LOGIN
“เฮ้ยพวกมึง ได้ข่าวว่าน้องใหม่ปีนี้โคตรแจ่ม ไปดูกันไหมวะ”
เสียงของเพื่อนในกลุ่มดังขึ้น เนื่องจากช่วงนี้คณะวิศวกรรมศาสตร์ได้จัดกิจกรรมรับน้องที่ลานเกียร์ ช่วงเย็นตั้งแต่ห้าโมงไปจนถึงหกโมงจะมีนักศึกษาปีหนึ่งไปรวมตัวกันที่นั่น โดยมีรุ่นพี่ปีสองดำเนินกิจกรรม และพี่ว้ากปีสามช่วยกำกับดูแล
แต่พี่ว้ากที่ว่าไม่ใช่แก๊งหนุ่มฮอตของสาขาวิศวกรรมอุตสาหการอย่างกลุ่มของพวกเขา เย็นนี้จึงมีเวลาว่างเพราะไม่มีนัดที่ไหน
“พวกมึงอยากไปก็ไปกันดิ กูเจ็บขาอยู่ จะกลับไปนอน”
นที หนุ่มวิศวะฯ ปีสาม ลูกชายเจ้าของโรงงานแปรรูปอาหารและโรงแรมชื่อดังในตัวเมือง ผู้มีเบ้าหน้าฟ้าประทาน หล่อเหลากร้าวใจ ดวงตาคมมีเสน่ห์ สาวคนไหนเห็นก็ชื่นชอบและอยากครอบครองทั้งตัวและหัวใจ แต่ทว่าเขายังไม่เจอคนที่ถูกใจสักที ได้รีบเอ่ยปฏิเสธเพื่อนเพราะไม่สนใจ
กลุ่มของเขามีด้วยกันห้าคน เพื่อนสนิทอีกสี่คนมีชื่อว่า ไอดิน อาทิตย์ ไวน์ และฟลุ๊ก นับได้ว่าเป็นแก๊งหนุ่มหน้าตาดี ฐานะร่ำรวย การเรียนก็ไม่น้อยหน้ากัน และตอนนี้พวกเขาก็กำลังเดินออกจากตึกคณะหลังจากเรียนเสร็จ
ไอ้สามคนหลังที่กล่าวมามีนิสัยชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว เห็นใครสวยหน่อยไม่ได้ ต้องเข้าไปทำความรู้จัก แล้วจบด้วยความสัมพันธ์แบบไร้สถานะ ถ้าผู้หญิงยอมเล่นด้วย
เย็นนี้พวกมันเลยระริกระรี้อยากจะไปเยือนลานเกียร์ เพราะแต่ละปีนักศึกษาผู้หญิงที่เลือกเรียนคณะนี้มีจำนวนน้อย จึงเป็นที่สนใจของหนุ่ม ๆ เผื่อจะเจอคนสวยถูกใจ ได้ยืนคุยนอนคุยกันสักคืนก็ยังดี
ส่วนเพื่อนสนิทอีกคนที่ชื่อไอดิน ตอนนี้มีสถานะเป็นว่าที่พี่เขยของเขา เพราะมันเป็นแฟนกับพี่ปลายฟ้า พี่สาวของนทีนั่นเอง ตั้งแต่สองคนนี้คบกันไอดินก็วางตัวดีมาตลอด ไม่เคยเปิดโอกาสให้ผู้หญิงคนไหนเข้ามาแทรกกลางความรักระหว่างมันกับพี่สาวของเขาได้เลย
และขณะที่นทีเอ่ยปฏิเสธคนชวน ในหัวก็พลันนึกไปถึงเจ้าของใบหน้าหวาน หญิงสาวตัวเล็กน่ารัก ดวงตากลมโต ที่เจอกันเมื่อสามวันก่อนจะเปิดเรียน พร้อมกับมุมปากที่เผลอกระตุกขึ้นอย่างลืมตัว ทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน
*****
สามวันก่อน
“ยายจ๋า หนูมาถึงอพาร์ตเมนต์แล้วนะคะ ตอนนี้กำลังออกมาซื้อของที่ร้านหน้าปากซอย” เสียงหวานเอ่ยกับปลายสายของผู้เป็นยาย
เธอมีชื่อว่า ข้าวหอม อายุสิบเก้าปี กำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก
ข้าวหอมเดินทางมาถึงก่อนหน้าสักครึ่งชั่วโมง นึกขึ้นได้ว่ายายกำชับว่าถึงแล้วต้องโทรหา และระหว่างคุยสายเธอก็กำลังเลือกซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง
