ปัจจุบัน
“มึงยิ้มอะไร” อาทิตย์จ้องหน้าเพื่อนอย่างสงสัย เป็นบ้าอะไรยืนยิ้มอยู่คนเดียว ทำเอาเพื่อนอีกสามคนหันมามองด้วยเช่นกัน
นทีหุบยิ้มอย่างเร็วพลันเมื่อโดนทัก แล้วรีบปฏิเสธ “เปล่า”
“เห็นคาตาว่ามึงยิ้ม” อาทิตย์ยังคาใจ
“ก็บอกว่าไม่ได้ยิ้ม แล้วมึงเป็นห่าอะไรมาจ้องหน้ากูเนี่ย” นทีโต้กลับพลางขมวดคิ้วใส่ แสร้งทำหน้ารำคาญกลบเกลื่อน
ขณะที่สองคนนี้กำลังโต้กันไปมา นักศึกษาคณะเดียวกันได้เดินผ่านกลุ่มของพวกเขาไปพร้อมกับเสียงพูดคุย พอนทีได้ยินชื่อของคนที่บังเอิญเจอกันเพียงแค่ครั้งเดียว ก็เรียกสายตาของเขาให้เหลียวไปมอง
“เพื่อนกูส่งรูปน้องใหม่มาให้ดู คนนี้ชื่อข้าวหอม น่ารักมากเลยว่ะ”
“เห็นว่าปีนี้มีสาวสวยหมวยเอ็กซ์หลายคน มึงว่าพวกเราจะจีบติดสักคนไหมวะ”
“ของแบบนี้ใครเร็วคนนั้นก็ได้ไปสิวะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
พวกที่เดินผ่านพูดกันอย่างครื้นเครง นทีพลันนึกในใจว่าจะใช่เธอหรือเปล่า จู่ ๆ เขาก็หันไปเอ่ยกับเพื่อนถึงคำเชิญชวนก่อนหน้า
“กูเปลี่ยนใจละ กูจะไปกับพวกมึง”
“ไหนมึงบอกว่าเจ็บขา” ฟลุ๊กถามย้อน เพิ่งปฏิเสธไปหยก ๆ ทำไมเปลี่ยนใจกะทันหัน
“พูดมากน่ะไอ้ฟลุ๊ก ไปกันได้แล้ว”
นทีเลี่ยงที่จะตอบคำถามของฟลุ๊ก เดินนำเพื่อนทั้งสามไปยังลานเกียร์ของคณะ ก่อนที่พวกมันจะรีบเดินตามมาติด ๆ
ส่วนไอดินไม่ได้ไปกับพวกเขาเพราะต้องรีบกลับคอนโด รอพี่สาวของนทีเลิกงานกลับมา
เย็นนี้ท้องฟ้ามีเมฆเป็นบางส่วน อุณหภูมิประมาณสามสิบองศาเนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝน แต่ดีที่วันนี้ฝนยังไม่ตกลงมาสักเม็ด กิจกรรมจึงดำเนินตามปกติ
พวกเขานั่งลงที่บันไดชั้นบนสุด มีลักษณะเป็นวงกลมล้อมรอบลานเกียร์ สายตาคู่คมของคนที่บอกว่าไม่อยากมา เลื่อนสำรวจไปยังน้องปีหนึ่งที่กำลังทำกิจกรรมตามคำสั่งของรุ่นพี่ โดยเน้นมองเฉพาะผู้หญิง ไม่รู้ว่าคนที่เขาอยากพบยืนอยู่ตรงไหน นั่งมองอยู่นานจนตาลายก็ยังไม่เจอตัวสักที
“พวกมึงจะอยู่อีกนานไหม” นทีหันไปถามเพื่อน
แม้ว่าท้องฟ้าจะเต็มไปด้วยก้อนเมฆสีขาวปนดำ สลับกับแดดที่ทอแสงลงมาจาง ๆ แต่ทว่าอากาศนั้นค่อนข้างร้อนอบอ้าว ในเมื่อคนที่อยากเจอไม่อยู่ที่นี่ เขาจึงอยากกลับไปพักเต็มที
“เลิกกิจกรรมเมื่อไหร่ค่อยกลับสิวะ”
“มึงจะรีบไปไหน”
