LOGINหนึ่งปีต่อมา
“มารีน ลงมากินข้าวได้แล้วลูก เดี๋ยวจะไม่ทันขึ้นเครื่อง” ปลาดาว เอ่ยเรียกลูกสาวที่ยังเตรียมตัวอยู่บนห้องนอน
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จทะเลและปลาดาวก็เดินทางไปส่งมารีนที่สนามบิน คราแรกตั้งใจจะไปส่งถึงที่หมาย ทว่าลูกสาวกลับโตแล้วแถมมีความใจกล้าอยากเดินทางด้วยตัวเอง เนื่องจากเคยนั่งเครื่องบินมาแล้วหลายครา เมื่อปรึกษากันแล้วจึงได้ยอมใจอ่อนทำตามที่ลูกร้องขอ
มารีนไหว้ลาผู้มีพระคุณก่อนจะเข้าไปสวมกอดพ่อและแม่ แล้วลากกระเป๋าเข้าไปนั่งรอขึ้นเครื่องพร้อมกับเพื่อนสนิทอย่างเมษา
เครื่องบินได้ลงจอดหลังเคลื่อนตัวอยู่บนท้องฟ้านานกว่าหนึ่งชั่วโมงสามสิบนาที ทั้งสองสาวก็ไปรอรับกระเป๋าสัมภาระ แล้วเดินออกไปหาคนที่บอกว่าจะมารับ
“ไอ้วา”
ทันใดที่ดวงตาคู่สวยเห็นเศษเสี้ยวใบหน้าของเพื่อนชายก็ยกมือขึ้นโบกไปมาด้วยรอยยิ้มดีใจ พลางส่งเสียงเรียกชื่อสั้น ๆ อย่างคนสนิทกัน
“นั่นวายุที่มึงพูดถึงเหรอ” เมษาหันไปถามเพื่อนรัก
วายุในวัยย่างเข้าสิบเก้าปี ใบหน้าหล่อเหลา สันกรามได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่ง ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็หล่อและดูดีไม่มีที่ติ แม้ว่าเมษาจะเป็นเพื่อนรักที่เรียนกับมารีนมาตั้งแต่เด็ก แต่เธอก็ไม่เคยพบเจอตัวจริงของวายุเลยสักครั้ง เพราะช่วงปิดเทอมต่างฝ่ายก็อยู่แต่บ้านของตนเอง มีเพียงครอบครัวของมารีนกับวายุที่ไปมาหาสู่กัน
“อืม นี่ไอ้วายุ คนที่เล่าให้ฟังว่าเจอกันครั้งแรกก็คิดว่าเป็นหัวขโมย แถมแค่โดนหอยบาดเท้าก็ร้องไห้ขี้มูกโป่ง จนกูต้องทำแผลให้ถึงจะหยุดร้อง คิกคิก ไม่คิดเหมือนกันว่าโตมาแล้วหน้าตาจะพอไปวัดไปวากับเขาได้เหมือนกัน”
มารีนเอ่ยถึงเพื่อนชายอย่างขำขันเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวัยเด็ก ทว่าเมษากลับไม่ได้คิดอย่างนั้น
“นี่ไม่ได้เรียกว่าไปวัดไปวาแล้วมึง นี่มันโคตรหล่อเลย แถมยังเป็นหนุ่มเนิร์ดซะด้วย”
เมษาทอดสายตาไปยังเพื่อนชายของมารีน นอกจากใบหน้าจะหล่อได้รูปแล้ว เขายังสวมแว่นตาอีกด้วย
“แหนะ เห็นหน้ามันแค่ครั้งเดียวก็ชมกันเลยนะ ขอบอกไว้ก่อนว่าห้ามคิดอะไรกับมันเด็ดขาด ไอ้นี่มันไม่ชอบผู้หญิงหรอก”
“อ้าวเหรอ ผู้ชายหน้าตาดี ๆ สมัยนี้ทำไมเป็นเก้งกวางกันไปหมด”
“กูล้อเล่น คิกคิก” มารีนเปล่งเสียงหัวเราะชอบใจด้วยใบหน้ายิ้มร่า
