"พวกเราได้ภาพคนร้ายมาจากกล้องวงจรปิดน่ะครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งตอบ
"เป็นไปไม่ได้ คุณเทียนบอกผมมาแล้วว่ากล้องวงจรปิดที่ร้านมันเสียแล้วแบบนี้พวกคุณจะไปเอามาได้ยังไง" พายุพูด "พวกผมก็ไปเอามาจากบ้านของคนในระแวกไงครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งตอบ "ใช่ครับ กล้องที่ร้านเสียพวกเราเลยไปไล่ขอคลิปจากกล้องวงจรปิดจากชาวบ้านแถวนี้แทนแล้วก็ให้ค่าตอบแทนพวกเขาไปนิดหน่อย ลองเอาภาพจากกล้องวงจรปิดของทุกบ้านมารวมกันก็พบเห็นชายต้องสงสัยที่ใส่ชุดดำทั้งตัวเดินออกมาจากทางร้าน Happy Time ช่วงเวลาประมาณตี 3 กว่าๆ จากนั้นเขาก็เดินเอาถุงอะไรบ้างอย่างไปทิ้งที่หน้าตึกร้างที่อยู่ห่างไปอีก 3 ซอยพอพวกเราไปตรวจสอบดูก็พบว่าในนั้นมีอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับพ่นสี ถุงมือ มีดและกระป๋องสเปรย์อีกจำนวนมากเลยครับอุปกรณ์" บอดี้การ์ดคนที่สองตอบ หน้าของพายุดูอึ้งไปทันทีเขาไม่คิดว่าทุกคนจะฉลาดกันขนาดนี้เพราะตัวเขาเองคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ถ้าสองคนนี้ไม่พบหลักฐานอะไรป่านนี้เขาก็ยังคงเดินไล่ถามชาวบ้านต่อไปเรื่อยๆ จนหมดวันแน่ "เหรอ~ แล้วรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร" พายุถาม "หลังจากนั้นก็เบาะแสก็ขาดหายไปครับกระทั่งพวกเราสอบถามไปเรื่อยๆ จนถึงหอพักแห่งนึงหลังโรงงานเซรามิก ยามหน้าประตูเขาบอกว่าเมื่อคืนนี้มีคนออกจากห้องพักช่วงเที่ยงคืนจริงแต่มันก็เป็นปกติเพราะตอนนั้นก็มีพนักงานโรงงานที่เปลี่ยนกะแล้วกลับมาที่ห้องพักด้วยแต่คนที่ออกช่วงเวลานั้นแล้วกลับมาในเวลาตี 3 ถึงตี 4 มีแค่คนเดียวคือเจ้าของห้อง 408 แต่ว่าตอนที่พวกเราไปสอบถามเขาไม่่ได้อยู่ที่ห้องเพราะออกไปทำงานแต่เช้าแล้วครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งตอบ "รู้ตัวตนของมันหรือยัง" พายุถาม "รู้แล้วครับ เขาชื่อ ดนัย อายุ 21 ปีออกจากที่ทำงานเดิมเพราะเสพยาเสพติดจนทะเลาะกันเพื่อนร่วมงานเพิ่งจะย้ายมาทำงานที่โรงงานเซรามิกแห่งนี้ได้ไม่กี่เดือนเอง" บอดี้การ์ดคนที่สองตอบพร้อมกับยื่นภาพของบุคคลนั้นในโทรศัพท์ให้พายุดู พายุรู้สึกอึ้งเข้าไปใหญ่เพราะทุกคนทำงานกันเร็วมาก (นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าคนมีประสบการณ์) "พวกคุณนี่ทำงานเก่งกันจริงๆ เลย" พายุเอ่ยชมพร้อมกับยิ้มแหยๆ ออกมา "เขาจะเลิกงานช่วง 4 โมงเย็นไปดักรอกันดีไหมครับ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งถาม "ฮะ! อ๋อ~ไปสิ ทำไมจะไม่ไปล่ะ" พายุตอบแล้วเดินนำทั้งสองคนออกไป "คุณพายุครับ" บอดี้การ์ดคนที่สองเรียก "อะไร" พายุตอบแล้วหันกลับมา "ทางนี้ครับ" บอดี้การ์ดคนที่สองตอบแล้วชี้ไปอีกทางนึง "ผะ ผมรู้แล้วแค่จะไปซื้อน้ำตรงนั้นเฉยๆ" พายุตอบแล้วก็ชี้ไปที่ร้านโชว์ห่วยข้างหน้า "แล้วทำไมไม่ซื้อร้านนี้ว่ะ" บอดี้การ์ดคนที่หนึ่งหันมาถามเพื่อนที่มาด้วยกันด้วยความสงสัยเพราะตอนที่พวกเขาคุยกันก็ยืนคุยกันหน้าร้านค้าอยู่แล้ว ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ "ต้องใช้เวลาประมาณกี่วันครับ" ปูนปั้นถามกับทีมช่างที่กำลังตรวจสอบสภาพร้านอยู่เพราะมันไม่ได้้มีแค่สีสเปรย์ที่พ่นแต่ยังมีรอยมีดขีดข่วนและแทงจนเป็นรูอยู่หลายแห่ง "น่าจะประมาณสัก 3 วันนะครับ" ผู้รับเหมาตอบ " 3 วันเลยเหรอครับ" ปูนปั้นถาม เทียนหันไปไปดูปฏิกิริยาของปูนปั้นที่ดูมีความกังวลใจเป็นอยากมาก "ใช่ครับ" ผู้รับเหมาตอบ "ผมต้องการให้มันเสร็จภายในวันนี้" เทียนพูด ปูนปั้นรีบหันไปจับแขนเทียนไว้ทันทีเพราะน้ำเสียงของเขามันดูแข็งและห้วนไปหน่อยกลัวว่าจะทำให้ผู้รับเหมาไม่พอใจ "ลุง~" ปูนปั้นกระซิบเรียกเทียนเบาๆ "คงไม่ได้หรอกครับ งานหยาบขนาดนี้แถมคนของเราก็มีอยู่แค่นี้อย่างต่ำก็น่าจะประมาณสัก 3 วันครับ" ผู้รับเหมาพูด "ผมไม่สนว่าคุณจะใช้วิธีไหน คุณจะเรียกคนมาเพิ่มหรือทำงานให้หนักขึ้นมันก็เรื่องของคุณแต่ผมต้องการให้มันเสร็จภายในวันนี้เท่านั้น" เทียนตอบ ผู้รับเหมาไล่มองตั้งแต่เท้าจยถึงหัวของเทียนก่อนจะยิ้มออกมาที่มุมปาก "ได้ แต่ว่าถ้าต้องการงานเร่งงานด่วนราคาที่ตกลงเกรงว่าจะไม่ได้แล้ว" ผู้รับเหมาพูด "ผมให้ 3 เท่าเลยถ้าคุณทำเสร็จภายในวันเดียว" เทียนตอบ ปูนปั้นตกใจรีบดึงกอดแขนเทียนเอาไว้ "ลุง~บ้าไปแล้วเหรอ ผมจะไปเอาเงินจากไหนมาจ่ายให้เขาเล่า" ปูนปั้นพูด "ฉันจ่ายเอง" เทียนหันมากระซิบตอบเขา "เอ่อ~ผมขอเวลาแป๊ปนึงนะครับ" ปูนปั้นหันไปบอกกับผู้รับเหมาแล้วดึงเทียนเข้าไปในร้า น"เข้ามาสิ" ปูนปั้นพูดเพราะเทียนทำตัวแข็งไม่ยอม "ทำให้เสร็จนะ" เทียนตะโกนบอกกับผู้รับเหมาก่อนจะตามแรงกระชากจากปูนปั้นไป ทันทีที่เข้ามาในร้านปูรปั้นก็สลัดแขนเทียนทิ้งทันที "ลุงทำอะไรเนี่ย" ปูนปั้นถามด้วยความหงุดหงิด "ก็ช่วยนายไง" เทียนตอบ "ช่วยอะไร" ปูนปั้นถามแล้วมองหน้าเทียนด้วยความไม่พอใจ "ลุงอยากช่วยผมทั้งที่ลุงไม่ถามความเห็นผมสักคำเนี่ยนะ.......ผมไม่ได้มีเงินเป็นถุงเป็นถังแบบลุงนะเว้ย!" ปูนปั้นพูดใส่เทียนเสียงดังจนเขานิ่งไป "นี่มันเรื่องของผม ร้านของผมลุงจะมายุ่งอะไรด้วยอ่ะ ลุงเป็นใครเหรอ...