“นั่นดิ ไหน ๆ ก็มาแล้ว อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน”
เพื่อนทั้งสามคนเอ่ยต่อกันจนเขายอมใจอ่อน เนื่องด้วยกิจกรรมจัดแค่วันละหนึ่งชั่วโมง อยู่ต่อตามคำของเพื่อนเผื่อว่าโชคชะตาจะเข้าข้างทำให้ได้เจอเธออีกครั้ง ถ้าข้าวหอมเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
แต่ดูเหมือนว่าจะมาเสียเที่ยวจริง ๆ ข้าวหอมที่พวกนั้นพูดถึงคงไม่ใช่เธอ
จบกิจกรรมสี่หนุ่มก็พากันลุกออกจากลานเกียร์ ตอนนี้ก้อนเมฆได้กลายเป็นสีครึ้ม แล้วจู่ ๆ เม็ดฝนก็โปรยลงมา จึงพากันเข้าไปหลบใต้ตึกคณะ ไม่ต่างจากนักศึกษาคนอื่น ๆ ต่างวิ่งกระจัดกระจายหามุมหลบฝน
“ฟ้าฝนช่างเป็นใจ แม่งสาว ๆ วิ่งมาหลบฝนกันใหญ่เลย”
อาทิตย์เอ่ยหน้าระรื่น ดวงตาเปล่งประกายทอดมองน้องใหม่หลายสิบชีวิต ไม่ต่างจากฟลุ๊กและไวน์ มีเพียงหนุ่มหล่ออย่างนทีเท่านั้นที่ไม่ได้ให้ความสนใจ
“ไม่มีใครพกร่มมาเลยเหรอวะ” นทีเอ่ยพลางมองใบหน้าของเพื่อนแต่ละคน
“ผู้ชายที่ไหนจะพกร่ม แมน ๆ แบบพวกเราต้องลุยฝนดิครับ” ฟลุ๊กเอ่ยตอบ
“งั้นกูไปละ”
เอ่ยจบนทีก็ฝ่าสายฝนไปขึ้นรถที่จอดอยู่ด้านหลังตึกคณะ เพราะไม่อยากรอเวลาซึ่งไม่รู้ว่าฝนจะหยุดตกเมื่อไร ไม่สู้เดินฝ่าออกไปตอนที่ยังตกไม่หนักเลยดีกว่า อีกอย่างพวกเพื่อนคงไม่กลับกันง่ายเพราะได้อยู่ใกล้สาวรุ่นน้องอย่างที่พวกมันหวังกันไว้
ระหว่างทางนทีเห็นนักศึกษาบางส่วนเดินลุยฝนเหมือนอย่างเขา แต่ขายาว ๆ ก็ก้าวนำหน้าได้เร็วกว่า จนสายตาคู่คมสะดุดเข้ากับแผ่นหลังก่อนจะเห็นใบหน้าด้านข้างของหญิงสาวตัวเล็กคนหนึ่งที่กำลังใช้กระเป๋าบังสายฝน
ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มขึ้นราวกับมีเรื่องดีท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม มือหนารีบถอดเสื้อช็อปที่สวมทับเสื้อยืดสีดำออกมา แล้วก้าวเข้าไปหาเธอพร้อมกับยกเสื้อสีเลือดหมูชูขึ้นเหนือศีรษะของเขาและเธอ
ใบหน้าหล่อก้มลงมองคนตัวเล็กที่ชะงักฝีเท้าราวกับตกใจ เพียงชั่วครู่เธอก็เผยรอยยิ้มหวานขึ้นเมื่อพบว่าคนที่ตรงดิ่งเข้ามาหาเธออย่างไม่ทันตั้งตัว คือชายหนุ่มที่ช่วยเธอไว้เมื่อสามวันก่อน
“อ้าว หนูก็นึกว่าใคร”
“ขอโทษนะที่ทำให้ตกใจ เรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวฝนตกหนัก”