“อยู่ทางนั้นก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ ขาดเหลืออะไรก็บอกยาย”
“ยายก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนกันนะคะ งั้นหนูวางสายก่อน”
“จ้ะ”
ซื้อของเสร็จข้าวหอมก็เดินกลับไปยังเส้นทางเดิม ขณะก้าวไปตามฟุตบาทดวงตาสดใสก็เจอกับสุนัขตัวหนึ่งกำลังนอนอยู่ตรงพุ่มไม้ข้างทาง หันหน้าจ้องมาทางเธอด้วยท่าทางสนใจ
ด้วยความรักสัตว์และมีความโอบอ้อมอารีมาตั้งแต่เด็ก หญิงสาวจึงขยับเข้าไปใกล้ มือก็กางถุงออกกะจะหยิบไส้กรอกที่ซื้อมาแบ่งให้มันกิน
ทว่าเจ้าหมาตัวนั้นกลับแยกเขี้ยวส่งเสียงขู่ แล้วลุกขึ้นวิ่งไล่เธอทันที
ข้าวหอมวิ่งหน้าตาตื่นหันหลังกลับไปทางร้านสะดวกซื้อ สับขาวิ่งอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ปึก !
แต่แล้วก็ชนเข้ากับแผงอกของใครคนหนึ่งเพราะตกใจกับหมาจรตัวนั้นเลยไม่ทันได้มอง
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งที่ถูกหญิงสาวร่างเล็กวิ่งเข้าชนอย่างจัง และในขณะเดียวกันเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเสียหลัก จึงเลื่อนลำแขนโอบประคองเอาไว้ตามสัญชาตญาณ ทำให้เขากลายเป็นคนที่หันหลังเผชิญกับสิ่งที่เธอวิ่งหนีมาแทน
“โอ๊ย”
เสียงเจ็บปวดดังขึ้นพร้อมกับสีหน้าดุดันอย่างไม่พอใจ ไม่รู้วันนี้เป็นวันซวยอะไร กำลังลงจากรถยังไม่ทันได้เข้าไปซื้อของ ก็ดันมาโดนไอ้หมาบ้านี่กัดจนได้
ด้วยความโมโหเขาจึงเหวี่ยงเท้าอีกข้างเตะไปที่สุนัขตัวนั้นเพื่อไม่ให้กล้ามาทำร้ายคนได้อีก แล้วมันก็ได้ผล หมาจรร้องเสียงหลงก่อนจะวิ่งหนีไป
ดวงตาที่แฝงไปด้วยความมีน้ำใจและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน จ้องไปยังคนที่วิ่งมาทางเขาจนทำให้เป็นฝ่ายรับเคราะห์นี้แทน ทว่าพอได้เห็นหญิงสาวตัวเล็กที่ยังจับแขนเธอไว้ไม่ปล่อยมือ เงยขึ้นสบตากันอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ คิ้วที่ขมวดเข้าหากันก็คลายออกอย่างอัตโนมัติ ลืมคำพูดที่จะเอ่ยออกมาจนหมดสิ้น
ก่อนหน้านี้ข้าวหอมไม่ทันได้มองว่าคนที่เธอชนหน้าตาเป็นอย่างไร ขณะวิ่งก็ได้เหลียวไปยังหมาตัวนั้น พอหันกลับมาก็ชนคนตัวสูงเข้าเต็มแรง ก่อนจะได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้นจากปากของเขา ไม่คิดว่าพอได้เห็นหน้าชัด ๆ เขาจะหล่อมาก แต่ในขณะนี้เธอไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องอื่น นอกจากเรื่องที่เขาถูกหมากัด
“ขอโทษนะคะที่หนูวิ่งชน พี่บาดเจ็บรึเปล่าคะ”