ฮะ!" เมื่อเห็นว่าเทียนไม่ตอบอะไรปูนปั้นก็ยิ่งได้ใจใส่อารมณ์ใส่เขาเขาไปใหญ่ "ฉันเห็นนายเครียด นายกังวลใจ นายไม่โอเคที่ร้านเปิดไม่ได้ ฉันเลยพยายามช่วยอยู่นี่ไง" เทียนยังพูดไม่ทันจบปูนปั้นก็พูดแทรกขึ้นมาเสียงดัง "แต่ผมไม่ได้--" "และฉันไม่สนว่านายจะคิดยังไง ฉันแค่ไม่อยากเห็นนายต้องรู้สึกแบบนั้นอีกก็เลยเสนอหน้าเข้ามาทั้งที่นายไม่ได้ต้องการ...ขอโทษนะที่ฉันมันเสือกมากเกินไปหน่อย" เทียนพูดตัดพ้อใส่ปูนปั้นด้วยความรู้สึกน้อยใจก่อนที่เขาจะเดินออกจากร้านไป "ลุง~ ลุงเดี๋ยวก่อน" ขนาดปูนปั้นเรียกเขาไว้เขาก็ยังไม่สนใจ เทียนเดินออกไปหยุดคุยอยู่กับผู้รับเหมาแป๊ปนึงแล้วหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมา พอคุยกันผู้รับเหมาจบเทียนก็ขับรถออกจากร้านไปเลย ตอนนี้ในใจปูนปั้นรู้สึกผิดมากเขารู้ดีว่าที่เทียนทำก็เพื่อช่วยเขาแต่ตอนนั้นเป็นเพราะเทียนทำอะไรโดยไม่บอกเขาก่อนมันก็เลยทำให้เขารู้สึกโมโหจนเผลอใส่อารมณ์กับเทียนออกไป "เฮ่อ~" ปูนปั้นถอนหายใจแล้วทิ้งตัวลงนั่งด้วยความรู้สึกเหนื่อยไปหมดทั้งตัวและใจ หลังจากนั่งพักอยู่ในร้านสัก 10 นาทีปูนปั้นก็ปั้นหน้ายิ้มแล้วเดินออกมาเพื่อจะคุยกับผู้รับเหมาใหม่ "ขอโทษนะครับ" ปูนปั้นเรียก "ครับ" ผู้รับเหมาตอบ "คือเมื่อกี้ที่เขาพูดไม่ดีใส่ผมต้องขอโทษแทนเขาด้วยนะครับ" ปูนปั้นพูดเพราะคิดว่าตอนที่ออกมาจากร้านเทียนต้องพูดอะไรที่ทำให้ผู้รับเหมาลำบากใจอีกแน่ๆ ก็เลยอยากจะขอโทษเขาไว้ก่อน "ลูกผู้ชายคุยกันแค่นี้ไม่เป็นไรเลยครับ" ผู้รับเหมาตอบ "ส่วนเรื่องงานผม~" "อ่อ! คุณปูนปั้นไม่ต้องห่วงเลยนะครับรับรองวันนี้ทุกอย่างจะเรียบร้อยอย่างแน่นอนครับ พรุ่งนี้คุณปูนปั้นก็เตรียมเปิดร้านได้เลย" ผู้รับเหมาตอบออกมาก่อนที่ปูนปั้นจะพูดจบซะอีก "ครับ เอาจริงๆ ถ้ามันจำเป็นต้องใช้เวลาถึง 3 วันผมก็ไม่มีปัญหานะครับแต่ไม่ต้องห่วงครับยังไงผมก็จะให้เงิน 3 เท่าตามที่ผู้ชายคนเมื่อกี้บอกแน่นอน" ปูนปั้นพูด เทียนบอกไปแล้วว่าจะจ่ายให้ผู้รับเหมา 3 เท่าดังนั้นต่อให้งานไม่เสร็จเขาก็จะจ่าย 3 เท่าตามที่เทียนบอกเพราะเรื่องแบบนี้ไม่สามารถเอามาล้อเล่นได้ เราเสนอราคาไปแล้วผู้รับเหมาก็โอเคแล้วถ้างานเสร็จแล้วเราจะจ่ายอีกราคาก็คงไม่เหมาะสม ดีไม่ดีอาจมีปัญหาตามมาทีหลังก็ได้ "แต่ว่าคนเมื่อกี้เขาจ่ายเงินให้ผมแล้วนะครับ" ผู้รับเหมาตอบ "อะไรนะครับ" ปูนปั้นถามด้วยความตกใจ "ก็ผู้ชายคนเมื่อกี้เขาบอกว่าจะโอนจ่ายให้ผมผมก็เลยให้เลขบัญชีเขาไปแล้ว ตอนแรกก็คิดว่าคงรอให้เสร็จงานก่อนเขาถึงจะโอนมาแต่ว่าพอเขาเดินออกไปไม่กี่นาทีเงินก็เข้ามาผมมาแล้วครับ" ผู้รับเหมาตอบ "เขาจ่ายไปเท่าไหร่ครับ" ปูนปั้นถาม " 3 เท่าครับ" ผู้รับเหมาตอบ ปูนปั้นถึงกับช็อคไปเลย ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ ปูนปั้น Part