“ค่ะ” เธอเงยหน้าขึ้นมองเสื้อด้านบนก่อนจะขานรับความมีน้ำใจของเขา ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอกันที่มหาวิทยาลัย แถมยังเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์เหมือนกันเสียด้วย
ระหว่างที่เดินคู่กันท่ามกลางเม็ดฝนที่โปรยลงมา นทีก็เป็นฝ่ายเริ่มชวนคุยก่อนเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้คุ้นเคยกันมากขึ้น
“เรียนสาขาไหนเหรอเรา”
“ปีหนึ่ง อุตสาหการค่ะ แล้วพี่ล่ะคะ”
“สาขาเดียวกัน พี่อยู่ปีสาม”
“บังเอิญจัง”
หญิงสาวอมยิ้มเล็กน้อย ระหว่างคุยก็หันมองเขาสลับกับทางเดินข้างหน้า กลิ่นความชื้นของน้ำจากบนฟ้าที่ตกลงกระทบดินและพื้นคอนกรีตลอยเข้าจมูก มันเป็นกลิ่นของธรรมชาติที่มีความโดดเด่นและให้ความรู้สึกโล่งสบาย แต่ทว่ากลิ่นกายของคนที่อาสาใช้เสื้อบังฝนให้นั้นโดดเด่นยิ่งกว่า ส่งผลให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างบอกไม่ถูก
“แล้วนี่กลับยังไง”
“ขึ้นวินที่หน้ามอค่ะ”
“ไว้ใจได้เหรอ แล้วฝนตกแบบนี้นั่งมอเตอร์ไซค์ก็เปียกหมดพอดี เดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่า ยังไงเราก็กลับทางเดียวกัน”
เขาเสนอตัวด้วยความมีน้ำใจที่แอบแฝงด้วยจุดประสงค์บางอย่าง
“พี่ก็พักอยู่แถวนั้นเหรอคะ”
ข้าวหอมหันไปถามหนุ่มรุ่นพี่ด้วยความอยากรู้ ตอนเจอกันครั้งแรกนึกว่าเขาแค่ผ่านมาทางนั้นแล้วแวะมาซื้อของ แต่ดันโชคร้ายถูกสุนัขกัดเพราะเธอเป็นต้นเหตุ จึงไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก นอกจากเป็นห่วงเรื่องบาดแผลของเขาเท่านั้น แม้แต่ชื่อของเขาเธอก็ยังไม่รู้จัก
“อือ” เขาส่งเสียงในลำคอ “ถ้าไม่อยู่แถวนั้นเราจะเจอกันได้เหรอ รอยกัดนั่นก็ยังไม่หายดีเลยนะ”
หนุ่มหล่อตอกย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง เผื่อคนตัวเล็กจะลืมว่าเขาคือคนที่ช่วยเธอไว้ เพราะพวกผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะแพ้ทางให้กับผู้ชายอบอุ่น พึ่งพาได้ คอยช่วยเหลือและเอาใจใส่โดยไม่ต้องร้องขอ หวังว่าเรื่องวันนั้นและก็ครั้งนี้ที่เขาช่วยบังฝนให้จะทำให้เธอประทับใจบ้าง
“ขอโทษอีกครั้งนะคะ ถ้าหนูไม่วิ่งไปทางนั้น พี่ก็คงไม่ถูกหมากัด”
ข้าวหอมเจื่อนยิ้มลงแสดงสีหน้ารู้สึกผิด เหตุการณ์เพิ่งจะผ่านมาไม่กี่วัน ภาพวันนั้นเธอยังจำได้ดี
