อีกครั้งเพื่อส่งมอบทองห้าบาท เงินสดสามล้านตามที่ครอบครัวฝ่ายหญิงประสงค์ ทุกคนต่างมากันอย่างพร้อมหน้ารวมทั้งข้าวหอม นที และยายของหญิงสาวการมอบสินสอดในครั้งนี้ถือว่าเป็นการให้คำมั่นและความไว้วางใจ บ่งบอกว่าลูกสาวของบ้านนี้ได้กลายเป็นลูกสะใภ้ของอีกบ้านแล้ว แม้จะยังไม่ผ่านพิธีการใด“ในส่วนนี้พวกคุณเก็บไว้ได้เลยนะคะ ส่วนในอนาคตพวกเราคงต้องขอสงวนสิทธิ์ให้หนูข้าวหอมรับเพียงคนเดียว”แม่ของชายหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แต่ดูเหมือนว่าจะขัดใจอีกฝ่าย ทำให้จินดารีบโพล่งขึ้น“อนาคต หมายถึงอะไร”“เราทำตามที่ตกลงกันแล้วนะคะ ทองห้าบาท เงินสดสามล้าน หนูข้าวหอมอยู่กับลูกชายของเรา คุณยายย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา หลังจากเรียนจบพวกเราจะจัดงานแต่งกันอีกครั้ง”“อันนี้ฉันเข้าใจ แต่ทำไมต้องสงวนสิทธิ์ให้แค่ข้าวหอม”“หยุดพูดได้แล้ว”ในขณะที่จินดารู้สึกขัดใจกับถ้อยคำอีกฝ่าย สามีของเธอก็ส่งเสียงเอ็ดทำให้สงบปากสงบคำในทันทีเพราะเมื่อหลายวันก่อน หลังจากทุกคนกลับไปกันหมดแล้ว สามีก็ได้เรียกลูกสาวคนโตกลับมาที่บ้าน อยู่กันครบทั้งแม่ลูก ก็ได้ต่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึก
“ตอนที่พวกคุณไปเจอเด็กทั้งสองอยู่ด้วยกัน หนูข้าวหอมได้แจ้งชัดเจนแล้วนะคะว่าอยากจะพาคุณยายออกไปอยู่ข้างนอก พวกเราเลยจะมาคุยเรื่องนี้ด้วย”แม่ของชายหนุ่มเอ่ยตอบ ก่อนจะหันไปถามแฟนของลูกชาย“แล้วยายของหนูล่ะจ๊ะ”“ยายอยู่บ้านอีกหลังค่ะ” เธอตอบไม่เต็มเสียง กลัวว่าผู้เป็นพ่อจะไม่เห็นด้วย“ดิฉันว่าให้คุณยายมาฟังสิ่งที่พวกเราคุยกันด้วยดีกว่านะคะ ยังไงท่านก็เป็นอีกคนที่เลี้ยงดูหนูข้าวหอมมา”ขันธ์ชัยเห็นว่าสมควรเป็นอย่างนั้น จึงเรียกให้แม่บ้านไปพาแม่ของภรรยาผู้ล่วงลับเข้ามานั่งในห้องนี้อีกคนหญิงชรานั่งลงข้างหลานสาว ยังไม่รู้ว่าการถูกเรียกตัวเข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ในรอบกี่ปีก็จำไม่ได้ด้วยเหตุผลอะไร อีกทั้งยังมีคนนอกที่ไม่รู้จักอีกต่างหากและพอลูกเขยแนะนำให้รู้จักอีกฝ่าย มีการอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้รับทราบ หญิงชราก็รู้สึกยินดีที่หลานสาวมีคนรัก และพร้อมจะดูแลเธอต่อจากนี้ แต่ที่ยังไม่ทราบคือ…“หนูข้าวหอมอยากพาคุณยายออกไปอยู่ข้างนอก คุณยายสะดวกไหมคะ” แม่ชายหนุ่มเอ่ยถาม ใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อยให้คนชรายายหลานหันจ้องมองกัน ข้าวหอมกอดแขนของยายแน่น แววตาเต็มไปด้วยความคาดหวังหญิงชร