ผมตกใจมากที่รู้ว่าลุงเขาจ่ายค่าซ่อมบำรุงให้ผมหมดแล้วทั้งที่เมื่อกี้เขาดูจะโกรธผมมากแท้ๆ แต่ทำไมถึงยังช่วยผมอีกล่ะ เขาทำแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดนะ "ปูนปั้น" จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกผม "อ้าว~พี่หมิง" ผมตอบแล้วเดินเข้าไปหาพี่หมิงที่ทำหน้างงๆ อยู่ "นี่มันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ" หมิงถาม "ผมก็ไม่รู้ครับ เมื่อวานพอมาถึงร้านก็เป็นสภาพนี้แล้ว" ปูนปั้นตอบ "ไม่มีใครเป็นอะไรใช่ไหม" หมิงถาม "ไม่มีครับ" ผมตอบ "งั้นวันนี้พวกเราจะไม่เปิดร้านใช่ครับ" หมิงถาม "คงเปิดไม่ได้จริงๆ ครับพี่หมิง" ผมตอบ "เราโอเคนะ" พี่หมิงถาม สีหน้าของเขาดูเป็นห่วงผมมากผมเลยพยายามยิ้มและแสดงความสดใสของตัวเองออกมาเพื่อให้เขาสบายใจ "โอเคสิครับ แค่นี้เอง...ชิล~" ผมตอบ เอี๊ยดดดด! จู่ๆ ก็มีรถเก๋งสีดำเข้ามามาจอกข้างผมกับพี่หมิงอย่างเร็วจนพวกเราสองคนตกใจรีบถอยหนี "ขับรถอะไรว่ะเนี่ย" พี่หมิงพูด กระจกรถตรงที่นั่งด้านหลังค่อยๆ ลดลงช้าๆ พร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มของใครคนนึง "สวัสดีครับคุณหมิง~ ผมไม่รู้มาก่อนเลยนะครับว่าวันนี้คุณหมิงจะมาที่นี่ด้วย" เสียงเจ้ยแจ่วของเด็กหนุ่มคนนึงที่เอ่ยถามพี่หมิงอย่างเป็นกันเอง "พายุ" พี่หมิงอุทานเรียกคนตรงหน้าอย่างประหลาดใจ "คุณหมิงมาหาคุณเทียนใช่ไหมครับ" พายุถาม "เทียนอยู่ที่นี่เหรอ" พี่หมิงถามแล้วหัรกลับเข้าไปมองในร้านเพื่อเช็คดู ผมมองทั้งคู่คุยกันอย่างงงๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครแล้วเขามาที่ร้านทำไม "เดี๋ยวนะครับ~ คือตรงนี้เป็นหน้าร้านและพวกเราก็กำลังทำงานกันอยู่...มันไม่สะดวกให้จอดน่ะครับ" ผมพูด "อ๋อ~" พายุตอบแล้วก็เปิดประตูลงมาจากรถพร้อมกับลากผู้ชายคนนึงที่ถูกมัดมือและคลุมผ้าสีดำไว้ลงมาด้วย ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้ผมตกใจไปใหญ่ ผมหันไปมองหน้าพี่หมิงซึ่งเขาเองก็ตกใจไม่แพ้ผมเลย "ผมเอาคนร้ายมาส่งครับ" พายุตอบ "ฮะ!" ผมกับพี่หมิงอุทานออกมาพร้อมกัน พี่เงยหน้าขึ้นมามองรอบๆ ก็เห็นว่ากลุ่มช่างที่จ้างมากำลังให้ความสนใจกับพวกเราอยู่ เขาเลยเดินเข้าไปหาพายุแล้วดันพวกเขาสองเข้าไปในร้านด้วยความรวดเร็ว ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนดูอยู่ งงๆ ก่อนจะรีบตามพวกเขาเขาไปในร้านแล้วล็อคประตูอย่างดี17:45 น.ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์) ปูนปั้นใช้มือเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มากดรับสายทั้งที่ยังไม่ลืมตา"ฮัลโหลลล~""ทำไมเสียงเป็นงั้นอ่ะนี่ยังไม่ตื่นอีกเหรอปูน คนอื่นเขามารวมตัวกันแล้วนะ" เอมม่าพูด"ตื่นแล้ว" "เสียงยังงัวเงียอยู่เลย เนี่ยพี่ให้ทางรีสอร์ทเขาจัดโต๊ะให้หน้าหาดแล้วกำลังจะตั้งเตาเลย รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมากินด้วยกันนะ" "รู้แล้ววว เดี๋ยวตายไปนะ""เร็ว ๆ เข้าล่ะ ช้าหมดอดกินนะ" "คร้าบบบ" ปูนปั้นลุกจากเตียงทั้งที่ยังคงง่วงอยู่เพราะก่อนหน้านี้เขาทานยาแก้เมาเรือไป เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูและขอใช้เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำจากนั้นก็ออกมาใส่เสื้อผ้าด้านนอก เขาหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสั้นสีขาวมาใส่จากนั้นก็ประทินผิวฉีดน้ำหอมนิดหน่อยก็พร้อมออกไปเจอกับทุกคนแล้ว บรรยากาศตอนเย็นเงียบสงบต่างจากตอนกลางวันมากและช่วงดีที่รีสอร์ทมีพื้นที่หน้าหาดเป็นของตัวเองมันเลยพื้นความเป็นส่วนตัวได้เป็นพิเศษ ปูนปั้นก้าวเท้าออกจากบ้านพักเสียงคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่งดังแผ่ว ๆ ท่ามกลางความมืดมิดของยามค่ำคืน มีเพียงแสงจันทร์สลัว ๆ ที่ส่องนำทางให้เขาเดินไปตามหาดทรายขาวนุ่มเท้าในใจได้แต่คิดว่าถ้ามีเทียนอยู่ท
14 กุมภาพันธ์บรรยากาศการเดินทางไปเกาะราชาช่างเป็นภาพที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะของเหล่าพนักงานของร้าน Happy Time แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้มาครบทุกคนเพราะบางคนอยากใช้เวลากับคนรักของตนแต่บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วดังตลอดทาง บ้างก็พากันชี้นกชี้ไม้เอ่ยชมความงามของท้องทะเลไม่ขาดปาก ความใสของน้ำทะเลที่ไล่เฉดสีฟ้าครามและเขียวมรกตเหมาะกับการถ่ายรูปเก็บไว้มาก ๆ เมื่อมาถึงเกาะทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำกิจกรรมที่ตัวเองอยากทำแล้วนั่งรวมตัวกันอีกทีช่วงเย็นเพื่อไปทานอาหารด้วยกันส่วนปูนปั้นขอแยกกับไปนอนพักก่อนเพราะเขาบอกกับทุกคนว่ารู้สึกเมาเรือตอนแรกเอมม่าก็ว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อแต่เขาก็ปฏิเสธเพราะไมาอยสกให้พี่สาวหมดสนุก ปูนพักเดินเข้ามาในห้องพักด้วยความรู้สึกเหงา เปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเห็นรูปตัวเองกับเทียนที่ตั้งอยู่บนหน้าจอก็ยิ่งทำให้คิดถึงเข้าไปใหญ่ ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์เข้า)ปูนปั้นยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่าเทียนวิดีโอคอลมาหาเขา เขารีบกดรับด้วยความดีใจ ภาพขอเทียนที่อยู่ในชุดสูทสีดำ background ด้านหลังเป็นห้องสีขาวและชั้นเอกสารมากมาย