“อย่าคิดมาก ถือซะว่าหมามันเลือกพี่เป็นเป้าเอง ตอนนี้ก็ไม่ได้เจ็บมากแล้ว วันนั้นพี่รีบไปหาหมอตามที่เราบอก ที่เหลือก็แค่ไปฉีดยาตามนัดแค่นั้นเอง แต่ถ้าเรารู้สึกผิด นัดครั้งหน้าไปเป็นเพื่อนพี่ก็ได้นะ เอาจริงพี่ไม่ค่อยชอบกลิ่นโรงพยาบาลเลย แต่จะทำไงได้เพราะมันจำเป็น”
“ได้ค่ะ หมอนัดอีกทีวันไหนหนูจะไปเป็นเพื่อน” เธอเอ่ยอย่างโล่งใจ อย่างน้อยไปส่งเขาฉีดยาก็ถือว่าได้ไถ่โทษ
“วันนี้เลย”
เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อยขณะหันมองใบหน้าหวาน มันอาจจะดูกะทันหัน แต่ว่าหมอนัดวันนี้จริง แล้ววันนี้เขากับเธอก็ได้เจอกันพอดี ฟ้าช่างเป็นใจเสียจริง
“มาโน่นแล้วเว้ย” ฟลุ๊กโพล่งขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนเดินเข้ามาอยู่ในรัศมีของสายตาหนุ่มหล่อทั้งสี่คนรอจนกระทั่งนทีหย่อนก้นลงม้านั่งตัวเดียวกันกับไอดิน ก็ยิงคำถามที่อยากรู้ทันที“หายไปไหนมาวะ ทำไมไม่มานั่งกินข้าวกับพวกกู” อาทิตย์เอ่ยเข้าประเด็น ทั้งที่รู้กันอยู่แล้วว่าเพื่อนหายไปไหนมาก่อนหน้านี้ที่โรงอาหารพวกเขาห้าคนคุยกันว่าแยกย้ายไปซื้อข้าวเสร็จก็มารวมตัวกันที่โต๊ะประจำ แต่นทีเดินถือจานอาหารตามสั่งมาได้เพียงครึ่งทางก็เดินเลี้ยวไปอีกทาง สร้างความงุนงงและความอยากรู้ของพวกเขาเป็นอย่างมากจากที่สี่หนุ่มมองตามหลังไปจนกระทั่งเพื่อนนั่งลง ก็พอมองออกว่าคนที่นทีนั่งด้วยเป็นผู้หญิง และตอนทั้งคู่หันมาคุยกัน ได้เห็นเสี้ยวใบหน้าด้านข้างของเธอ ดูจากที่ไกลแล้วตัวจริงคงจะน่ารักมากเลยทีเดียว“เห็นแวบ ๆ ว่านั่งกับผู้หญิงใช่ไหมวะ” ไวน์เสริมขึ้น พร้อมกับยกคิ้วข้างหนึ่งอย่างสงสัยนทียิ้มมุมปาก แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับทันที“กูว่าใช่แน่ ๆ” อาทิตย์พูดพลางใช้ศอกกระแทกแขนของฟลุ๊กให้พูดเสริม“เสือซุ่มนี่หว่า ไม่ปฏิเสธแบบนี้แสดงว่าใช่”“เล่ามาให้หมด ไม่งั้นกูจะให้พี่ปลายฟ้ามาสอบปากคำ” ไอดินพูดติดตลก แต่ก็แฝงไปด้วยความอยา
“อยากกินอะไร เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” เสียงของเพื่อนใหม่ดังขึ้นตอนนี้ข้าวหอมและอบเชยยืนอยู่ที่โรงอาหารของคณะในช่วงพักกลางวัน กำลังลังเลกันอยู่ว่าจะกินอะไรดี เพราะยังลองชิมไม่ครบทุกร้าน“ไปร้านนั้นกัน ฉันอยากกินขนมจีน” ข้าวหอมเอ่ยตอบ“อืม”ตกลงกันเสร็จสองสาวพากันเดินไปยังล็อกที่ห้าของร้านในโรงอาหาร สั่งขนมจีนสองชาม