“เฮ้อ ไอ้เราก็นึกว่ามันจะเป็นเกย์จริง ๆ ไม่งั้นเสียดายของแย่”
สองสาวส่งเสียงซุบซิบถึงบุคคลที่สามจนกระทั่งมายืนอยู่ตรงหน้าเจ้าตัว มารีนจึงได้เอ่ยทักคนที่มารอรับก่อน
“ไม่เจอกันตั้งนาน มึงไม่คิดจะทักทายกูหน่อยเหรอ”
“หวัดดี”
“แค่เนี้ย”
หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย วายุเป็นคนพูดน้อยมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ไม่คิดว่าพอมาเจอกันตอนโต ทั้งที่ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งสองปี เขาจะพูดกับเธอแค่คำว่าสวัสดี
“อ้อ นี่เมษา เพื่อนสนิทกูเอง”
“อืม ยินดีที่ได้รู้จัก”
วายุขานรับน้ำเสียงเรียบ ก่อนจะยื่นมือมาคว้ากระเป๋าไปจากมือของมารีนแล้วเดินนำออกไป ทำให้ทั้งสองสาวต่างหันมองกันอย่างงุนงงกับท่าทีประหลาดของชายหนุ่ม แล้วรีบก้าวเท้าเดินตามหลังกันไปติด ๆ
“วันนี้ว่างใช่ปะ ไปส่งหาคอนโดหน่อยดิ”
มารีนที่นั่งเบาะหน้าก็ได้หันไปเอ่ยถามเจ้าของรถหรู เนื่องจากพวกเธอยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่ ช่วงนี้คงต้องพึ่งพาไอ้เพื่อนหน้านิ่งคนนี้ไปก่อน
“อือ” เขาขานรับในลำคอ ขณะที่สายตายังจับจ้องถนนเบื้องหน้าอย่างไม่ละสายตา
รถบีเอ็มดับเบิลยูราคาสี่ล้านกว่าได้แล่นเข้าไปหยุดที่ลานจอดรถของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง วายุก้าวลงจากรถเป็นคนแรก ก็เดินอ้อมไปยังกระโปรงด้านหลัง หยิบกระเป๋าของทั้งสองสาวออกมาวางไว้บนถนนคอนกรีต
“เอากระเป๋าลงมาทำไม ไม่รู้ว่าจะมีห้องว่างรึเปล่า”
มารีนรีบท้วงเพื่อนชาย ยังไม่ทันได้เข้าไปถามเลย ไอ้นี่ก็รีบขนของออกมาจัง
“กูจัดการให้แล้ว”
“อ้าว มึงหาห้องให้แล้วเหรอ แพงปะ ถ้าแพงมากพวกกูจ่ายไม่ไหวนะเว้ย”
แม้ว่าเธอจะเอ่ยออกไปอย่างนั้น แต่สำหรับลูกสาวเจ้าของรีสอร์ตและลูกสาวของบริษัทผลิตสื่อโฆษณา ย่อมต้องจ่ายไหวอยู่แล้ว
“เดือนละเจ็ดพันห้า แถวนี้มันย่านธุรกิจ ถ้าจะเอาถูกกว่านี้คงยาก”
มารีนหันมองใบหน้าของเพื่อนสาว เมื่อเห็นเมษาพยักหน้ารับว่าจ่ายไหว เธอจึงไม่ได้คัดค้านอะไร เดินตามหลังเพื่อนชายเข้าไปในคอนโด
มือหนากดปุ่มหมายเลขสามเพื่อขึ้นลิฟต์ไปยังห้องพักที่เขาจัดหาเอาไว้ให้ เมื่อไปถึงหน้าห้องวายุก็หยิบคีย์การ์ดออกมาสแกนเปิดประตู แล้วยื่นให้กับเจ้าของห้องเช่าคนใหม่
“นี่ห้องของเธอ”