เอ่ยจบเธอก็ย่อตัวลงนั่ง ถือวิสาสะเลื่อนมือไปถกปลายขากางเกงของคนตัวสูงขึ้นสำรวจดูร่องรอยบาดแผลโดยไม่รอคำตอบ
“ไม่เป็นไร”
นทีเอ่ยไม่เต็มเสียง ใบหน้าของเขารู้สึกร้อนขึ้น ในอกข้างซ้ายก็สั่นไหวอย่างแปลกประหลาด ทว่าคนตัวเล็กก็ใช้สายตารู้สึกผิดปนกับความเป็นห่วงเงยหน้าขึ้นมองเขา จึงทำให้ดวงตาคู่คมเลิ่กลั่ก แล้วเงียบไป
“ไม่เป็นอะไรได้ยังไงคะ พี่ถูกกัดแล้วค่ะ อ้อ หนูมีผ้าเช็ดหน้า ใช้พันไปก่อนนะคะ ดีกว่าปล่อยให้เชื้อโรคเข้าแผล”
มือเล็กหยิบผ้าขนหนูออกมาจากกระเป๋าสะพายที่พกติดตัวมา เป็นผ้าผืนบางสีชมพูซักมาใหม่ยังไม่ได้ใช้ คลี่มันออกแล้วพับครึ่งในแนวทแยงเป็นรูปสามเหลี่ยม ก่อนจะม้วนคล้ายกับผ้าพันคอลูกเสือ วางปิดทับแผลถูกกัด มัดปมแบบไม่แน่นมากเพราะกลัวจะทำให้เขาจะเจ็บมากกว่าเดิม
“เสร็จแล้วค่ะ พี่ต้องรีบไปโรงพยาบาลนะคะ หมาตัวนั้นก็ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ อาจจะต้องทำแผลแล้วฉีดยาป้องกันพิษสุนัขบ้า”
“อื้อ เข้าใจแล้ว”
“ขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณที่ช่วยเอาไว้ แล้วก็ขอให้พี่หายไว ๆ”
หญิงสาวเผยรอยยิ้มน่ารัก เอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนเดินจากไปตรงทางที่วิ่งมา
“เดี๋ยว เธอชื่ออะไร”
ก่อนที่คนตัวเล็กจะก้าวออกไปไกลจากระยะสายตา นทีก็รีบถาม
“ข้าวหอมค่ะ ไปก่อนนะคะ” เสียงหวานเอ่ยพร้อมกับโบกมือไปมาด้วยรอยยิ้ม
ชื่อก็น่ารักเข้ากับเจ้าของ กลิ่นกายก็หอมละมุน ทำให้คนโชคร้ายรู้สึกโชคดีในเวลาเดียวกัน เหมือนเข็มนาฬิกาหยุดหมุนจนลืมเจ็บแผลตั้งแต่เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นปิดทับให้อย่างเบามือ และพอเธอเดินเลี้ยวเข้าไปในซอย จู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บน่องขึ้นมา
“ซี้ด… แม่งเอ้ย กัดมาได้นะมึง ไอ้หมาเวร”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปมอย่างเจ็บใจ แสดงใบหน้าเหยเก บ่นพลางเดินกลับไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างทาง รีบขับไปโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลตามคำแนะนำของข้าวหอม ก่อนจะกลับคอนโดแล้วสั่งอาหารให้มาส่งแทน
ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอเธออีกไหม
“น้องมันโคตรน่ารัก โดนใจมากเลยว่ะ”