แล้วหาโต๊ะว่างนั่งลงตรงข้ามกันนับตั้งแต่เปิดเทอมข้าวหอมและอบเชยก็จับคู่นั่งเรียนด้วยกันตลอด ตอนทำกิจกรรมก็อยู่ด้วยกันไม่ห่าง จึงทำให้สนิทกันเร็ว อีกอย่างสถานะทางบ้านของสองสาวก็คล้ายคลึงกันมาก พ่อมีภรรยาสองคน อบเชยเป็นลูกคนเล็กที่เกิดจากภรรยาคนที่สองเช่นเดียวกับเธอพ่อของข้าวหอมเป็นเจ้าของตลาดใหญ่ มีทรัพย์สินมากมาย แต่ท่านแต่งงานมีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีลูกด้วยกันหนึ่งคนส่วนมารดาของเธอนั้น ถ้าพูดให้ถูกก็มีสถานะเป็นเพียงภรรยาน้อยเท่านั้นผู้เป็นพ่อนั้นรักและรู้สึกผิดกับแม่ของเธอมากที่ปกปิดเรื่องมีลูกมีเมียอยู่แล้ว จนกระทั่งตั้งครรภ์และคลอดเธอออกมาถึงได้พาเข้าบ้าน ทว่าเมียเอกที่จดทะเบียนสมรสนั้นไม่เห็นด้วยแต่ก็ขัดขืนอะไรไม่ได้ จึงยื่นข้อเสนอให้สองแม่ลูกแล
เรื่องที่หนุ่มรุ่นพี่ชวนกลับด้วยกันก่อนหน้า เธอคงไม่ต้องเสียเวลาคิดแล้วล่ะ เพราะว่าได้รับปากไปแล้วว่าจะไปส่งเขาตามนัด แล้วหมอก็ดันนัดวันนี้พอดีข้าวหอมเดินเคียงคู่นทีจนไปถึงรถของเขาที่จอดอยู่ลานกว้างด้านหลังตึกคณะ ทั้งสองเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านใน เจ้าของรถก็สตาร์ตเครื่องยนต์แล้วปรับอุณหภูมิแอร์ไม่ให้หนาวจนเกินไป เพราะเสื้อของทั้งคู่นั้นเปียกชุ่มเล็กน้อย กลัวว่าเธอจะไม่สบายตัว“พี่ชื่อนที เราสองคนถือว่ารู้จักกันแล้วนะ ต่อไปอยู่กับพี่ก็ทำตัวตามสบายได้เลย” เสียงทุ้มเอ่ยแนะนำตัวเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกเกร็งเวลาอยู่ด้วยกัน“ค่ะพี่นที” เสียงหวานตอบรับพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักแม่งยิ้มแบบนี้ทำใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ และก่อนที่จะเก็บอาการไม่อยู่ใบหน้าหล่อก็หันมองไปด้านหน้า เท้าเหยียบคันเร่งเคลื่อนตัวรถออกจากมหาวิทยาลัย“กลัวพี่จะพาไปที่อื่นเหรอ นั่งเงียบเชียว”“ปะ เปล่าค่ะ คือหนูไม่รู้จะพูดอะไร”ข้าวหอมหันใบหน้าแดงระเรื่อมาหาคนที่กำลังขับรถอยู่ พร้อมกับอกข้างซ้ายที่เต้นไม่เป็นส่ำกับคำถามของเขานี่เป็นครั้งแรกที่เธอนั่งรถมากับชายแปลกหน้า แม้จะรู้จักกันแล้ว แต่ก็เจอกันแค่สองครั้ง เธอยังไม่รู้จักนิสัยใจค