กุ๊กไก่และธูปเดินเที่ยวภายในงานอย่างตื่นเต้น พวกเขาพากันแวะซื้อของอร่อยกินนตลอด ผลัดกันป้อนไปมาจนตอนพุงกางกันไปแล้ว "ไม่เคยมาเลยอ่ะ ตอนแรกนึกว่าจะเงียบไม่คึกครื้นแบบในกรุงเทพแต่ที่ไหนได้คนเยอะแยะไปหมดเลย ของกินก็อร่อยมากด้วย" กุ๊กไก่มองไปรอบ ๆ งานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม"ผมถึงได้บอกไงว่าพี่ควรออกจากกรุงเทพมาเที่ยวที่อื่นบ้าง จะได้รู้ว่าที่ประเทศไทยอ่ะไม่ได้มีดีแค่ในกรุงเทพนะ" "จ้า รู้แล้วจ้าพ่อคูณณณ~" สีหน้าติดรำคาญของกุ๊กไก่เป็นสิ่งที่ธูปได้เห็นเป็นประจำทุกวันแต่เขากลับไม่เคยรู้สึกไม่โอเคเลยกลับกันเขาดันรู้สึกชอบมันด้วยซ้ำเพราะมันทำให้กุ๊กไก่ดูน่ารักขึ้นมากต่างจากตอนทำงานที่เขามันจะชอบทำหน้าบึ้งตึงเหมือนไร้อารมณ์จนดูน่ากลัวอยู่ตลอดเวลา นี่ถ้าไม่ได้มาลองสัมผัสกับตัวเองเขาคงไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคนอย่างกุ๊กไก่จะมีมุมน่ารัก ๆ แบบนี้ด้วยเหมือนกัน "เฮ้ย! เสื้อผ้าร้านนู้นสวยมากเลยอ่ะ ไปดูกันไหม" กุ๊กไก่ชี้ไปที่ร้านเสื้อม่อฮ่อม"เอาสิ" กุ๊กไก่เดินนำธูปไปที่ร้านเสื้อผ้า"สวัสดีเจ้า บะฮู้ว่าลูกค้าเป๋นตี้สนใจ๋ชุดไหนเจ้า" แม่ค้าสอบถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะมาก ๆ"อันนี้คือชุดม่อฮ่อมใช่ไหมครับ" กุ
มาถึงห้องพักทั้งคู่ก็รีบอาบน้ำชำระร่างกายแล้วขึ้นนอนบนเตียงพักผ่อนจากความเหนื่อยล้ากันอย่างจริงจัง รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ดึกมาแล้ว ธูปค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาเพราะรู้สึกเหมือนมีคนกำลังทำอะไรกับร่างกายเขาอยู่และภาพตรงหน้าที่เขาเห็นก็คือกุ๊กไก่กำลังทายาและนวดขาให้เขา"พี่ทำอะไรอ่ะ" "ตื่นแล้วเหรอ""อืม""ฉันเห็นนายเดินมาตั้งไกลแถมยังแบกของหนัก ๆ อีกด้วยเลยคิดว่านายคงปวดร้าวไปทั้งตัว""พี่เองก็เดินมาไกลเท่ากับผมนั้นแหละ""แต่ฉันก็ยังสบายกว่านายเยอะ...ทายาเสร็จแล้วก็ไปล้างหน้าเถอะ ฉันสั่งข้าวเอาไว้ให้แล้วจะได้มากินพร้อมกัน" กุ๊กไก่ตอบแล้วก็ลุกออกไป ธูปสังเกตเห็นสีหน้าของกุ๊กไก่แปลกไปไม่ค่อยสดใสร่าเริงเลยรู้สึกเป็นห่วง"ไม่สบายหรือเปล่า" กุ๊กไก่ส่ายหัวตอบแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้ว ธูปไม่ถามอะไรมากเขาลุกไปล้างหน้าแล้วมานั่งที่โต๊ะเพื่อทานอาหารพร้อมกันกับกุ๊กไก่"อร่อยนะเนี่ย" ธูปพูดเสียงแจ๋วแต่กุ๊กไก่กลับไม่ตอบอะไรเลย เขาก้มหน้าก้มตาทานข้าวของตัวเองอย่างเงียบ ๆ จนธูปไม่สบายใจ เขาวางช้อนลงแล้วมองไปที่กุ๊กไป่ชัด ๆ"พี่เป็นอะไร""เปล่า""เปล่าแล้วทำไมไม่คุยกับผม""ฉันแค่เหนื่อยเฉย ๆ""งั