ข้าวหอมปรือดวงตาขึ้นในช่วงสายของวันอย่างงัวเงีย แต่ดีที่ไม่มีอาการปวดหัวจากอาการเมาค้าง ทว่าคนข้างกายของเธอได้หายไปไหนแล้วไม่รู้ มีเพียงกล่องของขวัญสีขาวผูกริบบิ้นสีชมพูวางอยู่ตรงที่เขานอนกอดเธอเมื่อคืนหญิงสาวเผยรอยยิ้มหวานลุกออกจากเตียงไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมใส่ ก่อนจะหยิบกล่องสีขาวขึ้นมาดึงริบบิ้นออก เปิดดูสิ่งที่อยู่ข้างในพร้อมกับใจที่เต้นด้วยความตื่นเต้น แล้วดวงตาคู่หวานก็ปรากฏร่องรอยของความแปลกใจกับของขวัญที่ได้รับด้านในกล่องมีกุญแจรถยนต์ และโบรชัวร์ของโครงการบ้านเดี่ยว ขณะที่หญิงสาวยังอึ้งกับสิ่งที่เห็น เสียงของนทีก็ดังขึ้นพลันทำให้เธอตกใจเล็กน้อย เพราะไม่ทันได้สังเกตว่าเขายืนอยู่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อไร“ถูกใจของขวัญที่พี่ให้ไหม”“นี่คืออะไรเหรอคะ” เธอยังรู้สึกงุนงง ไม่คิดว่าเขาจะให้ของชิ้นใหญ่ขนาดนี้“รถของเมียพี่ไงครับ แล้วก็บ้านหนึ่งหลังที่จะเป็นเรือนหอของเรา”เขาเอ่ยพลางเข้ามานั่งลงบนเตียง ตอนนี้ข้าวหอมก็เรียนจบแล้ว ได้เวลาสร้างครอบครัวที่เคยวาดฝันกันเอาไว้นทีได้ซื้อรถเก๋งให้เธอหนึ่งคันเป็นของขวัญวันเรียนจบ ส่วนโบรชัวร์โครงการบ้านเดี่ยว เขาอยากให้เธอมีส่วนร่วมการตัดสินใ
เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สองสาวเพื่อนรักอย่างข้าวหอมและอบเชยก็ได้เรียนจบกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และค่ำนี้ประมาณหนึ่งทุ่มทุกคนก็พร้อมหน้ากันที่เลานจ์ซึ่งเปิดให้บริการที่โรงแรมชื่อดัง หนึ่งในธุรกิจของครอบครัวนทีหนุ่มหล่อสาวสวยรวมแปดคน นั่นก็คือ นที ข้าวหอม ไอดิน ปลายฟ้า ไวน์ อาทิตย์ ฟลุ๊ก และอบเชย ได้นั่งอยู่ในห้องวีไอพีแบบส่วนตัว สั่งอาหารหลากหลายเมนู รวมถึงเหล้าพร้อมกับมิกเซอร์“มาครับทุกคน ฉลองให้กับสองสาวหน่อย”ไวน์ลุกขึ้นยืนพร้อมแก้วที่มีเหล้าผสมโซดา ยื่นออกไปตรงหน้าเอ่ยเชิญชวนด้วยรอยยิ้ม แล้วเสียงแก้วทั้งแปดใบก็ยื่นออกไปกระทบกัน ก่อนจะยกจรดริมฝีปากของตัวเองกระดกน้ำสีอำพันกลืนลงคอจนหมดแก้วคืนนี้ทุกคนตั้งใจมาเพื่อแสดงความยินดีให้กับว่าที่บัณฑิตใหม่ทั้งสองคน ไม่เมาไม่กลับ“พี่มีของขวัญมาให้ด้วยนะ” ปลายฟ้าเอ่ยพลางหยิบของขวัญที่เตรียมมาด้วยยื่นให้กับคนเรียนจบ“นี่ของข้าวหอมจ้ะ” ปลายฟ้าเอ่ยพลางมอบของขวัญสองอย่างให้กับแฟนน้องชาย“ขอบคุณนะคะพี่ปลายฟ้า”ข้าวหอมรับมาไว้ในมือ คนอื่น ๆ ก็เชียร์ให้เปิดดู พบว่าเป็นกระเป๋าสะพายข้างแบรนด์ขึ้นชื่อ และยังมีสร้อยข้อมือประดับเพชร“ว้าว สวยมาก