ในขณะข้าวหอมและนทีกลับเข้าห้อง เขาก็คว้าเอาแฟนสาวเข้ามาโอบกอด แผ่นหลังของเธอสั่นไหว ใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยคราบน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจ“ขอโทษนะที่เมื่อกี้พี่พูดไม่ดีกับพ่อของเราไป”“ฮึก พี่นทีไม่ผิดค่ะ ฮึก หนูผิดเอง”“อย่าพูดอย่างนั้น ข้าวหอมดีที่สุดสำหรับพี่ ดีที่สุดสำหรับทุกคน”ทว่าเธอกลับตอกย้ำตัวเองในใจ ว่ายังไม่ดีพอสำหรับคนบ้านนั้น อยู่ที่นั่นเธอไม่มีพื้นที่ให้หายใจ ทำอะไรก็ผิด โดนเอาเปรียบ ถูกต่อว่า มีแค่ยายที่เป็นที่พึ่งพิง ให้ความรักความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียว“พี่นที ฮึก ยายยังอยู่ที่นั่น”เขาได้ยินที่เธอพูดเรื่องหาบ้านให้ยายแล้ว แต่ตอนนี้จิตใจของแฟนสาวกำลังบอบช้ำ พวงแก้มก็เป็นรอยนิ้วมือบวมแดง จะปล่อยให้ไปหายายตอนนี้ข้าวหอมคงยังไม่พร้อม“เดี๋ยวพี่จัดการให้”*****สองวันต่อมาในช่วงบ่ายแก่ ๆ เสียงกริ่งที่หน้าบ้านเจ้าของตลาดใหญ่ดังขึ้นอยู่สองครั้ง แม่บ้านก็รีบวิ่งออกมาที่ประตูรั้ว เมื่อทราบว่าคนที่มาเยือนมีธุระกับเจ้านายของตนด้วยเรื่องสำคัญ จึงเชิญเข้าไปนั่งรอในบ้าน แล้วรีบแจ้งให้ผู้เป็นนายรับทราบพ่อแม่ของนทีพร้อมด้วยทนายได้เข้าไปที่บ้านของข้าวหอม ตามคำขอของลูกชาย และพอเจ้าของบ้า
ทางด้านจันจิหลังจากตื่นนอนก็รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วกลับเข้าบ้านในวันเสาร์ เนื่องจากหลักฐานการถูกทำร้ายยังอยู่บนแก้มทั้งสองข้างไม่จางหาย“หน้าลูกไปโดนอะไรมา นี่มันรอยมือใช่ไหม”ขณะกำลังกินมื้อเช้ากันอย่างพร้อมหน้าสามคนพ่อแม่ลูก แม่ของจันจิได้เห็นรอยนิ้วมือบนพวงแก้มของลูกสาวก็พลันแสดงสีหน้าตกใจ ทำให้ผู้เป็นสามีเบี่ยงสายตาตำหนิลูกสาวทันที“ไปมีเรื่องกับใครมาอีกล่ะ”“นี่คุณ ถามให้มันดี ๆ หน่อย ลูกของเราไม่ใช่เด็กเกเร”“แค่กินเที่ยวไม่เว้นวัน”แม้ว่าจะเป็นห่วงที่เห็นลูกเจ็บ แต่พ่อก็มักจะพูดด้วยถ้อยคำเหน็บแนมอยู่เสมอ“เด็กวัยรุ่นมันก็ต้องมีบ้างสิ ทำอย่างกับตอนเรียนคุณไม่เที่ยว”ได้ยินผู้เป็นแม่พูดถึงสมัยเรียนก็ทำให้จันจินึกถึงคำพูดของข้าวหอมเมื่อคืน แต่ทว่าวันนี้เธอไม่ได้มาเพื่อถามเอาความจริงจากเรื่องนั้น แต่มีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า“เมื่อคืนหนูไปเที่ยวกับเพื่อนจริง ๆ ค่ะ แต่ว่าไม่ได้ไปมีเรื่องกับใคร”“ไม่มีเรื่อง แล้วรอยนี่มาได้ยังไง” แม่ของเธอเอ่ย“เอ่อ เมื่อคืนหนูเจอ…” จันจิแสร้งทำหน้าลำบากใจราวกับไม่อยากจะเอ่ย เมื่อเห็นพวกท่านจ้องเธอด้วยรอฟังคำตอบ จันจิจึงพูดต่อ“เจอข้าวหอมไปกับผู้ชาย”แล