เมษายื่นมือออกไปรับคีย์การ์ดด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร ก่อนที่ทั้งสองสาวจะพากันเข้าไปสำรวจในห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยและเฟอร์นิเจอร์อย่างครบครัน โดยที่วายุก็เดินตามกันเข้าไป
“แล้วห้องของกูล่ะไอ้วา ได้อยู่ชั้นเดียวกับเมษารึเปล่า”
“ห้องมึงอยู่ชั้นหก ไปกันได้ละ”
“อะ อ้าว ไอ้เวรนี่ คิดจะไปก็ไป”
มารีนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เมื่อเพื่อนชายเอ่ยกับเธอเสร็จ ก็หันหลังเดินออกจากห้องอย่างไม่รีรอ เธอจึงรีบหันมาเอ่ยกับเพื่อนสาว
“กูขึ้นไปดูห้องก่อนนะเมษา เดี๋ยวเก็บของเสร็จแล้วจะลงมาหา”
“เออ ๆ รีบไปเถอะ”
เมษาสะบัดมือให้มารีนรีบตามเพื่อนชายออกไป วายุดูค่อนข้างถือตัว แล้วก็เข้าถึงยากมาก ๆ แต่ทั้งสองสนิทกันแบบนี้ เธอจึงไม่ได้คิดอะไร เพื่อนของมารีนก็คือเพื่อนของเธอเหมือนกัน
เมื่อไปถึงห้องที่ว่า วายุก็เปิดประตูเดินนำเพื่อนสาวเข้าไปข้างใน มารีนสังเกตเห็นว่าชั้นนี้ห้องมีขนาดใหญ่กว่าชั้นล่าง แถมเฟอร์นิเจอร์ก็ยังดูดีกว่ากันมาก
“ทำไมห้องนี้ไม่เหมือนห้องของเมษา ค่าเช่าเดือนละเท่าไหร่”
“ห้องนี้ของแม่กูเอง มึงอยู่ฟรีไปเถอะ”
“นี่ห้องของคุณป้านับดาวเหรอ ถึงว่าดูสะอาดและตกแต่งเหมือนสไตล์ผู้หญิง แล้วให้กูมาอยู่แบบนี้ทางบ้านมึงไม่ว่าเหรอ”
“ถามมาก จะอยู่หรือไม่อยู่”
ที่จริงก่อนหน้าห้องนี้ได้ถูกปล่อยเช่า เนื่องจากผู้เป็นแม่ได้แต่งงานและย้ายไปอยู่กับพ่อตั้งนานแล้ว และเมื่อทราบว่าเพื่อนสาวจะมาเรียนที่กรุงเทพฯ เขาจึงได้คุยกับมารดาเรื่องยุติการปล่อยเช่า แล้วให้เพื่อนสาวเข้ามาพักอาศัยแทน ซึ่งแม่ของเขาก็เห็นดีด้วย เนื่องจากท่านก็เอ็นดูมารีนมาตั้งแต่เจอหน้ากันเมื่อครั้งวัยเด็ก
“อยู่ดิ ของฟรีใครจะไม่ชอบ ขอบใจมึงมากนะไอ้วา ว่าแต่มึงล่ะพักอยู่ที่ไหน กูขอไปเที่ยวห้องมึงบ้างได้ปะ”
มารีนเอ่ยด้วยรอยยิ้มกริ่มราวกับแกล้งหนุ่มหล่อตรงหน้า ถึงจะสนิทกันตั้งแต่เด็ก ทว่าตอนนี้เธอก็ได้โตเป็นสาว แถมยังสวยมากด้วย เพื่อนชายคนนี้จะแอบหวั่นไหวกับคำพูดของเธอบ้างไหมนะ
“อยู่เพนท์เฮาส์ของพ่อ ส่วนมึงน่ะเป็นผู้หญิง มาขอเข้าห้องผู้ชายแบบนี้มันใช้ได้เหรอ อย่าลืมล่ะว่าคุณน้าปลาดาวส่งให้มาเรียน ไม่ได้ให้มาหาผัว”
“มึงคิดมากเองปะ กูไปเที่ยวห้องเพื่อนมันผิดตรงไหน เราสองคนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก หรือว่ามึงแอบคิดกับกูเกินเพื่อน”
“...”