อาทิตย์ต่อมาครอบครัวฝ่ายชายได้กลับมาที่บ้านหลังนี้อีกครั้งเพื่อส่งมอบทองห้าบาท เงินสดสามล้านตามที่ครอบครัวฝ่ายหญิงประสงค์ ทุกคนต่างมากันอย่างพร้อมหน้ารวมทั้งข้าวหอม นที และยายของหญิงสาวการมอบสินสอดในครั้งนี้ถือว่าเป็นการให้คำมั่นและความไว้วางใจ บ่งบอกว่าลูกสาวของบ้านนี้ได้กลายเป็นลูกสะใภ้ของอีกบ้านแล้ว แม้จะยังไม่ผ่านพิธีการใด“ในส่วนนี้พวกคุณเก็บไว้ได้เลยนะคะ ส่วนในอนาคตพวกเราคงต้องขอสงวนสิทธิ์ให้หนูข้าวหอมรับเพียงคนเดียว”แม่ของชายหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แต่ดูเหมือนว่าจะขัดใจอีกฝ่าย ทำให้จินดารีบโพล่งขึ้น“อนาคต หมายถึงอะไร”“เราทำตามที่ตกลงกันแล้วนะคะ ทองห้าบาท เงินสดสามล้าน หนูข้าวหอมอยู่กับลูกชายของเรา คุณยายย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา หลังจากเรียนจบพวกเราจะจัดงานแต่งกันอีกครั้ง”“อันนี้ฉันเข้าใจ แต่ทำไมต้องสงวนสิทธิ์ให้แค่ข้าวหอม”“หยุดพูดได้แล้ว”ในขณะที่จินดารู้สึกขัดใจกับถ้อยคำอีกฝ่าย สามีของเธอก็ส่งเสียงเอ็ดทำให้สงบปากสงบคำในทันทีเพราะเมื่อหลายวันก่อน หลังจากทุกคนกลับไปกันหมดแล้ว สามีก็ได้เรียกลูกสาวคนโตกลับมาที่บ้าน อยู่กันครบทั้งแม่ลูก ก็ได้ต่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึก
“ตอนที่พวกคุณไปเจอเด็กทั้งสองอยู่ด้วยกัน หนูข้าวหอมได้แจ้งชัดเจนแล้วนะคะว่าอยากจะพาคุณยายออกไปอยู่ข้างนอก พวกเราเลยจะมาคุยเรื่องนี้ด้วย”แม่ของชายหนุ่มเอ่ยตอบ ก่อนจะหันไปถามแฟนของลูกชาย“แล้วยายของหนูล่ะจ๊ะ”“ยายอยู่บ้านอีกหลังค่ะ” เธอตอบไม่เต็มเสียง กลัวว่าผู้เป็นพ่อจะไม่เห็นด้วย“ดิฉันว่าให้คุณยายมาฟังสิ่งที่พวกเราคุยกันด้วยดีกว่านะคะ ยังไงท่านก็เป็นอีกคนที่เลี้ยงดูหนูข้าวหอมมา”ขันธ์ชัยเห็นว่าสมควรเป็นอย่างนั้น จึงเรียกให้แม่บ้านไปพาแม่ของภรรยาผู้ล่วงลับเข้ามานั่งในห้องนี้อีกคนหญิงชรานั่งลงข้างหลานสาว ยังไม่รู้ว่าการถูกเรียกตัวเข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ในรอบกี่ปีก็จำไม่ได้ด้วยเหตุผลอะไร อีกทั้งยังมีคนนอกที่ไม่รู้จักอีกต่างหากและพอลูกเขยแนะนำให้รู้จักอีกฝ่าย มีการอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้รับทราบ หญิงชราก็รู้สึกยินดีที่หลานสาวมีคนรัก และพร้อมจะดูแลเธอต่อจากนี้ แต่ที่ยังไม่ทราบคือ…“หนูข้าวหอมอยากพาคุณยายออกไปอยู่ข้างนอก คุณยายสะดวกไหมคะ” แม่ชายหนุ่มเอ่ยถาม ใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อยให้คนชรายายหลานหันจ้องมองกัน ข้าวหอมกอดแขนของยายแน่น แววตาเต็มไปด้วยความคาดหวังหญิงชร