ธูปกับกุ๊กไก่นั่งกันอยู่คนละฝั่ง ซึ่งระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกันกุ๊กไก่ยังคงทำหน้าบูดบึ้งไม่คุยกับธูปสักคำส่วนธูปก็เอาแต่จ้องเขาเหมือนอยากจะชวนคุยแต่ก็ไม่กล้า "เลิกจ้องฉันสักทีได้ป่ะ" กุ๊กไก่ทนไม่ไหวหันมาดุธูป "นี่พี่โกรธผมเหรอ" "ฉันไม่ได้โกรธ" "เห็นอยู่ว่าโกรธ" กุ๊กไก่ถอนหายใจแล้วกอดอกหันหน้าไปมองทางวิวทางด้านนอกแทน "ผมขอโทษ...ผมไม่ได้อยากให้เราทะเลาะกันจริง ๆ แต่ที่ผมพูดแบบนั้นก็เพราะว่า-" "เพราะว่านายเบื่อที่ฉันเรื่องมากและก็ขี้งกใช่ไหมล่ะ...ขอโทษนะที่ฉันทำให้ทริปของนายมันพังแบบเนี่ย" "ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ผมแค่อยากให้เราได้มาถึงที่พักไว ๆ จะได้พักผ่อนแล้วก็หาอะไรอร่อย ๆ กินกัน ตั้งแต่เช้าพวกเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลยแถมตอนที่พวกเราเดินหารถมันก็ร้อนมาก ๆ ผมเห็นเหงื่อพี่แตกเต็มตัวไปหมดเกินพี่เป็นลมขึ้นมาผมคงรู้สึกผิดที่พาพี่มาลำบากแบบนี้" น้ำเสียงที่ฟังดูเสียใจของธูปทำให้กุ๊กไก่เย็นลงทันที เขาหันกลับมาหาธูปมองดูใบหน้าที่กำลังฉายแววเศร้าอยู่ "ช่างมันเถอะ ฉันเอง...ฉันเองก็เรื่องมากจริง ๆ นั่นแหละ" "ผมรู้นะว่าพี่ไม่ได้เรื่องมากหรอกแต่พี่แค่เกรงใจผม พี่กลัวว่าผมจะต้องจ
ปูนปั้นตื่นขึ้นมาหลังได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่ตัวเองตั้งไว้ก่อนนอนเพราะกลัวว่าจะลุกไม่ทันนัดของดาริน เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาปิดเสียงกลัวมันจะดังรบกวนเทียน เขามองดูเทียนที่นอนถอดเสื้อแล้วก้มลงไปจุ๊บที่แก้มของเขาจากนั้นก็ลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำเตรียมตัวแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขอลงจากเตียงเทียนก็ดึงเขาลงมากอดไว้ในอกซะแล้ว"แกล้งหลับเหรอ" "เปล่าซะหน่อยแต่พอดีมีคนมาขโมยจุ๊บเลยตื่น""ตื่นแล้วก็ปล่อยผมต้องไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำบุญกับแม่อีก""ไปตั้ง 7 โมงค่อยอาบก็ได้หรอก""ไม่ได้เดี๋ยวไม่ทัน""ก็พี่อยากกอดหนูหนิหน่า" "พอเลย! จะมาอยากกอดอะไร" ปูนปั้นว่าแล้วเอามือไปจับที่เป้าของเทียน"เนี่ย! แข็งแต่เช้าเลยไม่ต้องมาอ้างว่าอยากกอดหรอก""เอ้า~ อ้างที่ไหนก็พี่อยากจริง ๆ""พอ ๆ ๆ ปล่อยเลยจะไปอาบน้ำ" ปูนปั้นว่าแล้วแกะมือของเทียนออกจากตัวเองจากนั้นก็ลุกขึ้นออกจากเตียง"นอนไปเลยแล้วก็เก็บกระเป๋าผมไปใส่รถด้วยหลังจากทำบุญเสร็จจะได้กลับคอนโดกัน""สั่งเป็นแม่เลยนะ รู้เปล่าทุกคนที่นี่ไม่มีใครกล้าออกคำสั่งพี่เลยนะ""ก็ลองดู! ถ้าผมกลับมาแล้วลุงยังไม่จัดการให้เสร็จวันนี้ก็เตรียมกลับไปส่งผมที่บ้านได้เลย""โห่~ ดุจ