ปัจจุบัน“มึงยิ้มอะไร” อาทิตย์จ้องหน้าเพื่อนอย่างสงสัย เป็นบ้าอะไรยืนยิ้มอยู่คนเดียว ทำเอาเพื่อนอีกสามคนหันมามองด้วยเช่นกันนทีหุบยิ้มอย่างเร็วพลันเมื่อโดนทัก แล้วรีบปฏิเสธ “เปล่า”“เห็นคาตาว่ามึงยิ้ม” อาทิตย์ยังคาใจ“ก็บอกว่าไม่ได้ยิ้ม แล้วมึงเป็นห่าอะไรมาจ้องหน้ากูเนี่ย” นทีโต้กลับพลางขมวดคิ้วใส่ แสร้งทำหน้ารำคาญกลบเกลื่อนขณะที่สองคนนี้กำลังโต้กันไปมา นักศึกษาคณะเดียวกันได้เดินผ่านกลุ่มของพวกเขาไปพร้อมกับเสียงพูดคุย พอนทีได้ยินชื่อของคนที่บังเอิญเจอกันเพียงแค่ครั้งเดียว ก็เรียกสายตาของเขาให้เหลียวไปมอง“เพื่อนกูส่งรูปน้องใหม่มาให้ดู คนนี้ชื่อข้าวหอม น่ารักมากเลยว่ะ”“เห็นว่าปีนี้มีสาวสวยหมวยเอ็กซ์หลายคน มึงว่าพวกเราจะจีบติดสักคนไหมวะ”“ของแบบนี้ใครเร็วคนนั้นก็ได้ไปสิวะ ฮ่าฮ่าฮ่า”พวกที่เดินผ่านพูดกันอย่างครื้นเครง นทีพลันนึกในใจว่าจะใช่เธอหรือเปล่า จู่ ๆ เขาก็หันไปเอ่ยกับเพื่อนถึงคำเชิญชวนก่อนหน้า“กูเปลี่ยนใจละ กูจะไปกับพวกมึง”“ไหนมึงบอกว่าเจ็บขา” ฟลุ๊กถามย้อน เพิ่งปฏิเสธไปหยก ๆ ทำไมเปลี่ยนใจกะทันหัน“พูดมากน่ะไอ้ฟลุ๊ก ไปกันได้แล้ว”นทีเลี่ยงที่จะตอบคำถามของฟลุ๊ก เดินนำเพื่อนทั้ง
“เฮ้ยพวกมึง ได้ข่าวว่าน้องใหม่ปีนี้โคตรแจ่ม ไปดูกันไหมวะ”เสียงของเพื่อนในกลุ่มดังขึ้น เนื่องจากช่วงนี้คณะวิศวกรรมศาสตร์ได้จัดกิจกรรมรับน้องที่ลานเกียร์ ช่วงเย็นตั้งแต่ห้าโมงไปจนถึงหกโมงจะมีนักศึกษาปีหนึ่งไปรวมตัวกันที่นั่น โดยมีรุ่นพี่ปีสองดำเนินกิจกรรม และพี่ว้ากปีสามช่วยกำกับดูแลแต่พี่ว้ากที่ว่าไม่ใช่แก๊งหนุ่มฮอตของสาขาวิศวกรรมอุตสาหการอย่างกลุ่มของพวกเขา เย็นนี้จึงมีเวลาว่างเพราะไม่มีนัดที่ไหน“พวกมึงอยากไปก็ไปกันดิ กูเจ็บขาอยู่ จะกลับไปนอน”นที หนุ่มวิศวะฯ ปีสาม ลูกชายเจ้าของโรงงานแปรรูปอาหารและโรงแรมชื่อดังในตัวเมือง ผู้มีเบ้าหน้าฟ้าประทาน หล่อเหลากร้าวใจ ดวงตาคมมีเสน่ห์ สาวคนไหนเห็นก็ชื่นชอบและอยากครอบครองทั้งตัวและหัวใจ แต่ทว่าเขายังไม่เจอคนที่ถูกใจสักที ได้รีบเอ่ยปฏิเสธเพื่อนเพราะไม่สนใจกลุ่มของเขามีด้วยกันห้าคน เพื่อนสนิทอีกสี่คนมีชื่อว่า ไอดิน อาทิตย์ ไวน์ และฟลุ๊ก นับได้ว่าเป็นแก๊งหนุ่มหน้าตาดี ฐานะร่ำรวย การเรียนก็ไม่น้อยหน้ากัน และตอนนี้พวกเขาก็กำลังเดินออกจากตึกคณะหลังจากเรียนเสร็จไอ้สามคนหลังที่กล่าวมามีนิสัยชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว เห็นใครสวยหน่อยไม่ได้ ต้องเข้าไปทำคว