ในขณะข้าวหอมและนทีกลับเข้าห้อง เขาก็คว้าเอาแฟนสาวเข้ามาโอบกอด แผ่นหลังของเธอสั่นไหว ใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยคราบน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจ“ขอโทษนะที่เมื่อกี้พี่พูดไม่ดีกับพ่อของเราไป”“ฮึก พี่นทีไม่ผิดค่ะ ฮึก หนูผิดเอง”“อย่าพูดอย่างนั้น ข้าวหอมดีที่สุดสำหรับพี่ ดีที่สุดสำหรับทุกคน”ทว่าเธอกลับตอกย้ำตัวเองในใจ ว่ายังไม่ดีพอสำหรับคนบ้านนั้น อยู่ที่นั่นเธอไม่มีพื้นที่ให้หายใจ ทำอะไรก็ผิด โดนเอาเปรียบ ถูกต่อว่า มีแค่ยายที่เป็นที่พึ่งพิง ให้ความรักความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียว“พี่นที ฮึก ยายยังอยู่ที่นั่น”เขาได้ยินที่เธอพูดเรื่องหาบ้านให้ยายแล้ว แต่ตอนนี้จิตใจของแฟนสาวกำลังบอบช้ำ พวงแก้มก็เป็นรอยนิ้วมือบวมแดง จะปล่อยให้ไปหายายตอนนี้ข้าวหอมคงยังไม่พร้อม“เดี๋ยวพี่จัดการให้”*****สองวันต่อมาในช่วงบ่ายแก่ ๆ เสียงกริ่งที่หน้าบ้านเจ้าของตลาดใหญ่ดังขึ้นอยู่สองครั้ง แม่บ้านก็รีบวิ่งออกมาที่ประตูรั้ว เมื่อทราบว่าคนที่มาเยือนมีธุระกับเจ้านายของตนด้วยเรื่องสำคัญ จึงเชิญเข้าไปนั่งรอในบ้าน แล้วรีบแจ้งให้ผู้เป็นนายรับทราบพ่อแม่ของนทีพร้อมด้วยทนายได้เข้าไปที่บ้านของข้าวหอม ตามคำขอของลูกชาย และพอเจ้าของบ้า
ทางด้านจันจิหลังจากตื่นนอนก็รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วกลับเข้าบ้านในวันเสาร์ เนื่องจากหลักฐานการถูกทำร้ายยังอยู่บนแก้มทั้งสองข้างไม่จางหาย“หน้าลูกไปโดนอะไรมา นี่มันรอยมือใช่ไหม”ขณะกำลังกินมื้อเช้ากันอย่างพร้อมหน้าสามคนพ่อแม่ลูก แม่ของจันจิได้เห็นรอยนิ้วมือบนพวงแก้มของลูกสาวก็พลันแสดงสีหน้าตกใจ ทำให้ผู้เป็นสามีเบี่ยงสายตาตำหนิลูกสาวทันที“ไปมีเรื่องกับใครมาอีกล่ะ”“นี่คุณ ถามให้มันดี ๆ หน่อย ลูกของเราไม่ใช่เด็กเกเร”“แค่กินเที่ยวไม่เว้นวัน”แม้ว่าจะเป็นห่วงที่เห็นลูกเจ็บ แต่พ่อก็มักจะพูดด้วยถ้อยคำเหน็บแนมอยู่เสมอ“เด็กวัยรุ่นมันก็ต้องมีบ้างสิ ทำอย่างกับตอนเรียนคุณไม่เที่ยว”ได้ยินผู้เป็นแม่พูดถึงสมัยเรียนก็ทำให้จันจินึกถึงคำพูดของข้าวหอมเมื่อคืน แต่ทว่าวันนี้เธอไม่ได้มาเพื่อถามเอาความจริงจากเรื่องนั้น แต่มีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า“เมื่อคืนหนูไปเที่ยวกับเพื่อนจริง ๆ ค่ะ แต่ว่าไม่ได้ไปมีเรื่องกับใคร”“ไม่มีเรื่อง แล้วรอยนี่มาได้ยังไง” แม่ของเธอเอ่ย“เอ่อ เมื่อคืนหนูเจอ…” จันจิแสร้งทำหน้าลำบากใจราวกับไม่อยากจะเอ่ย เมื่อเห็นพวกท่านจ้องเธอด้วยรอฟังคำตอบ จันจิจึงพูดต่อ“เจอข้าวหอมไปกับผู้ชาย”แล




![Evil Engineerร้ายรักวิศวะเลว [ไนต์]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