วายุได้แต่ลอบถอนหายใจ เขาไม่เคยเถียงมารีนชนะเลยสักครั้ง จึงทำได้แค่เงียบ แล้วเธอก็จะเงียบตามถ้าเขาไม่โต้ตอบ เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ก็ถึงวัยเข้ามหาวิทยาลัยกันแล้ว แต่เขาก็มักจะเป็นฝ่ายยอมให้เธออยู่เรื่อยมา
เก้าเดือนต่อมาหลังเรียนจบวายุก็ได้ปรึกษาผู้เป็นพ่อและแม่เรื่องขอหมั้นหมายกับแฟนสาว ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างก็รับรู้ว่าทั้งคู่นั้นอยู่ด้วยกันมาแล้วประมาณสองปีกว่า ทว่ายังไม่ถึงวันรับปริญญาซึ่งก็คงอีกแรมปีกว่าสภาจะอนุมัติจบการศึกษา เขาจึงไม่อยากรอฤกษ์แต่งงานที่ยังไม่มีกำหนดพิธีหมั้นได้ถูกจัดขึ้นที่รีสอร์ตของครอบครัวหญิงสาว มีเพียงญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมาร่วมเป็นสักขีพยานรักและความซื่อตรงที่วายุมีให้ต่อมารีน ในงานหมั้นตลบอบอวนไปด้วยความอบอุ่น ทุกคนต่างมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าด้วยความยินดีแม้จะเป็นเพียงพิธีเล็ก ๆ ที่ฝ่ายชายอยากมอบความมั่นคงและอยากให้ทางฝ่ายหญิงเชื่อมั่นเชื่อใจ ว่าเขาจะมีเพียงเธอคนเดียวตลอดไป แต่ทว่ากลับเต็มไปด้วยความสุขของคู่หมั้นหมายและผู้มาร่วมงาน“ลูกชายของดิฉันใจร้อนอีกแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ เพิ่งจะเรียนจบกันได้ไม่ถึงอาทิตย์เลย”นับดาวเอ่ยขอโทษปลาดาวแม่ของว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงเอ็นดูเด็กทั้งสอง ริมฝีปากเผยรอยยิ้มขึ้นจ้องอีกฝ่ายที่ตอบรับงานนี้อย่างไม่ขัดข้อง“เด็กทั้งสองรักกัน ดิฉันก็ไม่ขัดหรอกค่ะ ลูก ๆ มีความสุข พวกเราก็มีความสุขไปด้วย” ปลาดาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มเช่น
ความรักที่เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนเลื่อนสถานะมาเป็นแฟนยังคงดำเนินมาอย่างราบรื่น ทั้งสองต่างเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่วัยเด็ก แม้จะเจอกันแค่ช่วงปิดเทอมแต่ก็สนิทกันมากจนกระทั่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ทำให้เข้าอกเข้าใจ ไม่ต้องปรับตัวกันมาก เพราะต่างก็รู้จักนิสัยใจคอกันดีอยู่แล้ว ที่เหลือก็แค่ปรับจูนในบางเรื่องให้มาอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง ก็ทำให้ความรักของวายุและมารีนนั้นหวานฉ่ำ จนหลายคนต่างก็พากันอิจฉาไม่ต่างจากวันแรกที่เปิดตัวคบกันและแม้จะคบกันในวัยเรียน ทว่าทั้งสองก็ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องเรียนไม่เป็นสองรองจากความรัก พอจบปีสามวายุก็ได้เข้าไปฝึกงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของผู้เป็นพ่อ ส่วนมารีนนั้นฝึกงานที่บริษัทซอฟต์แวร์แห่งหนึ่ง แต่ดีที่ว่าอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน วายุจึงไปส่งมารีนที่ทำงานและรอรับกลับพร้อมกันในช่วงเย็นจุ๊บ!หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถเฟอร์รารีคันโปรดของแฟนหนุ่ม ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายโน้มตัวเข้ามาคาดเข็มขัดให้อย่างทุกครั้ง และเธอก็จะมอบรอยลิปสติกไว้ที่แก้มของเขาเพื่อเป็นการขอบคุณเช่นเดียวกันมารีนเผยรอยยิ้มหวานส่งไปให้เขาด้วยแววตาที่เปล่งประกายไปด้วยความรัก ก่อนจะเอ่ย
เหล้าหมดลงทุกคนก็แยกย้ายกันกลับคอนโด โดยที่เมษาเดินทางกลับพร้อมเพื่อนสนิทอย่างมารีนและวายุและเมื่อคู่รักที่หลายคนต่างอิจฉาได้เข้าไปในห้อง วายุก็อุ้มร่างของแฟนสาวขึ้นคีบเอว บดจูบริมฝีปากของกันและกันอย่างดูดดื่ม ในขณะที่ขาของเขาก็ก้าวเดินเข้าไปในห้องนอน แล้วอุ้มเธอวางลงปลายเตียง มารีนก็เลื่อนมือเล็กไปปลดเข็มขัดของแฟนหนุ่มแล้วตามด้วยกางเกงยีนราคาแพงของเขาต่อแก่นกายขนาดใหญ่ผงาดอยู่ตรงหน้า เธอก็ใช้ปากครอบครองพร้อมกับมือที่จับรูดขึ้นลง วายุเลื่อนมือไปสอดใต้กลุ่มผมของแฟนสาวสุดที่รัก เชิดหน้าสูดปากคราง และพอเธอทำให้น้ำสีขาวขุ่นไหลเยิ้มออกมาที่ปลายหัวบาน ก็ถึงคราวที่วายุจะปรนเปรอความสุขให้เธอบ้างหลังจากผลัดกันมอบความสุขให้กันด้วยปาก หญิงสาวก็นอนราบกับพื้นที่นอน เพื่อให้แฟนหนุ่มส่งตัวตนความเป็นชายเข้ามาในร่องอ่อนนุ่มโดยไร้เครื่องป้องกันอย่างที่เธอชอบ ออกแรงกระแทกร่องสาวของเธออย่างหนักหน่วง จากนั้นก็ผลัดเปลี่ยนให้เธอขึ้นไปนั่งขย่มอยู่ด้านบนเสียงครวญครางดังลั่นห้องนอน ไม่ต่างจากเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังเป็นเวลานานนับชั่วโมง ก็แตะขอบสวรรค์กันอีกคราปลดปล่อยน้ำแห่งความสุขจนเปรอะเปื้อนหว่างขาและ
ช่วงบ่ายของวันนี้ได้มีการออกหมายเรียกให้โยเกิร์ตเข้าพบตำรวจ หลังจากสอบปากคำโยเกิร์ตได้แต่โยนความผิดไปให้พี่สายรหัสของวายุ“ฉันไม่ได้เป็นคนทำ ฉันถูกใส่ร้าย นังกอหญ้าต่างหากที่เป็นคนจ้างตัดต่อคลิป ฉันมีหลักฐานที่มันโอนเงินให้ไอ้หมอนั่นด้วย”“นี่น่ะเหรอหลักฐานที่คุณว่า”ตำรวจนายหนึ่งปริ้นรูปภาพข้อความที่ทั้งสองคนคุยกัน เนื่องจากโทรศัพท์ของโยเกิร์ตได้ถูกยึดเป็นของกลางเพื่อตรวจสอบ เลื่อนไปวางตรงหน้านักศึกษาสาวที่ใส่เสื้อคลุมเพื่อปกปิดสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย“เห็นได้ชัดว่าคุณหลอกให้อีกฝ่ายโอนเงินไปให้กับบัญชีนั้น ซึ่งทางเราได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นบัญชีของลูกจ้างร้านซ่อมโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้กำลังออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวน”โยเกิร์ตเริ่มนั่งไม่ติด ดวงตาของเธอเลิ่กลั่กไม่กล้าสบตานายตำรวจ มือทั้งสองข้างที่อยู่ใต้โต๊ะบีบเข้าหากันแน่น แต่พอนึกย้อนไปถึงวันว่าจ้าง เธอได้ปกปิดใบหน้าไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีทางที่ลูกจ้างคนนั้นจะจำได้ว่าเป็นเธอแน่แต่ทว่าเธอกลับคิดผิด หลังจากเจ้าพนักงานสืบสวนได้มีการเรียกสอบปากคำทั้งกอหญ้าและคนตัดต่อคลิป ก็ได้ข้อสรุปว่ากอหญ้าเป็นเพียงบุคคลที่โยเกิร์ตจะใช้เป็นแพะรับบา
นาฬิกาปลุกของเช้าวันใหม่ดังขึ้น เนื่องจากวันนี้มารีนมีเรียนในช่วงเก้าโมง ทำให้ทั้งสองสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกันหลังจากทั้งสองจบบทรักกันเมื่อคืน วายุก็แต่งตัวแล้วลงไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าของเขา พอกลับขึ้นมาก็อาบน้ำแล้วเข้านอนด้วยกัน“ที่รักจะอาบก่อนไหม” มารีนเอ่ย“อือ อาบเสร็จเดี๋ยวลงไปซื้อข้าวให้”“วานี่น่ารักที่สุดเลย”สาวสวยส่งน้ำเสียงออดอ้อนแต่เช้า ทำเอาคนฟังอยากจับแฟนสาวกดลงเตียงอีกสักรอบ แต่ก็ต้องอดใจไว้ เพราะแค่สองคืนแรกน้องสาวของเธอก็แทบไม่ได้พักแล้วเขาอาบน้ำเสร็จ มารีนก็เข้าไปอาบน้ำต่อ วายุจึงลงไปซื้อมื้อเช้าที่ร้านหน้าคอนโด หลังจากกลับมาแฟนสาวก็แต่งตัวเสร็จพอดี เหลือแค่รอแต่งหน้า“จะแต่งสวยไปไหน”เสียงทุ้มเอ่ยขณะเข้าไปยืนอยู่ด้านหลังคนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เขานำอาหารที่ซื้อมาเทใส่จานเสร็จแล้ว แต่มารีนก็ยังแต่งหน้าไม่เสร็จ“ไปเรียนไง ก็แต่งแบบนี้ทุกวันอยู่แล้วปะ ทำไมวันนี้หึงเหรอ”“อืม หึง อย่าลืมล่ะว่าเธอเป็นของฉันแล้ว” เขาว่าพลางเลื่อนมือไปเชยปลายคางของแฟนสาวให้หันมาสบตากัน“แค่รอตอกบนเตียงก็พอ ไม่ต้องมาตอกย้ำ ยังไงมารีนก็เป็นของวายุแค่คนเดียว คิกคิก”หญิงสาวส่งเสียงหั
ใบหน้าของหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นในทันที แล้วเขาก็จับเธอลุกขึ้นยืน ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างปิดดวงตาของเธอไว้ราวกับกำลังจะเซอร์ไพรส์อะไรบางอย่าง วายุพาแฟนสาวเดินไปที่โต๊ะข้างหัวเตียง แล้วผละมือหนาออกไปข้างหนึ่ง ทว่าแม้ดวงตาทั้งสองข้างจะถูกปิด แต่หูของเธอก็ได้ยินเสียงคล้ายกับเลื่อนลิ้นชัก“สุขสันต์วันเกิด”เสียงละมุนดังขึ้นทำให้หญิงสาวจับมืออีกข้างของเจ้าของน้ำเสียงที่ปิดตาของเธอออก แล้วหมุนตัวกลับมาหาคนตัวสูงที่มองเธอด้วยแววตาอ่อนโยน ในมือมีกล่องสี่เหลี่ยมผูกด้วยริบบิ้นสีแดงยื่นออกมาด้านหน้า“จำวันเกิดได้ด้วยเหรอ”“จำได้สิ เสียดายที่ไม่มีเค้ก”“ขอบคุณนะ ไม่มีก็ไม่เป็นไร แค่จำวันเกิดฉันได้ ฉันก็ดีใจแล้ว”วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ เดิมทีคิดจะชวนพวกเพื่อนไปกินเลี้ยงกันเสียหน่อย ทว่าดันเกิดเรื่องคลิปหลุดขึ้นมาก่อนเธอจึงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ และไม่คิดว่าวายุจะจำวันเกิดของเธอได้ แถมยังแอบเตรียมของขวัญเอาไว้ได้อย่างแนบเนียนมากหญิงสาวยื่นมือออกไปรับกล่องของขวัญด้วยรอยยิ้มอันปลาบปลื้ม ก่อนจะนั่งลงบนเตียงแล้วแกะออกมาดูว่าเขาซื้ออะไรให้ แล้วพบว่าเป็นนาฬิกาแบรนด์หรูจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งราคานั้นก็







